ผู้เขียน หัวข้อ: // หลุดคันจริง Nissan KICKS e-Power ไทยที่แรกของโลก เดือน พ.ค.นี้ ไม่ข้ามล้าน //  (อ่าน 23356 ครั้ง)

ออฟไลน์ Smith686

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,839
    • อีเมล์
Re: // หลุดคันจริง Nissan KICKS e-Power
« ตอบกลับ #30 เมื่อ: เมษายน 11, 2020, 00:20:03 »
ถ้าสมรรถนะออกมา สัก 25 กม./ลิตร อัตราเร่ง 0-100 ได้สัก 8 วินาที ราคา 8-9 แสน ผมคงซื้อให้ภรรยาขับแน่เลยครับ

เนื่องจากมอเตอร์ KICKS e-Power แรงกว่า Note e-Power ราว 29% ครับ
อ้างอิง http://www.headlightmag.com/first-impression-review-nissan-note-e-power-japan

ราคา 8-9 แสนกับ 0-100 ได้สัก 8 วินาที   

ไม่มีทางเป็นไปได้ครับ Benz, BMW  จะได้อัตราเร่งเท่านี้ ยังต้องราคา 2 ล้านเลย  นี่ค่าย Nissan นะครับ  ถ้าราคานี้ สมรรถนะแบบนี้ ecocar เจ๊งหมดครับ  ตื่นๆ ครับ

Serena e-Power 0-100 8.5 วิ Kicks ก็ไม่น่าจะหนีกันเท่าไหร่นะครับ



      Honda Civic 1.5 Turbo   0-100 เวลา 8.76 วิ  น่าจะเบียดกันสนุกล่ะ


ออฟไลน์ deertesla

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,621
Re: // หลุดคันจริง Nissan KICKS e-Power
« ตอบกลับ #31 เมื่อ: เมษายน 11, 2020, 00:44:51 »
ถ้าสมรรถนะออกมา สัก 25 กม./ลิตร อัตราเร่ง 0-100 ได้สัก 8 วินาที ราคา 8-9 แสน ผมคงซื้อให้ภรรยาขับแน่เลยครับ

เนื่องจากมอเตอร์ KICKS e-Power แรงกว่า Note e-Power ราว 29% ครับ
อ้างอิง http://www.headlightmag.com/first-impression-review-nissan-note-e-power-japan

ราคา 8-9 แสนกับ 0-100 ได้สัก 8 วินาที   

ไม่มีทางเป็นไปได้ครับ Benz, BMW  จะได้อัตราเร่งเท่านี้ ยังต้องราคา 2 ล้านเลย  นี่ค่าย Nissan นะครับ  ถ้าราคานี้ สมรรถนะแบบนี้ ecocar เจ๊งหมดครับ  ตื่นๆ ครับ

Serena e-Power 0-100 8.5 วิ Kicks ก็ไม่น่าจะหนีกันเท่าไหร่นะครับ



      Honda Civic 1.5 Turbo   0-100 เวลา 8.76 วิ  น่าจะเบียดกันสนุกล่ะ


แต่จะแพ้ตีนปลายครับ

ออฟไลน์ natt

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 23
    • อีเมล์
ถ้าสมรรถนะออกมา สัก 25 กม./ลิตร อัตราเร่ง 0-100 ได้สัก 8 วินาที ราคา 8-9 แสน ผมคงซื้อให้ภรรยาขับแน่เลยครับ

เนื่องจากมอเตอร์ KICKS e-Power แรงกว่า Note e-Power ราว 29% ครับ
อ้างอิง http://www.headlightmag.com/first-impression-review-nissan-note-e-power-japan

ราคา 8-9 แสนบาท ราคาก็ประมาณนี้อยู่แล้ว 0-100กม/ชม 8 วิ น่าจะทำได้สบายๆ
แต่ 25กม/ลิตรนี่ยากมากๆ ถ้าเทสท์แบบ HLM แล้วได้ 18 กม/ลิตร ก็ถือเก่งแล้วละ

25 กม/ลิตร ไม่ถึงแน่ๆ ครับ
กลับมันจะไม่ถึง 20 กม/ลิตรด้วย

เคยไปขับ note e-power ขับที่ญี่ปุ่น เรื่อยๆ เฉื่อยๆ ตามกฎหมายญี่ปุ่น มีกดบ้าง ยังได้ไม่ถึง 22 กม/ลิตรเลยครับ

แต่ 0-100 ใน 8 วินี่ไม่แน่ ผมว่ามีโอกาสสูง
2012 XC60 D3
2014 CX-5 XDL
2019 XC60 D4

ออฟไลน์ deertesla

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,621
ถ้าสมรรถนะออกมา สัก 25 กม./ลิตร อัตราเร่ง 0-100 ได้สัก 8 วินาที ราคา 8-9 แสน ผมคงซื้อให้ภรรยาขับแน่เลยครับ

เนื่องจากมอเตอร์ KICKS e-Power แรงกว่า Note e-Power ราว 29% ครับ
อ้างอิง http://www.headlightmag.com/first-impression-review-nissan-note-e-power-japan

ราคา 8-9 แสนบาท ราคาก็ประมาณนี้อยู่แล้ว 0-100กม/ชม 8 วิ น่าจะทำได้สบายๆ
แต่ 25กม/ลิตรนี่ยากมากๆ ถ้าเทสท์แบบ HLM แล้วได้ 18 กม/ลิตร ก็ถือเก่งแล้วละ

25 กม/ลิตร ไม่ถึงแน่ๆ ครับ
กลับมันจะไม่ถึง 20 กม/ลิตรด้วย

เคยไปขับ note e-power ขับที่ญี่ปุ่น เรื่อยๆ เฉื่อยๆ ตามกฎหมายญี่ปุ่น มีกดบ้าง ยังได้ไม่ถึง 22 กม/ลิตรเลยครับ

แต่ 0-100 ใน 8 วินี่ไม่แน่ ผมว่ามีโอกาสสูง
ผมว่าอะไรที่มันเป็นมาตรฐานญี่ปุ่นที่เกี่ยวกับรถ เช่นอัตราการสิ้นเปลือง  แรงม้า นี่ค่อนข้างใช้การจริงไม่ได้ครับ  พอทาทดสอบจริงๆกลายเป็นว่าต่ำกว่าหมดทุกทาง

ออฟไลน์ bobsan

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,586
    • อีเมล์
ราคาไม่ข้ามล้านน่าจะได้เสียงตอบรับบ้าง

แต่สิ่งที่ต้องพิสูจน์คือ durability กับ reliability

เรื่องความแรงกับประหยัดคิดว่าอยู่ในเกณฑ์รับได้อยู่

ส่วนความเร็วปลายคนใช้รถทั่วไปไม่สนใจเท่าไหร่ครับขอให้ได้ถึง 160 ก็เกินพอแล้ว



ออฟไลน์ Deaw

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,061
    • อีเมล์
โอ้ๆๆ ขนาดดีสุดในกลุ่มเลย

เทียบกับคู่แข่งในกลุ่ม B-SUV

Honda HR-V : 4,294 x 1,772 x 1,605 มิลลิเมตร / ฐานล้อ 2,610 มิลลิเมตร

Toyota C-HR : 4,360 x 1,795 x 1,565 มิลลิเมตร / ฐานล้อ 2,640 มิลลิเมตร

Mazda CX-3 : 4,275 x 1,765 x 1,550 มิลลิเมตร / ฐานล้อ 2,570 มิลลิเมตร

MG ZS : 4,314 x 1,809 x 1,652 มิลลิเมตร / ฐานล้อ : 2,585 มิลลิเมตร

Nissan Kicks : 4,384 x 1,813 x 1,656 มิลลิเมตร / ฐานล้อ 2,673 มิลลิเมตร

ขนาดผิดครับ

ออฟไลน์ Magl

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,336
    • อีเมล์
อัตราความสิ้นเปลือง ทำได้ 16 ขึ้นไปกับเครื่องยนต์ 1.2 เดิมๆนี่ ผมว่าน่าจะได้ ลองคิดเล่นๆ อัตราสิ้นเปลืองทั้งในเมืองนอกเมือง 16 กิโลต่อลิตร แต่ได้อัตราเร่ง 0-100 8 วิ อัตราเร่งแซงอารมณ์แบบรถไฟฟ้า80-120 5-6 วิ แค่นี้ยังไม่พอกันหรือครับ ความเร็วปลายล็อก 140-160 ผมว่าเหลือๆแล้ว ลองเทียบกับ zs ดูครับ ถัาแพงกว่าแสนนึง อ็อปชั่นผมว่าไม่ขี้เหร่แน่ แต่วิ่งกว่าเยอะ ผมเอา kick

ออฟไลน์ ชายโอ๊ต

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,018
รอดูประสิทธิภาพ อัตราเร่ง/อัตราสิ้นเปลือง
ฉุดคิดเหมือนกันว่า เทคโนโลยีแบบนี้ เพื่อการเปลี่ยนถ่ายยุค สันดาบเต็มตัว ไป ไฟฟ้าเต็มตัว
จะเวิร์คกว่าการรอเทคโนโลยีแบตเตอร์รี่รถไฟฟ้าที่วิ่งได้ระยะทางแบบน้ำมันมั้ย

ไม่ได้ตามข่าวมานาน อยากรู้ว่า e-power serena จะมีขายที่ไทยแบบราคาธรรมดาไหมครับ
ครอบครัวเริ่มจะมีตัวเล็ก เริ่มสนใจรถพวกนี้ขึ้นมาครับ ขอบคุณครับ
"ศัตรูแห่งความก้าวหน้า คือเวลาที่เสียไป"

ออฟไลน์ VORA

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 310
กลัวแป็กเหมือนกันนะ ถ้าราคาออกมาเฉียดล้าน ถึงจะเป็นไฟฟ้าก็เถอะ

คันนี้ราคามันควรอยู่ที่ ZS นะ    7 แสนนิดถึง 8 แสนปลาย
ถ้าสูงกว่านี้โดนเปรียบเทียบแน่กับ cx30   CHR   HRV ซึ่งไม่น่าใช่คูแข่งตรงนะ
เอา JUKE น่าจะชกตรงรุ่นกว่า

ออฟไลน์ siamskunk

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 429
ไม่ได้ตามข่าวมานาน อยากรู้ว่า e-power serena จะมีขายที่ไทยแบบราคาธรรมดาไหมครับ
ครอบครัวเริ่มจะมีตัวเล็ก เริ่มสนใจรถพวกนี้ขึ้นมาครับ ขอบคุณครับ

นิสสันคงนำร่องด้วย Kick และรอดูผลตอบรับก่อนจะตัดสินใจนำรุ่นอื่นๆ มาขายครับ
ประมาณว่า "ช้าๆ ไม่ได้พร้าซักเล่ม" เหมือนเคยๆ

ออฟไลน์ PREM

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,129
น่าสนใจนะครับ ถ้าอย่างน้อยฟีลการขับเหมือนรถไฟฟ้าและทำอัตราสิ้นเปลือง​ได้อย่างน้อยพอๆ กับ CHR Hybrid ในราคา <1 ล้าน
2014 Mazda CX-5 2.5 S
2016 Volvo XC60 D4 
2019 Honda Jazz RS+
2020 Volvo V60 T8 Inscription
2022 Mazda CX-30 SP

ออฟไลน์ DriveOnly

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,354
    • อีเมล์
ถ้าสมรรถนะออกมา สัก 25 กม./ลิตร อัตราเร่ง 0-100 ได้สัก 8 วินาที ราคา 8-9 แสน ผมคงซื้อให้ภรรยาขับแน่เลยครับ

เนื่องจากมอเตอร์ KICKS e-Power แรงกว่า Note e-Power ราว 29% ครับ
อ้างอิง http://www.headlightmag.com/first-impression-review-nissan-note-e-power-japan

ราคา 8-9 แสนบาท ราคาก็ประมาณนี้อยู่แล้ว 0-100กม/ชม 8 วิ น่าจะทำได้สบายๆ
แต่ 25กม/ลิตรนี่ยากมากๆ ถ้าเทสท์แบบ HLM แล้วได้ 18 กม/ลิตร ก็ถือเก่งแล้วละ

25 กม/ลิตร ไม่ถึงแน่ๆ ครับ
กลับมันจะไม่ถึง 20 กม/ลิตรด้วย

เคยไปขับ note e-power ขับที่ญี่ปุ่น เรื่อยๆ เฉื่อยๆ ตามกฎหมายญี่ปุ่น มีกดบ้าง ยังได้ไม่ถึง 22 กม/ลิตรเลยครับ

แต่ 0-100 ใน 8 วินี่ไม่แน่ ผมว่ามีโอกาสสูง

ตัวเลขแบบนี้สู้ความประหยัดของ hybrid พี่โตไม่ได้เลย แต่ถ้าชดเชยกับความแรง รวมๆ ผมก็ไอเค นะครับ หน้าตาดูสวย รอดูตัวจริงอีกที รวมๆ ถือว่าคันนี้น่าสนใจมัก แต่มาชคันเก่าประสบการณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ (อะไหล่เปราะ, ช่างที่ศูนย์ประจำไม่เก่ง)

ออฟไลน์ bingoman

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,307
ถ้าสมรรถนะออกมา สัก 25 กม./ลิตร อัตราเร่ง 0-100 ได้สัก 8 วินาที ราคา 8-9 แสน ผมคงซื้อให้ภรรยาขับแน่เลยครับ

เนื่องจากมอเตอร์ KICKS e-Power แรงกว่า Note e-Power ราว 29% ครับ
อ้างอิง http://www.headlightmag.com/first-impression-review-nissan-note-e-power-japan

ราคา 8-9 แสนกับ 0-100 ได้สัก 8 วินาที   

ไม่มีทางเป็นไปได้ครับ Benz, BMW  จะได้อัตราเร่งเท่านี้ ยังต้องราคา 2 ล้านเลย  นี่ค่าย Nissan นะครับ  ถ้าราคานี้ สมรรถนะแบบนี้ ecocar เจ๊งหมดครับ  ตื่นๆ ครับ

ตื่นๆครับ นี่มันยุคไหนแล้ว
ไปดู 0-100เทสล่า แล้วคิดว่ากี่สิบล้านล่ะ

Tesla รถพลังงานไฟฟ้าล้วนหนิครับ ไม่แปลก  เพราะ input ไฟฟ้า ---> output ไฟฟ้า  loss ที่เสียไปใน conversion น้อยกว่ารถไฮบริดมาก 

กลับกัน Kick E-Power
input น้ำมัน ---> สันดาปด้วยเครื่องยนต์: เกิด loss มหาศาล ---> กำลังเครื่องไปปั่นไฟ ---> output ไฟฟ้าไปขับเคลื่อน

ปกติรถยุคนี้ ขนาดไม่มีมอเตอร์ให้เกิด loss ยังทำกันได้แค่ 18-23 km/l เลยสำหรับรถ ecocar   

แต่เคสนี้จะเอา 25 km/l ด้วย  ทั้งที่รถราคาไม่แพง แล้วยังต้องแรง(พอๆ กับรถ 1.5โบหรือ 2.0 ใน compact car) แถมประหยัดน้ำมันอีก  ถ้า Nissan ทำรถออกมาได้ขนาดนี้  ขาย 1.5 ล้าน ก็ยังมีคนซื้อครับ  ไม่ใช่ 8 แสนบาท 

นึกภาพ CHR hybrid ขายล้านต้นๆ  อัตราเร่งเท่าไร 0-100  น่าจะประมาณ 11 วิ
ประหยัดน้ำมันเท่าไร  น่าจะได้ 22-26 km/l
ราคา ล้านต้น  ยังขายดิบขายดี

แล้วทำไม Kick E-Power จะขายแค่ 8 แสนน้อออ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 11, 2020, 11:02:00 โดย bingoman »

ออฟไลน์ sailorx

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 9
ถ้าติดตาม  รายการ headlight mag ทุกวันเสาร์
พี่จิมปล่อยของ เรื่อง kick มาแล้ว

อัตราเร่ง ประมาณ 0-100 9.xx  วินาที ห่างจาก note e-power ประมาณ   1  วิ   น่าจะเกี่ยวกับ ล้อ 17 ด้วย
อัตราการสินเปลือง เห็นว่า ได้  23km/L ก็หรูแล้ว 

ดูแล้วถ้า nissan ทำมอเตอร์เล็กลง ลดความกว้างยาง ลดขนาดยาง ทำความเร็ว 0-100  ประมาณ 14 วิ อาจจะได้เห็นการประหยัดน้ำมันระดับ 30 km/l ก็ได้

ออฟไลน์ imvile

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 615
ไหนๆก็ตั้ง power plant 1.0 turbo แล้ว
ทำไมไม่ยกมาลงด้วยเลย สำหรับคนที่กลัวรถ hybrid
F30 since 2014
F48 since 2018
W205 since 2019
ACV70 since 2021

ออฟไลน์ DriveOnly

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,354
    • อีเมล์
ถ้าสมรรถนะออกมา สัก 25 กม./ลิตร อัตราเร่ง 0-100 ได้สัก 8 วินาที ราคา 8-9 แสน ผมคงซื้อให้ภรรยาขับแน่เลยครับ

เนื่องจากมอเตอร์ KICKS e-Power แรงกว่า Note e-Power ราว 29% ครับ
อ้างอิง http://www.headlightmag.com/first-impression-review-nissan-note-e-power-japan

ราคา 8-9 แสนกับ 0-100 ได้สัก 8 วินาที   

ไม่มีทางเป็นไปได้ครับ Benz, BMW  จะได้อัตราเร่งเท่านี้ ยังต้องราคา 2 ล้านเลย  นี่ค่าย Nissan นะครับ  ถ้าราคานี้ สมรรถนะแบบนี้ ecocar เจ๊งหมดครับ  ตื่นๆ ครับ

ตื่นๆครับ นี่มันยุคไหนแล้ว
ไปดู 0-100เทสล่า แล้วคิดว่ากี่สิบล้านล่ะ

Tesla รถพลังงานไฟฟ้าล้วนหนิครับ ไม่แปลก  เพราะ input ไฟฟ้า ---> output ไฟฟ้า  loss ที่เสียไปใน conversion น้อยกว่ารถไฮบริดมาก 

กลับกัน Kick E-Power
input น้ำมัน ---> สันดาปด้วยเครื่องยนต์: เกิด loss มหาศาล ---> กำลังเครื่องไปปั่นไฟ ---> output ไฟฟ้าไปขับเคลื่อน

ปกติรถยุคนี้ ขนาดไม่มีมอเตอร์ให้เกิด loss ยังทำกันได้แค่ 18-23 km/l เลยสำหรับรถ ecocar   

แต่เคสนี้จะเอา 25 km/l ด้วย  ทั้งที่รถราคาไม่แพง แล้วยังต้องแรง(พอๆ กับรถ 1.5โบหรือ 2.0 ใน compact car) แถมประหยัดน้ำมันอีก  ถ้า Nissan ทำรถออกมาได้ขนาดนี้  ขาย 1.5 ล้าน ก็ยังมีคนซื้อครับ  ไม่ใช่ 8 แสนบาท 

นึกภาพ CHR hybrid ขายล้านต้นๆ  อัตราเร่งเท่าไร 0-100  น่าจะประมาณ 11 วิ
ประหยัดน้ำมันเท่าไร  น่าจะได้ 22-26 km/l
ราคา ล้านต้น  ยังขายดิบขายดี

แล้วทำไม Kick E-Power จะขายแค่ 8 แสนน้อออ

ตามที่ผมเข้าใจ e power จะไม่มี loss ตามที่คุณ bingoman กล่าวมาเลยครับ เพราะมอเตอร์เอาไปขับเคลื่อนเลย ส่วนเครื่องยนต์ปั่นไฟอย่างเดียว ต่อให้ปั่นไฟหนักก็ไม่ส่งผลเพราะเครื่องยนต์ไม่ได้ส่งกำลังไปขับเคลื่อนเลย แต่เอาไปปั่นไฟเข้าแบตเฉยๆ ที่ผมไม่แน่ใจคือถ้าซิ่งๆ เป็นเวลานาน เครื่องยนต์จะปั่นไฟเข้าแบตมันไหม เพราะเท่าที่อ่านมาคือ ทำงานเท่ากับรอบเดินเบา

ออฟไลน์ cadherin

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 523
ยอดขาย MG ZS รุ่นก่อน minorchange ก็ยืนยันแล้วว่า MG มาถูกทาง

รถที่ไม่ถูกใจเรา แต่คนส่วนใหญ่เปรียบเทียบแล้วตัดสินใจซื้อก็มีเยอะ

ชาวบ้านที่ซื้อ MG ZS ก็จบ ป.โท ป.เอก ทำงานเป็นอาจารย์กันหลายคนนะครับ

ออฟไลน์ mozzard

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 3
ถ้าราคาเกินเก้าแสนสอง คงต้องตัดใจไป MG HS

ออฟไลน์ stm

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 356
ปกติข้อดีของรถไฟฟ้าคือชิ้นส่วนน้อย ซ่อมง่าย แต่ระบบนี้มีทั้งเครื่องยนต์และไฟฟ้า มันจะซ่อมยากขึ้นไหมนี่

ออฟไลน์ Smith686

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,839
    • อีเมล์
Re: // หลุดคันจริง Nissan KICKS e-Power
« ตอบกลับ #49 เมื่อ: เมษายน 11, 2020, 16:01:55 »
ปกติข้อดีของรถไฟฟ้าคือชิ้นส่วนน้อย ซ่อมง่าย แต่ระบบนี้มีทั้งเครื่องยนต์และไฟฟ้า มันจะซ่อมยากขึ้นไหมนี่

        E Power คือรถไฮบริดที่ซ่อมง่ายกว่าถไฮบริดทั่วๆไป  ไม่ใช่รถไฟฟ้า  ดังนั้นต้องเอาไปเปรียบเทียบกับรถไฮบริดไม่ใช่เปรียบกับรถไฟฟ้า

ออฟไลน์ ซิ่งเข้าส้วม

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,937
ถ้าสมรรถนะออกมา สัก 25 กม./ลิตร อัตราเร่ง 0-100 ได้สัก 8 วินาที ราคา 8-9 แสน ผมคงซื้อให้ภรรยาขับแน่เลยครับ

เนื่องจากมอเตอร์ KICKS e-Power แรงกว่า Note e-Power ราว 29% ครับ
อ้างอิง http://www.headlightmag.com/first-impression-review-nissan-note-e-power-japan

ราคา 8-9 แสนกับ 0-100 ได้สัก 8 วินาที   

ไม่มีทางเป็นไปได้ครับ Benz, BMW  จะได้อัตราเร่งเท่านี้ ยังต้องราคา 2 ล้านเลย  นี่ค่าย Nissan นะครับ  ถ้าราคานี้ สมรรถนะแบบนี้ ecocar เจ๊งหมดครับ  ตื่นๆ ครับ

ตื่นๆครับ นี่มันยุคไหนแล้ว
ไปดู 0-100เทสล่า แล้วคิดว่ากี่สิบล้านล่ะ

Tesla รถพลังงานไฟฟ้าล้วนหนิครับ ไม่แปลก  เพราะ input ไฟฟ้า ---> output ไฟฟ้า  loss ที่เสียไปใน conversion น้อยกว่ารถไฮบริดมาก 

กลับกัน Kick E-Power
input น้ำมัน ---> สันดาปด้วยเครื่องยนต์: เกิด loss มหาศาล ---> กำลังเครื่องไปปั่นไฟ ---> output ไฟฟ้าไปขับเคลื่อน

ปกติรถยุคนี้ ขนาดไม่มีมอเตอร์ให้เกิด loss ยังทำกันได้แค่ 18-23 km/l เลยสำหรับรถ ecocar   

แต่เคสนี้จะเอา 25 km/l ด้วย  ทั้งที่รถราคาไม่แพง แล้วยังต้องแรง(พอๆ กับรถ 1.5โบหรือ 2.0 ใน compact car) แถมประหยัดน้ำมันอีก  ถ้า Nissan ทำรถออกมาได้ขนาดนี้  ขาย 1.5 ล้าน ก็ยังมีคนซื้อครับ  ไม่ใช่ 8 แสนบาท 

นึกภาพ CHR hybrid ขายล้านต้นๆ  อัตราเร่งเท่าไร 0-100  น่าจะประมาณ 11 วิ
ประหยัดน้ำมันเท่าไร  น่าจะได้ 22-26 km/l
ราคา ล้านต้น  ยังขายดิบขายดี

แล้วทำไม Kick E-Power จะขายแค่ 8 แสนน้อออ

เรื่อง Loss ที่คุณว่ามา ดูแล้วเข้าใจผิดนะครับ

ในการส่งกำลัง ทุกขั้นตอนเกิด Loss ทั้งหมด อยู่ที่ว่ามากหรือน้อย

ถ้าเทียบกันระหว่างรถยนต์สันดาปกับ Hybrid ถ้าใช้เครื่องยนต์ที่มีสมรรถนะเท่ากัน

ข้อแตกต่างในการเสียกำลังอยู่ที่ Transmission ครับ ซึ่งเป็นตัวที่ทำให้เสียกำลังเยอะมากๆ จะสังเกตได้ว่าแค่เกียร์ธรรมดา กับเกียร์ออโต้ การเสียกำลังก็ต่างกันมากแล้ว

ส่วนระบบ Hybrid ถ้าเป็นแบบโตโยต้า ก็จะมีการส่งกำลังผ่านเกียร์ ECVT กับเข้าไปปั่นไฟที่ MG (Motor Generator) เอาเข้าแบตเตอรี่และส่งกำลังลงล้อ ซึ่ง Loss ในการใช้มอเตอร์ปั่นไฟ ไปเก็บเข้าแบตเตอรี่ แล้วไปมอเตอร์ แล้วก็ลงล้อ น้อยกว่า Transmission มากๆๆๆๆๆ ครับ ถ้ามันเสียกำลังมากกว่า คิดตามหลักอนุรักษ์พลังงานง่ายๆ ครับว่ามันจะประหยัดน้ำมันกว่ารถสันดาปธรรมดาได้อย่างไร

ซึ่งถ้าใครใช้รถ Hybrid โตโยต้าแล้วขับที่ความเร็วสูงเกินกว่าที่มอเตอร์ทำงาน ก็จะรู้ว่าอัตราความประหยัดมันก็พอๆ กับรถเครื่อง 1.5 ธรรมดา (เครื่อง 1.8 แบบ Atkin son cycle เกิดจากการเพิ่มระยะชักให้ปริมาตรกระบอกสูบพอๆ กับ 1.8 แต่จริงๆ แล้วมีที่มาจากเครื่อง 1.5) เพราะส่งกำลังผ่าน Transmission คล้ายๆ รถปกติครับ

ส่วน Epower ถ้าขับเอื่อยๆ ความเร็วต่ำๆ ไม่เกิน 60 มันก็จะประหยัดมาก เพราะรอบเครื่องต่ำ และการสูญเสียกำลังน้อยกว่าระบบ Hybrid ของโตโยต้า (ในเชิงทฤษฎี) ด้วยซ้ำ แต่ในเชิงปฏิบัติ ขับเร็วกว่านั้นอยู่แล้ว ทำให้ไฟฟ้าในแบตเตอรี่ไม่พอ เพราะแบตลูกเล็กมากกกกก ยิ่งในเซเรน่าคันเบ้อเริ่ม ไม่แปลกใจเลยที่ทำไมได้แค่ 10 km/l

ในเมื่อแบตหมดตลอดเวลาก็ต้องปั่นไฟให้ทัน ทำให้รอบเครื่องสูงตลอด เคยเห็นคลิปนึงวิ่งที่ 100 km/h เครื่องหมุนที่ราวๆ 3000-4000 รอบตลอด มันก็เลยกินน้ำมันมากกว่า

สรุปสั้นๆ คือ Loss ในรถสันดาป มากกว่า Loss ในรถ Hybrid ครับ ดังนั้นพจน์ที่ว่า "ขนาดไม่มีมอเตอร์ให้เกิด loss ยังทำกันได้แค่ 18-23 km/l เลยสำหรับรถ ecocar" ถ้าหากว่าใน eco car เอาระบบ Hybrid มาใส่ มันจะมี Loss ในระบบน้อยกว่าครับ

ออฟไลน์ Symphonic

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,550
Re: // หลุดคันจริง Nissan KICKS e-Power
« ตอบกลับ #51 เมื่อ: เมษายน 11, 2020, 16:32:52 »
ปกติข้อดีของรถไฟฟ้าคือชิ้นส่วนน้อย ซ่อมง่าย แต่ระบบนี้มีทั้งเครื่องยนต์และไฟฟ้า มันจะซ่อมยากขึ้นไหมนี่

        E Power คือรถไฮบริดที่ซ่อมง่ายกว่าถไฮบริดทั่วๆไป  ไม่ใช่รถไฟฟ้า  ดังนั้นต้องเอาไปเปรียบเทียบกับรถไฮบริดไม่ใช่เปรียบกับรถไฟฟ้า

มันซ่อมง่ายกว่ายังไงครับ?   (ช่วยกันวิเคราะห์ให้ลึกซึ้ง)

ออฟไลน์ Smith686

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,839
    • อีเมล์
Re: // หลุดคันจริง Nissan KICKS e-Power
« ตอบกลับ #52 เมื่อ: เมษายน 11, 2020, 17:06:48 »
ปกติข้อดีของรถไฟฟ้าคือชิ้นส่วนน้อย ซ่อมง่าย แต่ระบบนี้มีทั้งเครื่องยนต์และไฟฟ้า มันจะซ่อมยากขึ้นไหมนี่

        E Power คือรถไฮบริดที่ซ่อมง่ายกว่าถไฮบริดทั่วๆไป  ไม่ใช่รถไฟฟ้า  ดังนั้นต้องเอาไปเปรียบเทียบกับรถไฮบริดไม่ใช่เปรียบกับรถไฟฟ้า

มันซ่อมง่ายกว่ายังไงครับ?   (ช่วยกันวิเคราะห์ให้ลึกซึ้ง)

          ผมคิดว่าระบบการทำงานของ E Power ง่ายกว่าไฮบิดทั่วๆไปที่สลับการทำงานระหว่างมอเตอร์กับเครื่องยนต์  ระบบที่สลับการทำงานแบบนั้นจะยุ่งยากกว่า  เครื่องยต์ก็ใหญ่กว่าเพราะตองทำหน้าที่ขับเคลื่อนด้วย  แต่ E Power เครื่องไม่ต้องใหญ่เพราะใช้ทำหน้าที่ปั่นไฟเท่านั้น  ส่วนมอเตอร์ไฟฟ้าทำหน้าที่ขับเคลื่อนตลอดเวลาไม่ต้องกลัวว่าไฟฟ้าในแบตจะหมดเพราะมีเครื่องยนต์ทำหน้าที่ชาร์ตไฟให้ตลอด  แรงบิดสูงที่รอบต่ำซึ่งเป็นจุดเด่นของมอเตอร์ไฟฟ้าก็ได้ใช้ตลอด  อีกอย่างผมเข้าใจว่า E Power ไม่มีระบบชาร์ตไฟเวลาเบรกด้วยใช่หรือเปล่า

ออฟไลน์ Cheap and cheerful

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 568
    • อีเมล์
กลัวใจว่ามันจะเเป๊กจัง โดยเฉพาะอัตราสิ้นเปลือง ถ้าคราวนี้เจ๊ง Nissanคงงอนยาว ขาย Almera Navara ไปอีก 20 ปี  นึกว่า Isuzu

ออฟไลน์ punn

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,588
  • may the force lead your way ...
เครื่องยนต์ไม่ใช่แค่เดินเบานะครับ หลายท่านกำลังเข้าใจผิดกันเพราะใบโฆษณาทำให้คิดแบบนั้น

แต่น่าจะต้องใช้คำว่า เดินเบาที่สุดในการผลิตกำลังไฟฟ้าพอสำหรับมอเตอร์ขณะนั้นๆ
คือถ้าขับๆจอดๆ เครื่องผลิตไฟใส่แบตพอก็ดับ
แต่ถึงความเร็วนึงก็ต้องติดตลอด
และมากกว่าความเร็วนึงเครื่องต้องมีการเร่งเพื่อสร้างกระแสเพิ่มขึ้นด้วยครับ

ซึ่งการกินไฟของมอเตอร์จะเป็นกราฟแบบเอกซ์โป
วิ่งจริงน่าจะไม่ควรเกิน 120 ถึงจะอยู่ในช่วงประหยัด
พอเกินจากนี้จะค่อนข้างสูบไฟแบบซดกันเลย

เอาไว้บู๊ในเมืองเหลือๆครับ แต่อย่าไปแข่งปลายกับใคร
เป็นคนโลกปกติธรรมดา :)
ไม่โลกสวย และไม่โลกมืด อยู่กับความเป็นจริงและพลังงานบวก ..

ปราชญ์สอนสิ่งไหน คนก็จะจำสิ่งนั้น
ประสบการณ์เจอแบบไหน คนก็จะคิดทางนั้น
ต่างคนต่างประสบการณ์เรียนรู้สิ่งเดียวกัน ก็จะออกมาแตกต่างกันไปครับ

ออฟไลน์ Symphonic

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,550
Re: // หลุดคันจริง Nissan KICKS e-Power
« ตอบกลับ #55 เมื่อ: เมษายน 11, 2020, 18:30:28 »
ปกติข้อดีของรถไฟฟ้าคือชิ้นส่วนน้อย ซ่อมง่าย แต่ระบบนี้มีทั้งเครื่องยนต์และไฟฟ้า มันจะซ่อมยากขึ้นไหมนี่

        E Power คือรถไฮบริดที่ซ่อมง่ายกว่าถไฮบริดทั่วๆไป  ไม่ใช่รถไฟฟ้า  ดังนั้นต้องเอาไปเปรียบเทียบกับรถไฮบริดไม่ใช่เปรียบกับรถไฟฟ้า

มันซ่อมง่ายกว่ายังไงครับ?   (ช่วยกันวิเคราะห์ให้ลึกซึ้ง)

          ผมคิดว่าระบบการทำงานของ E Power ง่ายกว่าไฮบิดทั่วๆไปที่สลับการทำงานระหว่างมอเตอร์กับเครื่องยนต์  ระบบที่สลับการทำงานแบบนั้นจะยุ่งยากกว่า  เครื่องยต์ก็ใหญ่กว่าเพราะตองทำหน้าที่ขับเคลื่อนด้วย  แต่ E Power เครื่องไม่ต้องใหญ่เพราะใช้ทำหน้าที่ปั่นไฟเท่านั้น  ส่วนมอเตอร์ไฟฟ้าทำหน้าที่ขับเคลื่อนตลอดเวลาไม่ต้องกลัวว่าไฟฟ้าในแบตจะหมดเพราะมีเครื่องยนต์ทำหน้าที่ชาร์ตไฟให้ตลอด  แรงบิดสูงที่รอบต่ำซึ่งเป็นจุดเด่นของมอเตอร์ไฟฟ้าก็ได้ใช้ตลอด  อีกอย่างผมเข้าใจว่า E Power ไม่มีระบบชาร์ตไฟเวลาเบรกด้วยใช่หรือเปล่า

สวัสดีครับพี่ ขอบคุณครับ  ดีครับที่มาช่วยกันลองคิดวิเคราะห์แบบใช้ logic กันดู

1.ระบบการชาร็จไฟกลับ ผมคิดว่า E power ต้องมีนะครับ นี่เป็นหัวใจของระบบ hybrid เลยครับ
   เพราะมันเป็นการเอาพลังงานที่ทิ้งเปล่า ๆ เอากลับมาใช้ขับเคลื่อนอีกรอบ เป็นส่วนที่ช่วยประหยัด
   ได้เปรียบระบบสันดาปอย่างเดียวอย่างเห็นได้ชัดเลยครับ  ทีนี้พอต้องมีระบบนี้แล้ว มันจะต้องมี
   อัลกอลิทึมในคอมพิวเตอร์สั่งการ ซึ่งมันก็จะเป็นลอจิกเดียวกับ hybrid ทั่วไป ไม่ต่างกันเลยครับ
   ตัวมอเตอร์ขับเคลื่อน เมื่อถึงเวลานึงก็ต้องสลับหน้าที่กลับมาเป็นเจนเนอร์เรเตอร์ปั่นไฟกลับ
   ซึ่งก็ทำงานเหมือน hybrid ทั่วไปเช่นกัน รวมไปจนถึงอินเวอร์เตอร์ด้วยน่ะครับ

2.ระบบ hybrid ทั่วไปที่มีการทำงานสลับกันระหว่างเครื่องยนต์และมอเตอร์
   - ถ้าเทียบกับ hybrid I-MMD ของ Honda มันจะมีการทำงานสลับกันระหว่างมอเตอร์กับเครื่องยนต์
     ที่ความเร็วสูง เป็นการตัด - ต่อ กำลังว่าจะให้มอเตอร์ หรือ เครื่องยนต์ อย่างใดอย่างหนึ่งลงล้อ
     ระบบนี้ใช้ครัชท์เป็นตัวแยกครับ ซึ่งมีชิ้นส่วนสึกหรอสิ้นเปลืองคือครัชต์ แต่คิดว่าการตัดต่อทำโดยระบบ
     ไม่ใช่คนเหยียบครัชต์แบบรถเกียร์ธรรมดา  ดังนั้นอายุการใช้งานน่าจะเกินหลักแสน กม. ไปเยอะ
     ก็ถือว่าแลกกับสมรรถนะของรถที่ความเร็วสูงครับ (e-power กับ I-MMD มีหลักกการทำงานเหมือนกัน
     เป๊ะ ๆ ที่ความเร็วต่ำครับ)
   - ถ้าเทียบกับ hybrid Toyota ระบบส่งกำลังเป็นเฟืองเกียร์ ไม่มีครัชต์
     มองในความสึกหรอเชิงกลไก ก็มีเกียร์ที่เป็นชุดเฟือง ความทนทานก็น่าจะระดับเดียวกับรถเกียร์ธรรมดานะครับ
     แต่ถ้ามองในแง่ระบบควรคุม หรือวงจรคอมพิวเตอร์ อันนี้ก็ถือว่าเป็นอุปกรณ์ลักษณะเดียวกับ e-power
     แหละครับ ขึ้นอยู่กับว่ายี่ห้อไหนใช้ของที่มีคุณภาพทนทานมากกว่ากัน

3. เครื่องยนต์ทำหน้าที่แค่ปั่นไฟ ไม่ต้องใข้เครื่องใหญ่ก็ได้   
    อันนี้น่าคิด เครื่องเล็ก แต่ต้องปั่นไฟให้ได้พลังงานที่พอจะพารถวิ่งออกไปได้
    ลองเทียบกับการปั่นจักรยานออกกำลังในฟิตเนสสิครับ น่าจะพอเห็นภาพละ
   
เอาจริง ๆ คือ ผมมองว่า มันคือไฮบริด ณ วันนี้ ไม่ว่าจะเป็นระบบอะไร อุปกรณ์ส่วนควบต่าง ๆ ก็ไม่ได้ต่างกันมาก
คือ เครื่องยนต์ มอเตอร์ แบตเตอรี่ อินเวอร์เตอร์ ECU และอื่น ๆ  ความแตกต่าง ณ วันนี้คือ วิธีการจัดเรียงอุปกรณ์
เหล่านี้และกำหนดวิธีการทำงานของมันกับการเลือกขนาดเล็ก-ใหญ่ของเครื่องยนต์ มอเตอร์ และ แบตเตอรี่
เท่านั้นเองครับ

แต่ผมคิดว่า Nissan คงสร้าง e-power ขึ้นมาให้ระบบได้เปรียบในช่วงความเร็วต่ำ-กลาง
รถน่าจะกระฉับกระเฉงแบบเร่ง ๆ หยุด ๆ ได้ดีและอัตราการกินน้ำมันน่าจะดูดีเลย
แต่ช่วงความเร็วกลาง-สูง และการวิ่งแบบ cruising คาดว่าน่าจะด้อยกว่าระบบอื่น เผลอ ๆ
จะด้อยกว่าการใช้เครื่อง 1.2L ขับล้อตรง ๆ แบบรถสันดาปปกติด้วยซ้ำครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 11, 2020, 18:34:44 โดย Symphonic »

ออฟไลน์ Carrera

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,226
กระแส + คนเชียร + สื่อ อวย E Power ไว้เยอะมาก  ก็หวังว่าจะทำสมรรถนะ กับอัตราสิ้นเปลืองได้ดีจริงๆแล้วกัน  คนคาดหวังมาก ถ้าทำไม่ได้จริงโดนล้อเป็นปมด้อยอีกยาวๆแน่ๆ 

ถึงตีนต้นจะปรู้ดปราด แต่ปลายไม่มีนี่ก็น่าคิดนะ

ถ้ามาแป้กๆแบบ Xtrail Hybrid อีกรอบ ผมว่าดับยาวแน่นอนรอบนี้

ผมยังสงสัย ถ้ามันดีขนาดนั้นจริงๆ ทำไมฝั่งยุโรป หรืออเมริกา นิสสันไม่เอาไปลองขาย  หรือขายแล้วแต่ไม่เป็นที่พูดถึงมากนัก

ส่วนตัวผมไม่ได้สนใจ E Power เลย เพราะขับตัวรถ Hybrid สมัยใหม่ เจนใหม่ มอเตอร์ / เจนเนอเรเตอร์ มันก็แรงขึ้นเยอะ  อัตราเร่งก็ดีพอสมควร ความประหยัดก็โอเคมากๆแล้ว

ส่วนตัวผมว่าระบบ Hybrid มันสำคัญที่ efficiency ของตัวระบบเองค่อนข้างมาก  มากกว่าสเป็คอุปกรณ์   บางทีตารางสเป๊คก็ไม่ได้บอกการใช้งานจริง 

อย่าง Camry ใหม่นี่  ในสเปคไม่ได้บอกนะ ว่าการชาร์จไฟกลับนี่ มันเร็วกว่าตัว Prius คนละเรื่อง (ตัวเก่าผมไม่รู้ไม่เคยลอง)  แล้วพอไฟชาร์จกลับไว   ก็สามารถวิ่งโหมดไฟฟ้าได้นานมากขึ้นกว่าตัว Prius เยอะ  ถ้าขับดีๆ 80-100 อาจจะใช้เป็น EV ได้นานสูสีๆกับเครื่องยนต์อีก  อย่างผม เท้าไม่ได้เบา  ขับ 120-160 ไกลๆ sport mode ยังได้ 19 km/l เลยครับ (ขอบ 18)

ผมว่ารอดูรีวิวจริงแล้วค่อยให้คะแนนกันดีกว่า  จริงๆ อยากให้เทสยาวๆไปเลย  ในเมืองได้เท่าไหร่ นอกเมืองได้แค่ไหนยังไง  ที่แต่ละความเร็ว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 11, 2020, 19:09:20 โดย Butterzai »

ออฟไลน์ Fly to dream

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 11,654
อยากให้ปลายตันสัก 180  :'( :'(  แต่ชอบนะ
ขยะของโลกออนไลน์​ในปัจจุบั​นคือเชื่อคนโง่ที่มีคำพูดสวยหรู​ หาข้อมูล​ไม่จริงมาโกหกคำโตๆ​ อีกอย่างคือพูดความจริงไม่หมด กับพวก​ Avatar ที่ทำเป็น​เก่ง​แต่เก่งน้อยในโลกความจริง​ซึ่งจะหาได้ง่าย

ออฟไลน์ Magl

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,336
    • อีเมล์
ทำไมทุกคนคิดเยอะกันจัง ไฮบริดไม่กลัว แต่กลัวระบบง่ายๆของ e power รถไฟฟ้าที่มีเครื่องปั่นไฟติดไปด้วย
เคยเห็นรถจักรดีเซลไฟฟ้าในประเทศไทยไหมครับ รถจักร alstrom อายุประมาณ 40 ปีได้แล้ว ยังวิ่งได้ การซ่อมบำรุงคือ เครื่องยนต์ติดกับ alternater ผลิตกระแสไฟฟ้าจ่ายไปที่ reversing drumใช้กลับกระแสไฟฟ้า เดินหน้าถอยหลัง ลงมอเตอร์ไฟฟ้า ระบบโบราณมีมานานมากกว่า 60 ปีแล้ว ระบบไฟฟ้าแรงบิดมหาศาล รถหนักแค่ไหนก็ออกตัวได้  ไม่ใช่ของใหม่อะไรเลย

ออฟไลน์ Staples

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,229
ทำไมทุกคนคิดเยอะกันจัง ไฮบริดไม่กลัว แต่กลัวระบบง่ายๆของ e power รถไฟฟ้าที่มีเครื่องปั่นไฟติดไปด้วย
เคยเห็นรถจักรดีเซลไฟฟ้าในประเทศไทยไหมครับ รถจักร alstrom อายุประมาณ 40 ปีได้แล้ว ยังวิ่งได้ การซ่อมบำรุงคือ เครื่องยนต์ติดกับ alternater ผลิตกระแสไฟฟ้าจ่ายไปที่ reversing drumใช้กลับกระแสไฟฟ้า เดินหน้าถอยหลัง ลงมอเตอร์ไฟฟ้า ระบบโบราณมีมานานมากกว่า 60 ปีแล้ว ระบบไฟฟ้าแรงบิดมหาศาล รถหนักแค่ไหนก็ออกตัวได้  ไม่ใช่ของใหม่อะไรเลย

Hybrid มันออกมาหลายปี แก้จุดบอดได้เกือบหมดแล้ว แต่ E-Power เพิ่งมา สรรพคุณทั้งอัตราเร่งและความประหยัดเชื่อว่าดีแน่ แต่ค่าใช้จ่ายบำรุงรักษาระยะยาวนี่แหละ ที่เขากังวลกัน ว่ามันประหยัดจริงรึเปล่า หรืออนาคตต้องจ่ายค่าอะไหล่ชิ้นไหนแพงๆ หักลบค่าน้ำมันที่ประหยัดไปแล้วคุ้มไหม บลาๆ