ผู้เขียน หัวข้อ: Honda City 1.0 Turbo vs 1.5 e:HEV รุ่นไหนน่าขับมากกว่ากันในภาพรวมทั้งหมด  (อ่าน 9615 ครั้ง)

Gunther

  • บุคคลทั่วไป
อีกไม่นานก็เปิดตัว Honda City e:HEV ในบอดี้ Hatchback แต่ไม่รู้ว่าพอหลังเปิดตัวแล้ว รุ่น 1.0 Turbo ในตัว Hatchback หรือ Sedan หรือทั้งคู่ ยังจำหน่ายอยู่หรือไม่

อยากทราบว่า Honda City ระหว่างรุ่น 1.0 Turbo vs 1.5 e:HEV รุ่นไหนดีกว่ากันโดยเฉพาะ

-ความสนุกในการขับขี่
-ประหยัดน้ำมัน
-Option รุ่น Top ระหว่าง 1.0 Turbo กับ 1.5 e:HEV แตกต่างกันมากน้อยแค่ไหน
-การซ่อมบำรุงรักษา
-ราคาขายต่อ

ทุกท่านคิดว่า Honda City เครื่องยนต์แบบไหนดีกว่ากันในภาพรวมทั้งหมดครับ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 21, 2021, 21:23:59 โดย Gunther »

ออฟไลน์ deertesla

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,245
ตัวเครื่อง 1.0โบ  CVT คุ้มกว่าครับ  eHEV อัตราเร่งกับสิ้นเปลืองแทบไม่แตกต่างกันกับตัวเครื่องปกติเท่าไหร่เลย

ออฟไลน์ lexus

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,230
ความคุ้มค่า ยังไง1.0Tในระยะยาวก็คุ้มกว่า
1.0Tกินกว่าeHEVแน่นอน ยิ่งในเมือง หรือตอนกดๆยิ่งต่าง
1.0Tใช้งานจริงไม่ได้ประหยัดแบบตัวเลขบนกระดาษ
ตอนไปเทสรู้สึก1.0Tขับสนุกกว่า ehevรู้สึกไร้ฟีลลิ่ง
ระยะยาวeHEVแบตเสื่อมต้องเปลี่ยนแบตอีก ค่าบำรุงรักษาเยอะกว่า
ส่วนoptionก็ตามโบรชัว กองอยู่กับhybridหมด

ออฟไลน์ WASADM

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 567
ตัวเครื่อง 1.0โบ  CVT คุ้มกว่าครับ  eHEV อัตราเร่งกับสิ้นเปลืองแทบไม่แตกต่างกันกับตัวเครื่องปกติเท่าไหร่เลย

วิ่งนอกเมือง ชาญเมือง ไม่ต่างครับ แต่ผมยกตัวอย่างแบบนี้

คนที่ 1 วื่ง ท่าน้ำนนท์-พระราม3 City turbo เฉลี่ย 11-12 กิโลลิตร
คนที่ 2 วิ่ง เซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ-พระราม3 City eHev เฉลี่ย 15-16 กิโลลิตรครับ

ออฟไลน์ deertesla

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,245
ตัวเครื่อง 1.0โบ  CVT คุ้มกว่าครับ  eHEV อัตราเร่งกับสิ้นเปลืองแทบไม่แตกต่างกันกับตัวเครื่องปกติเท่าไหร่เลย

วิ่งนอกเมือง ชาญเมือง ไม่ต่างครับ แต่ผมยกตัวอย่างแบบนี้

คนที่ 1 วื่ง ท่าน้ำนนท์-พระราม3 City turbo เฉลี่ย 11-12 กิโลลิตร
คนที่ 2 วิ่ง เซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ-พระราม3 City eHev เฉลี่ย 15-16 กิโลลิตรครับ
เอาจริงนะครับ  ส่วนต่างเอาไปบงทุนทำมาหากินดีกว่าครับ

ออฟไลน์ Mp4_007

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 787
ราคาค่าตัวต่างกันเยอะเกินไป ค่าน้ำมันใช้จนขายรถยังไม่ได้ส่วนต่างราคารถคืนเลย ขายต่อตกเยอะกว่าตัวเทอร์โบแน่นอนแหละ ดูอย่างตัว hybrid รุ่นอื่นได้ เลย
ซ่อมบำรุง ถ้าแค่เช็คระยะ ค่าใช้จ่ายแทบไม่ต่างกัน แต่ถ้าเมื่อไหร่มีซ่อม นั้นแหละจะต่างกันตรงนั้นเลย เพราะอะไหล่ที่เกี่ยวกับระบบ hybridแพงกว่ามาก รวมถึงแอร์ด้วย ปั้มเบรคด้วย ถ้ามันเสียนะ

ออฟไลน์ MyName

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 8,141
  • I'm............................
ในฐานะที่เลือก B-seg ตัวท็อปๆ มาใช้แทนที่จะเอา C-seg ตัวล่างในราคาใกล้กัน

บอกตรงๆ ว่าคิดไม่ผิดที่เลือกมาเลยครับ

ผมคาดหวังในคุณสมบัติที่รถจ่ายเพิ่มมาจาก B-seg รุ่นรองลงมา ทั้งประสิทธิภาพ ออพชั่น สมรรถนะ และความประหยัดน้ำมันที่ยังสามารถควบคู่กันไปได้แม้จ่ายค่าตัวแพงขึ้น
ซึ่งถ้าผมเลือก C-seg ตัวล่าง ใช่ผมได้คุณสมบัติของรถขนาดใหญ่ แต่นั่นไม่ใช่ point ที่ผมต้องการ
และแน่นอนว่า C-seg ตัวล่างมันตอบโจทย์ตามที่ผมว่าไม่ได้แน่นอนครับ
ถ้าคิดว่ามันเป็นความคุ้มค่า มันก็มีความคุ้มในด้านที่ผมบอกมา ซึ่งจุดคุ้มทุนแต่ละคนไม่เหมือนกัน
บางคนจ่ายแค่นี้ก็คิดว่าคุ้มค่าแล้ว บางคนต้องการเต็มๆ ก็คุ้มค่าในความต้องการและการใช้งานเค้าเอง

City ก็เป็นอีกเคสนึงที่ผมพูดได้เต็มปากเลยว่า ผมยอมจ่ายเพื่อ eHEV (ถ้ามีเงิน)
เพราะสิ่งที่ผมจะได้เพิ่มจาก Turbo แน่ๆ เลยคือ
- อัตราเร่งที่ดีในข่วงออกตัวไปจนถึงความเร็วใช้งานผมเอง ในขณะที่ Turbo ช่วงที่ดีของมันผมได้ใช้เองนิดเดียว เพราะจุดที่อัตราเร่งดีคือตอนปลายที่ผมไม่ได้ใช้ขนาดนั้น
- ออพชั่น ผมต้องการระบบครบๆ ความปลอดภัย ลูกเล่นต่างๆ ถามว่า Civic 1.8E คุณได้อะไรบ้าง และ Turbo ที่ถูกกว่าเป็นแสนอะไรหายไปบ้าง
- อัตราการใช้น้ำมัน นอกเมืองอาจไม่ได้ต่างกันมาก แต่ในเมืองนี่ต่างเยอะนะครับ แล้วผมใช้เป็นรถคันเดียวทุกสภาวะด้วยสิ
- ค่าบำรุงรักษา พูดจากใจจริง ผมใช้ Mazda 2 Diesel ได้ Hybrid ผมก็ไม่กลัวแล้วครับ อีกอย่างตอนนี้ยังพูดยากเพราะ i-MMD มันมา 2014 เคสที่เกี่ยวกับ Hybrid ดังๆ หนักๆ ก็ยังไม่เคยได้ยิน ยังต้องใช้เวลาพิสูจน์กันต่อ

แต่ถ้าถามว่า ถ้าให้คนอื่นเลือกที่ไม่ได้ต้องการรถแบบผม ซึ่งเค้าก็คาดหวังแค่ประสิทธิภาพในราคาที่จ่าย ผมก็แนะนำแค่ Turbo เค้าไปเหมือนกัน ของแบบนี้คุ้มไม่คุ้มไม่มีใครตัดสินได้ครับ ไม่งั้นคงมีรุ่นเดียวให้เลือกก็พอ
Cars
2022 - Nissan Almera 1.0 Turbo VL
2016 - Mazda 2 1.5XD High Plus L
2008 - Mitsubishi Space Wagon 2.4 GLS Ltd. !User'Review Click here!
1997 - Daihatsu Mira

Motorcycles
2023 - Vespa Sprint S 150 i
2012 - Yamaha Mio 125 GTX

ออฟไลน์ Devil13

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,985
ราคาขายต่อ รถน้ำมันเพียวๆ ตกน้อยกว่าครับ

ออฟไลน์ Teera

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,379
    • อีเมล์
ถ้าต้องการ Full OpTion ต้องไป eHEV ครับ ไม่มีทางเลือก
แต่ถ้าเอาคุ้ม ซ่อมง่ายกว่า ระบบไม่เยอะ ก็ 1.0 ครับ
เค้าทำมาให้เลือกอยู่แล้ว คุ้มไม่คุ้ม ของแต่ละคน ไม่เท่ากัน เราน่าจะรู้ดีสุด
ผมซื้อรถ ตัว Top ครับ เป็น Concept ส่วนตัว เพราะ เรา เพิ่มเงิน เท่าราคาที่เพิ่ม เอาไปติด Option ที่ขาด ไม่ได้
แต่ เพื่อนผม ซื้อ ตัว รอง Top ตลอด เพราะ เค้าว่า ประหยัด คุ้มสุด Option ไม่ได้ใช้

ถ้าหารถอยู่ ผมเลือก eHEV ตัว HB เลยครับ ผมใช้ Jazz GK มันดีงามมาก ขนรถจักรยานไปปั่น ได้ 2  คัน ประหยัด
ราคาแข็งมากๆ ซื้อ มา 7 แสนปลาย ใช้ไป 6 ปี ตอนนี้ ยัง 4 แสนกลางอยู่เลย
ไปเที่ยวรอบๆ เมือง ไม่ไกล Work มากๆ

ออฟไลน์ mongolias

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,368
น่าขับ ผมมองไปที่ 1.0T ครับ
เครื่องบล็อคนี้ทำอัตราเร่งได้ดี ถือว่าสนุกได้เลยล่ะ แถมยังเอาไปขุนต่อได้ง่ายกว่า NA ด้วย
ส่วนตัว เป็นคนไม่ได้สนใจออปชั่นติดรถอะไรมากมายนัก ขอแค่ได้แฮนลิ่งดีๆ ก็มีความสุขหลังพวงมาลัยแล้วครับ

ออฟไลน์ Gordon Freeman

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,206
ผมเลือก E-Hev ครับ

อ๊อปชั่นมันเยอะกว่า 1.0 RS เยอะพอจะคิดว่าแสนนึงมันคุ้ม

อีกอย่าง 1.0 ผมกลัวระบบระบายความร้อนของมัน และระบบเกียร์ CVT ของมัน

อยากรู้ว่าระหว่างแบต 1KW กับเกียร์ CVT ตอนเปลี่ยนอันไหนจะแพงกว่ากันนะ
2011 Kawasaki Ninja 650 (Sold)
2012 Ford Fiesta 1.6 Sport Ultimate (Sold)
2013 Suzuki Swift Eco GLX 1.25 (Sold)
2015 Honda Civic 1.8 (Sold)
2017 Toyota Fortuner 2.4 (Sold)
2019 Honda Jazz S MT (Sold)
2020 Nissan Almera VL 1.0T
2022 Isuzu D-Max Cab 4 1.9 AT
2023 Neta V

Gunther

  • บุคคลทั่วไป
ตัวเครื่อง 1.0โบ  CVT คุ้มกว่าครับ  eHEV อัตราเร่งกับสิ้นเปลืองแทบไม่แตกต่างกันกับตัวเครื่องปกติเท่าไหร่เลย

วิ่งนอกเมือง ชาญเมือง ไม่ต่างครับ แต่ผมยกตัวอย่างแบบนี้

คนที่ 1 วื่ง ท่าน้ำนนท์-พระราม3 City turbo เฉลี่ย 11-12 กิโลลิตร
คนที่ 2 วิ่ง เซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ-พระราม3 City eHev เฉลี่ย 15-16 กิโลลิตรครับ

เทียบความประหยัดระหว่าง Turbo กับ e:HEV แล้ว คนละเรื่องเลยครับ City Turbo กลายเป็นซดน้ำมันไปซะงั้น เพราะบางช่วงรถติดก็มี ทำให้ City Turbo แอบซดน้ำมันไปนิด เลยร่วงเกือบถึง 10km/l แต่ e:HEV กลับประหยัดน้ำมันได้ดีกว่ารุ่น Turbo เพราะ e:HEV มีมอเตอร์ไฟฟ้ากับแบตเตอรี่มาช่วย ถ้า City e:HEV ใช้โหมด EV 100% ตั้งแต่จุดเริ่มต้นจนกลางช่วงแบตเหลือน้อย เครื่องยนต์จะทำงานทันทีหลังจากแบตเตอรี่ต่ำกว่าประมาณ 10% ก็อาจจะเป็นไปได้ที่จะประหยัดน้ำมันถึง
30-31km/l
(ถ้าใช้โหมด Hybrid+Sport โดยที่ไม่ใช้ EV Mode ตลอดทาง ก็อาจจะได้ 15-16km/l)

ออนไลน์ bobsan

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,605
    • อีเมล์
พอๆกันครับ
สบายใจอันไหนไปอันนั้น

อย่างออปชั่นที่่ได้มา ค่าซ่อมแบต ซ่อมเกียร์ ผมว่าทั้งสองตัวไม่ต่างกันเท่าไหร่

ส่วนเรื่องราคารถว่าซื้อถูกกว่าย่อมีดีกว่าหรือมีเงินเหลืออะไรพวกนี้
จริงบางส่วน แต่มันไม่ตอบโจทย์การใช้งานและความต้องการของแต่ละคน
celerio march mirage กระบะตอนเดียว ตัวเริ่มต้นคงเป็นรถที่ดีที่สุดในตลาดทันที


ออฟไลน์ AkE

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 7,404
-Turbo ชนะครับ ยิ่งถ้ารีแมพแรงกว่าเยอะ
-ไฮบริดประหยัดกว่า พอสมควรถ้าขับไม่เกิน 100km/h แต่ถ้าเร็วกว่านั้นพอกันครับ
-ก้มีพวกระบบเบรคอัตโนมัติทั้งหลายกับเบรคมือไฟฟ้าที่ไฮบริดมีเยอะกว่าครับ
-ตัวเทอร์โบถ้าจะดูแลให้ดีต้องเข้าศูนย์บ่อยกว่าเพราะมี Service a&b ด้วยและ10,000km ก้ต้องเข้า  ส่วนไฮบริด 6เดือน/10000 อย่างเดียวครับ
-Turbo ดีกว่าแน่ครับอาจจะซื้อถูกกว่าแต่ขายได้สูงกว่าเล็กน้อย

ออฟไลน์ SM.

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 27,363
1.0T แน่นอนครับ ราคาต่ำกว่าขนาดนี้ ต่อให้กินน้ำมันมากกว่า ยังไงก็คุ้มกับส่วนต่างราคา

ออฟไลน์ pladaek

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,016
  • FF1.5SMG
ด้วยส่วนต่างที่มากเกินไป ผมเลือก 1.0T ครับ
ไม่ได้ขับรถเพื่อทำเวลาที่ดีที่สุด.. แต่ขับรถเพื่อเจอช่วงเวลาที่ดีที่สุด..

ออฟไลน์ DiKiBoyZ

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 7,190
    • อีเมล์
ถ้าราคาเท่ากัน เลือก 1.0T ครับ