มีความคิดเห็นอย่างไรกับ Akio Toyoda เรื่องผลเสียของรถ EV บ้าง

apinui

http://www.headlightmag.com/news-akio-toyoda-is-not-a-fan-of-ev/

จากข่าวนี้ ....ที่ผมสนใจคือประโยคนี้ที่กล่าวว่า

"Toyoda ยังแสดงความไม่เห็นด้วยต่อกระแสข่าวที่ว่า ภาครัฐของญี่ปุ่นอาจแบนไม่ให้จำหน่ายรถยนต์ใหม่ ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน ในปี 2035 พร้อมให้เหตุผลว่า หากยานพาหนะ 100% ในประเทศเป็น EV ทั้งหมด กระแสไฟฟ้าคงหมดประเทศภายในไม่กี่เดือน นอกจากนั้น เขายังระบุว่าหากต้องการพัฒนาสาธารณูปโภคให้รองรับปริมาณ EV อาจต้องใช้เงินลงทุนสูงถึง 3,580 ล้านเยน (ราว 1,040 ล้านบาท)"

ซึ่งขนาดที่ญี่ปุ่นมีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่เปิดใช้งานอยู่ 5 โรงในปัจจุบัน
และถ้าหันกลับมามองบ้านเราเพื่อนๆคิดว่าไงกันบ้างครับ ...




CMaN20

http://www.headlightmag.com/news-akio-toyoda-is-not-a-fan-of-ev/

จากข่าวนี้ ....ที่ผมสนใจคือประโยคนี้ที่กล่าวว่า

"Toyoda ยังแสดงความไม่เห็นด้วยต่อกระแสข่าวที่ว่า ภาครัฐของญี่ปุ่นอาจแบนไม่ให้จำหน่ายรถยนต์ใหม่ ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน ในปี 2035 พร้อมให้เหตุผลว่า หากยานพาหนะ 100% ในประเทศเป็น EV ทั้งหมด กระแสไฟฟ้าคงหมดประเทศภายในไม่กี่เดือน นอกจากนั้น เขายังระบุว่าหากต้องการพัฒนาสาธารณูปโภคให้รองรับปริมาณ EV อาจต้องใช้เงินลงทุนสูงถึง 3,580 ล้านเยน (ราว 1,040 ล้านบาท)"

ซึ่งขนาดที่ญี่ปุ่นมีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่เปิดใช้งานอยู่ 5 โรงในปัจจุบัน
และถ้าหันกลับมามองบ้านเราเพื่อนๆคิดว่าไงกันบ้างครับ ...



ใช้ครับ ในตอนนี้ผมว่ายังไม่Work. ต้องกลับมาถามกันก่อนว่าทุกวันนี้เราผลิตไฟฟ้าจากอะไร?
# BMW    520d E60   
# BENZ   E250CDI W212
# BMW    520d G30
# VOLVO  XC90 D5 Y2020



xman2029

เห็นด้วยครับ ตัวแปรสำคัญที่หลายๆคนมองข้าม และไม่ให้ความสนใจคือ แหล่งที่มาของไฟฟ้าที่เอามาใช้ในรถยนต์ เพราะสื่อต่างๆมัวแต่ไปสนใจตัว product ที่มันว้าว ว่ารถน้ำมันมากกว่า แต่มองข้ามปัจจัยสำคัญไปคือไฟฟ้า ซึ่งหลายๆประเทศแม้แต่อเมริกาเองก็ไม่พร้อมเมื่อเปลี่ยนไปใช้รถไฟฟ้า 100% ทั่วประเทศ



Wongsakorn5558

http://www.headlightmag.com/news-akio-toyoda-is-not-a-fan-of-ev/

จากข่าวนี้ ....ที่ผมสนใจคือประโยคนี้ที่กล่าวว่า

"Toyoda ยังแสดงความไม่เห็นด้วยต่อกระแสข่าวที่ว่า ภาครัฐของญี่ปุ่นอาจแบนไม่ให้จำหน่ายรถยนต์ใหม่ ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน ในปี 2035 พร้อมให้เหตุผลว่า หากยานพาหนะ 100% ในประเทศเป็น EV ทั้งหมด กระแสไฟฟ้าคงหมดประเทศภายในไม่กี่เดือน นอกจากนั้น เขายังระบุว่าหากต้องการพัฒนาสาธารณูปโภคให้รองรับปริมาณ EV อาจต้องใช้เงินลงทุนสูงถึง 3,580 ล้านเยน (ราว 1,040 ล้านบาท)"

ซึ่งขนาดที่ญี่ปุ่นมีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่เปิดใช้งานอยู่ 5 โรงในปัจจุบัน
และถ้าหันกลับมามองบ้านเราเพื่อนๆคิดว่าไงกันบ้างครับ ...

มันเป็นไฟท์บังคับของญี่ปุ่น หลังจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ถล่มไปครับ ถ้าจำไม่ผิด จาก 50-60 โรง เหลือเปิดทำการแค่หลักหน่วย
และญี่ปุ่นเอง ก็ไม่ได้มีเพื่อนบ้าน หรือเขื่อนใหญ่โต มากสุดมีแค่แหล่งความร้อนไต้พื้นที่เอาแน่ไม่ได้

ทางการเลยวางแผนกลับไปใช้ถ่านหิน ทำให้สะอาดขึ้น พร้อมกันนั้น ก็ใช้ถ่านหินผลิต ไฮโดรเจนไปพร้อมกันด้วย
และวัตถุดิบของการผลิตแบ็ต ที่ญี่ปุ่นผลิตเองไม่ได้มาก ก็เป็นอีกปัจจัย
พร้อมกับ Toyota ที่พัฒนารถไฮโดรเจน เห็นได้ชัดครับ เอกชนและรัฐบาลเค้า ไปทิศทางเดียวกัน เกื่อหนุนกัน ว่างแผนล่วงหน้ากันไป หลาย 10 ปี

คหสต รถไฮโดรเจน ในอนาคต อาจจะมีใช้ที่ญี่ปุ่นที่เดียว หรือประเทศอื่นที่มีปัญญาแบบเดียวกันก็ได้ ประเทศอื่นที่มีทรัพยากรไฟฟ้ามากๆ ก็ใช้รถ EV ไป ยังไงก็คิดค้นมาขายได้อยู่แล้วครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 22, 2020, 10:47:24 โดย Wongsakorn5558 »



AkE

เห็นด้วยครับ ถึงตอนนี้นะครับ จริงๆแล้วรถ fuel cell จะเหมาะที่สุดแต่ก้ยังไม่รีบพัฒนาแบบเต็มที่ซักที

น้ำมันยังเหลืออีกเยอะครับ ส่วนตัวผมๆไม่แคร์จะรถอะไรก้ได้ครับ NA Turbo PHEV HV EV Fuel cell

ไงก้ได้ครับได้หมด ในlifetime ของผมมันคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเร็วอะไรมากมาย ให้มันเป็นเรื่องของ

คนยุค ต่อๆไปอีก 100ปี+ ไปแล้วจะเป็นยังไงก้แล้วแต่ครับ ไปคิด ไปอยู่กันเอาเอง



PaPaMan

เห็นด้วยกับท่านประธาน และที่ว่าเงินลงทุน 3 พันล้านเยน น่าจะตกคำว่า "ล้าน" ไปอีกตัวนึง


ไฮโดรเจนคือเชื้อเพลิงแห่งอนาคตครับ



NKORAT

ผมยังจำได้รถยีห้อนี้ละที่บอกว่าปะตูแคปเปิดได้ของค่าย us ไม่ดีอย่างโน้นอย่างนี้เพราะของตัวเองผลิตไม่ได้ผลสุดท้ายตอนนี้พอตัวเองผลิตได้ก็ทำออกมาขาย



BN`

ส่วนตัวผมเข้าใจความคิดของเค้านะครับ แต่ผมก็ไม่เห็นด้วย 100% ซะทีเดียว

ผมมองว่าปัจจุบันรถยนต์สันดาปรุ่นใหม่ๆก็ก่อมลพิษน้อยลงกว่าเดิมมากแล้ว แถมคนใช้รถยนต์ Hybrid ก็ค่อยๆเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ส่วนรถยนต์ EV แม้จะเป็นพลังงานสะอาด แต่ก็ต้องมาดูวิธีการกำจัดเซลล์แบตเตอรี่ที่ไม่ใช้แล้ว รวมถึงมลพิษของโรงงานผลิตไฟฟ้า ด้วยเช่นกัน

แต่ถ้าวันนึงมีสถานีชาร์จครอบคลุมพร้อมหมดแล้ว ผมก็เลือกที่จะใช้รถ EV นะครับ เพราะเทคโนโลยีมันต้องก้าวไปข้างหน้าครับ จะเดินอยู่กับที่ หรือ เดินถอยหลังไม่ได้



akewizard

เรื่องใช้ไฟฟ้าจนจะหมดประเทศญี่ปุ่นในไม่กี่เดือน ตรงนี้ผมมองว่าเป็นแค่ความเห็นของบุคคลหนึ่งคับ ยังไม่ใช่ Fact หรือข้อเท็จจริง
ซึ่งเรื่องจริงปริมาณใช้ไฟฟ้าในญี่ปุ่นเป็นอย่างไร คงต้องรอดูข้อมูลกันอีกที

แบบเดียวกับเมืองไทยบ้านเราเหมือนกัน ถ้าจู่ๆมีพรวิเศษเปลี่ยนรถทุกคันเป็นไฟฟ้าหมดวันพรุ่งนี้เลยก็คงใช้ไฟกันไม่พอ
แต่การเปลี่ยนผ่านมันคงค่อยๆทะยอยเปลี่ยน แหล่งผลิตไฟฟ้าก็ทะยอยสร้าง (และสร้างได้จากหลายแหล่งด้วยเช่น พลังน้ำจากเขื่อน กังหันลม โซลาเซลล์ ถ่านหิน )

ช่วงวันนี้อากาศแถบ กทม.นี่ดีนะคับ แต่ไว้ลมนิ่งๆก่อนเถอะ ระดับ PM2.5 พุ่งทะลุชวนให้เป็นมะเร็งปอดเมื่อไหร่กระแสนี้คงเริ่มแรงขึ้นอีก



HLRx

องุ่นเปรี้ยว มะนาวหวาน ครับ ท่านประธาณ



Sleepy Boy

ญี่ปุ่นมีเวลาอีก 15 ปีให้ปรับตัว ไม่ใช่แค่บริษัทรถ รวมถึงรัฐบาลด้วย
แกอาจพูดแค่ในมุมมองญี่ปุ่น แต่ในบ้านเราใช้เครื่องยนต์ดีเซล ควันดำเยอะแยะ ค่ามลพิษสูงมาก ถ้าไม่ปรับปรุง ก็มีแต่แย่ลงไปเรื่อยๆ ถ้าทุกคนรอกันหมด ก็ไม่มีใครริเริ่มสักที



Underseven

ก็ต้องเดาทาง megatrendให้ออก ขึ้นกับประชากรส่วนใหญ่บนโลกครับ
ใครสวนทางอาจหมดอนาคตได้
พัฒนามาถูกทางก็เฮงไป ญี่ปุ่นก็แค่ 1 ประเทศ



polwath

ผมมองว่าก็จริงส่วนหนึ่ง แต่ก็มามองที่ความเป็นจริงก็คือ การผลิตไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็นมิตรหรือไม่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อย่างน้อยการบริหารจัดการเรื่องมลพิษก็น่าจะทำได้ดีกว่าภาคประชาชนนะ แน่นอนว่ามีมลพิษปล่อยออกมา แต่อาจจะน้อยกว่าที่ปล่อยจากท่อไอเสีย ไม่มากก็น้อย

เว้นเสียแต่ว่าจะสามารถผลิตไฟฟ้าแบบไร้มลภาวะได้ 100% (Solar Cell, Wind Turbine, เขื่อนขนาดเล็ก (เขื่อนขนาดใหญ่ เกิดมลพิษทางสิ่งแวดล้อมในการก่อสร้างและพื้นที่ใกล้เคียง) และ Tidal Power) และเพียงพอต่อการใช้งานในประเทศด้วย การจัดการมลพิษก็น้อยลงมาก แต่ต้องเพิ่มการซ่อมบำรุงแทน

แต่ถ้าผู้บริโภคยังไม่พร้อมจะใช้รถไฟฟ้า ก็ยังต้องแก้เรื่องมลพิษที่รถกันต่อไป (DPF, AdBlue, Catalytic Converter, Turbo Engine ฯลฯ) ควบคู่กับการลดมลภาวะของโรงไฟฟ้าด้วย รวมถึงการจัดการ Battery ที่หมดอายุหรือเสื่อมสภาพก็ยังเป็นที่กังขาอยู่ว่าจะจัดการยังไง และจัดการได้ดีแค่ไหน แล้วสามารถนำกลับมาใช้งานได้เยอะแค่ไหน



tvm

ผมไม่ได้อินกับรถ EV แบบไฟฟ้าล้วนๆ มากนัก

แต่ลองคิดตื้นๆ ง่ายๆ และใชเ้เทคโนโลยีที่เกือบทุกค่ายในไทยมีตอนนี้ เช่น ไฮบริด ทั้ง HEV และ PHEV
ว่าแค่เปลัี่ยนรถทั้งหมดเป็นไฮบริดได้ ก็ลดการใช้น้ำมันไปขนาดไหนแล้ว...



XMSL

ธุรกิจยานยนต์ก็เหมือนกับอิเล็คทรอนิคในยุคที่แล้วที่ญี่ปุ่นเป็นเจ้าตลาด จะให้กลับลำตามจีน ยุโรป เมกา ก็อาจจะไม่คล่องตัวนัก...



natin

พูดมีเหตุผลครับ ผมไม่ได้ pro รถ ev เมื่อไรที่มันมาก็เวลานั้นแหละ รถ ev มันมีมาตั้งเนิ่นนานแล้ว ถ้ามันจะบูมมันคงบูมไปนานแล้ว ส่วนตัวไม่ได้สนใจสิ่งแวดล้อม ใช้อะไรก็ได้ที่คุ้มค่าที่สุด



samaklen

บ้านเรา มลพิษดีเซล
โดนอุดปากไว้ไม่ให้พูดครับ
เบนซิน หรือ Hybrid ทำสะอาดไปแทบตาย
ก็เหมือนกินน้ำสะอาดแก้วสกปรก



เต๋า AV

สะอาดตอนใช้งาน
แต่สกปรกตอนผลิตและเก็บกวาด



SM.

เห็นด้วยกับท่านประธาน และที่ว่าเงินลงทุน 3 พันล้านเยน น่าจะตกคำว่า "ล้าน" ไปอีกตัวนึง


ไฮโดรเจนคือเชื้อเพลิงแห่งอนาคตครับ

+1



MacH1

เฉยๆกะ ความเห็นที่มาจากค่ายรถนี้คับ ยังกะโลกนี้ เทคโนโลยี เทรนอุตสาหกรรมจะหมุนพัฒนาไปตามค่ายนี้  หัดคิดกันบ้างยุคนี้มันไม่ใช่ยุค 70s,80s อีกแล้ว  แบรนด์สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้าสัญชาตินั้นเน่าเพราะอะไร มีเคสการบริหาร mindset หลงยุคให้เห็นเป็นตัวอย่างอยู่แล้ว

ไม่อยากผลิตอีวี ก็ช่างมันก็เรื่องของค่ายนั้นครับ ผู้บริโภคหัว liberal อย่างผมก็ไปซื้อของค่ายอื่นที่เค้าทำมาขาย  ยิ่งมี FTA มา การค้าเสรีแบบฟินๆโคตรดี

ปล. ใครหลงเชื่อคำโคสะนาของค่ายนี้อวยเชียร์ไฮโดรเจนอยู่ เอาง่ายๆ ลองคิดดูเอาราคาหน้าปั้ม 300-400 บาทต่อกิโล รถ fuel cell คันนึงเติมห้ากิโล คิดต้นทุนค่าเชื้อเพลิงแล้วมันถูกกว่ารถ ice ตรงไหน



Ty ESC

เขาก็มีเหตุผลของเขา

เหมือน เด็กกับคนแก่ คุยกัน

แต่ละคนก็เชื่อไม่เหมือนกัน

แต่อย่าลืมว่า ในตอนที่เปลี่ยน เทคโนโลยี
มันไม่เคยมีครั้งไหน ที่ผู้นำ ต้องไปสนใจคำของผู้ตามหรือความคิดเดิม
และเมื่อเทคโนโลยีเปลี่ยน มีใครเคยสนใจวงการอุตสาหกรรมเก่าๆมั้ย
เค้ามีแต่เกาะรถ เกาะเทรนด เพราะรู้ว่านั่นคือ ตลาดใหม่ ใครที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ ก็ค่อยๆหายไป หรืออยู่ไปเป็นตลาดเฉพาะเล็กๆ
ซึ่งมันก็ยังมีตลาดของมัน เช่น วงการเครื่องเสียงหลอด รถคลาสสิค รถจักรไอน้ำ รถม้า คนทำก็ยังมีแต่กลายเป็นทำเพื่อศิลป ประวัติศาสตร์

แล้วเวลาก็จะเป็นตัวพิสูจนื  จะเป็นยังไง ผมว่าอีกไม่เกิน 5 ปี ได้เห็นคำตอบชัดๆ

มันคงต้องมีคนกลืนน้ำลายตัวเอง



kiwiwi

วันนี้ผมยังไม่เห็นการทำลายลิเทียมอย่างเป็นรูปธรรม
ยังไม่เห็นการผลิตไฟฟ้าเป็นจำนวนมากๆแบบยังไม่ก่อมลพิษ

ผมก็ยังเห็นด้วยกับท่านประธาน

เพื่อนๆรู้มั๊ยครับ ถ้าลิเทียมในมือถือของเพื่อนๆแตก แล้วเพื่อนๆสูดกลิ่นหอมๆเข้าไป เพื่อนๆจะมีโอกาสเป็นมะเร็งเพิ่มขึ้น 20%ทันที

ถ้าไฟไหม้กองขยะที่มีโทรศัพท์ทิ้งอยู่ ก็จะเพิ่มโอกาสการเป็นมะเร็งถึง 40%

การผลิตไฟฟ้าในปริมาณมากๆ วันนี้ยังต้องอาศัยความร้อน การทำลายแบตเตอรี่ก็ยังต้องใช้ความร้อน

จริงๆแล้ว ทางเลือกที่ดีที่สุด ก็คือการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะให้มีประสิทธิภาพสูงสุดครับ



Symphonic

จะอะไรกันนักหนา

คนทำรถจะพูดอะไรก็พูดไป
คนซื้อรถ ขะซื้ออะไรก็ซื้อไป

วันนี้ในบ้านเรามี EV ราคาต่ำล้านขายแล้วนะ

ส่วนคนพูดนั่นน่ะ เพิ่งให้ข่าวการพัฒนาแบต EV
ใหม่อยู่ไม่ใช่เหรอ

วงการมายาอ่ะนะ



DaySleeper

ต้นทางเขาคุยกันที่พลังงานสะอาดแล้ว รถยนต์จะ Transformation หรือไม่ก็ว่ากันไปครับ



Sacrifice

ไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่ออกมาให้ข่าวแบบนี้  มันก็จริงแต่ มันไม่ใช่จะเปลี่ยนกันทั้งหมด พรุ่งนี้ หรือปีหน้า   

วิศวกรก็รู้ๆ กันอยู่แล้ว ว่ากังหันขนาดใหญ่ในโรงไฟฟ้า ส่งกระแสมาตามสายถึงบ้าน
ก็ยังให้ประสิทธิภาพมากกว่าเครื่องยนต์สันดาบใน 

จุดแตกหักน่าจะอยู่ที่ ค่ายจีน  อย่างเช่น ถ้าทำ MG ZS EV ราคา 6 แสนได้ cross สะเทือนแน่ๆ

หรือ greatwall ทำรถเล็กไฟฟ้า วิ่งได้ 300 KM ขายแค่ 3 แสนกว่าๆ  ถ้าทำดีทนทาน ไม่จุกจิก
ไม่ดับกลางทางภายใน 5 ปี  ค่ายญี่ปุ่น eco car ทั้งหลายสะเทือนแน่ๆ 



Winmax

ผมเห็นด้วย ผมเคยให้สัมภาษณ์เมื่อสิบปีที่แล้ว เรื่องที่มาของไฟฟ้าในกรณีที่ต้องใช้รถไฟฟ้า
สมมุติ ผมจะเปิดปั๊มที่ให้บริการขายไฟฟ้ากับ รถ ev ทั่วไป ผมต้องลงทุนขนาดไหน
เครื่องที่สามารถปล่อยกระแสไฟได้ถึงขั้น 150 kw ราคาเท่าไร
ถ้าต้องโละแค่ 10-20 % ของปั๊มน้ำมันทั่วประเทศ ต้องใช้เงินจำนวนเท่าไร
ดังนั้น ตอนนี้ผมไปเปิดบริษัทนำเข้าอุปกรณ์เหล่านั้นดีกว่ามั้ย
มีสิ่งหนึ่งที่รถไฟฟ้า ยังไม่ทำให้ดูคือการทดสอบในสภาวะอากาศต่างๆ
กรุงเทพ ผมอยากเห็นการลุยน้ำลึก 50 เซน คุณภาพของวัสดุภายใน
ที่ทนต่อความร้อนบ้านเรา ระบบขับเคลื่อนในรถสัญชาติจีน มอเตอร์ หัวเพลา ตอนนี้รถใหม่ทุกอย่างยังแน่น



mamaman

นั่นสิครับ

เค้าก็แสดงความเห็น แบบ ปัญญาชนนะครับ
มอง ผลกระทบ ทุกๆด้าน
และไม่ได้ บอกว่าอะไรต้อง 100 %
อีกอย่าง ไม่ได้บอกว่าจะไม่ขาย EV
และเค้าพูดก็ถูกอีก ไม่ใช่ เร่งแต่ จะขาย EV โดยที่ ไม่ทำ สาธารณูปโภคไปด้วย
สรุปๆ ง่าย คือ รัฐบาลจะ กำหนดนโยบายอะไรก็ต้อง วางแผนรองรับด้วย แค่นั้นเอง

แต่พวกเขวาะก็เขวาะไปครับ

สุดท้าย เค้าก็พูดถึง ประเทศ เค้าเอง  ก็ยังมี

ประเทศเค้า เค้าจะ ใช้ ไฮโดรเจน จะใช้ PHEV  หรือ EV ก็เรื่องของเค้านั่นละครับ
ไม่ต้องเป็นเดือดเป็นร้อน ให้มาก



Fly to dream

ตามนั้น มันไม่ควรเร่งรีบจะอะไรๆก็ EV คิดแต่จะรีบแบนนั่นนี่ เครื่องยนต์สันดาปไม่ใช่สิ่งเลวร้ายชั่วร้ายขนาดนั้น
ผมยังคิดว่าระบบ Hybrid นั่นแหละคือสิ่งที่ควรทำ ไม่ใช่หักดิบเอาแต่เอะอะ EV
ขยะของโลกออนไลน์​ในปัจจุบั​นคือเชื่อคนโง่ที่มีคำพูดสวยหรู​ หาข้อมูล​ไม่จริงมาโกหกคำโตๆ​ อีกอย่างคือพูดความจริงไม่หมด กับพวก​ Avatar ที่ทำเป็น​เก่ง​แต่เก่งน้อยในโลกความจริง​ซึ่งจะหาได้ง่าย



Weetting

เรียนตามตรง  EV ไม่ใช่ทางออกของพลังงานโลกครับ

เพราะยังไง ไฟฟ้าก็ต้องมาจากพลังงานความร้อน  ซึ่งการที่จะได้พลังงานความร้อนก็มาจากน้ำมัน  ถ่านหิน  หรือนิวเคลียร์ 

ส่วนที่จะมีพลังงานสะอาดมาเป็นกระแสไฟฟ้าก็พอมีครับแต่มันน้อยมาก 

PHEV ไฮบริด และไฮโดรเจน อาจจะเป็นทางออกที่ดีกว่า 
THE Manual Gearbox Preservation Society
Drive diesel until last day



bongo

คิดว่ารัฐบาลประเทศทางยุโรปเค้าโง่รึเปล่าละครับ ถึงได้สนับสนุนรถไฟฟ้า
ฟังความเห็นจากผู้ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียน่าจะเห็นความเห็นที่เป็นกลางมากกว่าไหม?