ไปเจอมาครับ เห็นว่ามันมีประโยชน์ดีเลยนำมาฝากให้อ่านกันครับ
เผื่อใครที่ยังไม่รู้ หรือยังไม่เคยอ่านครับ
เช่น
การใช้รถยนต์ ป้ายแดง อย่างถูกวิธี
อดใจสักนิด อย่าเพิ่งลากรอบ
ระยะทาง 0-1,000 กิโลเมตร ควรหลีกเลี่ยงการใช้รอบเครื่องยนต์เกิน 2,500-3,000
รอบ/นาที หรือเปลี่ยนความเร็วรอบขึ้น-ลงแบบกระทันหันโดยไม่จำเป็น
การเปลี่ยนจากเกียร์ต่ำขึ้นสู่เกียร์สูง ควรทำอย่างนิ่มนวลที่ระดับ 2,500 รอบ/นาที
แล้วถอนคลัตช์ช้าๆ ส่วนการเปลี่ยนจากเกียร์สูงลงสู่เกียร์ต่ำ เพราะต้องการใช้เกียร์สัมพันธ์กับ
ความเร็ว ไม่ควรเปลี่ยนลงเกียร์ต่ำ เพราะต้องการใช้เกียร์และเครื่องยนต์ช่วยเบรก
ถ้าต้องการเบรกให้เหยียบเบรกตามปกติ ในช่วง 0 - 5,000 กิโลเมตร
ไม่ควรใช้รอบเครื่องยนต์เกิน 4,000 รอบ/นาที
เมื่อถึงระยะ 1,000 กิโลเมตร ให้ถ่ายน้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ และน้ำมันเฟืองทิ้งท้าย
เพื่อเอาเศษสกปรกที่หลุดจากชิ้นส่วนต่างๆและปะปนอยู่ในน้ำมันออก
(แม้บางศูนย์บริการจะไม่ระบุไว้ก็ตาม)
รถยนต์ป้ายแดงกับการเดินทางไกล
การเดินทางไกลกับรถยนต์ใหม่สามารถทำได้ แต่ต้องใช้เทคนิคและความระมัดระวังเป็นพิเศษ
โดยเฉพาะรถยนต์ที่ยังไม่พ้นระยะรัน-อิน การเดินทางไกลกับการใช้รอบเครื่องยนต์ในรถยนต์
ใหม่ อาจมีความเข้าใจผิดในหลายกรณี โดยเฉพาะในเรื่องความเร็ว ผู้ใช้ส่วนหนึ่งคิดว่า
ในเมื่อเดินทางไกลมักใช้ความเร็วสูง แล้วจะควบคุมรอบเครื่องยนต์ได้อย่างไร
เพราะถ้าขับเร็วก็น่าจะต้องใช้รอบสูงด้วย แต่ความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น
การขับด้วยรอบเครื่องยนต์ระดับปานกลาง ก็สามารถไต่ขึ้นสู่ความเร็วตามกฎหมายกำหนดได้
รถยนต์ส่วนใหญ่ในความเร็วระดับ 90-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเกียร์สูงสุดไม่ว่าจะเป็น
เกียร์ธรรมดาหรือเกียร์อัตโนมัติมักใช้รอบเครื่องยนต์ประมาณ 2,500-3,000 รอบ/นาที
เท่านั้น ซึ่งไม่สูงเกินไป การเดินทางไกลมีข้อดี คือ สามารถขับได้อย่างนุ่มนวลและควบคุม
รอบเครื่องยนต์ได้ตามต้องการ แต่ไม่ควรขับแช่ที่ความเร็วเดียวกันต่อเนื่องนานๆ
ควรเปลี่ยนแปลงความเร็วบ้าง โดยอาจสลับด้วยกาสรผ่อนความเร็วลงเล็กน้อย
สำหรับกรณีคับขัน เช่น ต้องเร่งแซงหลบหลีก ก็สามารถกดคันเร่งได้เลย
ไม่ต้องเน้นรักษารอบเครื่องยนต์มากเกินไป จนขาดความปลอดภัยหรือถูกชน
อย่าไว้ใจ.....แม้เป็นป้ายแดง
รถยนต์ส่วนใหญ่มักมีการผลิตครั้งละเป็นจำนวนมากๆ แม้มีการควบคุมคุณภาพที่เข้มงวด
ก็ยังอาจเกิดข้อผิดพลาดขึ้นได้ ดังนั้นเจ้าของรถป้ายแดงจึงไม่ควรนิ่งนอนใจ
หมั่นตรวจสอบสภาพของอุปกรณ์ต่างๆ ถ้าพบความผิดปกติจะได้เคลมก่อนหมดประกัน
เบรคอย่างถูกต้องและปลอดภัย
การเบรคแต่ละครั้งต้องทำเช่นไร
การเบรคแบ่งเป็น 2 แบบหลัก คือ เบรกเพื่อชะลอความเร็วและเบรคเพื่อหยุดรถ และเพื่อความปลอดภัย
ก่อนเบรคควรประเมินสถานการณ์ด้านหน้าและด้านหลังให้ดีซะก่อน
เพื่อที่น้ำหนักในการเบรคจะได้เป็นไปอย่างเหมาะสม เพื่อความปลอดภัยสูงสุดในการขับขี่
เรามาดูกันดีกว่าว่าการเบรคแต่ละครั้งต้องทำเช่นไร
เบรคเพื่อชะลอความเร็ว
น้ำหนักในการเบรคต้องสัมพันธ์กับความเร็วของรถยนต์คันอื่น ๆ
ไม่ควรกดเบรคหนักจนความเร็วลดลงมากเกินไป เพราะจะทำให้สิ้นเปลืองทั้งเวลาและน้ำมันเชื้อเพลิง
เพราะถ้าหากว่าเครื่องมีความเร็วลดลงมากเกินและกลับมาเร่งความเร็วอีกที
จะทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันมากกว่าปรกติ แต่ก็ไม่ควรแตะเบรคเบาเกินไปจนขาดความปลอดภัย
เบรคเพื่อหยุดในสภาพปรกติ
ควรแตะเบรคล่วงหน้า ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการส่งสัญญาณไฟเบรคเตือนให้รถยนต์ที่ตามมาคันหลังได้เตรียมตัวเบรค
ที่สำคัญไม่ควรขับเข้าไปใกล้คันหน้าและกดเบรคอย่างรุนแรง เพราะอาจจะทำให้รถเสียการทรงตัว
ซึ่งจะทำให้เกิดความสึกหรอในชุดได้เบรคสูง
หรือบางทีรถยนต์คันหลังที่ตามมาอาจเบรคไม่ทันจนชนท้ายรถของคุณก็เป็นได้
ในสถานการณ์ฉุกเฉิน
ควรหยุดให้ใกล้รถยนต์คันหน้ามากที่สุด เพื่อรถยนต์ที่ตามมาด้านหลังจะได้มีระยะในการเบรคมากขึ้น
และสำหรับรถยนต์เกียร์ธรรมดา ต้องเหยียบคลัตช์เมื่อตอนรถยนต์เกือบหยุดแล้วเท่านั้น
เพราะการเหยียบเบรคไปพร้อมกับการเหยียบคลัตช์นั้น เปรียบเสมือนการเหยียบเบรคไปพร้อมกับปลดเกียร์ว่าง
ซึ่งเครื่องยนต์ที่ถูกปลดออกจากการขับเคลื่อนจะไม่สามารถหน่วงช่วยในการเบรคได้
โดยจะทำรถยนต์มีแรงเฉื่อยเพิ่มขึ้น เบรคต้องทำงานหนักขึ้น และระยะทางในการหยุดรถก็เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
เบรคในขณะที่ยังค้างอยู่ในเกียร์ขับเคลื่อน
เครื่อง ยนต์ยังใช้รอบการหมุนหน่วงความเร็วของตัวรถยนต์อยู่
จึงควรเริ่มเหยียบคลัตช์เมื่อรถยนต์ใกล้หยุดสนิท เพื่อไม่ให้เครื่องยนต์ดับ
ส่วนเกียร์อัตโนมัติก็กดเบรกอย่างเดียว ไม่ควรปลดเกียร์ว่างแล้วเบรค
เพราะอาจทำให้เกิดความเสียหายในชุดเกียร์ได้
การลดเกียร์ลงต่ำ เพื่อช่วยเบรคเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ
เพราะจะทำให้รอบเครื่องยนต์สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จนชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์เกิดความสึกหรอมากกว่าปรกติ
หรือเกิดความเสียหายได้
ล้อขับเคลื่อนที่หมุนด้วยความเร็ว เมื่อถูกหน่วงด้วยเครื่องยนต์ เพลาขับจะได้รับแรงบิดสูง
อาจทำให้เพลาขับสึกหรอมากกว่าปรกติ
ไม่ว่ารถของคุณจะมีระบบความปลอดภัยราคาแพงเท่าไร แต่ถ้าหากคุณขับโดยความประมาท
อุปกรณ์ราคาหลายล้านก็ไม่อาจจะช่วยคุณได้
ทางที่ดีที่สุดเลยก็คือ คุณต้องมีสติและมีสมาธิอยู่ตลอด เพื่อความปลอดภัยของคุณและเพื่อนร่วมทาง
และอีกมากมายครับ เช่น กฎจราจรที่คนไทยละเลย, เคล็ดไม่ลับกับลมยาง, คาถา " โค้งอันตราย ", TURBO ทำไมต้องแรง, เกร็ดน่ารู้ เพื่อยืดอายุการใช้งานแอร์รถยนต์, ยางของคุณมี"เสียง"แบบไหน?
เชิญดาวน์โหลดได้ที่
http://upload.one2car.com/download/download.aspx?pku=3F100B36C543XSOJG2B4QABBOLOYAG