ผู้เขียน หัวข้อ: เอามาฝากครับ 100 ความรู้เรื่องรถยนต์  (อ่าน 7162 ครั้ง)

ออฟไลน์ prai

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,154
เอามาฝากครับ 100 ความรู้เรื่องรถยนต์
« เมื่อ: กันยายน 22, 2010, 17:48:40 »
ไปเจอมาครับ เห็นว่ามันมีประโยชน์ดีเลยนำมาฝากให้อ่านกันครับ
เผื่อใครที่ยังไม่รู้ หรือยังไม่เคยอ่านครับ



เช่น

การใช้รถยนต์ “ป้ายแดง” อย่างถูกวิธี
อดใจสักนิด อย่าเพิ่งลากรอบ
ระยะทาง 0-1,000 กิโลเมตร ควรหลีกเลี่ยงการใช้รอบเครื่องยนต์เกิน 2,500-3,000
รอบ/นาที หรือเปลี่ยนความเร็วรอบขึ้น-ลงแบบกระทันหันโดยไม่จำเป็น
การเปลี่ยนจากเกียร์ต่ำขึ้นสู่เกียร์สูง ควรทำอย่างนิ่มนวลที่ระดับ 2,500 รอบ/นาที
แล้วถอนคลัตช์ช้าๆ ส่วนการเปลี่ยนจากเกียร์สูงลงสู่เกียร์ต่ำ เพราะต้องการใช้เกียร์สัมพันธ์กับ
ความเร็ว ไม่ควรเปลี่ยนลงเกียร์ต่ำ เพราะต้องการใช้เกียร์และเครื่องยนต์ช่วยเบรก
ถ้าต้องการเบรกให้เหยียบเบรกตามปกติ ในช่วง 0 - 5,000 กิโลเมตร
ไม่ควรใช้รอบเครื่องยนต์เกิน 4,000 รอบ/นาที

เมื่อถึงระยะ 1,000 กิโลเมตร ให้ถ่ายน้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ และน้ำมันเฟืองทิ้งท้าย
เพื่อเอาเศษสกปรกที่หลุดจากชิ้นส่วนต่างๆและปะปนอยู่ในน้ำมันออก
(แม้บางศูนย์บริการจะไม่ระบุไว้ก็ตาม)


รถยนต์ป้ายแดงกับการเดินทางไกล
การเดินทางไกลกับรถยนต์ใหม่สามารถทำได้ แต่ต้องใช้เทคนิคและความระมัดระวังเป็นพิเศษ
โดยเฉพาะรถยนต์ที่ยังไม่พ้นระยะรัน-อิน การเดินทางไกลกับการใช้รอบเครื่องยนต์ในรถยนต์
ใหม่ อาจมีความเข้าใจผิดในหลายกรณี โดยเฉพาะในเรื่องความเร็ว ผู้ใช้ส่วนหนึ่งคิดว่า
ในเมื่อเดินทางไกลมักใช้ความเร็วสูง แล้วจะควบคุมรอบเครื่องยนต์ได้อย่างไร
เพราะถ้าขับเร็วก็น่าจะต้องใช้รอบสูงด้วย แต่ความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น

การขับด้วยรอบเครื่องยนต์ระดับปานกลาง ก็สามารถไต่ขึ้นสู่ความเร็วตามกฎหมายกำหนดได้
รถยนต์ส่วนใหญ่ในความเร็วระดับ 90-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเกียร์สูงสุดไม่ว่าจะเป็น
เกียร์ธรรมดาหรือเกียร์อัตโนมัติมักใช้รอบเครื่องยนต์ประมาณ 2,500-3,000 รอบ/นาที
เท่านั้น ซึ่งไม่สูงเกินไป การเดินทางไกลมีข้อดี คือ สามารถขับได้อย่างนุ่มนวลและควบคุม
รอบเครื่องยนต์ได้ตามต้องการ แต่ไม่ควรขับแช่ที่ความเร็วเดียวกันต่อเนื่องนานๆ
ควรเปลี่ยนแปลงความเร็วบ้าง โดยอาจสลับด้วยกาสรผ่อนความเร็วลงเล็กน้อย

สำหรับกรณีคับขัน เช่น ต้องเร่งแซงหลบหลีก ก็สามารถกดคันเร่งได้เลย
ไม่ต้องเน้นรักษารอบเครื่องยนต์มากเกินไป จนขาดความปลอดภัยหรือถูกชน


อย่าไว้ใจ.....แม้เป็นป้ายแดง
รถยนต์ส่วนใหญ่มักมีการผลิตครั้งละเป็นจำนวนมากๆ แม้มีการควบคุมคุณภาพที่เข้มงวด
ก็ยังอาจเกิดข้อผิดพลาดขึ้นได้ ดังนั้นเจ้าของรถป้ายแดงจึงไม่ควรนิ่งนอนใจ
หมั่นตรวจสอบสภาพของอุปกรณ์ต่างๆ ถ้าพบความผิดปกติจะได้เคลมก่อนหมดประกัน





เบรคอย่างถูกต้องและปลอดภัย
การเบรคแต่ละครั้งต้องทำเช่นไร
การเบรคแบ่งเป็น 2 แบบหลัก คือ เบรกเพื่อชะลอความเร็วและเบรคเพื่อหยุดรถ และเพื่อความปลอดภัย
ก่อนเบรคควรประเมินสถานการณ์ด้านหน้าและด้านหลังให้ดีซะก่อน
เพื่อที่น้ำหนักในการเบรคจะได้เป็นไปอย่างเหมาะสม เพื่อความปลอดภัยสูงสุดในการขับขี่
เรามาดูกันดีกว่าว่าการเบรคแต่ละครั้งต้องทำเช่นไร

เบรคเพื่อชะลอความเร็ว
น้ำหนักในการเบรคต้องสัมพันธ์กับความเร็วของรถยนต์คันอื่น ๆ
ไม่ควรกดเบรคหนักจนความเร็วลดลงมากเกินไป เพราะจะทำให้สิ้นเปลืองทั้งเวลาและน้ำมันเชื้อเพลิง
เพราะถ้าหากว่าเครื่องมีความเร็วลดลงมากเกินและกลับมาเร่งความเร็วอีกที
จะทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันมากกว่าปรกติ แต่ก็ไม่ควรแตะเบรคเบาเกินไปจนขาดความปลอดภัย


เบรคเพื่อหยุดในสภาพปรกติ
ควรแตะเบรคล่วงหน้า ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการส่งสัญญาณไฟเบรคเตือนให้รถยนต์ที่ตามมาคันหลังได้เตรียมตัวเบรค
ที่สำคัญไม่ควรขับเข้าไปใกล้คันหน้าและกดเบรคอย่างรุนแรง เพราะอาจจะทำให้รถเสียการทรงตัว
ซึ่งจะทำให้เกิดความสึกหรอในชุดได้เบรคสูง
หรือบางทีรถยนต์คันหลังที่ตามมาอาจเบรคไม่ทันจนชนท้ายรถของคุณก็เป็นได้


ในสถานการณ์ฉุกเฉิน
ควรหยุดให้ใกล้รถยนต์คันหน้ามากที่สุด เพื่อรถยนต์ที่ตามมาด้านหลังจะได้มีระยะในการเบรคมากขึ้น
และสำหรับรถยนต์เกียร์ธรรมดา ต้องเหยียบคลัตช์เมื่อตอนรถยนต์เกือบหยุดแล้วเท่านั้น
เพราะการเหยียบเบรคไปพร้อมกับการเหยียบคลัตช์นั้น เปรียบเสมือนการเหยียบเบรคไปพร้อมกับปลดเกียร์ว่าง
ซึ่งเครื่องยนต์ที่ถูกปลดออกจากการขับเคลื่อนจะไม่สามารถหน่วงช่วยในการเบรคได้
โดยจะทำรถยนต์มีแรงเฉื่อยเพิ่มขึ้น เบรคต้องทำงานหนักขึ้น และระยะทางในการหยุดรถก็เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน


เบรคในขณะที่ยังค้างอยู่ในเกียร์ขับเคลื่อน
เครื่อง ยนต์ยังใช้รอบการหมุนหน่วงความเร็วของตัวรถยนต์อยู่
จึงควรเริ่มเหยียบคลัตช์เมื่อรถยนต์ใกล้หยุดสนิท เพื่อไม่ให้เครื่องยนต์ดับ
ส่วนเกียร์อัตโนมัติก็กดเบรกอย่างเดียว ไม่ควรปลดเกียร์ว่างแล้วเบรค
เพราะอาจทำให้เกิดความเสียหายในชุดเกียร์ได้


การลดเกียร์ลงต่ำ เพื่อช่วยเบรคเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ
เพราะจะทำให้รอบเครื่องยนต์สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จนชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์เกิดความสึกหรอมากกว่าปรกติ
หรือเกิดความเสียหายได้
ล้อขับเคลื่อนที่หมุนด้วยความเร็ว เมื่อถูกหน่วงด้วยเครื่องยนต์ เพลาขับจะได้รับแรงบิดสูง
อาจทำให้เพลาขับสึกหรอมากกว่าปรกติ

ไม่ว่ารถของคุณจะมีระบบความปลอดภัยราคาแพงเท่าไร แต่ถ้าหากคุณขับโดยความประมาท
อุปกรณ์ราคาหลายล้านก็ไม่อาจจะช่วยคุณได้
ทางที่ดีที่สุดเลยก็คือ คุณต้องมีสติและมีสมาธิอยู่ตลอด เพื่อความปลอดภัยของคุณและเพื่อนร่วมทาง




และอีกมากมายครับ เช่น กฎจราจรที่คนไทยละเลย, เคล็ดไม่ลับกับลมยาง, คาถา " โค้งอันตราย ", TURBO ทำไมต้องแรง, เกร็ดน่ารู้ เพื่อยืดอายุการใช้งานแอร์รถยนต์, ยางของคุณมี"เสียง"แบบไหน?



เชิญดาวน์โหลดได้ที่ http://upload.one2car.com/download/download.aspx?pku=3F100B36C543XSOJG2B4QABBOLOYAG

ออฟไลน์ Fly to dream

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 12,640
Re: เอามาฝากครับ 100 ความรู้เรื่องรถยนต์
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: กันยายน 22, 2010, 17:57:10 »
เมื่อก่อนเวลาซื้อรถมาซื้อกรุงเทพ ต้องขับกลับมากระบี่ กลายเป็นว่าอัดตั้งแต่ป้ายแดงเลย หุหุ
ขยะของโลกออนไลน์​ในปัจจุบั​นคือเชื่อคนโง่ที่มีคำพูดสวยหรู​ หาข้อมูล​ไม่จริงมาโกหกคำโตๆ​ อีกอย่างคือพูดความจริงไม่หมด กับพวก​ Avatar ที่ทำเป็น​เก่ง​แต่เก่งน้อยในโลกความจริง​ซึ่งจะหาได้ง่าย

ออฟไลน์ มึน!!

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 709
  • -*-
Re: เอามาฝากครับ 100 ความรู้เรื่องรถยนต์
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: กันยายน 22, 2010, 18:43:44 »
ปัจจุบันเห็นป้ายแดง อัดกันไวมาก
ก้านไฟเลี้ยวไม่ได้มีไว้ประดับรถ เปิดกันบ้าง ไม่ต้องกลัวมันถลอกกก

ออฟไลน์ 6162002

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,089
Re: เอามาฝากครับ 100 ความรู้เรื่องรถยนต์
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: กันยายน 22, 2010, 18:51:46 »
เหมือนเป็นหลักการขับขี่ปลอดภัยเลยแฮะ อิอิ

ป.ล.ประเด็น 1 พันกิโลค่อยเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง เห็นหลายๆคนออกมาแย้งว่า ไม่ควร เพราะพวกเศษParticle ในน้ำมันเครื่องนั่นแหละ จะเป็นตัดไปขัดสี ส่วนอื่นๆ (เหมือนเม็ดบีทในโฟมล้างหน้า) ซึ่งอันนี้ ก็ยังไม่เคยเห็นใครให้เหตุผลได้เด็ดขาดเป็นเรื่องเป็นราว บางคนดันบอกว่าตอนรันอิน ถ้าขับช้าตลอด จะพาลทำให้รถเร่งไม่ขึ้นได้ในระยะยาวซะงั้น (เหตุผลไม่มี ไม่รู้มาไง อ้างตามความรู้สึกอย่างเดียว) และประเด็นอื่นอีกมากมายเกี่ยวกับรถป้ายแดง เป็นอะไรที่เถียงกันไม่จบไม่สิ้นสักทีแฮะ

ออฟไลน์ MoLee

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,191
Re: เอามาฝากครับ 100 ความรู้เรื่องรถยนต์
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: กันยายน 22, 2010, 19:27:37 »
ขอบคุณมากครับ  ได้ความรู้เพิ่มขึ้นเยอะ ;D

ออฟไลน์ Eddy5659

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,619
Re: เอามาฝากครับ 100 ความรู้เรื่องรถยนต์
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: กันยายน 22, 2010, 20:32:23 »
ปัจจุบันเห็นป้ายแดง อัดกันไวมาก

จริงครับ ผมก็เผลอไปทีกำลังจะเข้า 130 ผบ เลยดุซะ

แบบว่าชินอะ นี่ได้รถมา  6 วัน ครบพันโล เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง แล้วจะอัดให้หายอยากเลย อิอิอิ
2007 Toyota Vios
2009 Toyota Hilux Vigo
2010 Toyota Camry
2011 Ford Ranger
2011 Isuzu Dmax
2011 Toyota Hilux Vigo
2015 Ford Ranger
2015 Ford Everest 2.2 Titanium
2015 Ford Everest 3.2 Titanium+
2016 Toyota Hilux Revo 2.4 J m/t (5 คันจะที่รัก)
2017 BMW 320d iconic