ผู้เขียน หัวข้อ: nissan-kicks-e-power ถ้าซัดหนักจนแบตต่ำ/หมด ถ้ายังจะซัดต่อ รถจะอืดลงใช่ไหมครับ  (อ่าน 14880 ครั้ง)

ออฟไลน์ bingoman

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,368
พยายามทำความเข้าใจแล้ว  แต่ยังสงสัยครับ

กรณีที่ เราซัดให้แบตลงต่ำมากๆ หรือจะหมดเลย  (ถึงเครื่องสันดาปจะทำงานตลอด แต่ถ้าซัดหนักๆ แบตก็ต้องลดลง)

ทีนี้ถ้าแบตเหลือน้อยๆ  แล้วผมต้องการซัดหนักๆ ต่อ เช่นวิ่งใกล้ๆ top speed ยาวๆ   หรือต้องการอัตราเร่งจาก 0 ถึง top speed ผมสงสัยว่า

- รถจะมีกำลังให้วิ่งรักษาความเร็วสูงไหม

- ถ้าคิกดาวเพื่อไต่ความเร็วขึ้นไป อัตราเร่งจะช้าลงจากปกติใช่ไหมครับ

- มันจะกลายเป็นรถลักษณะเดียวกับ plugin hybrid ไหม ที่จะแรงแค่ยามแบตเยอะ  พอแบตน้อยก็คนละเรื่อง   (แบบนี้พอเดินทางไกลที พอเจอเขาเยอะๆ พอแบตเริ่มลด  ก็จะกลายเป็นอืดวิ่งไต่เขาไม่ดีไหม)

(คือเข้าใจว่าถ้าน้ำมันไม่หมด รถก็วิ่งได้ตลอดแหละ  แต่ผมไม่ได้สงสังตรงนี้ครับ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 09, 2020, 21:15:24 โดย bingoman »

ออฟไลน์ applebees

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 750
เดาว่าอาจมีการป้องกันไว้เรียบร้อยแล้ว หากแบตใกล้หมดก็อาจโดนล็อคความเร็วไม่ให้เกินเท่าไหร่

ออฟไลน์ sailorx

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 9
ตอนนี้เรายังไม่รู้สเปค การใช้พลังงานของมอเตอร์ตัวนี้
กับพลังงานที่ได้จาก ไดนาโมที่ปั่นขากเครื่องยนต์
ถ้าพลังงานที่ได้จากการปั่นไฟสูงกว่า
ก็จะไม่มีผลต่ออัตราเร่งกับ top speed
แต่ๆ ถ้าอุณหภูมิสูงขึ้นมาก ก็จะกระทบต่อประสิทธิภาพของไดนาโม แต่ซดน้ำมัน โฮกๆแน่ๆ
ยังไงก็ต้องรอดูตัวจริงออกมา แล้วดูรีวิวก่อนตัดสินใจอีกที

ออฟไลน์ bobsan

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,609
    • อีเมล์
ประเด็นคือเครื่องจะปั่นไฟทันให้รถได้ใช้กำลังสูงตลอดเวลาได้หรือไม่

เครื่องมันแค่ 1.2 na ผมเชื่อว่าไม่น่าจะได้




ออฟไลน์ Vanz

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 76
เหมือนกับรถ plugin hybrid ครับ concept เดียวกัน
input = output
พลังงานมาจากแบตเตอรี่ แรงตามปริมาณแบตเตอรี่ครับ
ถ้าแบตเต็มก็ 129 แรงม้า
แบต 80% อาจได้ 129 แรงม้า
แล้วแรงม้าจะค่อยๆลดลงตาปริมาณแบต
ถ้าแบตน้อยหรือไม่เหลือเหลือก็จะได้ 79+ แรงม้าเท่าเครื่องยนต์ (ตรง + นี้เป็น effective จากการชาร์จขึ้นก็กับการออกแบบ)
เป็นไปตามสมการข้างบน input = output

ออฟไลน์ แมวดราม่า

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,573
  • แมวบ้า(ขับ)รถ
ผมเดาว่า ถ้าซัดจนแบตเกลี้ยง หรือกดแบบจนเต็มลิมิตมอเตอร์ รอบเครื่องจะต้องเพิ่มมาปั่นไฟเข้าแบบหนักๆ ซึ่งก็คือคงจะไม่ทำงานที่รอบ Efficient ที่เขาเซ็ตไว้ราวๆ 2,500 ดังนั้น ถ้าขับเร็วมากๆ อัตราสิ้นเปลืองคงไม่ได้ตามที่โฆษณา อาจจะลงมา 15-16 หรืออะไรแบบนั้น แต่ไม่ได้กินขนาดเครื่องพ่วงเกียร์ที่มีเกียร์เป็นตัวฉุดนะ ต้องคิดก่อนว่ามันไม่ใช่ HR12DE+CVT-7 หลายคนยังไม่ลบภาพตรงนี้จากหัว

ประเด็น, เครื่องที่พ่วงใหม่นี่เป็น HR12DE Atkinson นะครับ

http://www.headlightmag.com/first-impression-review-nissan-note-e-power-japan/
Dare to Drama! | Original Nissan X-Trail Club Thailand: http://www.facebook.com/groups/180634121979355/

ออฟไลน์ O_o"

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 12,375
ควรรอเปิดตัวก่อน แล้วไปทดลองขับดีกว่าครับ ณ ตอนนี้ E-Power​ สเปคไทยมีเพียงไม่กี่คนที่ได้ขับ หลายๆทฤษฎี​หลายๆคำถาม ถ้ารถเปิดตัวแล้ว อาจได้คำตอบครับ ที่สงสัยกันอยู่ครับ

ออฟไลน์ akewizard

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,618
ผมเดาว่ามันจะเหมือนกับรถ Hybrid ครับ เวลาแบตฯเต็มอัตราเร่งมันจะดี แต่พอแบตฯอ่อนก็จะเอื่อยลง
ซึ่งผมเชื่อว่าระบบในรถมันคงจะตั้งค่าไว้ เช่นพอแบตฯเหลือต่ำกว่า 25% มันอาจจะให้วิ่งที่รอบต่ำๆอย่างเดียวไม่ให้เหยียบเพิ่ม

การใช้งานจริงผมมองว่าอาจจะไม่ต่างกับรถยนต์ปกตินัก
เวลาเราขับทางไกลจนน้ำมันใกล้หมด แทนที่จะเหยียบคันเร่งต่อไปบางทีอาจจะขับให้ช้าลงเพื่อให้ได้ระยะทางมากขึ้นแทน

ออฟไลน์ apinui

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,947
    • อีเมล์
ผมคิดว่า ถ้าแบ็ตใกล้หมด เครื่องยนต์น่าจะปั่นไฟในรอบที่สุงขึ้นจนเพียงพอครับ ..

หลักการคือเครื่องยนต์มีหน้าที่ปั่นไฟ แต่เครื่องปั่นไฟไม่จำเป็นต้องทำงานที่รอบคงที่ตลอดนะครับ .. เช่น

ถ้าแบ็ตมีมากกว่า 50% เครื่องยนต์อาจทำงานที่ 700-1000 รอบ
เมื่อไฟ ต่ำกว่า 50% เครื่องยนต์อาจทำงานที่ 1200-1500 รอบ
และเมื่อแบ็ตต่ำกว่า 30% เครื่องยนต์อาจทำงานที่ 2000 รอบ แบบนี้ครับ ..

ไม่มีทางที่เค้าจะคิดค้นให้รถมีกำลังน้อยลงเมื่อแบ็ตเหลือน้อยแน่ๆครับ ...


ออฟไลน์ Jacob

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,803
ผมก็คิดว่ามันไม่ปล่อยให้แบตหมดหรอกครับ ความเร็วสูงสุดก็จำกัดอยู่แล้ว เค้าต้องคำนวณมาว่าเครื่องจะปั่นไฟให้แบตเพียงพอตลอดได้ยังไง ถ้าอัดหนักเครื่องก็ต้องทำงานหนัก นั่นคือกินน้ำมันมาก ซึ่งตราบใดที่มีไฟในแบต อัตราเร่งก็ไม่อืด (แต่ค่ายนิสสันไม่ได้เร่งโหดแบบเทสล่า ดูอย่าง leaf หรือ serena อัตราเร่ง 0-100 อยู่ที่ 10+ วิ เพื่อประหยัดไฟ)​
ปล. ผมงงตรงเรื่องเครื่องยนต์ atkinson
ถ้าของโตโยต้าเครื่อง 18 ซีซี atkinson มาจากเครื่องความจุ 14 ซีซีที่ขยายช่วงชักเป็น 18 ซีซีเลยเรียกว่าเครื่อง 18 ซีซี
แต่นิสสันเอาเครื่อง 12 ซีซีเดิมมาขยายช่วงชัก มันก็น่าจะเรียกว่า 14 หรือ 15 ซีซีรึป่าว หรือจริงๆแล้วไม่ได้เป็น atkinson เพราะของ serena ก็เอาเครื่อง 12 ซีซีธรรมดามาปั่นไฟ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 10, 2020, 08:59:50 โดย Jacob »

ออฟไลน์ แมวดราม่า

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,573
  • แมวบ้า(ขับ)รถ
ผมก็คิดว่ามันไม่ปล่อยให้แบตหมดหรอกครับ ความเร็วสูงสุดก็จำกัดอยู่แล้ว เค้าต้องคำนวณมาว่าเครื่องจะปั่นไฟให้แบตเพียงพอตลอดได้ยังไง ถ้าอัดหนักเครื่องก็ต้องทำงานหนัก นั่นคือกินน้ำมันมาก ซึ่งตราบใดที่มีไฟในแบต อัตราเร่งก็ไม่อืด (แต่ค่ายนิสสันไม่ได้เร่งโหดแบบเทสล่า ดูอย่าง leaf หรือ serena อัตราเร่ง 0-100 อยู่ที่ 10+ วิ เพื่อประหยัดไฟ)​
ปล. ผมงงตรงเรื่องเครื่องยนต์ atkinson
ถ้าของโตโยต้าเครื่อง 18 ซีซี atkinson มาจากเครื่องความจุ 14 ซีซีที่ขยายช่วงชักเป็น 18 ซีซีเลยเรียกว่าเครื่อง 18 ซีซี
แต่นิสสันเอาเครื่อง 12 ซีซีเดิมมาขยายช่วงชัก มันก็น่าจะเรียกว่า 14 หรือ 15 ซีซีรึป่าว หรือจริงๆแล้วไม่ได้เป็น atkinson เพราะของ serena ก็เอาเครื่อง 12 ซีซีธรรมดามาปั่นไฟ

น่าคิดเหมือนกันครับ ผมก็ว่าน่าจะเครื่องปกติมันนี่แหละ จะทำให้เปลืองต้นทุนทำไม
Dare to Drama! | Original Nissan X-Trail Club Thailand: http://www.facebook.com/groups/180634121979355/

ออฟไลน์ blitzpao

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 738
ไม่แน่ใจว่าใช้แบตแบบไหน ถ้าลิเธียมมันจะpeak output ตลอดนะครับ คิดว่าน่าจะแบตแบบเก่า

ออฟไลน์ Symphonic

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,704
นั่นไงๆ เริ่มคิดถึงความเป็นจริงแล้วใช่มั้ยครับ ที่ก่อนหน้านี้ใครๆ ก็คิดว่าเครื่องยนต์หมุนชิวๆ ที่รอบเดินเบา

ในมุมของงานวิศวกรรมคือ อัตราการดูดไฟฟ้าไปใช้ของมอเตอร์เพื่อการลากตัวรถให้วิ่งออกไปที่ความเร็วต่างๆ
ว่าเป็นเท่าไหร่เมื่อเทียบกันอัตราการปั่นไฟฟ้าได้ของเครื่องยนต์ แล้วมันก็จะผันตามมาเป็นอัตราการดึงน้ำมัน
ไปใช้ของเครื่องยนต์ด้วย ขนาดของแบตเตอรี่เป็นเพียง buffer เปรียบได้กับจนาดของแท็งค์น้ำในบ้านเราเท่านั้นเองครับ

ซึ่งถ้าอัตราการปั่นไฟของเครื่องยนต์มันน้อยกว่าความต้องการไฟมี่มอเตอร์จะดึงออกไปแล้วล่ะก็ นั่นเท่ากับว่า
อัตราเร่งหรือความเร็วของรถมันจะหล่นลงมาเท่ากับปริมาณไฟที่เครื่องยนต์ป้อนให้มอเตอร์เท่านั้นครับ

ออฟไลน์ bravo

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,469
    • อีเมล์
ผมคาดว่า ถ้าแบตเตอรี่ต่ำ ก็น่าจะใช้ไฟจากเครื่องกำเนิดไฟฟ้าโดยตรง ไม่ผ่านแบตเตอรี่

ดังนั้น อัตราเร่งก็จะไม่ลดลงครับ


ออฟไลน์ siwakorn

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 395
    • อีเมล์
ถ้าตามความคิดผมนะ Output เครื่อง 1.2 มันก็คือ output เครื่อง 1.2 ที่มันเร่งได้ดีเพราะมันมี buffer คือแบต แบตหมดแรงตกแน่นอน เทียบง่ายๆกับ ssd สมัยนี้ที่ซิพจริงๆมันไม่ได้แรงทะลุฟ้าเท่าไร แต่มันมีชิพบางตัวที่แรงจริงๆใส่เข้ามาเพียงไม่กี่ตัว เพื่อที่จะเป็นแคชไว้ก่อน พอแคชเต็มความเร็วก็ตกลงมาเท่าปกติ จะตกมากหรือน้อยอยู่ที่การบริหารจัดการว่าทำได้ดีแค่ไหน

ออฟไลน์ Ji.Cl.

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 680
    • อีเมล์
นั่นไงๆ เริ่มคิดถึงความเป็นจริงแล้วใช่มั้ยครับ ที่ก่อนหน้านี้ใครๆ ก็คิดว่าเครื่องยนต์หมุนชิวๆ ที่รอบเดินเบา

ในมุมของงานวิศวกรรมคือ อัตราการดูดไฟฟ้าไปใช้ของมอเตอร์เพื่อการลากตัวรถให้วิ่งออกไปที่ความเร็วต่างๆ
ว่าเป็นเท่าไหร่เมื่อเทียบกันอัตราการปั่นไฟฟ้าได้ของเครื่องยนต์ แล้วมันก็จะผันตามมาเป็นอัตราการดึงน้ำมัน
ไปใช้ของเครื่องยนต์ด้วย ขนาดของแบตเตอรี่เป็นเพียง buffer เปรียบได้กับจนาดของแท็งค์น้ำในบ้านเราเท่านั้นเองครับ

ซึ่งถ้าอัตราการปั่นไฟของเครื่องยนต์มันน้อยกว่าความต้องการไฟมี่มอเตอร์จะดึงออกไปแล้วล่ะก็ นั่นเท่ากับว่า
อัตราเร่งหรือความเร็วของรถมันจะหล่นลงมาเท่ากับปริมาณไฟที่เครื่องยนต์ป้อนให้มอเตอร์เท่านั้นครับ
ซึ่งนั่นคือ 79 แรงม้า จากเดิมที่มอเตอร์มีกำลังอยู่ที่ 129 แรงม้า ดังนั้นมันจะอืดลงจริงๆ ถ้าแบตเตอรี่หมด

ผมคิดเล่นๆ นะ มอเตอร์ดึงไฟจากแบต มากกว่าที่เครื่องยนต์ปั่นไฟเข้าแบตอยู่ 50 แรงม้า หรือ 36.7749 kW

แบตเตอรี่มีความจุ 1.5 kWh ดังนั้นมันจะรองรับการทำงานเต็มที่ของมอเตอร์ไฟฟ้าได้เป็นเวลา

1.5/36.7749 = 0.04 ชั่วโมง หรือ 147 วินาทีก่อนจะหมด

การเหยียบคันเร่งเต็มที่ต่อเนื่อง 147 วินาทีโดยไม่ถอนเลย น่าจะได้ความเร็วเกิน 200 หรือไม่ก็คือขนข้าวสารขึ้นภูเขา

อย่างแรกที่วิ่งแช่ 200 กว่า คงหาได้ยาก

แต่การขึ้นภูเขา อันนี้ผมว่าน่าห่วง นึกภาพกำลังขึ้นเขาแล้วกำลังลดลงนี่ ถ้าเป็นคนที่ไม่มีความเข้าใจในระบบนี้อาจมีปัญหา

สรุป: ส่วนตัวผมคิดว่ามันเพียงพอกับการใช้งานทั่วไป แต่อาจต้องคิดดีๆ ถ้าซื้อให้คนที่ไม่รู้เรื่องรถขับ แล้วมีเส้นทางขึ้นเขาครับ

ออฟไลน์ punn

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,595
  • may the force lead your way ...
โดยหลักการก็แนวๆมอเตอร์สูบไฟจากแบต
และ Gen พอมีเวลา(คิด)จัดการพลังงานในช่วงเวลานึงครับ
 
การพัฒนาจะเป็นไปในแง่ efficiency คือ
Gen(เครื่อง x Invertor) = Output(การกินกระแสของมอเตอร์)

ซึ่งเครื่องยนต์สันดาปผมว่าเริ่มพีคพัฒนาไปได้อีกไม่เท่าไหร่
ที่จะแข่งกันจริงๆคือตัว Invertor ปั่นกระแสออกมาได้สมบูรณ์แค่ไหน
Output/Input ใกล้เคียง 1 มากกว่ากันในแต่ละยี่ห้อ

------

เข้าเรื่องของ e-power ซึ่งมีมอเตอร์เป็นตัวขับอย่างเดียว
การรักษาไฟให้เพียงพอเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

ที่เห็นข่าวมาคือ min ที่ engine เริ่มทำงานคือ 40%
หรือเกินความเร็วนึงเครื่องต้องปั่นเลี้ยงกระแสตลอดเวลา
มากบ้างน้อยบ้างตาม ecu สั่งการ

hybrid โตคือต่ำกว่า 25-30% เครื่องจึงทำงาน

สรุป มันคือรถยนต์ที่เหมาะใช้ความเร็วเดินทาง ที่ขับ top speed ได้เป็นบางครั้ง
ใครคาดหวังจะขับ top speed ตลอดผมว่ามันยังไม่ตอบโจทย์เท่าไหร่ครับ

ปล ลืมตอบจขกท คือไม่อืดลงหรอกครับ
เพราะต้องเซ็ท top speed เท่าที่เครื่องยนต์ปั่นกระแสออกมาได้ทัน น่าจะไม่เกิน 160
แต่การกินน้ำมันจะรับได้หรือเปล่าสำหรับคนคาดหวังสูงๆแค่นั้นครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 10, 2020, 13:44:23 โดย punn »
เป็นคนโลกปกติธรรมดา :)
ไม่โลกสวย และไม่โลกมืด อยู่กับความเป็นจริงและพลังงานบวก ..

ปราชญ์สอนสิ่งไหน คนก็จะจำสิ่งนั้น
ประสบการณ์เจอแบบไหน คนก็จะคิดทางนั้น
ต่างคนต่างประสบการณ์เรียนรู้สิ่งเดียวกัน ก็จะออกมาแตกต่างกันไปครับ

ออฟไลน์ sukhontha

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,478
ผมจะไปดูตัวจริง

ผมไม่ห่วงเรื่องนี้นะ   มอเตอร์ 2 ตัวใหญ่ ๆ  แถมถ้ากดหนัก ๆ  มีปั่นไฟตรงไปมอเตอร์ด้วย  ไม่ผ่านแบตฯ


ออฟไลน์ punn

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,595
  • may the force lead your way ...
นั่นไงๆ เริ่มคิดถึงความเป็นจริงแล้วใช่มั้ยครับ ที่ก่อนหน้านี้ใครๆ ก็คิดว่าเครื่องยนต์หมุนชิวๆ ที่รอบเดินเบา

ในมุมของงานวิศวกรรมคือ อัตราการดูดไฟฟ้าไปใช้ของมอเตอร์เพื่อการลากตัวรถให้วิ่งออกไปที่ความเร็วต่างๆ
ว่าเป็นเท่าไหร่เมื่อเทียบกันอัตราการปั่นไฟฟ้าได้ของเครื่องยนต์ แล้วมันก็จะผันตามมาเป็นอัตราการดึงน้ำมัน
ไปใช้ของเครื่องยนต์ด้วย ขนาดของแบตเตอรี่เป็นเพียง buffer เปรียบได้กับจนาดของแท็งค์น้ำในบ้านเราเท่านั้นเองครับ

ซึ่งถ้าอัตราการปั่นไฟของเครื่องยนต์มันน้อยกว่าความต้องการไฟมี่มอเตอร์จะดึงออกไปแล้วล่ะก็ นั่นเท่ากับว่า
อัตราเร่งหรือความเร็วของรถมันจะหล่นลงมาเท่ากับปริมาณไฟที่เครื่องยนต์ป้อนให้มอเตอร์เท่านั้นครับ
ซึ่งนั่นคือ 79 แรงม้า จากเดิมที่มอเตอร์มีกำลังอยู่ที่ 129 แรงม้า ดังนั้นมันจะอืดลงจริงๆ ถ้าแบตเตอรี่หมด

ผมคิดเล่นๆ นะ มอเตอร์ดึงไฟจากแบต มากกว่าที่เครื่องยนต์ปั่นไฟเข้าแบตอยู่ 50 แรงม้า หรือ 36.7749 kW

แบตเตอรี่มีความจุ 1.5 kWh ดังนั้นมันจะรองรับการทำงานเต็มที่ของมอเตอร์ไฟฟ้าได้เป็นเวลา

1.5/36.7749 = 0.04 ชั่วโมง หรือ 147 วินาทีก่อนจะหมด

การเหยียบคันเร่งเต็มที่ต่อเนื่อง 147 วินาทีโดยไม่ถอนเลย น่าจะได้ความเร็วเกิน 200 หรือไม่ก็คือขนข้าวสารขึ้นภูเขา

อย่างแรกที่วิ่งแช่ 200 กว่า คงหาได้ยาก

แต่การขึ้นภูเขา อันนี้ผมว่าน่าห่วง นึกภาพกำลังขึ้นเขาแล้วกำลังลดลงนี่ ถ้าเป็นคนที่ไม่มีความเข้าใจในระบบนี้อาจมีปัญหา

สรุป: ส่วนตัวผมคิดว่ามันเพียงพอกับการใช้งานทั่วไป แต่อาจต้องคิดดีๆ ถ้าซื้อให้คนที่ไม่รู้เรื่องรถขับ แล้วมีเส้นทางขึ้นเขาครับ

เรื่องขึ้นเขา ถ้าไม่บรรทุกหนักหรือเหยียบ top speed ขึ้นเขาก็ไม่น่ามีปัญหามากนะครับ
ผมก็สงสัยแนวนี้ เลยลองขับทดลอง hybrid โตที่ผมมีดู
คือมันใช้แรงบิด ซึ่ง motor มันให้ที่รอบต่ำมากอยู่แล้ว
หมายถึงไม่ได้เค้นกระแสเลย ต่างกับเครื่องสันดาป

ผมขับที่เกาะสมุยประจำ รอบเกาะมีเขาเล็กเขาน้อย
ถ้าใช้เครื่องสันดาปจะเปลืองกว่าเห็นๆ
แต่ใช้ hybrid กินกว่าวิ่งพื้นราบนิดเดียวจริงๆ
คือนิสัยการเหยียบมีผลมากกว่ามีภูเขาพอสมควรสำหรับมอเตอร์ครับ
เป็นคนโลกปกติธรรมดา :)
ไม่โลกสวย และไม่โลกมืด อยู่กับความเป็นจริงและพลังงานบวก ..

ปราชญ์สอนสิ่งไหน คนก็จะจำสิ่งนั้น
ประสบการณ์เจอแบบไหน คนก็จะคิดทางนั้น
ต่างคนต่างประสบการณ์เรียนรู้สิ่งเดียวกัน ก็จะออกมาแตกต่างกันไปครับ

ออฟไลน์ SM.

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 27,418
คิดว่าระบบน่าจะป้องกันไม่ให้แบตหมดเกลี้ยงนะครับ แต่ต้องรอผู้รู้อีกที ว่าการทำงานเป็นอย่างไร

ส่วนตัวเข้าใจว่า ถ้ารถยังวิ่งอยู่ ล้อหมุด แบตไม่หมดครับ มีไฟฟ้าเลี้ยงไปเรื่อยๆครับ

ออฟไลน์ polwath

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 886
จริงๆ Kicks มันควรจะมีช่องเสียบชาร์จไฟฟ้ามาให้ด้วย หากจอดในบ้าน ไม่อยากออกไปเติมให้เปลืองน้ำมัน,  หรือกรณีหาปั้มไม่ได้แต่มีจุดชาร์จแบบปกติ อย่างน้อยก็ยังชาร์จได้เร็วหน่อย เพราะความจุแบตน้อยอยู่แล้ว

ออฟไลน์ chok_nont

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 73
แบตไม่น่าจะหมดนะ ยังไงๆ รถ E-Power มันวิ่งได้ด้วยไฟฟ้าอย่างเดียว  น้ำมันเป็นตัวปั่นไฟฟ้าเข้าเครื่อง น้ำมันไม่ได้เป็นระบบขับเคลื่อน

ในเบื่้องต้น เดาว่า
ปั่น 2000 รอบ ที่ความเร็วไม่เกิน 90 Km    คือ พลังงานปั่นไฟฟ้าที่เพียงพอ และ อัตราการกินน้ำมันจะต่ำที่ 25 km/L
ปั่น 2500 รอบ ที่ความเร็วไม่เกิน 110 Km  คือ พลังงานปั่นไฟฟ้าที่เพียงพอ และ อัตราการกินน้ำมันจะต่ำที่ 20 km/L
ปั่น 3000 รอบ ที่ความเร็วไม่เกิน 130 Km  คือ พลังงานปั่นไฟฟ้าที่เพียงพอ และ อัตราการกินน้ำมันจะสูงที่ 15 km/L
ปั่น 4000 รอบ ที่ความเร็วไม่เกิน 150 Km  คือ พลังงานปั่นไฟฟ้าที่เพียงพอ และ อัตราการกินน้ำมันจะสูงที่ 10 km/L

แล้วมันก็จะตัน เพราะเครื่องยนต์มันแค่ 1.2 LT + แบตมันเล็กกว่าแบต Hybrid ทั่วไป(ที่หลายคนบอกว่า E-Power ใช้แบตเล็กลง แบกน้ำมันรถรวมลดลงตาม) มันจะมี max capacity ของระบบอยู่ และแสดงว่าไม่เน้นเก็บไฟ เอาไว้รับ/จ่ายไฟฟ้าที่ปั่นโดยน้ำมัน

หาก Kick E-power ใช้เครื่อง 1.5 LT และแบตใหญ่ขึ้น มันจะรับน้ำหนักตัวรถที่มากขึ้นได้ และ แรงมากขึ้นอาจไปถึง 200 Km/L ได้