คิดว่าอนาคต ค่าซ่อมบำรุงกับราคาขายต่อมือสองรถevกับhybridจะเป็นยังไงบ้างครับ

Highway Star

ถ้าเทรนด์ตอนนี้คือเปลี่ยนไปไฟฟ้าหรืออย่างน้อยอาจจะเป็นhybrid จะhevหรือphevก็ตาม

อนาคตจะมีคนรับเปลี่ยนแบตหรือซ่อมแบตเป็นเซลล์ๆมากขึ้นมั้ย ตอนนี้เห็นอยู่แค่ไม่กี่ร้านที่ลงในยูทูปรับเปลี่ยนแบตพรีอุสเป็นเซลล์ๆได้ ส่วนอินเวอร์เตอร์เหมือนยังไม่มีใครรับซ่อมเลย

เห็นราคาขายต่อ e300 bluetechhybrid w212 ละนึกขึ้นได้ตอนออกป้ายแดงแพงกว่าe200 cgi แต่พอเป็นมือสองถูกกว่า2-3แสนบาทลงเร็วกว่าพอสมควร

แคมรีไฮบริด ราคาป้ายแดงแพงกว่าตัวธรรมดาแต่พอขายต่อราคาเท่าตัวธรรมดา


คิดว่าราคาขายต่อกับการซ่อมบำรุง ในช่วง5-7ปีต่อไปนี้ เทียบกับรถiceเซกเมนต์เดียวกันราคาป้ายแดงใกล้เคียงกัน ราคาจะตกเหมือนรุ่นที่เป็นไฮบริดที่ผ่านมามั้ยครับ



Zephyrs

ผมคิดว่ามันมีเรื่อยๆแหละครับการซ่อมเซลล์ ตราบใดที่ทั้งโลก (หรืออย่างน้อยๆก็ส่วนที่เป็น Majority) ยังใช้เซลล์แบบเดียวกัน

คิดว่าแนวทางน่าจะเป็นการเปลี่ยนแล้วค่อยๆเป็นการชุบเซลล์ (คือซ่อมเซลล์นั่นแหละ เพราะเปลี่ยนทิ้งๆแร่ให้ทำน่าจะหมดโลกก่อนน้ำมัน) แต่คิดว่ากว่าจะถึงจุดที่เราขาดแคลนแร่ธาตุจริงๆ เทคโนโลยีแบตเตอรี่(หวังเป็นอย่างยิ่งว่า)น่าจะไปไกลแล้ว (คือพลิกไปใช้แบตแบบอื่นที่ Sustainable มากกว่าพวกแร่ที่ใช้แล้วหมดไปแบบปัจจุบัน)

เรื่อง Invertor ผมว่าอนาคตก็คงทำกันได้แหละครับ ช่างไทยไม่แพ้ใครหรอก เพียงแต่อาจจะใช้เวลาหน่อยที่ว่าซ่อมแล้วกลับมาดี 100%



U9WS

    วันนึ่งการเปลี่ยนแบต BEV หรือ Inverter​ อาจมีหลายยี่ห้อ​ผู้ผลิตให้เลือกเปลี่ยนกัน แบบอะไหล่​รถทั่วไปที่มีทั้งของศูนย์ oem เทียบ หรือของแต่ง

    ว่าโช๊ค​ถุงลมเทพๆของ S-class​ แรกออกมาก็มีแต่ของศูนย์ที่แสนแพง และไม่ทนทาน สักพักก็มีโช๊ค​ oem ของเทียบ หรืออะไหล่ซ่อมเฉพาะ​ชิ้น ทุกวันนี้มีชุดโช๊ค​สปริงแทนถุงลมไปเลย แถมพัฒนาจนปรับรถสูงต่ำได้แบบทันทีเหมือนถุงลมเดิม และรถโมเดลใหม่ๆก็พัฒนาโช๊คถุงลมให้ทนทานขึ้น

    คือถ้าตลาดมีความต้องการมากพอ ผู้คนจะหาวิธีแก้ปัญหาเพื่อประหยัดตั้งค์และได้ตังค์​ไปเรื่อยๆเองครับ


    ส่วนเรื่องราคารถมือ2 ยังไงก็ตกกว่ารถน้ำมันล้วน
    แต่รถน้ำมันล้วนออกใหม่จะโดนบีบขึ้นภาษีหน้าโรงงานเรื่อยๆจนทำราคาแข่งขันกับ xEV​ ไม่ได้ในที่สุด และอาจจะโดนเก็บภาษีประจำปีเพิ่ม หรือจำกัดเขตการใช้รถแบบต่างประเทศ​ได้ในอนาคต


    ครั้งหนึ่งเครื่องจักไอน้ำที่หาฝืนหาน้ำรอบๆตัวจากไหนก็ได้ แต่สุดท้ายก็แพ้ให้กับน้ำมันเชื้อเพลิงที่ต้องขุด ขนส่ง กลั่น และหาเติมได้แต่ในปั้ม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 24, 2022, 02:22:28 โดย U9WS »



REX

ยังไงการซ่อมแบตเป็นเซลมันก็แพร่หลายมากขึ้น
 และเซลที่เสื่อมก็จะถูกกลับมา recycle  ใหม่มากขึ้น
ด้วยเหตุผลหลัก คือ  ลดปัญหามลพิษสิ่งแวดล้อมขยะ
อนาคตน่าจะมี การรวมกันแชร์อะไหล่ชิ้นส่วน ต่างค่ายรถยนต์มากขึ้น
ต้นทุนจะถูกลงโดยเฉพาะชิ้นส่วนอิเลคโทรนิค แบตเตอรี่
การซ่อมแซมก็เช่นกัน ก็น่าจะราคาถูกลง

แต่ห่วงอยู่ 2เรื่องคือ ราคาขายต่อ
เพราะ อายุรถ 5 ปี การพัฒนารุ่นถัดไปมันจะก้าวกระโดดเร็วจน รุ่นเก่าไม่มีใครอยากได้นี่หละครับ
ฉะนั้นอย่างหวังมากเรื่องการขายต่อเลย
และอีกอย่างน่าห่วงคือ ราคาพลังงานไฟฟ้า จะแพงขึ้นๆๆ นี่แหละ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 24, 2022, 04:48:58 โดย REX »



PKS8

ผมคิดว่ามันก็น่าจะดีกว่ารถน้ำมัน แบบยกเปลี่ยนทั้งชุด แล้วสามารถซ่อมหรือโอเวอร์ฮอล์ได้ง่ายๆกว่ารถน้ำมันนะครับ แล้วคิดว่าน่าจะดีกว่าตรงที่สามารถเพิ่มกำลังมอเตอร์ เพิ่มกำลังแบตได้ง่ายๆแบบอัพเกรดแรม การ์ดจอ

จากใจคนที่ใช้รถน้ำมันอายุเกินกว่า 7 ปีมาตลอดนะครับ ต่อให้เป็นรถญี่ปุ่นที่ว่าซ่อมง่ายๆ ถ้าอายุเยอะๆแล้วยังไงก็จุกจิกเวลาซ่อม ทั้งระบบของเหลว ระบบหล่อเย็น ซีล ประเก็น ท่อยางต่างๆ วุ่นวายมากๆครับ



kiwiwi

ผมไม่ได้มองถึงแบตเตอรี่เลยด้วยซ้ำ

ด้วยนิสัยรง.จีนที่มักไม่ยอมทำอะไหล่ตัวถัง x3 x4 ผลิตแค่ไหนก็ทำเท่านั้น เต็มที่อาจ x2 เผื่อเอาไว้ให้ รถมีการ minor change และ model change ที่ค่อนข้างเร็ว จากกฏการใช้รถที่คล้ายๆอเมริกา คือใช้แล้วทิ้งในเวลา 5 ปี

ซึ่งทั้งหมดทั้งปวงมันขัดกับนิสัยคนไทยและชาติอื่นๆใน south east asia ที่ถูกญี่ปุ่นปลูกฝังมาเนิ่นนาน ให้ใช้รถคันนึงยาวๆเกิน 10 ปี

รถไฟฟ้ามันเป็นเทรนด์ใหม่ของทั่วโลกที่เริ่มจากประเทศพัฒนาแล้วที่มีเทรนด์การใช้ 5-7 ปีแล้วต้องทิ้ง และนำไปรีไซเคิล(จากที่เห็นว่ามีการวางแผนเอาเซลล์ไปทำนู่นทำนี่ต่อ)

ดูวงการมอเตอร์ไซค์รง.จีนแต่แบรนด์อิตาลีอย่าง เบเนลี ก็พอครับ big bike ที่ราคาไม่แพง แต่ไปต่อไม่ได้

รถตงฟงที่บ้านผมเคยใช้ สุดท้ายต้องขายก่อน ไดฮัทสุ

แม่แต่รถมอเตอร์ไซคืแม่บ้านของจีนที่จะมาขายแข่งกับ Honda Wave อะไหล่ใช้กับ Wave ไม่ได้หลายชิ้น ซื้อถูกจริง แต่ต้องขายเป็นซากในเวลาอันรวดเร็ว

แม้แต่ มอเตอร์ไซค์ Tiger ของไทยที่ทำให้ตำรวจวิ่ง

เรียกว่าหนักใจเลยที่จะมองถึงอนาคตจริงๆครับ



Floppy-T

ส่วนตัวคิดว่า
1. การซ่อมบำรุงน่าจะมีความเชี่ยวชาญมากขึ้น ซ่อมได้แพร่หลายมากขึ้น ราคาการซ่อมแมีแนวโน้มจะถูกลง
2. ราคาขายต่อ คิดว่า คนซื้อรถมือสองต่อ ต่างก็ยังกังวลเรื่องของอายุการใช้งานของแบตอยู่ดี ดังนั้น ยังไงก็ตกแรงกว่ารถน้ำมันอยู่ดีครับ



Devil13

คิดว่าค่าซ่อมจะแพงอยู่ ราคาขายก็คงถูกกว่าเดิม
กลุ่มนี้กำลังจะถูกลอยแพ ผู้ผลิตเลิกพัฒนา หันไปลุยรถไฟฟ้าเต็มตัว
อนาคตไฟฟ้าแท้ พวก EV จะมาแทน

ไฮบริคกลุ่มนี้มันกลางๆ มีทั้งน้ำมัน ทั้งแบต ซึ่งคนฝังใจคนไทยไปแล้วว่าปัญหาเยอะครับ
คุณอาจจะเปลี่ยนใจคนในครอบครัวคุณได้ แต่เปลี่ยนใจคนทั้งประเทสไม่ได้ครับ

อันนี้มโนของผมคนเดียวนะครับ  ::)



redsun

ผมไม่ได้มองถึงแบตเตอรี่เลยด้วยซ้ำ

ด้วยนิสัยรง.จีนที่มักไม่ยอมทำอะไหล่ตัวถัง x3 x4 ผลิตแค่ไหนก็ทำเท่านั้น เต็มที่อาจ x2 เผื่อเอาไว้ให้ รถมีการ minor change และ model change ที่ค่อนข้างเร็ว จากกฏการใช้รถที่คล้ายๆอเมริกา คือใช้แล้วทิ้งในเวลา 5 ปี

ซึ่งทั้งหมดทั้งปวงมันขัดกับนิสัยคนไทยและชาติอื่นๆใน south east asia ที่ถูกญี่ปุ่นปลูกฝังมาเนิ่นนาน ให้ใช้รถคันนึงยาวๆเกิน 10 ปี

รถไฟฟ้ามันเป็นเทรนด์ใหม่ของทั่วโลกที่เริ่มจากประเทศพัฒนาแล้วที่มีเทรนด์การใช้ 5-7 ปีแล้วต้องทิ้ง และนำไปรีไซเคิล(จากที่เห็นว่ามีการวางแผนเอาเซลล์ไปทำนู่นทำนี่ต่อ)

ดูวงการมอเตอร์ไซค์รง.จีนแต่แบรนด์อิตาลีอย่าง เบเนลี ก็พอครับ big bike ที่ราคาไม่แพง แต่ไปต่อไม่ได้

รถตงฟงที่บ้านผมเคยใช้ สุดท้ายต้องขายก่อน ไดฮัทสุ

แม่แต่รถมอเตอร์ไซคืแม่บ้านของจีนที่จะมาขายแข่งกับ Honda Wave อะไหล่ใช้กับ Wave ไม่ได้หลายชิ้น ซื้อถูกจริง แต่ต้องขายเป็นซากในเวลาอันรวดเร็ว

แม้แต่ มอเตอร์ไซค์ Tiger ของไทยที่ทำให้ตำรวจวิ่ง

เรียกว่าหนักใจเลยที่จะมองถึงอนาคตจริงๆครับ

+ LIKE เลยครับ



boogie2020

พอ EV เข้า mainstream จริงๆ  จะเม็ดเงินทุ่มลงมาอีกมาก และเทคโนโลยีจะไปเร็วกว่าเดิมอีกมากอะคับ

ปัญหาคงเป็นที่ราคาขายต่อมือสองคงแย่มาก ๆ   รถที่วิ่งได้ 500 km ต่อชาร์จในวันนี้  อีก 5 ปีกลับกลายเป็นสิ่งล้าสมัยเพราะยุคนั้นอาจวิ่งกันได้เกิน 1000 km แถมมี swappable battery module ยกเปลี่ยนได้ยามฉุกเฉิน หรือเทคโนโลยีใหม่ ๆ อะไรก็ว่าไป แถมแบตเตอรี่ที่เสื่อมลงตามการใช้งานนั่นก็อีก
-----------------------------------------------------------
There is no spoon
-----------------------------------------------------------



diamond4me

ผมไม่ได้มองถึงแบตเตอรี่เลยด้วยซ้ำ

ด้วยนิสัยรง.จีนที่มักไม่ยอมทำอะไหล่ตัวถัง x3 x4 ผลิตแค่ไหนก็ทำเท่านั้น เต็มที่อาจ x2 เผื่อเอาไว้ให้ รถมีการ minor change และ model change ที่ค่อนข้างเร็ว จากกฏการใช้รถที่คล้ายๆอเมริกา คือใช้แล้วทิ้งในเวลา 5 ปี

ซึ่งทั้งหมดทั้งปวงมันขัดกับนิสัยคนไทยและชาติอื่นๆใน south east asia ที่ถูกญี่ปุ่นปลูกฝังมาเนิ่นนาน ให้ใช้รถคันนึงยาวๆเกิน 10 ปี

รถไฟฟ้ามันเป็นเทรนด์ใหม่ของทั่วโลกที่เริ่มจากประเทศพัฒนาแล้วที่มีเทรนด์การใช้ 5-7 ปีแล้วต้องทิ้ง และนำไปรีไซเคิล(จากที่เห็นว่ามีการวางแผนเอาเซลล์ไปทำนู่นทำนี่ต่อ)

ดูวงการมอเตอร์ไซค์รง.จีนแต่แบรนด์อิตาลีอย่าง เบเนลี ก็พอครับ big bike ที่ราคาไม่แพง แต่ไปต่อไม่ได้

รถตงฟงที่บ้านผมเคยใช้ สุดท้ายต้องขายก่อน ไดฮัทสุ

แม่แต่รถมอเตอร์ไซคืแม่บ้านของจีนที่จะมาขายแข่งกับ Honda Wave อะไหล่ใช้กับ Wave ไม่ได้หลายชิ้น ซื้อถูกจริง แต่ต้องขายเป็นซากในเวลาอันรวดเร็ว

แม้แต่ มอเตอร์ไซค์ Tiger ของไทยที่ทำให้ตำรวจวิ่ง

เรียกว่าหนักใจเลยที่จะมองถึงอนาคตจริงๆครับ
รถญี่ปุ่นก็เยอะแยะหลายรุ่นมากๆที่หาอะไหล่ยาก ลองเปิดใจและมองกว้างๆดูครับ ถ้าไม่ใช่รุ่นที่ขายดีจริงๆก็ไม่มีบริษัทรถไหนจะอยาก stock อะไหล่เยอะๆ หรอกครับ
รถจีนก็เช่นกัน ถ้าอยากมีอะไหล่ถูกๆ มีstockไว้นานๆ ก็ต้องดูยอดขายเป็นหลัก



เนื้อน่องไม่หนัง

รถไฟฟ้ามือสอง ราคาน่าจะร่วงเละเทะแน่ๆ อย่าง Hybrid ยังวิ่งน้ำมันแทนได้ แต่ไฟฟ้าถ้าแบต/มอเตอร์ มีปัญหา อาจใช้งานไม่ได้เลย
เครื่องยนเสียบางทีเปลี่ยนอะไหล่บางชื้นก็ได้แล้ว มอเตอร์อาจเสียยากกว่าแต่ไม่แน่ใจว่าซ่อมเฉพาะจุดได้ไหม

ส่วนตัวคิดว่าเปลี่ยน แบต / มอเตอร์ มันไม่ได้สะดวกเหมือน อัฟแรมคอมนะครับ น่าจะประมาณ เปลี่ยน CPU ที่ต้องถอด ชุดระบายความร้อน ปาดซิลิโคนใหม่ มากกว่า หรืออาจประมาณ เปลี่ยนเมนบอด ที่ต้องรื้อทุกอย่างออกมาหมดแล้วประกอบเข้าไปใหม่

คิดว่า EV มาจริงๆ ด้วยเทคโนโลยีที่มาเร็วเก่าเร็ว ราคามือสองน่าจะร่วงกว่า Hybrid แน่นอน 



apinui

ขอแสดงความเห็นในส่วนของราคาขายต่อนะครับ ..จากประสบการณ์ตรงที่ ทั้งซื้อและขายรถมือ 2 อยู่ตอนนี้

ไฮบริจ ถ้าซื้อ คือซื้อถูกมากๆ และซื้อแบบไม่ง้อด้วย ถ้าเจ้าของบอกถูกไป ผมก็ปล่อยเลยไม่ตื้อเพราะไม่ได้อยากได้มาขายเลย รับเข้ามาก็ออกยาก คนซื้อมือ 2 ส่วนใหญ่ไม่มีใครจับไฮบริจเลย ..

แคมรี่ 2.5 ปีเดียวกัน สีเดียวกัน วางขายคู่กับตัวไฮบริจ ปีเดียวกัน ลูกค้ามาดูเค้าจิ้มตัว 2.5 ไม่คิดเลย ทั้งๆที่ไมล์เยอะกว่าด้วย .. ซึ่งนั่นแหละ ตัวไฮบริจ ไม่ว่าจะยี่ห้อไหน เมื่อมันอยู่ในเต้น จะขึ้นชื่อเลยว่า ติดมือ ออกยาก ...

ส่วนการรับซื้อถ้าเป็นค่ายโตโยต้า ก่อนซื้อผมจะถามก่อนว่าเครมแบ็ตมายัง ถ้าลูกค้าบอกยัง .. ผมไม่ซื้อเลยครับ คันนี้เสี่ยงแบ็ตพังมากๆ แต่ถ้าเช็คมาแล้วเคยเครมในช่วง 7-8ปี อันนี้โอเคซื้อได้ แต่ก็ไม่ได้ราคาตามที่หวังอยู่ดี .. และก็นั่นแหละ ถ้าลูกค้าบอกกดราคา ผมก็โอเค ไม่ซื้อครับ เพราะไม่ได้อยากได้เป็นทุนเดิม ..

ยุโรปก็เช่นกัน พวกปลั๊คอินทั้งหลาย หมดวารันตีหมด BSI เมื่อไร ทำใจไว้ได้เลย ถ้าหวังราคาสูง คุณไม่ได้ขายแน่

สุดท้ายบางทีคนที่คิดจะใช้ไฮบริจยังไม่เคยเจอว่าขายต่อมันพังขนาดไหน ก็ให้เวลามันพิสูจน์ครับ



S6

ด้วยความที่รถประเทศอื่นจะถูกกว่าประเทศเรามาก โดยปกติก็จะใช้แล้วทิ้งง่ายขึ้น
เทคโนโลยีใหม่ๆ ก็จะเน้นใช้แบบ เสียเปลี่ยน ไม่มาเสียเวลากับการซ่อม
น่าจะลุกลามมายังรถยนต์มากขึ้นตามเทคโนโลยี



Auto

 รถไฟฟ้า    ให้ดูก่อนหน้านี้ในโรงงานอุตสาหกรรม     คือพร้อมจะใช้รถแล้วทิ้งหรือไม่ในเวลา 5-10 ปี   ไม่ต้องคิดเรื่องซ่อมนะ คือพร้อมจ่ายเงินแล้วทิ้งรถเลยหรือไม่      ถ้าพร้อมก็ซื้อรถไฟฟ้าได้เลย      สมมุติซื้อรถราคา 1 ล้าน ผ่านไป 10 ปีแทบไม่มีราคาขายต่อแล้วจะซ่อมก็ไม่คุ้มที่จะเสีย      ต้องเอาไปทิ้ง นั่นละถ้าพร้อมก็ซื้อครับ   ตลาดมันออกมาแนวนั้นละ   

       



AgentMolder

ต่อไป รฟฟ. มันจะเหมือนเครื่องใช้ไฟฟ้า อาจจะมีวงการโมมอเตอร์เกิดขึ้นก็ได้ แต่ข้อเสียคือมันจะซ่อมไม่เหมือนรถ ICE เพราะมันคือไฟฟ้า มีวงจร มีสายไฟ มี CPU ที่รันทั้ระบบ มันจะออกมาแนวๆ ซ่อมคอมพ์ ซ่อมทีวี พัดลม คนรับซ่อมกลายเป็นช่าง elect ไป

จะว่าไปก็ไม่เคยมีใครพูดถึงประเด็นนี้เลยนะ ว่าถ้าเสียจะทำยังไง เดาๆว่าทาง บ.ผู้ผลิต คงมีโมดูลเปลี่ยนยกกระบิ เหมือนอัพการ์ดจอ อัพแรม ยกของเก่าออก เอาของใหม่ใส่ทั้งแผง เสียบสายไฟ จบเลย แต่ราคาคงแพงมาก เหมือน ค.ใช้ไฟฟ้าสมัยนี้ ที่เสียทิ้ง ซื้อใหม่ ถูกกว่า

แล้วก็อย่างความเห็นนึงว่า คุณซื้อ รฟฟ วันนี้ วิ่งได้ 4 - 500 km ผ่านไป 5 ปี รถยังใหม่อยู่เลย แต่ รฟฟ ณ เวลานั้น อาจวิ่ง 8 - 1000 km แล้วก็ได้ รถคุณจะขายไม่ออก หรือขายได้ก็ถูกแสนถูก เหมือนคอมพิวเตอร์ ซื้อปีนี้อย่างแรง ผ่านไป 2 ปี กากแล้ว
2005 Toyota Vios 1st Gen
2012 Honda Civic FD
2018 Toyota Camry ACV70
2023 Toyota Yaris Cross
2024 Porsche 718 Cayman Style Edition
2025 MB E-Class E220d W214



DiKiBoyZ

สำหรับผม ซ่อมแบตเอตรี่ หรือ เปลี่ยนแบตเตอรี่ ไม่ห่วงเลย

อยู่ที่ว่า สู้ราคาได้แค่ไหน ไหวเบิกใหม่ หรือว่าซ่อมรีบิ้ว หรือ refurbish ตามงบเลย

ผมห่วงอย่างอื่นมากกว่า แบตเตอรี่ เช่น อุปกรณ์ควบ หรือ โมดูลต่างๆ มากกว่า

ส่วนราคามือสอง ก็ทำให้คนกลัว ราคามันก็ถูก ตามปกติ ครับ



+@ Krishna @+

ขอแสดงความเห็นในส่วนของราคาขายต่อนะครับ ..จากประสบการณ์ตรงที่ ทั้งซื้อและขายรถมือ 2 อยู่ตอนนี้

ไฮบริจ ถ้าซื้อ คือซื้อถูกมากๆ และซื้อแบบไม่ง้อด้วย ถ้าเจ้าของบอกถูกไป ผมก็ปล่อยเลยไม่ตื้อเพราะไม่ได้อยากได้มาขายเลย รับเข้ามาก็ออกยาก คนซื้อมือ 2 ส่วนใหญ่ไม่มีใครจับไฮบริจเลย ..

แคมรี่ 2.5 ปีเดียวกัน สีเดียวกัน วางขายคู่กับตัวไฮบริจ ปีเดียวกัน ลูกค้ามาดูเค้าจิ้มตัว 2.5 ไม่คิดเลย ทั้งๆที่ไมล์เยอะกว่าด้วย .. ซึ่งนั่นแหละ ตัวไฮบริจ ไม่ว่าจะยี่ห้อไหน เมื่อมันอยู่ในเต้น จะขึ้นชื่อเลยว่า ติดมือ ออกยาก ...

ส่วนการรับซื้อถ้าเป็นค่ายโตโยต้า ก่อนซื้อผมจะถามก่อนว่าเครมแบ็ตมายัง ถ้าลูกค้าบอกยัง .. ผมไม่ซื้อเลยครับ คันนี้เสี่ยงแบ็ตพังมากๆ แต่ถ้าเช็คมาแล้วเคยเครมในช่วง 7-8ปี อันนี้โอเคซื้อได้ แต่ก็ไม่ได้ราคาตามที่หวังอยู่ดี .. และก็นั่นแหละ ถ้าลูกค้าบอกกดราคา ผมก็โอเค ไม่ซื้อครับ เพราะไม่ได้อยากได้เป็นทุนเดิม ..

ยุโรปก็เช่นกัน พวกปลั๊คอินทั้งหลาย หมดวารันตีหมด BSI เมื่อไร ทำใจไว้ได้เลย ถ้าหวังราคาสูง คุณไม่ได้ขายแน่

สุดท้ายบางทีคนที่คิดจะใช้ไฮบริจยังไม่เคยเจอว่าขายต่อมันพังขนาดไหน ก็ให้เวลามันพิสูจน์ครับ

โห... ขนาดโตโยต้ายังขนาดนี้
ถ้าไฮบริตจีน ราคาคงตกฮวบยวบ  haval h6 , mg phev  :P

ส่วนตัวรอดูไปอีกสัก 4 ปี ข้างหน้าว่าทิศทางเป็นอย่างไร
เพราะเทคโนโลยีรถไฟฟ้าจีน ที่ก๊อปโนฮาวก็พัฒนาไปไวอยู่