ผู้เขียน หัวข้อ: รถยุโรปกับรถญี่ปุ่น  (อ่าน 6320 ครั้ง)

ออฟไลน์ poochil

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 48
    • อีเมล์
Re: รถยุโรปกับรถญี่ปุ่น
« ตอบกลับ #30 เมื่อ: พฤษภาคม 31, 2021, 10:11:49 »
เคยขับรถยุโรปมาบ้างก่อนซื้อเป็นของตัวเอง ที่สัมผัสความแตกต่างได้ชัดเจนคือ ความแน่นของรถ อัตราเร่งเครื่องยนต์และความนิ่งของช่วงล่างเวลาที่ขับเร็ว แต่ผมก็มาคิดเหมือนกันว่าเรากำลังเปรียบเทียบรถที่ราคาต่างกันเกือบเท่าตัวมันคงเป็นความแตกต่างที่แลกมากับราคาที่สูงขึ้นจริงๆ ถ้ารถญี่ปุ่นขายได้ราคาสูง และต้องการทำรถให้ตอบโจทย์คนใช้รถที่ต้องการรถแบบ แน่น เก็บเสียงดี อัตราเร่งเยี่ยมและมีความนิ่งของช่วงล่างเวลาขับเร็วแบบรถยุโรป ญี่ปุ่นก็คงทำได้เหมือนที่ lexus ทำได้เช่นกันครับ

ออฟไลน์ IS2000

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,186
    • อีเมล์
Re: รถยุโรปกับรถญี่ปุ่น
« ตอบกลับ #31 เมื่อ: พฤษภาคม 31, 2021, 12:16:41 »
ขับทั่วไปผมว่าเดี๋ยวนี้ต่างกันไม่มากแล้วครับถ้าเทียบรถญี่ปุ่นแบบพวก D segment กับรถยุโรปตัวต้นไปถึงกลางๆ รถ D segment จะออกสบายกว่าด้วย แต่ถ้าขับโหดๆถึงลิมิตของตัวรถนี่ผมว่าฟิลลิ่งต่างกันเยอะครับ ต้องเทียบรถพรีเมียมญี่ปุ่นกับพรีเมียมยุโรปถึงจะได้
1 3 5
├┼┼╕
2 4 6 R

ออฟไลน์ Zephyrs

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 913
Re: รถยุโรปกับรถญี่ปุ่น
« ตอบกลับ #32 เมื่อ: พฤษภาคม 31, 2021, 14:16:28 »


ขอตัวไปหา W207 มาขับหล่อๆ ราคาล้านนึง ก่อนนะฮะ

ราคานี้คือตัว FL ยังครับเนี่ย
น่าจะก่อน FL นะครับ (เดา) ช่วงนี้ราคารถมือสองยุโรปตกน่ากลัวมากเลยน่ะครับ ความต้องการมันน้อยด้วยเรื่องเศรษฐกิจด้วยอะไรด้วย
คนมีเงินเล่นจริงๆเขาก็ยอมจ่ายจบทีเดียวไปรถใหม่มือ 1 ดีกว่า เพราะรถพวกนี้ประหยัดไปหลักล้านก็จริง แต่ถ้าซ่อมให้เนี๊ยบ (ตามนิสัยคนกลุ่มนี้) มันก็หมดได้เกือบๆจะ 60-70% รถใหม่แล้ว
ออปชั่นของเล่นไรงี้ก็คงได้ไม่เท่ากันด้วย

ตรงกันข้ามกับพวกรถญี่ปุ่นโดยเฉพาะ B Seg ที่ราคาแอบขึ้นเงียบๆแบบงงๆ ประมาณ 10-20% ของราคาในปีก่อนๆ อาจจะเพราะคนเริ่มประหยัดเงินจัดๆมากขึ้น
พวกรถที่ไม่ค่อยจุกจิกและซ่อมแค่พอใช้งานได้มันเลยความต้องการสูงขึ้น อย่างเช่นวีออสบริทนี่ ปลายปีก่อนนู้นผมยังเห็นแสนถ้วนๆอยู่ ตอนนี้แสนสองสามไปเรียบร้อยแล้ว

ออฟไลน์ Teera

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,380
    • อีเมล์
Re: รถยุโรปกับรถญี่ปุ่น
« ตอบกลับ #33 เมื่อ: พฤษภาคม 31, 2021, 14:47:34 »


ขอตัวไปหา W207 มาขับหล่อๆ ราคาล้านนึง ก่อนนะฮะ

ราคานี้คือตัว FL ยังครับเนี่ย

ก่อน Face Lift ครับ ราคาเริ่มจับต้องได้ ล้านต้นๆ
ถ้าตัว FL แล้ว ล้านกลางๆ ครับ
แต่ผม ไม่ชอบ หน้ามัน น่ารักไป

ออฟไลน์ ไทบ้าน

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,668
Re: รถยุโรปกับรถญี่ปุ่น
« ตอบกลับ #34 เมื่อ: พฤษภาคม 31, 2021, 15:45:27 »
อรรถรส+ความปลอดภัย  แลกกับค่าดูแลที่เพิ่มขึ้นผมว่าคุ้มนะ
1990 Yamaha Mate-100
1992 Yamaha Bell-100
2000 Yamaha Tiara-R
2017 Yamaha MT-03

ออฟไลน์ KTN88

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,192
Re: รถยุโรปกับรถญี่ปุ่น
« ตอบกลับ #35 เมื่อ: พฤษภาคม 31, 2021, 18:40:56 »
ผมคิดว่าการเปรียบเทียบญี่ปุ่นกับยุโรปในลักษณะที่ว่าเอาญี่ปุ่นคลาสธรรมดาเทียบกับพรีเมี่ยมยุโรปดูจะไม่ยุติธรรมเท่าไหร่ เพราะญี่ปุ่นคลาสธรรมดามันเทียบพรีเมี่ยมยุโรปไม่ได้อย่างแน่นอนอยู่แล้ว พรีเมี่ยมยุโรปควรเทียบกับพรีเมี่ยมญี่ปุ่นจึง(เช่น Lexus) จะเห็นจุดเด่นของแต่ละแบรนด์ชัดเจนขึ้น

ส่วนญี่ปุ่นคลาสธรรมดากับยุโรปคลาสธรรมดาที่มีในตลาดไทยอย่าง Peugeot จะเห็นได้ว่าไม่มีอะไรที่โดดเด่นกว่ารถญี่ปุ่นในคลาสเดียวกันเลยยกเว้นดีไซน์

ออฟไลน์ WTN

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 143
Re: รถยุโรปกับรถญี่ปุ่น
« ตอบกลับ #36 เมื่อ: พฤษภาคม 31, 2021, 19:37:56 »
รถยุโรปกับรถญี่ปุ่น เรื่องวัสดุหรือการตกแต่งภายในหรือออฟชั่น ผมคิดว่าเป็นความคิดส่วนบุคคลที่แต่ล่ะคนก็คิดแตกต่างกันและการยอมรับอุปกรณ์ที่ให้มาก็แตกต่างกัน
และถ้าด้วยการขับขี่ด้วยความเร็วที่ตำ่กว่า 140km/h หรือขับขี่ในเมืองที่ความเร็วต่ำๆ ก็ อาจจะไม่เห็นความแตกต่างอย่างชัดเจน เผลอๆ รถญี่ปุ่นอาจจะได้เปรียบกว่าด้วยซ้ำตรงนี้
แต่สิ่งที่ผมว่าแตกต่างแน่ๆคือการขับขี่ในระยะทางที่ยาวๆที่มีทางคดเคี้ยวและมีความเร็วสูงเข้ามาเกี่ยวข้อง อันนี้ผมเห็นว่ารถยุโรปน่าจะทำได้ดีกว่าค่อนข้างจะชัดเจนครับ
มุมมองในส่วนตัวของผมน่ะครับ ถ้าเราไม่คำนึงถึง แบรนด์ อัตลักษณ์ของตัวเอง และ ใช้รถแค่ภายในเมืองหรือขับอยู่แต่พื้นที่ที่รถติดๆตลอดเวลา รถญี่ปุ่นน่าจะตอบโจทย์ได้ดีกว่าครับ แต่ถ้าต้องมีการขับขี่ที่ต้องใช้ความเร็วขึ้นทางด่วนหรือไปต่างจังหวัดบ่อย และต้องการรถที่มี Performance ทางด้านการขับขี่ รถยุโรปน่าจะเป็นตัวเลือกที่ชัดเจนทันทีครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 31, 2021, 19:44:52 โดย WTN »