เค้าก็เอาเงินจากคนอื่นๆที่ไม่ได้มีเหตุมาจ่ายไงครับ
สมมติมีคนทำประกันด้วย100คน จ่ายเบี้ยประกัน1บาทเท่ากันทุกคน คุ้มครองเป็นระยะเวลา1ปี ก็คือประกันก็จะถือเงินอยู่100บาท และประกันมั่นใจว่ากำไร เพราะตามสถิติที่ผ่านๆมา ปีๆนึง คน100คน จะเคลมประกัน2คน เป็นยอดเงินแค่80บาท มันไม่ใช่80บาทเป๊ะ แต่โดยเฉลี่ยแล้วจะอยู่ที่80บาท
ผ่านไป1ปี มีคนเกิดเหตุ2คน
คนที่1 รถชนเล็กน้อย ประกันต้องจ่าย5บาท (ก็คงคิดว่าจ่าย1บาท ประกันเคลียร์ให้5บาท ก็ดีนะ)
คนที่2 รถชนหนัก ประกันต้องจ่าย70บาท (ก็คงคิดว่าจ่าย1บาท ประกันเคลียร์ให้70บาท โคตรกำไร)
ส่วนที่เหลืออีก98คน ไม่มีเหตุอะไร ก็ไม่ได้คิดอะไร
จบทั้งปี ประกันเสียเงินไป75บาท แต่ได้มา100บาท ก็คือประกันกำไร25บาท มันจะเกิดเหตุอะไรหลังจากนี้ก็ไม่เกี่ยวกับประกันหละ เพราะพ้น1ปี จบสัญญาไปแล้ว
ไม่ต้องห่วงหรอกครับว่ามีรถชนแล้วประกันจะขาดทุน เพราะเค้ามีสถิติ มีอะไรอยู่ ปีๆนึงรถชนกี่รอบหละครับ เอาแค่วันนนึงรถชนกี่เคส คนตายกี่คน ชนเพิ่มสักเคส ตายเพิ่มซักศพ ไม่มีผลอะไรในทางสถิติหรอกครับ(ย้ำว่าในทางสถิตินะ ไม่ได้จะบอกว่าชีวิตคนไม่มีค่า) มันจะขาดทุนเมื่อมีเหตุสุดวิสัยในระดับใหญ่มากๆจนสถิติมันเพี้ยนครับ เช่นโดยเฉลี่ยแล้ว 100คนจะมีเหตุเคลมปีละ2คน รวมยอดเงิน80บาท เลยคิดว่าถือเงิน100บาท น่าจะกำไร20บาท แต่ปีนั้นดันเกิดเหตุสุดวิสัย มีน้ำท่วมใหญ่ฉับพลัน คนเคลมกัน50คน รวมยอดเงิน2,000บาท มันจะขาดทุนกันด้วยเหตุแบบนี้ครับ