ผู้เขียน หัวข้อ: รถยุโรปกับรถญี่ปุ่น  (อ่าน 6323 ครั้ง)

ออฟไลน์ poochil

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 48
    • อีเมล์
รถยุโรปกับรถญี่ปุ่น
« เมื่อ: พฤษภาคม 29, 2021, 09:29:34 »
กำลังจะใช้รถยุโรปคันแรก เป็นรถมือ 1 bmw หลังจากใช้รถญี่ปุ่นมาหลายยี่ห้อหลายคัน อยากทราบความเห็นของคนที่เคยใช้ทั้งรถญี่ปุ่นและรถยุโรปมาแล้วหลายคันคิดว่ารถยุโรปที่ราคาแพงกว่ามากมีข้อดีอย่างไรที่ทำให้ราคาแพงกว่าหรือว่าเป็นเพราะชื่อ brand กันแน่ที่ทำให้แพงกว่า

ออฟไลน์ basterias

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,793
Re: รถยุโรปกับรถญี่ปุ่น
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: พฤษภาคม 29, 2021, 09:39:42 »
ผมใช้รถญี่ปุ่นมาสองคัน คือ nissan cefiro กับ toyota camry ส่วนยุโรปนี่นั่งมาตั้งแต่ยังไม่มีรถของตัวเอง ผ่านมาจนถึงตอนนี้ก็ 7 คัน

ถามว่าต่างกันมั้ย ผมว่า series สูงๆของยุโรปถึงจะต่างกับญี่ปุ่นชัดเจนครับ เรื่องความนุ่มสบายในการโดยสารและการขับขี่ งานตกแต่งภายใน แต่ถ้า entry cars ส่วนใหญ่ผมว่าสมัยนี้ไม่ต่างมากเหมือนสมัยก่อนแล้ว

ส่วนที่แพงก็หลายอย่างครับ แบรนด์ก็ส่วนนึง ต้นทุนก็อาจจะมีส่วน
Current cars:
2018 - Volvo XC60 T8 R-design (Stock)
2020 - Mercedes C43 Sedan FL (tuned)
(Review https://community.headlightmag.com/index.php?topic=79186.0)
2021 - BMW 530e M sport LCI (Stock)
(Review https://community.headlightmag.com/index.php?topic=79736.0)

ออฟไลน์ MANUS995

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 163
    • อีเมล์
Re: รถยุโรปกับรถญี่ปุ่น
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: พฤษภาคม 29, 2021, 09:54:36 »
ถ้าเปลี่ยนจากตัว top ญี่ปุ่นมาตัวเริ่มต้นของยุโรปไม่เห็นความแตกต่างกันมากครับ
แต่จะรู้สึกพรีเมี่ยมขึ้นมานิดหน่อยของแบรนด์ การขับขี่ยุโรปอาจให้ความแตกต่างกันบ้างพอรู้สึกได้
แต่การตกแต่งภายในยุโรปยังไงก็ยังดูดีกว่าญี่ปุ่นโดยรวมครับ
แต่ตัวเริ่มต้นยุโรปจะเสียเรื่องสิ่งอำนวยความสะดวกภายในที่รถญี่ปุ่นมีเกือบครบแต่ยุโรปนี่โล้นมาก
ถ้าจัดยุโรปเป็นไปได้เลือกตัวท๊อปไว้ก่อนครับจะได้หลายอย่างและคุ้มค่าเงินที่จ่ายครับ
อย่าง X1 ตัวเริ่มที่โล้นจริงๆครับ ขนาด top ยังรู้สึกขาดๆ
แต่ถ้า S3 อย่าง 320d ช่วงนี้ออฟชั่นค่อนข้างใช้ได้และน่าสนใจครับ
แต่ส่วนตัวผมเลือก Volvo เพราะออฟชั่นมันมาครบจริงๆครับ แต่การขับสนุกอาจจะไม่เท่า bmw
2008-Honda City ZX >Sold
2012-Mazda BT50Pro > Sold
2016-BMW 116i > Sold
2018-Toyota Hilux Revo 2.4J AT
2019-Camry 2.5G > Sold
2020-X1 20d M-Sport > Sold
2021-Toyota Corolla CROSS 1.8 Hybrid SAFETY
2021-Volvo S60 T8 R-Design
2023-BMW 530e M-Sport
2023-BYD Atto3

ออฟไลน์ CJ.

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,946
Re: รถยุโรปกับรถญี่ปุ่น
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: พฤษภาคม 29, 2021, 10:29:16 »
ยุโรป entry+ กับญี่ปุ่นระดับ D-seg หรือ suv ไม่ได้แตกต่างกันเท่าใดนัก แต่ถ้าเรื่องแบรนด์นั้นแน่นอนว่าดูดีกว่า

ผมจึงมองว่าการเพิ่มเงินจากญี่ปุ่นระดับบน ขยับไปยุโรป entry ไม่ค่อยคุ้มค่าเท่าไหร่นัก มีกำลังทรัพย์จริงๆ แล้วกระโดดขึ้นไปเลยจะคุ้มกว่า
2005 Jaguar XJ Super V8
2005 Mercedes-Benz C230 Kom. Sports Coupe
2011 Aston Martin DBS
2013 Jaguar XJL 5.0 V8 Portfolio
2017 Lexus RX200t Premium
2019 Honda CR-V 2.4S
2019 Bentley Continental GT W12
2021 Lexus IS300h Luxury
2021 Mercedes-Benz GLE 350de 4MATIC Exclusive
2021 Porsche 911 Carrera S

ออฟไลน์ bennieT8

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 644
    • อีเมล์
Re: รถยุโรปกับรถญี่ปุ่น
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: พฤษภาคม 29, 2021, 10:41:56 »
30 ปีมานี้เปลี่ยนรถมาสิบกว่าคัน  ส่วนใหญ่เป็น SUV  ล่าสุดจาก CRV>Captiva>Forester>XC60  คุณภาพตามราคาเลยครับ  อย่าง CRV เป็น good all-rounder  ดีพอใช้ได้ทั่วไป  ไม่เด่นด้านใด  แต่เก็บเสียงแย่ จุดดีจริงคือไม่จุกจิกเลย  ศูนย์บริการดีและถูก  และขายง่ายมาก พอมาเป็นคลาสเดียวกันอย่าง Forester ก็นิ่ม, เงียบ,เกาะกว่าชัดเจน  แต่ค้อยกว่า CRV บางเรื่องที่รู้กันแต่เล็กน้อยมาก  โดยรวมไม่จุกจิกเลย+แฮปปี้กว่า CRV พอมา XC60 (ลองดาวและใบพัดแล้วไม่ถูกจริต) ราคาเป็น 220% ของ Forester  แต่ใช้แล้วมีความสุขที่สุด  รถแรง,นิ่ม,เงียบ,เกาะใช้ได้  เครื่องเสียงเยี่ยม ความปลอดภัยสุดๆ ใช้มาปีเศษไม่มีปัญหาเลย  จุดที่ชอบจริงๆคือเวลาขับเร็วๆ  bumping and rolling น้อยมาก  รถพุ่งไปแบบนิ่ง,นิ่มและราบเรียบ  ยิ่งเครื่องเสียงดีๆแล้ว  ทำให้เป็นการขับรถที่รื่นรมย์มาก  และไม่เหนื่อยหรือเครียดเลย  อยากแซงหรือฉีกเมื่อไหร่ก็ได้  สรุปว่าถ้าราคาเอื้อมถึง  ยุโรปคลาสสูงน่าจะดีกว่าชัดเจนครับ

ออฟไลน์ chaithawat

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,538
Re: รถยุโรปกับรถญี่ปุ่น
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: พฤษภาคม 29, 2021, 12:39:10 »
ถ้ายุโรปเริ่มต้นอย่าง 3 หรือ c ผมไปดีเซกเมนต์ทอปญี่ปุ่นดีกว่าครับขับไม่ได้ต่างกันครับ วัสดุภายในบางจุดห่วยกว่ารถญี่ปุ่นด้วยซ้ำ การเก็บเสียงอย่างซีรี่3ผมถือว่าแย่ครับ เสียงพื้นดังน่ารำคาญกว่าฝั่งญี่ปุ่นชัด เสียงลมก็ดังไม่แพ้กัน ถนนไม่เรียบขับกระเด้งกระดอน โยนตัวลอยเหนื่อยกว่าแบบรู้สึกได้ ที่เหนือกว่าแบบชัดเจนคือโลโก้และความสนุกกระฉับกระเฉงครับ ถ้าใช้งานในชีวิตประจำวันยังไงญี่ปุ่นก็น่าใช้กว่าในเงื่อนไขราคาไล่ๆกัน

ออฟไลน์ EVA01

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 528
Re: รถยุโรปกับรถญี่ปุ่น
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: พฤษภาคม 29, 2021, 13:17:57 »
ผมว่ารถยุโรปตั้งแต่ ซีรี่ย์ 3 หรือ c class ขึ้นไปนี่การขับขี่ดีกว่า d-seg ญี่ปุ่นชัดเจนครับ แต่ถ้าไม่ได้เป็นคนชอบขับรถเร็วหรือรู้อาการของรถมากนัก ใช้พวก accord camry ก็ไม่ต่างครับ สบายกว่าด้วยทั้งการใช้งานปกติกับการดูแลรักษา

ออฟไลน์ romeokk

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 114
Re: รถยุโรปกับรถญี่ปุ่น
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: พฤษภาคม 29, 2021, 13:33:13 »
เรื่องความแตกต่าง แล้วแต่ความรู้สึกของแต่ละคนด้วยครับว่ารับรู้ได้ขนาดไหน

ผมเปลี่ยนจาก Nissan Teana มา CLK ราคามือหนึ่งต่างกันเกือบสามเท่า แต่ความรู้สึกส่วนตัวก็ไม่คิดว่าต่างอะไรมากครับ เอาจริงๆยังรู้สึกเสียดายเลย เพราะ Teana นั่งสบาย ข้างในก็ดูดี สบายตา

หลังจาก CLK ก็เปลี่ยนมา Subaru XV นอกจากเรื่องความแข็งของช่วงล่าง กับเสียงที่ดังกว่า เรื่องอื่นๆก็ไม่ได้รู้สึกอะไรมากมายครับ

GLC กับ CX5 ลองไปนั่งดูก็ไม่ได้รู้สึกต่างอะไรมากมาย (คือก็รู้สึกต่าง แต่ไม่ดีขึ้นตาม % ราคาที่แพงขึ้นแน่ๆ)

สำหรับผม เรื่องความคุ้มค่าในรถยุโรปคือไม่คุ้ม แต่ถ้าเรื่องภาพลักษณ์ก็อีกเรื่องนึงครับ แต่สำหรับคนที่ Sensitive กับความแตกต่างมากๆ เค้าก็คงคิดไปอีกแบบ

jaesz

  • บุคคลทั่วไป
Re: รถยุโรปกับรถญี่ปุ่น
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: พฤษภาคม 29, 2021, 14:14:49 »
ต้องบอกว่าคุณมาเริ่มกับรถยุโรปในจุดที่ หาข้อดีได้น้อยลงและมีความเสี่ยงในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น

ที่จะได้แน่นอน กับรถบีเอ็มและเบนซ์ขับหลัง เน้นว่ารุ่นขับหลัง รถหนักๆ โครงสร้างแข็งแรงตลอดลำตัว พื้นรถสองสามชั้น กันเสียงจากภายนอกได้ดีกว่าในรถ ขนาดเดียวกันครับ

และแน่นอน รถขับเคลื่อนล้อหลังกับประสพการณ์ขับที่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

ข้อเสีย ที่หาไม่ค่อยได้จากรถญี่ปุ่น คือ รถยุกฉีดตรงเทอร์โบ เอาแค่ท่อน้ำหล่อเย็น ท่อแวคคั่ม รั่วแค่จุดเดียวก็หากันตาเหลือก

ประกบกับเกียร์เยอะ 8 9สปีด ที่ดีตอนใช้ ไม่สนุกตอนซ่อม

ห้าปีแรกในวารันตี อาจจะไม่ได้กระทบกระเทือนจิตใจและเงินในกระเป๋ามากนัก รู้สึกเพลินไปกับการขึ้นยานแม่บางโอกาสแบบที่ว่าไม่ได้ขึ้นก็เสียโอกาสรับรู้ประสพการณ์นอกโลกแบบคาดไม่ถึง

ชอบก็ซื้อครับ ชีวิตมันสั้นมากกว่าจะมาคิดจุกจิก ไม่ได้ทำอาชีพซ่อมรถ ไม่ได้ขาอะไหล่ ไม่ต้องคิดมากกับเรื่องจุกจิกของรถ มีเงินให้รีบใช้ Covid,อาจจะไม่ใช่ไวรัสที่รุนแรงมากสุดที่ต้องเจอก็ได้ อะไรจะเกิดอีกก็ยังไม่รู้ครับ


ออฟไลน์ Auto

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,629
Re: รถยุโรปกับรถญี่ปุ่น
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: พฤษภาคม 29, 2021, 14:19:44 »
เห็นหลาย  ๆ ท่านบอกว่ายุโรปกับญี่ปุ่นไม่ค่อยต่างกันมาก     ทำให้คันต่อไปของผมน่าจะเจาะจงไปที่ อัลพาร์ดเอาไว้นั่งสบาย  ๆ  ดีกว่า

   
  เพิ่มเติม  รถยุโรปอาจเป็นแบบที่ทุกท่านว่า    ถ้ายุโรปคลาสไม่สูงมันไม่ค่อยเห็นความแตกต่างกับญี่ปุ่นตัว Top  เท่าไหร่      ต้องรถยุโรปคลาสสูง ๆ ไปเลยจะเห็นความแตกต่างชัดเจน   แต่ราคามันก็สูงเกิน 2-3 เท่าไปด้วย           ผมเห็นทุกท่านคอมเม้นต์แล้ว    ส่วนตัวผม ย้ำว่าส่วนตัวผมคงไม่เล่นรถยุโรปตลอดชีวิต    เนื่องจากเสียดายค่าซ่อม ทนค่าซ่อมไม่ไหว       ยกเว้นถ้ามีเงินเหลือ ๆ   อยากจัด Porche 911  Lambo Ferrari  สักครั้งในชีวิต  แต่ถ้าเป็นรถยุโรปทั่ว ๆ  ไป   คิดว่าไม่ซื้อดีกว่า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 30, 2021, 09:45:03 โดย Auto »

ออฟไลน์ demo2

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 784
    • อีเมล์
Re: รถยุโรปกับรถญี่ปุ่น
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: พฤษภาคม 29, 2021, 15:00:03 »
ผมมีทั้ง teana L33 กับ BMW F30
การขับขี่ต่างกันอยู่นะครับ แบบเห็นได้ชัด (ไม่ใช่ความนุ่มนวลนะครับ เพราะบุคลิกรถมันต่างกันอยู่แล้ว) ยิ่งขับเร็วยิ่งต่างกัน (ถึงจะเป็น entry level) ต้องลองมีซักคันครับ จะได้รู้ว่ามันมีเหตุผลของความต่างเรื่องราคาอยู่ที่นอกเหนือจาก brand ครับ
ก็เหมือนรถญี่ปุ่นด้วยกันเอง มันก็มีเหตุผลของความต่างเรื่องราคาอยู่นะครับ ไม่ว่าจะญี่ห้อเดียวกันหรือต่างยี่ห้อ หรืออย่าง toyota กับ lexus
ปล ทุกวันนี้ก็ยังใช้ทั้ง2คันอยู่ เวลาขับทางไกลๆก็ยังชอบขับ F30 มากกว่า teana ความรู้สึกของคนขับมันต่างกันชัดเจนอยู่นะครับ ส่วนคนนั่งหลัง(เมียลูก)บอกแค่ว่าเบาะหลังเทียน่ากว้างกว่า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 29, 2021, 15:12:17 โดย demo2 »

ออฟไลน์ axister

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,180
Re: รถยุโรปกับรถญี่ปุ่น
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: พฤษภาคม 29, 2021, 17:02:52 »
ขอแบ่งเป็น ยุโรป = premium ญี่ปุ่น = standard ก่อน

1. premium ด้วยราคาที่แพงกว่าใน segment เดียวกัน วัสดุเค้าย่อมดีกว่า เข้าไปในรถจุดนุ่มๆก็เยอะกว่าแข็งๆอะ
2. การขับขี่ premium ส่วนใหญ่ก็จะมีเรื่องเทคโนโลยีต่างๆมาชูโรง มันก็เลยมักจะขับดีกว่า แต่เสมอไปมั้ย ก็ไม่อ่ะ
3. แบรนด์ คือด้วยความอยู่ในประเทศไทย รถยุโรปคือรวย ถ้าไม่โดนกำแพงภาษีราคามันคงไม่ได้ต่างกันขนาดนี้

ฉะนั้นโดยรวม มันก็ดีกว่า แต่ดีสมราคามั้ย คงแล้วแต่คนจำแนกประเภท เมื่อก่อนอาจจะบอกว่ารถแพงปลอดภัย ชีวิตสำคัญที่สุด ปัจจุบันรถ scale บ้าน ก็ไม่ได้ไม่ปลอดภัยนะ

สิ่งที่ต้องจ่ายเพิ่มเลยคือค่า maintenance รถเค้าแพง บำรุงถูกก็ไม่ใช่แน่ๆ เพราะเค้าผลิตมาสำหรับประเทศโลกที่ 1 ที่ค่าเงินเค้าแรงมากๆ เวลาอะไหล่อะไรทำด้วยวัสดุมาตราฐาน หรือราคานำเข้ามันเลยแพงมาก เราเป็นประเทศโลกที่ 3.5 แบบปฏิเสธจะพัฒนา มันเลยดูแพงเกินเรื่องเกินราว

อย่าง f30 ผมใช้ 320d ส่วนตัวมองว่ามันย้วยมาก ขับขี่สู้ dseg ญี่ปุ่นไม่ได้เลยซักตัวแบบรู้สึกได้ หรือเทียบแบรนด์พรีเมียมด้วยกัน อย่าง c class หรือ lexus is ก็แพ้แบบชัดเจนมาก

ฟิลเดียวกับซื้อเสื้อยืด gucci อะครับ ผ้าเค้าดีกว่าเสื้อ h&m แน่แหละ แต่ราคาที่เพิ่มมา มันใช่ราคาผ้าเปล่าก็ไม่ใช่หรอกครับ ค่าแบรนด์ ความขลัง r&d ที่เค้าสร้างมาเป็นร้อยปีมากกว่า

ถ้าเมื่อก่อนแบรนด์พรีเมียม lexus ทำข้างในอู้หู้ว หลังๆเริ่มลด cost ไปต่างๆนาๆ ในขณะที่ camry ก็พยายามหรูขึ้น

ถ้างบพร้อม ใจอยากได้ ลองดูก็ไม่มีปัญหานะครับ

แต่ถ้าใช้ camry ละมาซื้อ x1 คาดหวังว่ามันจะดีกว่า สำหรับผมว่าผิดหวังแน่ๆครับ x1 ตัวปัจจุบันผมว่ายังไม่มีอะไรสู้ camry ตัวก่อนนี้ได้เลยนอกจากประหยัดน้ำมันจากเครื่องดีเซล 20d

ออฟไลน์ DiKiBoyZ

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 7,208
    • อีเมล์
Re: รถยุโรปกับรถญี่ปุ่น
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: พฤษภาคม 29, 2021, 18:02:46 »
สำหรับผม ไม่เคยนิยามยุโรปทุกแบรนด์ เป็น premium นะครับ มันเป็นคำที่บางคน บางกลุ่ม นิยามขึ้นมา

ผมว่ายุโรป ก็เป็นรถธรรมดาๆ คันนึง ที่

1. การตกแต่งจากโรงงานถือว่าเนียบ ดีเลย ตอนใหม่ๆ นะ เพราะผ่านไปหลายปี หรือ เก่ามา แตก เหนียว เยิน กว่าญี่ปุ่น ซะด้วยซ้ำ

2. ถ้ามองไปทางยุโรปให้ เครื่องยนต์ performance ช่วงล่าง โดยรวม ถือว่ากลมกล่อมกว่า รถญี่ปุ่นเดิมๆ พอรู้สึกได้ แต่ปัจจุบัน ปี 2020 ไม่ได้ต่างกันมากอย่าง 10 ปีที่แล้วละ

3. ปี 2020 ลูกเล่น หรือ ออฟชั่น เทียบกับ ตัวเงินที่ต้องจ่าย ผมว่า ยุโรปแพงไปซะด้วยซ้ำ เพราะญี่ปุ่น อย่าง Camry Accord ได้ออฟชั่นดีกว่ารถที่ราคาแพงเป็นล้าน ด้วยซ้ำ

สุดท้าย ก็ต้องดูว่า เอาคันไหน ไปเทียบกับคันไหน ราคาญี่ปุ่นเท่าไหร่ vs ยุโรปราคาเท่าไหร่ เพราะจะเอามาเทียบกันดื้อๆ ก็อาจจะมองว่า ยุโรป น่าคบหากว่า แต่อย่าลืมว่าราคาก็แพงกว่าเช่นกันนะ

ใช้ F10 มา โดยรวมถือว่า โอเค แต่ตั้งต้นก็จ่ายแพงกว่า Accord Camry 2 ล้าน ถ้าคิดว่า F10 ดีกว่า Accord Camry ผมให้ประมาณ 15-20% ประมาณนี้ครับ

ถ้ามองความคุ้มว่า กับเงินทุกบาท ผมแนะนำให้เอา Camry Accord ตัวท๊อปไปเลย คุ้มแน่นอน เพราะ F10 กับเงิน2 ล้านที่ต่างกัน ผมว่า มูลค่าที่แท้จริง ของทั้งออฟชั่น ตัวรถ และ อื่นๆ 10-20% ที่ดีกว่า มันตีเป็นเงินไม่ถึง 2 ล้านบาท จริงๆ หรอกครับ มันทางใจ แบรนด์ และ อื่นๆ ด้วยประกอบการ มากกว่า

ออฟไลน์ BN`

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,073
Re: รถยุโรปกับรถญี่ปุ่น
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: พฤษภาคม 29, 2021, 18:05:22 »
จากที่เคยได้สัมผัสมานะครับ รถยุโรปพรีเมี่ยม ถ้าไม่ใช่พวก E-Class, Series 5 ขึ้นไป ผมมองว่ามันแทบจะไม่ค่อยต่างจาก Camry, Accord เท่าไหร่

เพราะส่วนตัวแล้วผมไม่ใช่คนที่ขับรถเร็ว ขับไปเรื่อยๆตามสภาพจราจร ดังนั้นผมอาจจะไม่ได้ใช้สมรรถนะของรถยุโรปพรีเมี่ยมได้อย่างเต็มที่เท่าไหร่

สิ่งหลักๆที่ได้จากรถยุโรปพรีเมี่ยมแบบเห็นได้ชัดก็คือ ภาพลักษณ์, การออกแบบตกแต่งภายนอกภายใน, ตัวถังที่แข็งแรงกว่า, ระบบความปลอดภัยที่ดีกว่า

ซึ่งถ้าให้เลือกจริงๆ ผมกลับชอบรถญี่ปุ่นพรีเมี่ยมมากกว่าซะด้วยซ้ำ ยี่ห้อในดวงใจของผมคือ Lexus รถนั่งสบายกว่า ทนทานกว่า ใช้งานระยะยาวแล้วสบายใจ

ออฟไลน์ Odrecranon

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 398
    • อีเมล์
Re: รถยุโรปกับรถญี่ปุ่น
« ตอบกลับ #14 เมื่อ: พฤษภาคม 29, 2021, 18:31:29 »
ผมคิดว่าถ้าจะต่างจริง ๆ ต้องเป็นพวก s-class  หรือ  series 7 ครับ

ที่ผมใช้ตอนนี้มี mazda 2, focus MK2 MK2.5 MK3, Civic FK, V40
เอาจริง ๆ คือ การใช้งานในเมืองไม่ได้ต่างกันมากเลยครับ

เทียบ mazda 2 กับ V40 แม่ผมนั่งยังบอกว่าไม่เห็นต่างกันตรงไหนเลย
แต่การขับขี่ผมชอบ feeling รถที่หนักกว่าอย่าง v40
แต่ถ้าเอา design ภายนอก ผมว่ายังไงผมว่า v40 ก็ยังส่วนกว่าฝั่งญี่ปุ่น
(ผมก็พูดได้ไม่เต็มปากว่า volvo เป็นรถยุโรป premium ครับ เพราะตอนนี้มันคือรถจีน)

ส่วนที่บ้านเคยใช้ S80 กับ camry hydrid ผมก็ว่าไม่ต่างกันในแง่การขับขี่
แต่งานประกอบ และวัสดุผมว่าทาง volvo ทำได้ดีกว่า

ถามว่าถ้าจะให้ซื้อรถคันต่อไป ผมเองมองที่ design ก่อนความคุ้มค่า
ผมคงเลือกรถกลุ่มที่ราคาสูงกว่า ที่มอง ๆ ไว้คือ XC60 ครับ รอตัว infotainment ใหม่
พวกรถระดับนี้ ผมคิดว่าถ้า service ศูนย์ตลอด มันก็ไม่มีอะไรจุกจิกนะครับ
เรื่องภาพลักษณ์ผมเฉย ๆ เดี๋ยวนี้พวก executive mid size car ใครก็เข้าถึงได้

ออฟไลน์ gunwate

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 40
Re: รถยุโรปกับรถญี่ปุ่น
« ตอบกลับ #15 เมื่อ: พฤษภาคม 29, 2021, 18:52:06 »
รถญี่ปุ่นตัวท็อปๆ ทำช่วงล่างดีๆ ขับสู้รถยุโรปได้ครับ จากใจคนทำร้านช่วงล่าง

เอาให้เห็นภาพ ผมเป็นคนขับรถเร็ว โดยส่วนตัวถ้าไม่ต้องใช้รถที่มีภาพลักษณ์ ผมเลือกฟอจูนเนอ เอามาใส่ช่วงล่างดีๆ หรือ crv พวกตัวขับสี่ใส่ช่วงล่างดีๆ ขับดีกว่าคาเยนดีเซลที่บ้านครับ ขับมันส์กว่าด้วย

ออฟไลน์ Pegasus7700

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,815
Re: รถยุโรปกับรถญี่ปุ่น
« ตอบกลับ #16 เมื่อ: พฤษภาคม 29, 2021, 19:00:02 »
ต่างครับ ต่างชัดเจน
วัสดุ การขับขี่ ความรู้สึกปลอดภัย
...ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป...

MERCEDES BENZ W212 '12
FORD FOCUS 2.0 Gdi '13
HONDA Civic RS '20
VOLVO XC60 Hybrid Inscription '19
FORD EVEREST 2.0 Bi Turbo '22

ออฟไลน์ pratuang

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 224
    • อีเมล์
Re: รถยุโรปกับรถญี่ปุ่น
« ตอบกลับ #17 เมื่อ: พฤษภาคม 29, 2021, 19:28:51 »
เห็นชัดเจน คุณต้องใช้ ซี่รี่ 5 ครับ นั้นแหละของแท้แน่

ออฟไลน์ dht_tubes

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,641
    • อีเมล์
Re: รถยุโรปกับรถญี่ปุ่น
« ตอบกลับ #18 เมื่อ: พฤษภาคม 29, 2021, 22:31:29 »
ผมเล่นเวปนี้มาหลายปี เจอกระทู้แบบนี้บ่อยมากๆ

คนที่ไม่เคย เกิน 95% คืออยากลองทั้งนั้น ส่วนมันดีกว่าแค่ไหน ความพอใจไม่เท่ากัน

แต่เห็นทีไรก้อจะไม่พ้น ถ้ามีเงินพอเล่นไหว สุดท้ายอยากลองทั้งนั้น ได้รถดีมาถูกใจ ก้อติดใจกันเยอะแยะ จะหรูใคร ไม่หรูใคร แล้วแต่จริต

ที่เหลือคือไม่ไหว ทำใจไม่ได้ อะไรก้อแล้วแต่เหตุผลของแต่ละคนไป ได้ใช้แล้วก้อติดใจกันแทบจะทั้งนั้น

ถ้าลังเล ก่อถามตัวเองว่า ถ้าซื้อมาแล้วเจอค่าซ่อม 20-35% ของราคารถภายใน 2-3 ปี รับได้มั้ย ถ้าไม่ ...ผ่านดีกว่าครับ

ออฟไลน์ U9WS

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,180
  • slower is better
Re: รถยุโรปกับรถญี่ปุ่น
« ตอบกลับ #19 เมื่อ: พฤษภาคม 29, 2021, 23:00:41 »
ถ้าเงินพร้อมลองกับตัวสักครั้งครับ จะได้ไม่ติดค้างคาใจ

ออฟไลน์ tadto

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 309
Re: รถยุโรปกับรถญี่ปุ่น
« ตอบกลับ #20 เมื่อ: พฤษภาคม 29, 2021, 23:04:12 »
ยุโรปเสียอย่างเดียวคือราคาขายต่อครับ

มองเป็น % มันจะเท่าๆกับรถญี่ปุ่น แต่พอมองเป็นตัวเงิน มันจะผิดกันโขเลย

นอกนั้น แล้วแต่จริตคนครับ


ออฟไลน์ mxmx

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 401
Re: รถยุโรปกับรถญี่ปุ่น
« ตอบกลับ #21 เมื่อ: พฤษภาคม 30, 2021, 08:44:09 »
ต้องมองว่าเทียบด่านไหน รถแต่ละรุ่นแต่ละแบรนด์ จุดประสงค์ต่างกัน

 1 เอาภาพลักษณ์ ยุโรปดีกว่าอยู่แล้ว ทั้งแบรนด์ ราคาสูงตือ รวยถึงจะซื้อได้

 2 คุณภาพ ก็ต้องถามอีกว่าด้านไหน การขับขี่ ระบบความปลอดภัย การประกอบ  ออฟชั่น ความคงทน ซึ่งก่ต่างกันอีก  บางคนคุณภาพคือการขับขี่  บางคนคือความปลอดภัย บางคนเน้นนุ่่มเงียบ งั้นคงต้องบอกว่าชุปคาร์ราคาแพงต่างๆ ห่วยกว่าคัมรี่อีก เพราะแข็งกระด้างและเสียงดัง

 ส่วนตัวผมใช้ วีออส, ครอส, g20320d, fortuner, macanเบนซิน ละก็718 ใช้งานรถญี่ปุ่นทุกวันดีในเรื่องทน ซ่อมถูก หน้าฝนน้ำท่วม ขับแต่รถญี่ปุน ลุยน้ำสบาย ไปที่เปลี่ยว ที่จอดไม่ดีรถญี่ป่นสบายใจจอดทิ้งเลย ส่วนการขับขี่ สู้รถยุโรปไม่ได้เลย อันนี้อาจจะอยู่ที่ความรู้สึกส่วนบุคคลนะ ความปลอดภัยผมก็ให้รถยุโรปดีกว่านะเห็นชัดเลย เคยเซฟชีวิตมาแล้วหลายครั้ง

สรุปมีดีมีเสียคนละแบบ เอาที่เราชอบและรับได้คับ

ออฟไลน์ poochil

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 48
    • อีเมล์
Re: รถยุโรปกับรถญี่ปุ่น
« ตอบกลับ #22 เมื่อ: พฤษภาคม 30, 2021, 10:31:33 »
เข้าใจเลยครับว่ามีความหลากหลายจากประสบการณ์แต่ละคน แต่ละยุค และแต่ละค่ายเลยว่าใครเจออะไร และ expectation ของแต่ละคนก็ต่างกัน ผมใช้รถญี่ปุ่นมาหลายคัน หลายยี่ห้อ และก็ได้นั่งรถคนอื่่นทีี่ไม่ได้ใช้เองบ้าง พบว่า option วัสดุ ความทนทาน เทคโนโลยี ช่วงล่าง ความเงียบ หลายๆ อย่างในรถ 1 คัน มันมีผลต่อแต่ละคนต่างกัน ผมมาดูตัวเอง แล้วเลือกรถ 1. อยากลองรถจากค่ายยุโรปบ้างแต่ไม่อยากจ่ายแพงเกินไปจึงเลือกรุ่นที่ไม่ใช้ top แต่พอที่จะได้ลอง feel การทำรถ และ style ของรถที่ได้ชื่อว่าขับดี 2. เคยใช้ lexus แล้ว ยอมรับว่าปรัชญาการทำรถให้ขับสบาย สนุกพอควร หรู relax lexus ทำได้ดีแต่ยังขาดเรื่อง สมรรถนะอยู่บ้าง ผมจึงอยากลองรถที่มีชื่อเรื่องสมรรถนะโดยยอมรับการลดระดับในเรื่อง ความสบาย relax ลงไปบ้าง 3. เลือกรถที่ยังไม่ใช้ hybid หรือ Plug in hybid เพราะเข้าใจว่ารถยุโรปยังทำรถประเภทนี้ไม่นิ่ง ต้องขอบคุณทุกความคิดเห็นและเคารพว่าแต่ละท่านพบเจอรถยุโรปและรถญี่ปุ่นในช่วงวัยที่ต่างกัน และรถคนละคันกัน และผมก็จะเป็นอีกคนหนึ่งที่จะพบเจอประสบการณ์ที่แตกต่างไปจากหลายๆท่าน ครับ

ออฟไลน์ aekoy

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 351
Re: รถยุโรปกับรถญี่ปุ่น
« ตอบกลับ #23 เมื่อ: พฤษภาคม 30, 2021, 12:22:06 »
แต่ละคนมีเงื่อนไขการใช้รถไม่เหมือนกันครับ ที่บ้านผมมีใช้ทั้งรถญี่ปุ่นและยุโรป ในเรื่องการขับขี่เมื่อก่อนต่างกันเยอะครับ ผมเคยคิดจะซื้อรถใหม่ป้ายแดงมาใช้แทน E30 coupe ปี 1987 ลองมาหลายรุ่นหลายยี่ห้อก็ยังไม่ถูกใจโดยเฉพาะช่วงล่างนี่ต่างกันชัดเจนมากๆ ที่พอเทียบได้ก็มี Mazda 3 การขับขี่ที่ความเร็วสูงหรือเจอลมแรงๆรถยี่ปุ่นมันเหมือนจะปลิวต้องผ่อนความเร็วลงมา วัสดุภายในก็ต่างกันมากครับ เรื่องความปลอดภัยก็เป็นอีกอย่างที่ต่างกันมากครับเวลาชนเห็นชัดครับ อันนี้ผมเทียบกันตอนซื้อ Volvo V60 กับ Camry hybrid ศุนย์โตโยต้าให้มาใช้ 1 สัปดาห์ใช้ทั้งในเมืองและออกต่างจังหวัด ได้ส่วนลอดพิเศษอีกแสน ส่วนทาง Volvo ให้ขับ 1 วันเต็มได้ลองระบบทุกอย่างที่มี สรุปว่า Volvo นั่งสบายกว่ามากการขับขี่เร่งแซงดีกว่าระบบความปลอดภัยดีกว่ามากๆ ก็เลยซื้อ Volvo ที่บ้านผมไม่สนใจเรื่องราคาขายต่อครับใช้กันจนกว่าจะไม่มีอะไหล่ ขนาด SAAB บริษันเจ๊งไปแล้วก็ยังใช้อยู่รถอายุจะ 30 ปีแล้วยังขับ 200 นิ่งๆเลยครับ ปัจจุบันรถในแต่ละเซกเมนต์ญี่ปุ่นทำดีขึ้นมามากครับแต่ก็ยังไม่เท่ายุโรป แต่ถ้าเอาราคาที่เท่าๆกันรถญี่ปุ่น 2 ล้าน กับรถยุโรป 2 ล้านก็พอๆกันครับ
Volvo 850 T-5R
SAAB 9000 Aero
BMW E30 M10 coupe M/T 1987
Volvo V60
Toyota AE111

ออฟไลน์ XMSL

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 830
Re: รถยุโรปกับรถญี่ปุ่น
« ตอบกลับ #24 เมื่อ: พฤษภาคม 30, 2021, 14:32:31 »
ซื้อรถให้ภรรยาขับไปทำงาน/ส่งลูกไปโรงเรียน ผมเชื่อมั่นในแบรนด์วอลโว่มากกว่ารุ่นอื่นๆในคลาส/ประเภทเดียวกัน อย่างน้อยก็ active safety (ก่อนเกิด) ส่วน passive ยิ่งมั่นใจว่าปกป้องได้ดีกว่า...

ออฟไลน์ Zephyrs

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 913
Re: รถยุโรปกับรถญี่ปุ่น
« ตอบกลับ #25 เมื่อ: พฤษภาคม 30, 2021, 19:22:58 »
สิ่งที่รถญปจะให้คุณได้ยาก คือเรื่องของความหนักแน่นแบบรถยุโรปขับหลัง
เรื่องการบุเสียงจากพื้นถนน ถ้างบ 2-3 ล้านเท่ากันเนี่ย สมมติว่าตัด Lexus ออกไป ผมว่าเทียบกับ 3/C นี่ ญี่ปุ่นยังไม่ได้เท่านะ (ตอนนี้น่าจะราวๆ 60-70% เองมั้ง ยิ่งยุคหลังๆนี่ TNGA พี่โตพื้นล่างดังยังกะไม่บุ)

ส่วนข้อเสียสมัยนี้.. ไม่ต้องดูไกลเลยครับ
ผมเห็น W212 บนเฟสบุ้ค อายุรถ 10 ปีเหลือ 6-8 แสนแล้ว ตัว Facelift 7 ปีเหลือล้านต้นๆไม่เกินล้านห้าแล้ว
ส่วน F10 ราคาแข็งกว่าหน่อยๆ 10 ปี 8-9 แสนอยู่ 7 ปีล้านสามก็เห็นได้
พวกนี้คือพวกเบนซินนะครับ ถ้าเป็นดีเซลหรือแก๊สราคาก็ร่วงไปอีก (E200 NGT เห็นแว๊บๆ 6 แสน)
ละด้วยความที่ยุคใหม่ๆแทบจะเป็นคอมพิวเตอร์ 4 ล้อกันหมดอยู่แล้ว มันก็ยิ่งมีความน่ากลัวมากขึ้นไปอีก
เรื่องเกียร์อย่างที่คุณ Jae บอกก็เป็นอีกเรื่องนึง ทุกวันนี้ก็งง ไม่เก็ทว่าพี่จะทำเกียร์เยอะๆแข่งกับพวกรถสิบล้อรถเมล์ไปทำไม หัวหมูใหญ่ยังกับกะละมังก็ยังใส่มา คนขับคนนั่งไม่สบายก็ช่างมัน

แต่คือถ้าคุณซื้อมือ 1 ทุกอย่างมันก็จบ(?)ครับ ที่ผมพูดๆมาเรื่องข้อเสียก็ตัดออกได้เกือบหมด คุณขับตะบี้ตะบันยังไงก็ได้ ใกล้ๆหมดประกันคุณก็ไปซื้อเพิ่มอีกสักปีสองปี แล้วค่อยปล่อยขายก็ได้
ราคาจะได้ไม่ตกหน้ามืดมาก (มีกับไม่มี ราคาห่างกันเยอะมากนะครับ เท่าที่มีญาติทำเกี่ยวกับด้านนี้อยู่ละเขาเล่าๆให้ฟังบ้าง)

ออฟไลน์ Teera

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,380
    • อีเมล์
Re: รถยุโรปกับรถญี่ปุ่น
« ตอบกลับ #26 เมื่อ: พฤษภาคม 31, 2021, 07:57:35 »
คนพร้อม ไม่คิดมากครับ
Factor มันเยอะ และ ประสพการ ความรับรู้ ต่างกัน คนนึงบอกว่าดี อีกคนบอกว่าเฉยๆ
ส่วนตัว ขับดีกว่าครับ
8 ปีที่แล้ว ผมจะซื้อ D sec ไปดูมาหมด สุดท้ายไปโดน Volvo V40 รถคนละเรื่องเลย
เพราะ option และ การขับขี่ นี่แหละครับ

หลังจากซื้อแล้ว เป็นธรรมดา ที่ต้องเข้าข้างตัวเอง รถเราดีอย่างโน้น อย่างนี้
ใช้มา เริ่มจะซ่อม ก็เข้าปีที่ 4-5 ก็ เลิกเข้าศูนย์ เพราะแพง มาซ่อม อู่นอก
ค่าซ่อม ก็ แพงกว่าญี่ปุ่น แต่ ซ่อมแล้วจบ ก็ใช้งานกันไป ขาย ไปเมื่อ กลางเดือนนี่เอง รถไม่ได้มีอะไร ใช้ดี แต่ เบื่อ
อยากขับคันใหม่

คันต่อไป ก็ไปดูยุโรปครับ แต่ ไม่ซื้อป้ายแดง

เรื่องเดียว ที่ผมรับไม่ค่อยได้ คือ ราคาตก เมื่อเทียบกับป้ายแดงครับ
ตอนผมซื้อ V40 My14 ซื้อ 1.89 ขายไป 4 ปลาย
เพื่อน ซื้อ W212 มือ 2 พร้อมกัน ตอนนั้น ราคา 1.9
ตอนนี้ เหลือ 7 แสน

มาวิเคราะห์ดู ผมได้ใช้รถ ราคา 1.89 ใน ราคา 1.89 ใช้ไป 8 ปี ตกปีละแสนกว่าบาท
แต่ เพื่อนผม ได้ใช้รถ ราคา 4 ล้าน ในราคา 1.9 ล้าน ตก น้อยกว่าผม

แต่ ถ้าคิดว่า คนซื้อซื้อปายแดง มา 4 ล้าน คงปวดใจ !!!!

แต่เหมือนที่บอกไปตอนต้น ถ้ามีเงิน ไม่คิดมากหรอกครับ
ของ 4 ล้าน เอามาเปรียบเทียบกับ ล้านปลาย

แล้วบอกว่า ล้านปลายคุ้มกว่า แสดงว่า คุณมองในมุม เดียวครับ มุมไหน ก็ลองคิดเอาเองนะ

ขอตัวไปหา W207 มาขับหล่อๆ ราคาล้านนึง ก่อนนะฮะ


ออฟไลน์ dht_tubes

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,641
    • อีเมล์
Re: รถยุโรปกับรถญี่ปุ่น
« ตอบกลับ #27 เมื่อ: พฤษภาคม 31, 2021, 08:47:20 »


ขอตัวไปหา W207 มาขับหล่อๆ ราคาล้านนึง ก่อนนะฮะ

ราคานี้คือตัว FL ยังครับเนี่ย

ออฟไลน์ panjap

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,259
Re: รถยุโรปกับรถญี่ปุ่น
« ตอบกลับ #28 เมื่อ: พฤษภาคม 31, 2021, 09:24:18 »
ถ้ารับค่าซ่อมรถยุโรปได้ ผมว่าก็น่าใช้  ค่าซ่อมหลังหมดประกัน รถ benz bmw มันหนักหนาอยู่ เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ทีนึง ห้าหกพัน น้ำมันเกียร์ มีหมื่นแก่ๆ(ราคาใน 0)
ไม่รวมอะไหล่หลายอย่างที่แพงพอสมควร แต่บางอย่างก็ไม่แพงเช่นช้อคอัพเป็นต้น

รถญี่ปุ่น แคมรี่ accord พวกนี้ ถูกกว่า รถ ยุโรปเริ่มต้น ผมเห็นเหมือนข้างบนว่า ต่างกันไม่เกิน 15-20% ในความคุ้มค่า และสมรรถนะ แต่สิ่งที่ได้คือ รถญี่ปุ่นพวกนี้ การซ่อมแซมดูแลต่ำกว่ามาก
สำหรับผมที่ขับยุโรป benz ป้ายแดงทุกคัน มาค่อนชีวิต ถ้าให้เลือกตอนนี้ ผมเลือกรถญี่ปุ่น เพราะ ปัญหาน้อยกว่าเยอะ และซ่อมได้ไม่แพง แม้ว่า มันจะไม่เกาะถนน หรือ หนักแน่น เท่ารถยุโรป แต่ผมว่า พอรับได้นะ

ออฟไลน์ the kit

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,314
Re: รถยุโรปกับรถญี่ปุ่น
« ตอบกลับ #29 เมื่อ: พฤษภาคม 31, 2021, 09:47:21 »
ถ้า "เงิน" ไม่ใช่ ปห.
พร้อมสำหรับ "ค่าซ่อม" หลังหมดวารันตี
รับได้ในราคา "ขายต่อ" ที่ "ร่วง" กว่า Jap
และในบางรถ ในบางรุ่น ในบางคัน อาจจะ "ดับเองหรือ ไม่อยากทำงาน" ขึ้นมาดื้อๆ แบบไม่มีเหตุผล ทั้งๆที่เช็คระยะตลอด ก็มี

ตอนนี้ หมออาจจะ "ไม่พร้อม"
แต่ถ้า "คุณพร้อม" ต้องลองลุยดู "ไม่ลองไม่รู้"

มันคือ "เสน่ห์" ของรถยุโรป
"Only live once, but if you do it right, Once is enough"