ผู้เขียน หัวข้อ: ว่ากันด้วยเรื่อง BZ4x กับ Tesla  (อ่าน 6679 ครั้ง)

ออฟไลน์ DiKiBoyZ

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 7,263
    • อีเมล์
Re: ว่ากันด้วยเรื่อง BZ4x กับ Tesla
« ตอบกลับ #30 เมื่อ: ธันวาคม 12, 2022, 09:27:35 »
ผมว่ามีผลแน่ๆครับ เผลอๆคนที่จอง BZ4x จะทิ้งจองมาเอา tesla แทนด้วยมั๊งครับนี่

คิดเหมือนกันเลยครับ
ตอน bz4x เปิดตัว โดยส่วนตัวผมยังมองว่าแพงมาก สำหรับรถไฟฟ้าค่ายญี่ปุ่น ถึงแม้จะนำเข้า แต่ก็นำเข้าภายใต้เงื่อนไข BOI ซึ่งจริงๆควรถูกกว่านี้

และเมื่อ tesla เปิดตัว ยิ่งเป็นการตอกย้ำว่า TOYOTA ขายแพงจริง ถ้าเทียบกับ Model 3 ตัวเริ่มต้น ที่มีตัวเลขสมรรถนะต่างๆสูงกว่าแต่เปิดมาแค่ 1.7 ล้านเท่านั้น

หลายคนอาจจะบอกว่า ก็เค้าได้ FTA เลยได้ต้นทุนต่ำ แต่อย่าลืมว่า  tesla ก็สามารถตั้งราคาแพงกว่านี้ได้ ถ้าเค้าจะเปิดตัวราคาเริ่มต้นมาที่ 2.1 ล้าน และตัว perfermance จบที่2.8 ล้าน ก็ยังเชื่อว่า มีคนบอกว่าถูกอยู่ดี

ประเด็นมันอยู่ที่ว่า ความจริงใจ การตั้งราคาที่สมเหตุสมผล มากกว่า ตรงนี้ที่ได้ใจหลายๆคน

ค่ายญี่ปุ่นที่ ขนาดได้ลดภาษี ไฮบริจ แต่ทำราคาขายแพงกว่ารุ่นน้ำมันล้วนหลายแสน และก็อ้างว่าแพงเพราะเทคโนโลยี ตอนนี้คงต้องหุบปากได้แล้ว เพราะรถที่มีเทคโนโลยี เหนือกว่ามากๆ เค้าขายถูกกว่าได้นี่แหละ

คิดคล้ายๆ กันครับ คือ Tesla สามารถตั้งราคาให้สูงกว่านี้

กับ BZ4x อย่างที่ผมถามว่า ถ้าประกอบไทย(สมมุติ) เขาจะกล้าตั้งราคาแค่ไหน

ผมกลับคิดว่า คู่แข่งของ BZ4x มันจะต้องมาแข่งกับ Good Cat, ZS EV+MG4, Atto3 กลุ่มนี้หรือป่าว

ผมคิดในแง่เดียวกัน พอไม่โดนภาษีมันก็ควรลดราคาลงมาพอสมควร (เขาจะทำหรือป่าวอีกเรื่องนะ)

ผมล่ะกลับมองว่า bZ4X ที่ว่ามันแพง มันแพงเพราะ “ความ Toyota” ด้วยครับ

ความ Toyota ในที่นี้คือ
- ต้นทุนการผลิต / ประกอบ ที่เค้าให้ความสำคัญกับ “ทุกส่วน” และ “ทุกขั้นตอน”
- ความงานประกอบที่จะมีโอกาสความผิดพลาดน้อย
- ต้นทุนการวิจัยและพัฒนาที่จะไม่ได้เน้นไปทางความ Hi Technology จ๋า แต่เน้นไปถึงความทนทาน ความไว้ใจได้ระยะยาว ด้วยชื่อเสียงของแบรนด์ที่เค้าเอามาเดิมพันในการทำรถครั่งนี้
- ต้นทุนบริการหลังการขาย ศูนย์บริการ อะไหล่ การซ่อมสีและตัวถัง

ซึ่งความทั้งหมดนี้ ผมยินดีจ่ายครับ ถ้าผมคาดหวังความต่างๆ เหล่านี้ที่ Tesla ให้ผมไม่ได้หรือให้ได้ไม่ดีเท่า
และในขณะที่ Tesla ผมก็ยินดีจ่ายเช่นกัน ขึ้นกับว่า ณ วันที่ผมซื้อ ผมต้องการความ Toyota หรือความ Tesla เท่านั้น

ปล. หลังจากลูบคลำ Model 3 กับ bZ4X มา ผมก็ว่ามันก็มีดีพอที่จะทำให้น่าซื้อทั้งคู่นั่นแหละ ขึ้นกับลูกค้าต้องการอะไร ไม่ใช่ลูกค้าทุกคนอยากได้ 0-100 ต่ำ 7 sec หรือ Self Driving ทุกคนเสมอไป
เพียงแต่ Model 3 มันก็ดูคุ้มค่าในด้านความ Tesla และ Hi Technology กับราคาที่ขายจริงๆ

อันนี้ผมเข้าใจเลยครับ ความเป็นโตโยต้า มันค่อนข้างฝั่งรากลึกสำหรับบ้านเรา กลุ่มคน หรือ ลักษณะการใช้งาน มากพอสมควร

แต่ผมเห็นหลักๆ มานี้ ถ้าไม่ใช่ Fortuner แทบไม่มีรุ่นไหน model line up ไหน ที่เป็นที่ 1 ของหัวตารางยอดขายไปแล้วนะ

มันทำให้ผมคิดว่า ความเป็นโตโยต้า มันยังขายได้อยู่จริงไหม ใช่กลุ่มใหญ่พอ เหมือนในอดีตหรือป่าว

ส่วนของเทสล่ามัน 0% ทั้งสรรพสามิตรกับมหาดไทย (FTA ไทยจีน) ส่วน VAT 7% อันนั้นก็ปกติ
ราคาที่จีนตัวเริ่มต้น Model 3 RWD มันตีหยาบๆ 280k หยวนนะครับ (เงินไทยก็ 1.3 ล้าน) เข้าไทยฟาดไป 1.759 ล้านบาท ทำไมเลข 7% ของเทสล่ามันเยอะเหลือเกิน
แหล่งที่มาราคาจีน : https://insideevs.com/news/618161/china-tesla-cut-model3-modely-prices/ *ดูราคาก่อน Subsidize นะครับ

Tesla ภาษีสรรพสามิต 8% ครับ (+มหาดไทยอีก 10% ของสรรพสามิต) (ถ้าเซ็น MOU จะได้ลดสรรพสามิตจาก 8% เป็น 2%)

ราคารถ 280,000 CNY ถ้าเผื่อ exchange ไว้หน่อย สัก 5.2 CNY/THB = 280000*5.2 = 1,456,000
บวกค่าขนส่ง (ผมไม่แน่ใจว่าเท่าไร สมมุติตีซะ 50,000)

รวมราคารถบวกภาษี
= (1,456,000 + 50,000) * (สรรพสามิต,มหาดไทย 1.088) * (VAT 1.07)
= 1,753,225

เห็นภาพชัดเจนมากครับ

Tesla อัตราเร่งดีกว่า bev ญี่ปุ่นและจีน
แต่ยังทำใจไม่ได้กับการที่ต้องควบคุมทุกอย่างผ่านจอกลาง
ปุ่มต่างๆไม่มีมาให้ อาจจะควบคุมตอนขับรถลำบาก
และการ service และสต็อคอะไหล่พี่โตคงชำนาญกว่ามาก

ทำให้ผมยังสนใจใน BZ4X อยู่
แต่ที่ผมสงสัยที่สุดคือเมื่อรถ bev อายุ 10 จะขายต่อได้เงินเท่าไหร่ เพราะคงต้องขายคันเก่าก่อนซื้อคันใหม่

ตอนแรกผมก็กลัวราคาขายต่อนะ แต่พอไปศึกษาหาข้อมูลดีๆแล้วต่างเคส ตปท ต่อให้แบต NMC มันก็เสื่อมแค่ปีล่ะ 1-2% ถ้าเป็น LFP ก็เสื่อมช้าอีก Cycle 5000 รอบ คูณรอบล่ะ 400 โล มันล่อไป 2ล้านกิโลแล้ว ขับยังไงก็ไม่ถึงหรอกครับ มีเคสที่เปลี่ยนแบตเทสล่านั่นก็วิ่งไป 6แสนโล แน่นอนว่ามันเก็บไฟได้ไม่เท่าเดิม แต่มันก็ยังวิ่งได้เยอะอยู่ดี โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแบตเลย รวมๆถ้าวิ่งถึง 5-6 แสนโล ค่าซ่อม ค่าน้ำมัน มันก็คุ้มแล้วอ่ะครับ ถ้าวิ่ง 1-2 แสนแล้วขาย ราคาขายมันไม่ใช่ 0 แน่นอนครับ ยังใช้ได้อีกเยอะ

ผมว่า คาขายต่อมือสอง มันคงไม่ใช่ราคา 0 บาท หรอกครับ

ขนาดขายซาก ยังมีราคากว่านี้

แต่ผมกลับมองว่า(ที่เคยใช้รถไฟฟ้า รถมอเตอร์ไซต์ไฟฟ้า กับ รถกอล์ฟ) มาก่อน

ทำไมผมรู้สึกว่า รถไฟฟ้า แบตเตอรี่มันค่อนข้างยาวนาน อายุการใช้งานค่อนข้างนานนะ

ถ้า ณ วันหนึ่ง ที่ต้องขาย ผมว่าความคุ้มค่า ต่อ ระยะวิ่ง(ต้องวิ่งเยอะๆ) อาจจะคุ้มกับการขายต่อมือสอง หรือป่าว

ยกเว้นว่ารถที่ซื้อกันแพงๆ ต่างหาก ที่ต่อให้ขายมือสอง อาจจะไม่คุ้มราคาเสื่อมที่มันลดลงอย่างรวดเร็วมาก

ขนาดรถน้ำมัน ICE ที่ราคาแพงๆ ทุกวันนี้ยังขาดทุนกันเป็นเรื่องปกติมาก

โดยส่วนตัวมองว่า Tesla จุดเด่นมีระบบ Autopilot ส่วนใหญ่ลูกค้าคงกดเลือกออปชั่นนี้แทบจะทุกคัน และมี software และ hardware ที่ปรับปรุงใหม่อยู่ตลอด

ส่วนอื่นๆ งานออกแบบ ทั้งภายนอก ภายใน รู้สึกเฉยๆครับ บางงานออกแบบก็ดูเก่าไปแล้ว บางอันก็ดูทันสมัยอยู่
็็
รถบางรุ่นเปิดตัวมาหลายปี บางรุ่นเกือบ 10 ปี งานออกแบบแทบไม่มีการปรับเปลี่ยนอะไรไปมากนัก แต่เปิดตัวมานานปัญหาต่าง ๆ ก็ได้รับการแก้ไขไปแล้วหลายอย่างแล้ว

ส่วน BZ4x ก็เป็นรถ EV รุ่นแรกๆ จาก Toyota จะทำออกมาได้ดีขนาดไหน ต้องมารอเสียงตอบรับจากผู้ใช้งานจริงๆ

Toyota เองก็คงไม่ปล่อยให้รถ EV รุ่นนี้มาทำให้เสียชื่อ Toyota เห็นได้จากกรณีมีข่าวเรื่องล้อ BZ4x ที่ Toyota ตรวจพบอาจเกิดปัญหาขึ้นได้ ทั้งที่ไม่มีร้องเรียนจากผู้ใช้งาน

Toyota ก็ไม่ปล่อยไว้จนเกิดปัญหาขึ้นมาจริงๆ สั่งหยุดการส่งมอบ ทำการทดสอบและทำการแก้ไข ไม่ปล่อยออกไปจนกว่าจะผ่านการทดสอบ

ผมเห็นด้วยนะครับ ว่า จุดเด่นจริงๆ ของ Tesla คือ Software เลย

ส่วน Hardware ผมว่า ค่ายอื่นทำกันได้ (ถ้าคิดจะทำ)

ส่วนสิ่งต่อมาที่เด่นชัดเจน คือ กำลังของรถ แรงม้า แรงบิด ที่ค่อนข้างชัดเจน แต่ด้วยความเป็น BEV ผมว่าค่ายจีนเดี๋ยวนี้ ก็ไม่ได้แพ้เลยนะ มันอาจจะไม่ใช่สิ่งที่คนซื้อ ต้องการ หรือ ตะเกียกตะกายไขว้ขว้า รถ BEV แรงม้า 200+ แรงบิด 300-400+ ขนาดนั้น แต่มีให้ ดีกว่าไม่มี

ส่วนต่อมา คือ ความ Minimal สำหรับางคนอาจจะชอบ (เหมือนคนชอบ iPhone) แต่สำหรับบางคนก็อาจจะไม่ชอบ มันอาจจะใช้งานยุ่งยากกว่าเดิมหน่อย

สิ่งที่ Tesla อาจจะสู้ไม่ได้ ในแง่ของความปรานีต หรือ วัสดุ

แต่โดยรวมผมว่า มันพิสูจน์ตัวเองมาเยอะกว่า Toyota นะ เพราะเมืองนอกเขาขายกันมานานมากแล้ว ที่ต่างชาติ ต่างประเทศ เขาก็ขายดี ผมว่าฝรั่งเขามองต่างจากเรา ทั้งในแง่ความคุ้มทุน และ การใช้งาน เขาก็ยังเทไปในทาง Tesla เยอะมากนะครับ

ออฟไลน์ jztang

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,724
  • Born To Race
Re: ว่ากันด้วยเรื่อง BZ4x กับ Tesla
« ตอบกลับ #31 เมื่อ: ธันวาคม 12, 2022, 22:10:46 »
วันนี้โตต้าออกมาให้ข่าวว่า ต้องปรับลดต้นทุนลง เพื่อสู้ตลาดรถไฟฟ้า

แปลว่า demand supplied เริ่มมีมากขึ้นแล้วครับ

และการแข่งขัน การแย่งชิงตลาดแบบนี้ แน่นอนครับ ดีต่อผู้บริโภค

ออฟไลน์ kingcomsystem

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 26
    • อีเมล์
Re: ว่ากันด้วยเรื่อง BZ4x กับ Tesla
« ตอบกลับ #32 เมื่อ: ธันวาคม 13, 2022, 07:52:59 »
อดใจดูกันสักพัก ... ใจเย็นๆๆ ..อีกสัก 2ปี คำตอบนี้จะเฉลยให้ทราบครับ^^

ออฟไลน์ I-PULSE

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 977
Re: ว่ากันด้วยเรื่อง BZ4x กับ Tesla
« ตอบกลับ #33 เมื่อ: ธันวาคม 13, 2022, 10:33:44 »
tesla เองก็กำลังทำงานอย่างหนักเพื่อพัฒนารถไฟฟ้าราคาต่ำกว่าล้านบาท
ถ้ารถญี่ปุ่นไม่รีบวิจัยและพัฒนาสินค้าที่จะแข่งขันได้ญี่ปุ่นเองก็คงต้องเสียยอดขายไปเรื่อยๆแน่ๆ
แต่หลักของรถไฟฟ้าคือลีเที่ยมที่มีไม่พอและราคาสูงยังดูเป็นคอขวดกับรถไฟฟ้าอยู่ คงต้องรอดดูอีกสักปีสองปีว่าทิศทางจะไปทางใหน
รถไฟฟ้าจีนเองก็หวดตามขึ้นมาดีขึ้นเรื่อยๆ แข่งกันสนุกแน่นอน

ออฟไลน์ EDS

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 237
Re: ว่ากันด้วยเรื่อง BZ4x กับ Tesla
« ตอบกลับ #34 เมื่อ: ธันวาคม 13, 2022, 14:46:08 »
มีผลเรื่องยอดจองแน่นอนอยู่แล้ว ถ้า tesla เปิดราคามาก่อน bz4x แต่ผมว่ามันก็ต้องมีคนที่จองมันทั้งคู่ ได้คันไหนก่อนเอาคันนั้นนะ