ผู้เขียน หัวข้อ: เก๋งดีเซล vs เก๋งเบนซิน คันไหนขับเที่ยวเขาสนุกกว่ากัน  (อ่าน 5341 ครั้ง)

ออฟไลน์ eakapan

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 142
ดีเซลเทอโบใน 320d ขับไปเที่ยวคือชิลมากๆ แรง แต่ประหยัดอย่างกับ eco car ขึ้นเขาลงเขาไม่รู้สึก เหมือนขับทางเรียบ ใช้เกียร์ D ตลอด ไม่ต้องเค้นอะไรเลย มาเต็มทั้งแรงบิดและ engine break

เบนซิน 2.0 เทอโบ ใน mini F56s แรงบิดมาที่รอบ 1,xxx ขึ้นเขาใหญ่แทบไม่รู้สึก ใช้เกียร์ 4 ยังแทบจะขึ้นได้ทุกเนิน (เกียร์ MT ขับเพลินๆ บางเนินลืมเปลี่ยนเกียร์ลง อยู่กลางเนินเติมคันเร่งเบาๆก็ไปสบายๆ) ส่วนความประหยัด เทียบไม่ได้กับดีเซลแน่นอน

ทั้ง 2 แบบ คือขับกินลมชมวิวเนิบๆ ถ้ารีบๆคงไม่ต้องห่วง ไปได้สบายๆทั้งคู่ อยู่ที่ชำนาญทางหรือเปล่าแค่นั้นครับ

แต่ความสนุก ผมว่าเบนซินกินขาด รอบเครื่องมีให้ใช้ยาวๆ เลือกแบบชิลหรือแบบสนุกลากรอบก็ได้ แต่ดีเซลลากรอบไม่ได้ แป๊บๆเหี่ยวแล้วจะเค้นยังไงก็ไม่มา

ถ้าสายชิล ผมไปดีเซล
ถ้าเอาสนุก ผมไปเบนซิน
Subaru 1.8 GR / Subaru Legacy BC
Honda Jazz GE / Nissan Frontier ZD30
Honda CRV Gen4 / BMW 3GT
Suzuki Swift GLX-Navi / Mini Cooper S F56 Paddy
BMW E36 / Mini Cooper S F55
VW Golf MK3 Cabriolet / BYD Dolphin Extended Range

ออฟไลน์ AnUt^_^

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 157
ถ้าเที่ยวเขา ดีเซลสนุกกว่าครับ  ประหยักกว่าด้วย ไม่ต้องเค้นเยอะ

ออฟไลน์ boogie2020

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,041
    • อีเมล์
ดีเซลแบบไม่ต้องลุ้นเลยคับ

ทอร์ดรอบต้นเยอะกว่าเห็น ๆ ไม่ต้องกดเยอะก็ขึ้นเขาสบาย  แต่ต้องระวังนิดนึงถ้าถนนเปียกหรือลื่น ด้วยทอร์คที่เยอะมันจะปัดเอาง่าย ๆ (ต่อให้มี Traction แต่เวลากดคันเร่งลึกเกิน แล้วมันปัด ก็น่ากลัวอยู่ดีแหละคับ)  เบนซินมันก็ขึ้นได้แหละ แต่บางทีเจอเนิน หรือโค้งหักศอกติด ๆ กัน ความเร็วตก มันต้องตบเกียร์ลง เพื่อดันทอร์คขึ้นช่วย
-----------------------------------------------------------
There is no spoon
-----------------------------------------------------------

ออฟไลน์ DiKiBoyZ

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 7,226
    • อีเมล์
ถ้า 520D vs 530i ผมว่ายังไง 530i ก็กิน ...

หลายคงคงคิดคัดค้านความเห็นผมนะ ... แต่ก็นั่นแหละ เพราะบางคนที่ขับรถเครื่องเบนซิน จะมีสักกี่คนที่กล้าลากรอบสูงเรียกกำลังที่แท้จริงมันออกมา ..

ขับเครื่องเบนซิล แต่อยากได้แรงบิดรอบต่ำ เหยียบเต็มที่ 3000รอบก็ยกแล้ว แล้วก็บอกแรงบิดมาไม่เท่าดีเซล ... ใช่ปะ ..

เครื่องเบนซิน ลองลากกันสุดไมล์สิ ลากถึง 6000-7000รอบดู ดีเซลไม่ได้กินหรอกครับ ... 

ขึ้นเขาก็เหมือนกัน พวกขับเบนซินไม่กล้าเหยียบเหมือนกลัวฝาสูบมันจะแตก อยากให้มันมีแรงแต่กดไม่เกิน3000รอบ แล้วบอกทอร์คไม่มี ...

ขึ้นเขาน่ะ ถ้าผมจะแซงด้วยเครื่องเบนซิน ผมก็คารอบไว้ที่ 3500รอบ แล้วกดมิดลากยาวไปสุดเรดลาย แซงไวกว่าเครื่องดีเซลอีก ..

รู้จักรถตัวเอง รู้จังหวะทำงาน ถ้าใส่กันเต็มๆ ไม่ว่าจะค่ายไหน ดีเซลก็ไม่มีทางชนะเบนซิน (เดิมๆนะ)

ผมว่าคุณน่าจะเข้าใจผิดหลายอย่างครับ

ถ้ารู้จักคาแรคเตอร์ ของเบนซินเทอร์โบยุคใหม่ของ BMW (หรือยี่ห้อื่นๆ ด้วย) จะรู้ว่า แรงบิด เขามาเป็น flat-torque ครับ ไม่ต้องรอ 6,000-7,000 รอบ อย่างที่คุณว่ามาเลย

อย่าง 530i แรงบิดมาตั้งแต่ 1,450-4,800 รอบแล้วครับ ไม่ต้องรอแรงบิดถึงรอบปลายด้วยซ้ำ แต่แรงม้าจะมารอบปลายจริง คือ ช่วง 6,000 รอบขึ้นไป

แต่โดยพื้นฐานรถ ดีเซล แรงบิด มันเยอะกว่า เบนซิน อยู่แล้ว อย่าง 530i แรงบิด 350NM ส่วน 520d แรงบิด 400NM (525d แรงบิด 450NM)

ดูเหมือนต่างกันไม่เยอะก็จริง แต่พอมาประจวบเหมาะของแรงม้าดีเซลก็มาในรอบต่ำด้วย มันเลยทำให้กำลังรถมันมีใช้ต่อเนื่อง จังหวะรอบกวาดมันเร็วกว่า

นั้นหมายถึงการรอรถที่จะพุ่งมันน้อยกว่า ระยะเวลาสั้นกว่า ผมถึงใช้คำว่า กดเป็นมา กดเป็นมา นั้นละ

ต่อให้ 530i ค้างรอบกลางๆ ไว้เพื่อแซง แต่พอจุ่มคันเร่งลงไปเต็มๆ ก็จริง รถมันต้องรอ response จากเครื่องยนต์ และ รอบที่กวาดช้ากว่า กว่าจะพาไปถึงจุดแรงม้าสูงสุด อีกครับ

แล้วพอเบนซิน กำลังจะพุ่งเต็มที่ ก็ต้องเบรคซะแล้ว เพราะข้างหน้าเจอโค้งแล้ว หรือ รถบรรทุก รถคันอื่นบ้าง ก็ต้องมาตั้งจังหว่ะใหม่

บ้านผมมีทั้งเบนซิน ดีเซล และ ถ้าช้าใช้รถ เบนซิล ดีเซล คู่กันประจำๆ จะรู้และเข้าใจฟิลลิ่งแบบนี้ดีครับ

ออฟไลน์ CMaN20

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 680
เคยเอา Camry Hybrid กับ X3 20d วิ่งทางเขา

ส่วนตัวผมถือว่าโอเคทั้งคู่

ดีเซลแรงบิดเยอะรอบต่ำ ไม่ต้องเล่นรอบ

ไฮบริด แบตเกือบเต็มตลอดทาง ขึ้นทางชันสบายมาก


รถสีสวยมากครับ X3. ขอถามนิดครับ ตัวLCIใหม่นี้ไฟหน้าของ 20d มันเป็น LED Adaptive (เลี้ยวตาม)มั่ยครับ? ตัวก่อนLCIผมดูมันไม่ได้มา มีแต่เฉพาะใน 30e
# BMW    520d E60   
# BENZ   E250CDI W212
# BMW    520d G30
# VOLVO  XC90 D5 Y2020

ออฟไลน์ pladaek

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,021
  • FF1.5SMG
ถ้าเป็นเบนซิลเทอร์โบแล้วผมเลือกเบนซิลครับ
ผมไม่เคยขับ BMW นะ

แต่ถ้าเก๋งดีเซลที่เคยขับ ผมเทียบระหว่าง มาสด้า2ดีเซล กับ Fiesta1.0 Ecoboost
Fiesta ขับมันกว่าเยอะครับ จริงที่ดีเซลรอบต้นดี แต่รอบกลางถึงปลายเบนซิลสนุกกว่า
ไม่ได้ขับรถเพื่อทำเวลาที่ดีที่สุด.. แต่ขับรถเพื่อเจอช่วงเวลาที่ดีที่สุด..

ออฟไลน์ boogie2020

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,041
    • อีเมล์
ถ้า 520D vs 530i ผมว่ายังไง 530i ก็กิน ...

หลายคงคงคิดคัดค้านความเห็นผมนะ ... แต่ก็นั่นแหละ เพราะบางคนที่ขับรถเครื่องเบนซิน จะมีสักกี่คนที่กล้าลากรอบสูงเรียกกำลังที่แท้จริงมันออกมา ..

ขับเครื่องเบนซิล แต่อยากได้แรงบิดรอบต่ำ เหยียบเต็มที่ 3000รอบก็ยกแล้ว แล้วก็บอกแรงบิดมาไม่เท่าดีเซล ... ใช่ปะ ..

เครื่องเบนซิน ลองลากกันสุดไมล์สิ ลากถึง 6000-7000รอบดู ดีเซลไม่ได้กินหรอกครับ ... 

ขึ้นเขาก็เหมือนกัน พวกขับเบนซินไม่กล้าเหยียบเหมือนกลัวฝาสูบมันจะแตก อยากให้มันมีแรงแต่กดไม่เกิน3000รอบ แล้วบอกทอร์คไม่มี ...

ขึ้นเขาน่ะ ถ้าผมจะแซงด้วยเครื่องเบนซิน ผมก็คารอบไว้ที่ 3500รอบ แล้วกดมิดลากยาวไปสุดเรดลาย แซงไวกว่าเครื่องดีเซลอีก ..

รู้จักรถตัวเอง รู้จังหวะทำงาน ถ้าใส่กันเต็มๆ ไม่ว่าจะค่ายไหน ดีเซลก็ไม่มีทางชนะเบนซิน (เดิมๆนะ)

Audi R8-R10 TDi ไงคับ  รถดีเซล ชนะเลอมอง 24 hr หลายปีเลยนะคับ  และระดับนักแข่ง LMP1 คันอื่นเขาก็คงลาก red line กันเป็นหมดแหละมั้งคับ
-----------------------------------------------------------
There is no spoon
-----------------------------------------------------------

ออฟไลน์ Pegasus7700

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,815
เบนซิลมันกว่าเยอะ
...ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป...

MERCEDES BENZ W212 '12
FORD FOCUS 2.0 Gdi '13
HONDA Civic RS '20
VOLVO XC60 Hybrid Inscription '19
FORD EVEREST 2.0 Bi Turbo '22

ออฟไลน์ Newhang

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,338
ดีเซลแรงบิดที่รอบเดินเบาครับ พื้นฐานมันได้เปรียบกว่า

ออฟไลน์ เนื้อน่องไม่หนัง

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,737
ถ้า 520D vs 530i ผมว่ายังไง 530i ก็กิน ...

หลายคงคงคิดคัดค้านความเห็นผมนะ ... แต่ก็นั่นแหละ เพราะบางคนที่ขับรถเครื่องเบนซิน จะมีสักกี่คนที่กล้าลากรอบสูงเรียกกำลังที่แท้จริงมันออกมา ..

ขับเครื่องเบนซิล แต่อยากได้แรงบิดรอบต่ำ เหยียบเต็มที่ 3000รอบก็ยกแล้ว แล้วก็บอกแรงบิดมาไม่เท่าดีเซล ... ใช่ปะ ..

เครื่องเบนซิน ลองลากกันสุดไมล์สิ ลากถึง 6000-7000รอบดู ดีเซลไม่ได้กินหรอกครับ ... 

ขึ้นเขาก็เหมือนกัน พวกขับเบนซินไม่กล้าเหยียบเหมือนกลัวฝาสูบมันจะแตก อยากให้มันมีแรงแต่กดไม่เกิน3000รอบ แล้วบอกทอร์คไม่มี ...

ขึ้นเขาน่ะ ถ้าผมจะแซงด้วยเครื่องเบนซิน ผมก็คารอบไว้ที่ 3500รอบ แล้วกดมิดลากยาวไปสุดเรดลาย แซงไวกว่าเครื่องดีเซลอีก ..

รู้จักรถตัวเอง รู้จังหวะทำงาน ถ้าใส่กันเต็มๆ ไม่ว่าจะค่ายไหน ดีเซลก็ไม่มีทางชนะเบนซิน (เดิมๆนะ)

Audi R8-R10 TDi ไงคับ  รถดีเซล ชนะเลอมอง 24 hr หลายปีเลยนะคับ  และระดับนักแข่ง LMP1 คันอื่นเขาก็คงลาก red line กันเป็นหมดแหละมั้งคับ

ถ้านักแข่งยังไงเขาก็ขับเต็มที่อยู่แล้วครับ แต่เอาชีวิตจริง คนทั่วๆไปใช้งาน เบนซิล คงไม่เกิน 4000 รอบ ดีเซลก็ 3000 รอบนะผมว่า นอกจากต้องเร่งแซงกดหนักๆจริงๆ


กลับมา ขึ้นเขา ถ้าเลือกรุ่นเดียวกัน
ดีเซลน่าจะสบายกว่า ไปเรื่อยๆไม่ต้องกังวล อะไร กดเบาๆก็มีแรงไหลขึ้นละ
ถ้าเบนซิล ต้องลากรอบเล่นเกียร์ ไปคนเดียวอาจสนุก แต่ถ้ามีคนอื่นมาด้วยน่าจะเมารถ นอกจากพวกเครื่องใหญ่ๆ

ออฟไลน์ madboy

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,354
    • อีเมล์
ดีเซล+เทอร์โบ มันสบายกว่าสำหรับทางเขา คดเคี้ยว ซึ่งคงไม่มีใครขับแบบสุดลิมิตบนถนนหลวง

แต่เวลาวิ่งในสนาม ส่วนตัวยังชอบเบนซิน ไม่โบมากกว่ามากครับ เพราะแม้โค้งจะเยอะ มีขึ้น มีลงเนิน แต่หากไปกันแบบสุดลิมิต แรงบิดที่เยอะเกินไปก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไร เปิด esp ก็ตัด ปิดก็ล้อฟรีถ้ากดเยอะเกิน

แต่ก็ต้องระวังเรื่องความร้อนสักนิด ถ้ามีอะไรผิดพลาดครับ เพราะบางทีกดๆ มันส์ๆเนี่ยแหละ oil temp ดีเซลเทอร์โบ ก็มี 120++ ที่อ่างน้ำมันเครื่องได้ไม่ยากครับ ;)

ออฟไลน์ bravo

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,469
    • อีเมล์
ถ้า 520D vs 530i ผมว่ายังไง 530i ก็กิน ...

หลายคงคงคิดคัดค้านความเห็นผมนะ ... แต่ก็นั่นแหละ เพราะบางคนที่ขับรถเครื่องเบนซิน จะมีสักกี่คนที่กล้าลากรอบสูงเรียกกำลังที่แท้จริงมันออกมา ..

ขับเครื่องเบนซิล แต่อยากได้แรงบิดรอบต่ำ เหยียบเต็มที่ 3000รอบก็ยกแล้ว แล้วก็บอกแรงบิดมาไม่เท่าดีเซล ... ใช่ปะ ..

เครื่องเบนซิน ลองลากกันสุดไมล์สิ ลากถึง 6000-7000รอบดู ดีเซลไม่ได้กินหรอกครับ ... 

ขึ้นเขาก็เหมือนกัน พวกขับเบนซินไม่กล้าเหยียบเหมือนกลัวฝาสูบมันจะแตก อยากให้มันมีแรงแต่กดไม่เกิน3000รอบ แล้วบอกทอร์คไม่มี ...

ขึ้นเขาน่ะ ถ้าผมจะแซงด้วยเครื่องเบนซิน ผมก็คารอบไว้ที่ 3500รอบ แล้วกดมิดลากยาวไปสุดเรดลาย แซงไวกว่าเครื่องดีเซลอีก ..

รู้จักรถตัวเอง รู้จังหวะทำงาน ถ้าใส่กันเต็มๆ ไม่ว่าจะค่ายไหน ดีเซลก็ไม่มีทางชนะเบนซิน (เดิมๆนะ)

ผมว่าคุณน่าจะเข้าใจผิดหลายอย่างครับ

ถ้ารู้จักคาแรคเตอร์ ของเบนซินเทอร์โบยุคใหม่ของ BMW (หรือยี่ห้อื่นๆ ด้วย) จะรู้ว่า แรงบิด เขามาเป็น flat-torque ครับ ไม่ต้องรอ 6,000-7,000 รอบ อย่างที่คุณว่ามาเลย

อย่าง 530i แรงบิดมาตั้งแต่ 1,450-4,800 รอบแล้วครับ ไม่ต้องรอแรงบิดถึงรอบปลายด้วยซ้ำ แต่แรงม้าจะมารอบปลายจริง คือ ช่วง 6,000 รอบขึ้นไป

แต่โดยพื้นฐานรถ ดีเซล แรงบิด มันเยอะกว่า เบนซิน อยู่แล้ว อย่าง 530i แรงบิด 350NM ส่วน 520d แรงบิด 400NM (525d แรงบิด 450NM)

ดูเหมือนต่างกันไม่เยอะก็จริง แต่พอมาประจวบเหมาะของแรงม้าดีเซลก็มาในรอบต่ำด้วย มันเลยทำให้กำลังรถมันมีใช้ต่อเนื่อง จังหวะรอบกวาดมันเร็วกว่า

นั้นหมายถึงการรอรถที่จะพุ่งมันน้อยกว่า ระยะเวลาสั้นกว่า ผมถึงใช้คำว่า กดเป็นมา กดเป็นมา นั้นละ

ต่อให้ 530i ค้างรอบกลางๆ ไว้เพื่อแซง แต่พอจุ่มคันเร่งลงไปเต็มๆ ก็จริง รถมันต้องรอ response จากเครื่องยนต์ และ รอบที่กวาดช้ากว่า กว่าจะพาไปถึงจุดแรงม้าสูงสุด อีกครับ

แล้วพอเบนซิน กำลังจะพุ่งเต็มที่ ก็ต้องเบรคซะแล้ว เพราะข้างหน้าเจอโค้งแล้ว หรือ รถบรรทุก รถคันอื่นบ้าง ก็ต้องมาตั้งจังหว่ะใหม่

บ้านผมมีทั้งเบนซิน ดีเซล และ ถ้าช้าใช้รถ เบนซิล ดีเซล คู่กันประจำๆ จะรู้และเข้าใจฟิลลิ่งแบบนี้ดีครับ

เห็นด้วยครับ
เจอทางชัน+โค้งหักศอก เบนซินจะเลี้ยงให้รอบสูงๆ ตลอดก็ไม่ได้ครับ

ออฟไลน์ CMaN20

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 680
ดีเซล+เทอร์โบ มันสบายกว่าสำหรับทางเขา คดเคี้ยว ซึ่งคงไม่มีใครขับแบบสุดลิมิตบนถนนหลวง

แต่เวลาวิ่งในสนาม ส่วนตัวยังชอบเบนซิน ไม่โบมากกว่ามากครับ เพราะแม้โค้งจะเยอะ มีขึ้น มีลงเนิน แต่หากไปกันแบบสุดลิมิต แรงบิดที่เยอะเกินไปก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไร เปิด esp ก็ตัด ปิดก็ล้อฟรีถ้ากดเยอะเกิน

แต่ก็ต้องระวังเรื่องความร้อนสักนิด ถ้ามีอะไรผิดพลาดครับ เพราะบางทีกดๆ มันส์ๆเนี่ยแหละ oil temp ดีเซลเทอร์โบ ก็มี 120++ ที่อ่างน้ำมันเครื่องได้ไม่ยากครับ ;)

ผมเองก็พึ่งจะเข้าใจที่พูดกันว่า "ดีเซลมันแช่ไม่ได้" กับตัวเองครับ. 520dตัวเองที่ remapมาแล้ว ตอนนั้นลองถนนโล่งๆ200-210 แช่นานหน่อย. ก็ดูความร้อนที่หน้าจออยู่ครับ มันก็ไม่ได้ขึ้นกว่าปรกติ แต่รถผมมันไม่มี oil temp/oil pressure ก็เลยไม่สามารถดูอะไรได้. หลังจากนั้นไม่นานมีโอกาศได้ไปserviceนอกศูนย์ (จริงๆรถยังอยู่ในbsi แต่ผมต้องการถ่ายนม.เกียร์) เจ้าของร้านที่ไปเซอวิสเอาคอมเสียบเช็ค code ไปเจอว่ามันมีฟ้องว่า มีความร้อนสูงเกินที่เซ็นเซอหลังDPF ซึ่งผมถามพี่ที่เช็คให้แกบอกว่าcodeแบบนี้มันจะไม่ขึ้นที่หน้าจอ และมันบ่งบอกว่ารถมีความร้อนสะสมหลังDPFที่มากเกินไป ถ้าปล่อยไว้นานๆหรือถ้าเกิดบ่อยๆมันจะพังได้! แกถามว่าไปแช่ที่ไหนมารึเปล่า ผมเลยนึกถึงครั้งนั้นที่ผมแช่มา

สรุปเลยครับ แกบอกรถดีเซล ยิ่งถ้าremapมาแล้วนี้ ถ้ายังมี DPF/CAT อยู่ ห้ามแช่เลยเด็ดขาด ต้องคอยเลี้ยงคันเร่ง/ความเร็วเอา อย่าจุ่มแช่.
# BMW    520d E60   
# BENZ   E250CDI W212
# BMW    520d G30
# VOLVO  XC90 D5 Y2020

ออฟไลน์ nl2br

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,019
    • ร้านค้าออนไลน์
ขึ้นลงเขา ทางมันคดเคี้ยว รถที่ทอร์คมาตั้งแต่รอบต่ำๆ จะได้เปรียบกว่า กดแปปๆ ก็ต้องโค้งแล้ว ส่วนตัวเคยขับแต่มาสด้า 2 ดีเซล
จะเทียบกับเทอร์โบเบนซินก็ไม่เคยขับ ขับแต่ na เบนซิน ซึ่งก็เทียบไม่ติดกับรถเทอร์โบอยู่แล้ว เพิ่งไปขับข้ามทับลานมา สนุกมาก ขึ้นจากฝั่งปราจีนมาออกปักธงชัย
บล็อกข่าวไอทีกากๆ >> https://thaimobiletricks.blogspot.com/ << ข่าวมือถือ มือถือรุ่นใหม่

ออฟไลน์ Auto

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,632
ต้องนิยามคำว่าขับสนุกก่อนว่าหมายถึงอะไร   

      ถ้าเก๋งเบนซินที่ขับสนุก  ๆ    เล่นบนเขาคดเคี้ยวแบบนี้มีแน่ ๆ  คือ BRZ   MX5   พวกนี้ขับสนุกจริง ๆ  ไม่ว่าทางเรียบตรงหรือทางโค้งกับเขา 
         
        แต่ถ้าการใช้งานพวกเครื่องดีเซลเทอร์โบมันได้เปรียบกว่าเครื่องเบนซิน NA  ทุกด้านอยู่แล้ว  (แต่ค่าซ่อมบำรุงแพงกว่า )  เพราะทอร์คมันมาเร็วกำลังดีกว่าขับแล้วไม่เหนื่อย     แต่จะบอกว่าขับสนุกหรือไม่ผมว่า  เฉย   ๆ (สำหรับผม )  เพราะรถดีเซลที่ผมเคยขับมานั้นมันไม่ใช่รถขับสนุกอะไรเหมือนรถสปอร์ต ที่ผมเคยมี เคยขับ  เพราะรถดีเซลพวกนี้มันคือรถใช้งานทั่ว ๆ ไป แค่นั้นเอง     

ออฟไลน์ SM.

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 27,431
สำหรับผม ต้องดูที่ เกียร์ ด้วยนะครับ ถ้าสามารถ +,- ได้เอง จะดีมากเลย

ออฟไลน์ ThisIsYuTh

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 291
ถ้าขึ้นเขาแล้วใช้เกียร์ให้เป็น ไม่ว่าเบนซินหรือดีเซล เครื่องไหนมันก็ไม่ต้องรอรอบทั้งนั้นนะผมว่า สุดท้ายมันอยู่ที่ว่ากราฟทอร์คเป็นยังไงมากกว่า ถ้า Flat torque ทั้งคู่ยังไงก็แรง แต่เบนซินรอบดีกว่า เสียงเงียบกว่าด้วย

ส่วนตัวขอเป็นเบนซินเทอร์โบขับสี่ครับ  :D
2020 - Mazda CX-5 2.5T (KF)
2016 - Subaru XV (GP)
2013 - Mitsubishi Pajero Sport (KG)
2010 - Honda Civic (FD)
2006 - BMW 3 Series (E36)

ออฟไลน์ voyager

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 505
มันส์ทั้งคู่ถ้าเครื่องมีกำลังดี ถนนโล่งๆ
แต่ดีเซลขับสบายกว่าครับ จะชันแค่ไหน จะขับช้า(รถติด)แค่ไหน มันก็ขึ้นของมันได้สบายเรื่อยๆ
ไม่ต้องเค้น ไม่ต้องเร่งส่งเนินใดๆ

ออฟไลน์ PetchPP

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 225
เล่นรอบต้นแบบนี้ดีเซลได้เปรียบสิครับ ทอร์ครอบต้นดีกว่าเห็นๆ
2012 Volvo S60 T4F (Discharged)
2015 Mazda 2 1.3
2019 Benz C220D (W205)
2020 BMW X1 18D (F48)
2022 Honda Civic Turbo RS (FE)

ออฟไลน์ Mr.Joe

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 441
ขอแยกคำว่า “แข่ง” ออกจากคำว่า “ขับสบาย” นะครับ
ผมว่าตอนนี้ จะดีเซล หรือเบนซิน รุ่นใหม่ๆ ที่มาแบบ “หัวฉีดตรง แคมกระดิก ติดเทอร์โบ”
ผมว่าขึ้นเขาได้สบายหมด แม้ว่าในซีซีเดียวกัน ดีเซลจะได้เปรียบขึ้นอีกนิด
ก่อนหน้านี้เคยใช้ Benz Vito ดีเซล ขึ้นเขาใหญ่เทียบ Alphard Hybrid
สรุปว่า Benz ขึ้นเขาดีกว่าเยอะ ก็เพราะเป็นดีเซลเทอร์โบ VS เครื่อง NA ส่วน Hybrid นั่นไฟฟ้าหมดตั้งแต่เริ่มขึ้นเขาแล้ว
ตอนหลังๆ เอาทั้ง Harrier 2.4, E220d, C200, 5008, Prado สลับขึ้นเขา
เบนซิน NA แพ้ราบครับ จะเครื่อง 4 สูบ 6 สูบ สุดท้ายมันต้องการรอบเพื่อสร้างแรงบิด ต้นๆเลยไม่ดี แถมกินน้ำมัน
ที่ขอชมมาก คือเครื่องเบนซินเทอร์โบเล็กรุ่นใหม่ๆ
ผมลอง 5008 เครื่อง 1.6 เทอร์โบ ขึ้นดอยสุเทพ เสมิง อยู่หลายรอบ พบว่าเครื่องเทอร์โบเล็กๆแบบ 1.4-1.5-1.6 สามารถขับขึ้นเขาได้ดีกว่าเบนซิน NA 2.4, 2.5 หรือแม้แต่ 2.8 บางรุ่น
ด้วยการปั่นแรงบิดซัก 240-250 nm. ได้ตั้งแต่รอบต้นๆ
เวลาขึ้นเขานี่ไม่ต้องใช้รอบวิ่งเลย
สรุปว่าขอให้มีเทอร์โบเถอะครับ จะดีเซล เบนซิน ผมว่าขับสบายกว่ารถยุคเครื่อง NA มาก

ออฟไลน์ madboy

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,354
    • อีเมล์
ดีเซล+เทอร์โบ มันสบายกว่าสำหรับทางเขา คดเคี้ยว ซึ่งคงไม่มีใครขับแบบสุดลิมิตบนถนนหลวง

แต่เวลาวิ่งในสนาม ส่วนตัวยังชอบเบนซิน ไม่โบมากกว่ามากครับ เพราะแม้โค้งจะเยอะ มีขึ้น มีลงเนิน แต่หากไปกันแบบสุดลิมิต แรงบิดที่เยอะเกินไปก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไร เปิด esp ก็ตัด ปิดก็ล้อฟรีถ้ากดเยอะเกิน

แต่ก็ต้องระวังเรื่องความร้อนสักนิด ถ้ามีอะไรผิดพลาดครับ เพราะบางทีกดๆ มันส์ๆเนี่ยแหละ oil temp ดีเซลเทอร์โบ ก็มี 120++ ที่อ่างน้ำมันเครื่องได้ไม่ยากครับ ;)

ผมเองก็พึ่งจะเข้าใจที่พูดกันว่า "ดีเซลมันแช่ไม่ได้" กับตัวเองครับ. 520dตัวเองที่ remapมาแล้ว ตอนนั้นลองถนนโล่งๆ200-210 แช่นานหน่อย. ก็ดูความร้อนที่หน้าจออยู่ครับ มันก็ไม่ได้ขึ้นกว่าปรกติ แต่รถผมมันไม่มี oil temp/oil pressure ก็เลยไม่สามารถดูอะไรได้. หลังจากนั้นไม่นานมีโอกาศได้ไปserviceนอกศูนย์ (จริงๆรถยังอยู่ในbsi แต่ผมต้องการถ่ายนม.เกียร์) เจ้าของร้านที่ไปเซอวิสเอาคอมเสียบเช็ค code ไปเจอว่ามันมีฟ้องว่า มีความร้อนสูงเกินที่เซ็นเซอหลังDPF ซึ่งผมถามพี่ที่เช็คให้แกบอกว่าcodeแบบนี้มันจะไม่ขึ้นที่หน้าจอ และมันบ่งบอกว่ารถมีความร้อนสะสมหลังDPFที่มากเกินไป ถ้าปล่อยไว้นานๆหรือถ้าเกิดบ่อยๆมันจะพังได้! แกถามว่าไปแช่ที่ไหนมารึเปล่า ผมเลยนึกถึงครั้งนั้นที่ผมแช่มา

สรุปเลยครับ แกบอกรถดีเซล ยิ่งถ้าremapมาแล้วนี้ ถ้ายังมี DPF/CAT อยู่ ห้ามแช่เลยเด็ดขาด ต้องคอยเลี้ยงคันเร่ง/ความเร็วเอา อย่าจุ่มแช่.

ยิ่งรถทำมายิ่งต้องระวังเป็นพิเศษ อุณหภูมิน้ำหล่อเย็น แม้จะไม่ได้ร้อนจากปกติ แต่ อุณหภูมิไอเสีย อุณหภูมิน้ำมันเครื่อง อุณหภูมิอากาศเข้าเครื่อง สูงแน่ ถ้าใช้ชุดระบายความร้อนเดิม หน้าร้อนนี่เคยวิ่งสนาม 3 รอบเท่านั้นแหละ ตัดกำลังแล้ว ต้องพกถังน้ำฉีดอินเตอร์ไปอีกถังเลยล่ะครับ  ;D

ออฟไลน์ CMaN20

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 680
ดีเซล+เทอร์โบ มันสบายกว่าสำหรับทางเขา คดเคี้ยว ซึ่งคงไม่มีใครขับแบบสุดลิมิตบนถนนหลวง

แต่เวลาวิ่งในสนาม ส่วนตัวยังชอบเบนซิน ไม่โบมากกว่ามากครับ เพราะแม้โค้งจะเยอะ มีขึ้น มีลงเนิน แต่หากไปกันแบบสุดลิมิต แรงบิดที่เยอะเกินไปก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไร เปิด esp ก็ตัด ปิดก็ล้อฟรีถ้ากดเยอะเกิน

แต่ก็ต้องระวังเรื่องความร้อนสักนิด ถ้ามีอะไรผิดพลาดครับ เพราะบางทีกดๆ มันส์ๆเนี่ยแหละ oil temp ดีเซลเทอร์โบ ก็มี 120++ ที่อ่างน้ำมันเครื่องได้ไม่ยากครับ ;)

ผมเองก็พึ่งจะเข้าใจที่พูดกันว่า "ดีเซลมันแช่ไม่ได้" กับตัวเองครับ. 520dตัวเองที่ remapมาแล้ว ตอนนั้นลองถนนโล่งๆ200-210 แช่นานหน่อย. ก็ดูความร้อนที่หน้าจออยู่ครับ มันก็ไม่ได้ขึ้นกว่าปรกติ แต่รถผมมันไม่มี oil temp/oil pressure ก็เลยไม่สามารถดูอะไรได้. หลังจากนั้นไม่นานมีโอกาศได้ไปserviceนอกศูนย์ (จริงๆรถยังอยู่ในbsi แต่ผมต้องการถ่ายนม.เกียร์) เจ้าของร้านที่ไปเซอวิสเอาคอมเสียบเช็ค code ไปเจอว่ามันมีฟ้องว่า มีความร้อนสูงเกินที่เซ็นเซอหลังDPF ซึ่งผมถามพี่ที่เช็คให้แกบอกว่าcodeแบบนี้มันจะไม่ขึ้นที่หน้าจอ และมันบ่งบอกว่ารถมีความร้อนสะสมหลังDPFที่มากเกินไป ถ้าปล่อยไว้นานๆหรือถ้าเกิดบ่อยๆมันจะพังได้! แกถามว่าไปแช่ที่ไหนมารึเปล่า ผมเลยนึกถึงครั้งนั้นที่ผมแช่มา

สรุปเลยครับ แกบอกรถดีเซล ยิ่งถ้าremapมาแล้วนี้ ถ้ายังมี DPF/CAT อยู่ ห้ามแช่เลยเด็ดขาด ต้องคอยเลี้ยงคันเร่ง/ความเร็วเอา อย่าจุ่มแช่.

ยิ่งรถทำมายิ่งต้องระวังเป็นพิเศษ อุณหภูมิน้ำหล่อเย็น แม้จะไม่ได้ร้อนจากปกติ แต่ อุณหภูมิไอเสีย อุณหภูมิน้ำมันเครื่อง อุณหภูมิอากาศเข้าเครื่อง สูงแน่ ถ้าใช้ชุดระบายความร้อนเดิม หน้าร้อนนี่เคยวิ่งสนาม 3 รอบเท่านั้นแหละ ตัดกำลังแล้ว ต้องพกถังน้ำฉีดอินเตอร์ไปอีกถังเลยล่ะครับ  ;D

ใช้เลยครับ เอาแค่เบาๆพอ อย่าไปซัดเยอะ. เดี่ยวนี้ผมก็ไม่ไปจุ่มแช่แล้วครับ เอาแค่เร่งแซงใช้งานทั่วไปก็เหลือๆแล้ว ตอนนี้Torqueลงล้อจากที่Dynoมาหลังจูนมันได้ 505 NM แค่นี้ก็ขับง่ายกว่าเดิมเยอะครับ.

เคยคิดจะทำต่อเหมือนกันครับ อยากไปเปลี่ยน DP เปลี่ยน Inter ไปอัพใบTurbo. สุดท้ายมานั่งคิดว่าถ้าจะไปขนาดนั้น ไม่ไปซื้อคันใหม่เอา เบนซินไปเลยดีกว่า555 ดีเซลตั้งใจซื้อมาให้ประหยัด/ทน มันก็ทำได้แค่นี้แหละ.
# BMW    520d E60   
# BENZ   E250CDI W212
# BMW    520d G30
# VOLVO  XC90 D5 Y2020

ออฟไลน์ Trafalgar

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 821
เป็นกระทู้ที่ได้ความรู้มากๆครับ
- 1994 Toyota Corolla AE101 1.6 4A-FE MT
- 1995 Honda Civic EG 1.5 D15Z7 MT
- 1996 Mitsubishi Lancer Evolution IV 2.0 4G63T MT
- 2005 Toyota Hilux Vigo Cab 2.5G 2KD-FTV MT
- 2005 Toyota Fortuner 3.0V 1KD-FTV AT
- 2005 Toyota Fortuner 3.0G 1KD-FTV MT
- 2013 Honda City 1.5 L15A7 AT

ออฟไลน์ DiKiBoyZ

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 7,226
    • อีเมล์
ถ้า 520D vs 530i ผมว่ายังไง 530i ก็กิน ...

หลายคงคงคิดคัดค้านความเห็นผมนะ ... แต่ก็นั่นแหละ เพราะบางคนที่ขับรถเครื่องเบนซิน จะมีสักกี่คนที่กล้าลากรอบสูงเรียกกำลังที่แท้จริงมันออกมา ..

ขับเครื่องเบนซิล แต่อยากได้แรงบิดรอบต่ำ เหยียบเต็มที่ 3000รอบก็ยกแล้ว แล้วก็บอกแรงบิดมาไม่เท่าดีเซล ... ใช่ปะ ..

เครื่องเบนซิน ลองลากกันสุดไมล์สิ ลากถึง 6000-7000รอบดู ดีเซลไม่ได้กินหรอกครับ ... 

ขึ้นเขาก็เหมือนกัน พวกขับเบนซินไม่กล้าเหยียบเหมือนกลัวฝาสูบมันจะแตก อยากให้มันมีแรงแต่กดไม่เกิน3000รอบ แล้วบอกทอร์คไม่มี ...

ขึ้นเขาน่ะ ถ้าผมจะแซงด้วยเครื่องเบนซิน ผมก็คารอบไว้ที่ 3500รอบ แล้วกดมิดลากยาวไปสุดเรดลาย แซงไวกว่าเครื่องดีเซลอีก ..

รู้จักรถตัวเอง รู้จังหวะทำงาน ถ้าใส่กันเต็มๆ ไม่ว่าจะค่ายไหน ดีเซลก็ไม่มีทางชนะเบนซิน (เดิมๆนะ)

ผมว่าคุณน่าจะเข้าใจผิดหลายอย่างครับ

ถ้ารู้จักคาแรคเตอร์ ของเบนซินเทอร์โบยุคใหม่ของ BMW (หรือยี่ห้อื่นๆ ด้วย) จะรู้ว่า แรงบิด เขามาเป็น flat-torque ครับ ไม่ต้องรอ 6,000-7,000 รอบ อย่างที่คุณว่ามาเลย

อย่าง 530i แรงบิดมาตั้งแต่ 1,450-4,800 รอบแล้วครับ ไม่ต้องรอแรงบิดถึงรอบปลายด้วยซ้ำ แต่แรงม้าจะมารอบปลายจริง คือ ช่วง 6,000 รอบขึ้นไป

แต่โดยพื้นฐานรถ ดีเซล แรงบิด มันเยอะกว่า เบนซิน อยู่แล้ว อย่าง 530i แรงบิด 350NM ส่วน 520d แรงบิด 400NM (525d แรงบิด 450NM)

ดูเหมือนต่างกันไม่เยอะก็จริง แต่พอมาประจวบเหมาะของแรงม้าดีเซลก็มาในรอบต่ำด้วย มันเลยทำให้กำลังรถมันมีใช้ต่อเนื่อง จังหวะรอบกวาดมันเร็วกว่า

นั้นหมายถึงการรอรถที่จะพุ่งมันน้อยกว่า ระยะเวลาสั้นกว่า ผมถึงใช้คำว่า กดเป็นมา กดเป็นมา นั้นละ

ต่อให้ 530i ค้างรอบกลางๆ ไว้เพื่อแซง แต่พอจุ่มคันเร่งลงไปเต็มๆ ก็จริง รถมันต้องรอ response จากเครื่องยนต์ และ รอบที่กวาดช้ากว่า กว่าจะพาไปถึงจุดแรงม้าสูงสุด อีกครับ

แล้วพอเบนซิน กำลังจะพุ่งเต็มที่ ก็ต้องเบรคซะแล้ว เพราะข้างหน้าเจอโค้งแล้ว หรือ รถบรรทุก รถคันอื่นบ้าง ก็ต้องมาตั้งจังหว่ะใหม่

บ้านผมมีทั้งเบนซิน ดีเซล และ ถ้าช้าใช้รถ เบนซิล ดีเซล คู่กันประจำๆ จะรู้และเข้าใจฟิลลิ่งแบบนี้ดีครับ

เห็นด้วยครับ
เจอทางชัน+โค้งหักศอก เบนซินจะเลี้ยงให้รอบสูงๆ ตลอดก็ไม่ได้ครับ


ใช่ครับ ผมก็พูดตามที่ใช้งานจริง และ ตอบตามคำถาม ที่เขาถามว่า เที่ยวเขา ทางคดเคี้ยวๆ ขึ้นเนิน ทางชัน และ รถเยอะ ต้องเร่งแซงระยะสั้นๆ ในช่วงทางตรงที่สั้น ในทางขึ้น-ลงเขา ไหนจะ อื่นๆ อีก

พูดกันยังกะ ทาคุมิ ขับบนเขาอากินะ ชีวิตจริง ไม่ใช่ การ์ตูน เชนเกียร์ ปั่นรอบรอ ปั่นบูสต์รอ ในรอบกลางๆ กดมิดในรอบปลาย ใช้งานจริง มันจะได้ทำแบบนั้นกี่ครั้งกันเชียว ชีวิตจริง ไปขับที่ได้เหรอครับแบบนี้ ผมขับรถขึ้นเขา-ลงเขา มาเป็น 10 ปี ผมยังทำไม่ได้ขนาดนั้น

มันคือเหตุผล ว่าทำไมผมถึงมี รถดีเซล ในบ้าน ก็เพราะใช้งานแบบนี้แหละ (ถ้ามันได้ขับสี่ดูจะยิ่งดี) ทั้งๆ ที่มีรถ เบนซิน อยู่เช่นกัน แต่ก็เลือกใช้งานต่างกัน

บางคนพูดเหมือนซัดบนทางด่วน แช่ 180+ ไม่ยก หรือ จะขิง เอาให้ได้เลย

ถ้าเขาถามว่า "ขับทางไกล แช่ยาว ความเร็วครุยซิ่งยาวๆ หรือ จุ่มคันเร่งยาวๆ รอบปลายตลอด ไม่ยก หรือ ซัดบางทางด่วน มอเตอร์เวย์.....เบนซิน หรือ ดีเซล คันไหนขับสนุกกว่ากัน"

ผมจะตอบทันทีว่า เบนซิน ขับสนุกกว่าครับ

ออฟไลน์ bingoman

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,368
ผมมีเก๋งทั้งเบนซิน ดีเซลนะครับ

ดีเซล: ซีรี่ส์ 5

เบนซิน: ซีรี่ส์ 3

ถ้าไม่กังวลเรื่องการประหยัดน้ำมันเลย  ผมว่า เบนซินขับสนุกกว่าครับ

แต่พอใช้จริง อยากขับแต่ดีเซล เพราะประหยัดกว่ากันเยอะมากๆ ครับ (3-5 km/l เลย)