ถามพี่จิมมี่เรื่องการใช้เกียร์ AT ขณะรถติดไฟแดงครับ

Satanic za'

อยากถามพี่จิมมี่และเพื่อนๆหน่อยครับ เกี่ยวกับเกียร์ AT พอดีคันก่อนหน้านี้ผมใช้เกียร์ธรรมดามาตลอดไม่ค่อยคุ้นเคยกับ AT อะครับ (ถ้าพี่ๆมีอะไรอยากแนะนำนอกเหนือจากที่ผมถาม เชิญได้เลยนะครับผม)

1.เวลาที่เราจอดรถ(ถึงที่หมายแล้ว) ถ้าถนนเป็นพื้นราบธรรมดา กับ ทางชัน เราควรดึงเบรคมือก่อนเข้าเกียร์ P ทั้งคู่หรือเปล่าครับ เคยได้ยินว่าทางชันให้ดึงเบรคมือก่อน ภาระจะได้ไม่ไปตกที่เกียร์น่ะครับ
2.เวลารถติดไฟแดงซัก 60 วินาที ควรเหยียบเบรคหรือเข้าเกียร์ N ครับ
3. ถ้ารถติดซัก 2 นาทีขึ้นไป ควรเหยียบเบรคหรือเข้าเกียร์ N ครับ
4. ถ้าผมเข้าเกียร์ D ไว้ ขณะรถติดไฟแดง แต่ผมใช้เบรคมือแทนเบรคเท้านี่เหมาะสมมั๊ยครับ
5. ขณะจอดเวลารถติด เราเข้าเกียร์ D แล้วเหยียบเบรค กับ เข้าเกียร์ N นี่มันกินน้ำมันเท่ากันหรือเปล่าครับ
6.ทั้ง 5 ข้อที่กล่าวมานี่ ทั้ง AT และเกียร์ PS ควรปฏิบัติเหมือนกันใช่ป่าวครับ

ขอบคุณมากครับผม



J!MMY

เป็นคำถามดั้งเดิมและโบราณกาล เป็นคำถามยอดฮิต FAQ

และคุณชาญ เจียรประดิษฐ์ จากอู่กรุงเทพ เคยตอบเอาไว้ให้เป็นบทความในเว็บของเรามาแล้ว

เชิญที่นี่.. กรุาเข้าไปอ่านประกอบไว้ด้วยครับ

http://www.headlightmag.com/main/index.php?option=com_content&view=article&id=307:-n-d-&catid=80:transmission-master&Itemid=55

1. ถูกแล้วครับ แต่ ไม่ต้องซีเรียสมากก็ได้ ทุกวันนี้ ผมจอดรถบนพื้นราบ ผมไม่ได้ใส่เบรกมือไว้เลย เข้าเกียร์ P ไว้อย่างเดียว
2. เหยียบเบรกครับ
3. เหยียบเบรกครับ
4. ทำได้ครับ แต่ยกเบรกมือขึ้นให้สุดๆ ให้แน่ใจว่ารถจะไม่ไหลขึ้นไปข้างหน้า
5. เครื่องยนต์หมุนเดินเบาพอกัน กินน้ำมันพอกันครับ ไม่ได้ต่างมากมายนัก
6. แล้วเกียร์ PowerShift เนี่ย มันเป็นเกียร์อัตโนมัติหรือเปล่าครับ? ถ้าใช่ ก็ควรจะปฏิบัติแบบเดียวกันสิครับ



Satanic za'

ขอบคุณมากครับผม

คุ้นๆว่าเคยอ่านเหมือนกัน แต่หาไม่เจอ อิอิ  ขอบคุณมากครับ กระจ่างเลย



lucifer

เรื่องปลดเกียร์ D --> N ในระหว่างรถติดไฟแดง ก็มีทั้งPros และ Cons นะครับ

ก่อนจะเลือกข้าง  ลองมาทำความเข้าใจกับไส้ของเกียร์ออโตก่อนไหมครับ

เกียร์ออโตทั่วๆไปที่เราใช้กันนั้น จะประกอบด้วยชุดเฟืองขบกันกันอยู่ 3 ชุด ในลักษณะที่เรียกว่าเฟืองดาวนพเคราะห์ ( รูปแบบที่นิยมมากก็คือ เกียร์ซิมป์สัน )  ไม่มีรูปจะอธิบาย หาตำราไม่เจอ ( search ดูเอาจาก google ก็แล้วกันครับ )
เจ้าเฟืองทั้ง 3 ชุดนี้  หากปล่อยให้มันอยู่กันอย่างอิสระแล้ว  แรงขับเคลื่อนจากเครื่องยนต์ผ่านชุด ทอร์คคอนเวอร์เตอร์ จะทำให้เฟืองทั้ง 3 ชุดที่ขบกันนั้น หมุนไปเรื่อยๆ โดยที่ไม่มีแรงส่งไปหมุนล้อ

หากจะให้เกิดแรงไปฉุดหมุนล้อ ก็ต้องลอคเฟืองชุดใดชุดหนึ่งให้หยุดอยู่กับที่ จึงจะมีแรงส่งผ่านไปยังล้อได้

เมื่อโยกคันเกียร์จาก D ---> N  สิ่งแรกที่จะเกิดขึ้นก็คือ จะมีการลอคเฟือง 1 ชุดให้หยุดนิ่ง โดยอาศัยชิ้นส่วนหนึ่งที่ทำหน้าที่เหมือนเบรค มีลักษณะเป็นแถบคล้ายกับผ้าเบรค ซึ่งเรียกว่า "Brake band" เจ้าแถบที่ว่านี่จะทำหน้าที่จับให้ชุดเฟือง1ชุดหยุดเพื่อส่งกำลังดังกล่าว  

นั่นแปลว่าทุกๆครั้งที่เราโยกจาก  N --> D หรือ N -->R  เจ้า brake band ก็จะต้องออกแรงไปหยุดชุดเฟืองที่กำลังหมุนให้หยุดอยู่กับที่ และจะจับอยู่เช่นนั้นตลอดเวลาจนกว่าจะโยกกลับไปที่ N
การสึกหรอของตัว brake band จะเกิดขึ้นในทุกๆครั้งที่มันจะต้องจับให้ชุดเฟืองหยุดนิ่ง  ( บางคนบ้าๆ เร่งเครื่องแล้วโยกเกียร์ คงอยากจะออกตัวล้อเอี๊ยดดดดด  แบบนี้brake band ยิ่งสึกหรอสูงขึ้น )   อาการของเกียร์ลื่นในเวลาที่เปลี่ยนเกียร์ N --> D เพื่อให้รถเคลื่อนที่นั้น  มีสาเหตุมาจากการสึกหรอของ brake band เป็นสำคัญ

ดังนั้น ถ้าขยันโยก N --> D บ่อยๆ  ก็จะสึกหรอบ่อยๆ  สึกหรอไปเรื่อยๆ จนหมด แล้วก็เกียร์ลื่น ออกตัวไม่ได้


รอบเดินเบา อยู่ที่เกียร์D  เหยียบเบรคค้างไว้ มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง
เปลืองน้ำมัน เปลืองขึ้นแน่ๆ เพราะว่าเมื่อเหยียบเบรค เบรคจะไปฆ่ากำลังที่ส่งมาจากเครื่องยนต์ทำให้ล้อไม่หมุน รถไม่ขยับ  การที่ทำให้รถไม่ขยับจะเกิดแรงต้านกลับส่งไปยังชุดทอร์คคอนเวอร์เตอร์ ส่งผลกลับไปยังเครื่องยนต์ ทำให้เครื่องยนต์ถูกฉุดรอบลงมา ไม่มากก็น้อย ขึ้นกับการออกแบบชุดกังหัน turbine และ impeller ซึ่งเมื่อรอบเครื่องถูกฉุดให้ลดลง ระบบรักษารอบเดินเบาก็จะต้องปรับรอบเพิ่มขึ้นให้เท่ากับรอบเดินเบาปกติ นั่นคือ จ่ายน้ำมันเพิ่มขึ้นอีกนิดหนึ่ง

เมื่อยเท้าแน่ๆ แต่ไม่มีผลให้ระบบเบรคเกิดความเสียหาย หรือสึกหรอ เพราะว่าการสึกหรอของเบรคนั้นมาจากการหมุนของจานหรือดรัมเบรค เสียดสีกับผ้าเบรค เมื่อไม่มีการหมุนก็ไม่มีการเสียดสี ก็ไม่มีการสึกหรอ

การเหยียบเบรคเป็นการส่งแรงผ่านแม่ปั๊มเบรคไปกดแคลิปเปอร์เบรคอีกทีหนึ่ง ส่วนที่จะรับแรงจริงๆก็คือส่วนของลูกยางในแม่ปั๊มเบรค และชุดแคลิปเปอร์ ซึ่งไม่ได้ใช้มากเหมือนกับการออกแรงเหยียบหยุดรถที่กำลังเคลื่อนที่ การสึกหรอในส่วนนี้จึงแทบจะกล่าวได้ว่าไม่มากนักจนต้องยกเอามากล่าวกัน

ดึงเบรคมือแทนก็จะตัดปัญหาเรื่องเมื่อยเท้า และเรื่องแรงดันในระบบเบรค เพราะเบรคมือส่วนใหญ่จะใช้กลไกลวดสลิงดึงให้ผ้าเบรคขยับ ( บางรุ่นก็อาจจะไปกระทำกับ caliperโดยตรง บางรุ่นก็อาจจะเป็นดรัมเบรคซ่อนอยู่ในดิสก์เบรค )


คราวนี้ถึงบทที่ผู้ใช้จะเลือกหละ  เลือกยอมให้brake band สึกหรอ  หรือ เลือกยอมจ่ายค่าน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้น

ส่วนตัวผมเองไม่ค่อยได้ขับรถฝ่าเข้าไปในเมืองบ่อยๆ  บ้านผมอยู่ชานเมือง ทำงานอยู่นครปฐม  ส่วนใหญ่ขับเกียร์แมนนวล  แต่ก็บ่อยครั้งยึดรถผบ.ไปขับแทน หลายครั้งทีเีดยวที่ผมโยกจาก N-->Dเพียงครั้งเดียว  แล้วไปปลด D-->N เมื่อถึงที่จอดรถ  
เวลาเจอรถติด ผมจะเหยียบเบรค  ถ้าติดนานผมจะดึงเบรคมือ  แต่ถ้าติดนานโคตรๆแบบไม่รู้อนาคต  ผมเลือกดับเครื่องครับ ฮ่า ฮ่า

มัวแต่พิมพ์อยู่ คุณJIMMYให้link ทีเดียวจบเลย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 06, 2010, 18:49:29 โดย lucifer »



jukkrapong.p

แล้วถ้าเป็นเกียร์ CVT ควรจะเหยียบเบรคเหมือนกันไหมครับ



lucifer

หลักการเดียวกันแหละครับ ถึงจะเป็นเกียร์CVT ก็ต้องมี Brake band เช่นกัน



kritphakhin

มาเก็บความรู้ครับ



TDCI


แล้วเราใช้ประโยชน์จาก D ในกรณีไหนบ้างครับ




Satanic za'


แล้วเราใช้ประโยชน์จาก D ในกรณีไหนบ้างครับ



ขอบคุณ Lucifer ด้วยครับ แจ่มเลย

ส่วนพี่ TDCi กำลังจะถามว่า เกียร์ N ใช้ประโยชน์ตอนไหนหรือเปล่าครับ ถ้าใช่ ถามเหมือนพ่อผมเลย ผมคิดออกแค่อย่างเดียวคือตอนจอดเท่านั้นเองคับ



lucifer

N หรือครับ  เอาไว้ตอนจอดไว้ให้เข็นไงครับ
รถเกียร์ออโต้บางคัน(ส่วนใหญ่ก็พวกแพงๆ) ดับเครื่องแล้วถ้าเกียร์ไม่อยู่ที่P มันไม่ยอมให้ชักกุญแจออกจากเบ้าด้วย  ก็เลยต้องโยกเกียร์Pไว้แล้วชักกุญแจออก
พอดึงกุญแจออก เกียร์ก็ค้างที่P  แล้วก็จากไป  ถ้าบังเอิญจอดปิดเขาอยู่ก็จะเดือดร้อนเอาง่าย
รถแพงๆท่านก็เลยทำที่ให้ปลดshift lock แล้วโยกเกียร์ไปไว้ที่  N จะได้เข็นกันได้

จากประสพการณ์เรื่องเกียร์ P กับรถติดไฟแดง หรือ รถติดนานๆ มีอยู่ 2 เรื่อง ( ไม่ได้เจอเองนะครับ  แต่พรรคพวกเจอมา )
1.  คนขับรถคันหน้าใส่เกียร์ Pไว้ขณะที่จอดติดไฟแดงอยู่ ( ไม่รู้ไปเรียนมาจากไหน ) พอไฟเขียวปุ๊บเธอก็ชักเกียร์ลง 1 จังหวะปั๊บ  ทราบใช่ไหมครับว่ามันจะไปลงเกียร์อะไร   :o แล้วเธอก็เหยียบคันเร่งเลย  หน้ารถของเพื่อนผมก็เลยบุบซะ  เธอก็ของขึ้นหาว่าเพื่อนผมชนท้ายเธอ กว่าจะคุยกันรู้เรื่อง เล่นซะอารมณ์เสียกันทั้ง 2 ฝ่าย
2.  อีกรายหนึ่งซวยหน่อย ไม่ได้ถามว่าซ่อมไปเท่าไหร่  ใส่เกียร์Pจอดไว้นี่แหละ  แล้วโดนชนท้ายอย่างจัง  ไม่รู้อะไรพังบ้าง  ( ก็เกียร์Pมันจะมีสลักสำหรับลอคเฟืองหรืออะไรนี่แหละ ลืมกลไกไปแล้วครับ แก่แล้ว  ลอคไว้ไม่ให้เพลาขับหมุน  โดนชนท้ายเข้าให้อย่างจัง เดาๆเอาก็แล้วกันว่าอะไรพังบ้าง )

เตือนไว้อย่างหนึ่ง  เวลาจอดรถไว้หน้าประตูเพื่อที่จะเปิดประตูบ้าน  ยอมBrake bandสึกสักจึ๊กหนึ่งก็แล้วกันครับ  บางคนใส่เกียร์ D ไว้  แล้วดึงเบรคมือ  รถเกียร์ออโต้บางคันตั้งชดเชยรอบเดินเบาในเวลาที่คอมเพรซเซอร์แอร์ทำงานไว้ค่อนข้างมาก  ( ประสพการณ์จาก Honda Civic 3dr รถเกียร์ออโต้คันแรกที่ซื้อให้ผบ.ใช้ ) พอคอมพ์แอร์ทำงานปุ๊บ รอบเครื่องกระชากปั๊บ  เบรคมือดึงไว้เบาไป รถมันก็เลยวิ่งไปข้างหน้า  ใครไปยืนขวางหน้าอาจจะโดนอัดติดกับประตูตายเหมือนในข่าวที่ผ่านๆมาก็ได้นะครับ

แล้วรถเกียร์ออโต้ส่วนใหญ่ จาก N ลากมา D เนี่ย  มักจะลากลงมาได้เลย  ไม่ต้องกดshift lock   ซ้ำร้ายบางคันไม่ต้องกดเบรคด้วย   ดังนั้นอย่าใส่เกียร์ N ทิ้งไว้โดยมีเด็กนั่งอยู่ด้วยเด็ดขาด  โดยเฉพาะรถที่ลากจากNลงมาDได้โดยไม่ต้องเหยียบเบรค 
ใส่เกียร์ P เอาไว้นะครับ  ( รถแพงๆส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีปัญหาหรอก  รถรุ่นล่างๆลงมาผมเองไม่มั่นใจเหมือนกันว่าเดี๋ยวนี้กันไว้หรือเปล่า  เพราะเจ้า Honda Civic 3dr ราคา 396,000 บาท , Hondaที่ราคาถูกที่สุดในประวัติศาสตร์บ้านเรา เมื่อ 17ปีก่อน , มันลากจาก N ลงมา Dได้เลย  คิดถึงทีไรแล้วสยอง )

จริงๆแล้ว ผมเองเป็นคนไม่ชอบขับรถเกียร์ออโต้เลย  เกียร์ที่ว่าฉลาดมากๆอย่างเกียร์ของAudi ผมก็ยังไม่ถูกใจอยู่ดี  คงจะเป็นเพราะขับรถบนทางหลวงอยู่ประจำๆกระมังครับ  แล้วก็ไม่ค่อยชอบกับอาการ"ไหล" ยกคันเร่งแล้วยังไงก็ขอไหลไปก่อนนิดหนึ่งเสมอๆ เกียร์ฉลาดแค่ไหนก็จะยังมีจังหวะไหลแบบนี้ให้รู้สึกได้  ผิดกับเกียร์แมนนวลนี่ตามสั่งทุกอย่าง  แต่ชักเริ่มแก่แล้วเวลาเอารถผบ.มาขับทีไร ถึงจะไม่ถูกใจนัก แต่ก็ติดใจทุกที ฮ่า ฮ่า



Ruksadindan

มีความรู้นิดเดียวพอจะตอบได้แค่ข้อแรกครับ
ในกรณีที่ว่ามา หลังจากถอนเท้าจากเบรคหลังจากเปลี่ยนเป็นเกียร์ P ถ้าไม่ดึงเบรคมือไว้ก่อน รถจะขยับนิดๆเป็นระยะไม่กี่นิ้ว แค่นี้ก็ทำให้รู้สึกไม่ดีว่าเกียร์จะโดนอะไรไปด้วย แต่ถ้าดึงเบรคมือแล้วถอนเท้าจากเบรค มันก็จะอยู่อย่างนั้นครับ แล้วมาว่ากันอีกทีที่เกียร์ N ก่อนออกรถ



penalty

โดยส่วนตัว ผมคิดว่า PowerShift ไม่น่าจะอยู่ในกลุ่มของ Automatic Transmission นะครับ
แต่เป็น Semi-Automatic หรือ  Clutchless Manual หรือ Automated Manual Transmission
เนื่องจากมีโครงสร้างแบบเกียร์ธรรมดา ไม่มี  Torque Converter ไม่ใช้ Planetary Gearsets

ดังนั้น จากบทความของคุณชาญ ผมคิดว่ากรณีนี้ PowerShift ไม่น่าเกี่ยว
แล้วยิ่งเป็น PS แบบ  Dry-Clutch ด้วยแล้ว น่าจะสบายใจได้มากกว่า AT ทั่วไป


จริงๆแล้ว ผมเองเป็นคนไม่ชอบขับรถเกียร์ออโต้เลย  เกียร์ที่ว่าฉลาดมากๆอย่างเกียร์ของAudi ผมก็ยังไม่ถูกใจอยู่ดี  คงจะเป็นเพราะขับรถบนทางหลวงอยู่ประจำๆกระมังครับ  แล้วก็ไม่ค่อยชอบกับอาการ"ไหล" ยกคันเร่งแล้วยังไงก็ขอไหลไปก่อนนิดหนึ่งเสมอๆ เกียร์ฉลาดแค่ไหนก็จะยังมีจังหวะไหลแบบนี้ให้รู้สึกได้  ผิดกับเกียร์แมนนวลนี่ตามสั่งทุกอย่าง  แต่ชักเริ่มแก่แล้วเวลาเอารถผบ.มาขับทีไร ถึงจะไม่ถูกใจนัก แต่ก็ติดใจทุกที ฮ่า ฮ่า

ผมเคยลอง Focus TDCi PowerShift ถอนคันเร่งแล้วไม่ไหลนะ แต่ DSG ไม่รู้เหมือนกัน ไม่เคยอ่ะ
If God did not build it, an Engineer did.



TDCI

ตายโหงแล้ว! (อุทาน)

โพสต์แล้วไป ลืมดู  เขียนผิดเป็น D ซะงั้น

เป็น N  ครับ ขอบคุณน้าฟอร์ดเขียวมาก



lucifer


ผมเคยลอง Focus TDCi PowerShift ถอนคันเร่งแล้วไม่ไหลนะ แต่ DSG ไม่รู้เหมือนกัน ไม่เคยอ่ะ


ตอนนี้บอกตามตรงว่า คงจะเลิกคบกับรถยุโรปแล้วครับ ผ่านร้อนผ่านหนาวมาแล้ว  คันเดียวที่เคยใช้ก็คือ Audi A4 V6 2.4L เกียร์ออโต้ฉลาดโคตรๆ 5สปีด  lockup torque converterทำงานทุกเกียร์ครับ  ขับลงที่จอดรถ ถอนคันเร่งนี่ สัมผัสกับอาการไม่ไหลได้ครับ  แต่ถ้าลองจับความรู้สึกดีๆ มันก็จะมี"lag time" เพื่อรอให้ระบบดังกล่าวจับได้ว่าอะไรเป็นอะไรก่อนที่จะลงมือ  เร็วอย่างไรก็ยังจับสัมผัสได้ครับ  (​ยกเว้นใช้เกียร์ออโตมาตลอด ก็อาจจะไม่ใส่ใจfeelingตรงนี้)  เพียงแต่ผมใช้เกียร์แมนนวลเป็นหลัก ใช้เกียร์ออโตเป็นรถเสริม ก็เลยบอกความรู้สึก"ไหล"ได้ไม่ยาก 

เรืองpowershift ตรงนี้ไม่ได้สนใจศึกษาโครงสร้างและการทำงานครับ  จริงๆความสนใจในเรื่องของเทคโนโลยี่เรื่องรถยนต์มันตกผลึกไปนานแล้ว  ตอนนี้จะซื้อรถแต่ละคันนี่ คิดข้ามshotเรื่องspecไปไกลถึงที่ว่า ถ้าหากมีปัญหาจะซ่อมแซมยากหรือไม่  ช่างไทยจะมีปัญญาไหม  ซื้อมาแล้วจะทนขับมันได้ตลอดรอดฝั่งหรือเปล่า

สุดท้ายก็เกิดความรู้สึกว่า รถก็คือรถ มีไว้ให้ไม่ต้องเดินขึ้นรถเมลล์หรือโบกแทกซี่ไป ก็คงเท่านั้นแหละครับ
อาจจะดูสุดโต่งไปบ้าง  แต่ถ้าผ่านร้อนผ่านหนาวมานานๆ ซื้อรถใช้เองมาหลายๆคัน  ใช้ทั้งรถดี รถงั้นๆ ซ่อมรถเองบ้าง ต้องจ้างเขาซ่อมบ้าง เจอช่างดีบ้าง ช่างแย่บ้าง สุดท้ายก็จะเข้าใจความรู้สึกนี้เองแหละครับ
ตอนนี้ใครมาถามเรื่องรถนี่  ไม่มีข้อมูลแล้ว  ถึงต้องมาสมัครเป็นสมาชิกเวปนี้ครับ  ปีหน้าอาจจะหาเรื่องเปลี่ยนรถบ้าง เพราะคันเก่าก็แก่มากแล้ว



penalty

^
^
อ่อ ผมก็เข้าใจผิด เห็นบอกว่าเกียร์ฉลาดๆของ Audi ก็เลยนึกว่าเป็น S-Tronic หรือ DSG

อาการเกียร์มึน ขอเวลาคิดว่าจะเอาไงดีกับชีวิต ผมว่า Conventional Automatic เป็นหมดแหละครับ
แต่ถ้าเป็น Clutchless Manual ยังไงๆความรู้สึกรวมถึงอาการไหล ก็น่าจะต่างจาก Automatic

ผมว่า AMT แบบ Dual-Clutch น่าจะเป็นมาตรฐานรถยนต์ภายในไม่กี่ปี ก่อนที่ Quad-Clutch จะมา
เทคโนโลยีมันไปเรื่อยๆ ถ้ายังต้องอยู่กับมัน ก็หาโอกาสตามศึกษาบ้างก็ดีครับ เอาใจช่วย

ที่คิดไกลถึงที่ว่า ถ้าหากมีปัญหาจะซ่อมแซมยากหรือไม่  ช่างไทยจะมีปัญญาไหม
ผมว่ามาถูกทางแล้วครับ มันเป็นคำถามที่คนส่วนใหญ่ก็คงต้องคิดก่อนซื้อรถ
แต่จะหาคำตอบพวกนี้ได้ คงต้องมีข้อมูล Specification ของรถเพื่อประกอบการตัดสินใจด้วย
If God did not build it, an Engineer did.



อืม...นะ

อืม...ความรู้ท่วมๆเลยหระทู้นี้ ต้องเซฟเก็บไว้อ่าน  8)
'18 Honda Jazz gk5 s mt
'11 Volkswagen Scirocco R
'04 Honda Integra dc5 Type R
'96 Honda Prelude bb1



Satanic za'

นั่นสิ ผมก็รู้สึกว่า กระทู้นี้ความรู้ท่วมจอ อิอิ



IAAJP

มาเก็บเกี่ยวความรู้ครับ  ;D



Kraze

ผมก็เข้าเกียร์คาไว้ที่ D เวลาติดไฟแดงเหมือนกันครับแต่มีเพื่อนผมคนนึงก็เข้าเกียร์ D ไว้เวลาติดไฟแดงเหมือนกัน
แต่เนื่องจากตอนที่เกิดเหตุมันเป็นไฟแดงที่ติดนานมากๆด้วยความเผลอหรือลืมตัวเพื่อนก็เลยผ่อนแรงที่กดเบรคซะ
ผลคือรถก็ไหลแล้วไปจูบกับรถคันหน้า รถเพื่อนกันชนบุบไปเลยส่วนรถคันหน้าไม่เป็นอะไร = =; ยังไงก็ระวัง
อย่าลืมตัวถ้าเกิดไปติดไฟแดงแบบนานจริงๆเข้าละกันละครับว่าเรากำลังเข้าเกียร์ D คาไว้อยู่