ผู้เขียน หัวข้อ: ยุคต่อไป คนจะเปลี่ยนรถเร็วกว่าเดิมไหมครับ จากการมาของรถ ev  (อ่าน 4706 ครั้ง)

ออฟไลน์ nl2br

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,021
    • ร้านค้าออนไลน์
ผมมโนละกัน ในอนาคตอาจจะ 10 ปี+ จะเป็นบริการแบบขายตัวรถ แล้วไปเช่าแบตเตอรี่แทนครับ หมายถึงเฉพาะรถ ev นะครับ ซึ่งอาจจะทำให้ราคารถถูกลง เป็นแรงจูงใจในการขายและเปลี่ยนรถไวขึ้น แล้วเช่าแบตเอา
ถ้าราคาแบตถูกลง และสถานีชาร์จไม่เพียงพอ คือคิดสภาพเวลาหยุดยาวเทศกาล แค่เข้าปั๊มน้ำมันยังต่อคิวยาวเป็นหางว่าว รถ ev มันจึงเกิดยาก ครั้นจะทำจุดชาร์จให้เพียงพอ infra ของประเทศเราก็ไม่พร้อม

ทั้งหมดทั้งมวล กรณีที่ประเทศเราเข้าสู่ยุค 4.0 ตามที่ภาครัฐออกนโยบายกันนะครับ
บล็อกข่าวไอทีกากๆ >> https://thaimobiletricks.blogspot.com/ << ข่าวมือถือ มือถือรุ่นใหม่

ออฟไลน์ apinui

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,022
    • อีเมล์

อย่าหาว่าผมจับผิด หรือ กวนนะครับ

1. ถ้า ณ เวลานึงที่รถน้ำมันถูกปล่อยขายออกตลาดมือสองเยอะ ๆ จนขายยาก
    ราคาตกต่ำ ผมคิดว่า รถ BEV เปลี่ยนมือก็จะยิ่งขายยากกว่าและราคาก็ไม่น่าจะดี

2.ถ้า มนุษย์เงินเดือนจ่ายค่าน้ำมันเดือนละเป็น 3 หมื่น
   3 หมื่น ผมตีให้ เกือบ ๆ 1000 ลิตร   
    1000 ลิตร ก็วิ่งกันเกิน 10,000 กม.
     10,000 กม. ใน 1 เดือน ก็วิ่งกันวันละ 300-500 กม.
      300 - 500 กม.  ใช้เวลา 5-8 ชม.
      แล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปชาร์จไฟครับ
      และต้องมีการชาร์จอย่างน้อย 2 ครั้งต่อวัน
      เพราะรถใช้งานจริง ชาร์จเต็มหนึ่งครั้งก็วิ่งได้ปริ่ม ๆ 3xx กม.เอง

   ถ้ามนุษย์เงินเดือนใช้รถขนาดนั้น BEV คงไม่รอด
 
 

มนุษย์เงินเดือน หรือคนขับแท็กซี่คับ ขับเยอะขนาดใช้ค่าน้ำมันเดือนละ 30,000 บาท

555 ขำๆนะคับ ผมว่าผมทำธุรกิจส่วนตัว วันๆวิ่งรถไปธุระค่อนข้างเยอะ ไหนจะวิ่งไป ตจว ตอนวีคเอนด์  ยังใช้ไม่ถึงขนาดนั้น

มนุษย์เงินเดือน ที่ทำอาชีพเซลไงครับ จ่ายค่าน้ำมันเดือนละ 3 หมื่นน่ะมีเยอะแยะไป

ผมเคยซื้อรถเซลที่ขายเครื่องจักรโรงงาน รถอายุ 3 ปี วิ่ง 4แสนกว่าโลมาแล้วครับ ไม่ต้องคำนวนเลยว่าเดือนนึงเค้าจ่ายค่าน้ำมันเท่าไร

ส่วนรถมือ 2 ที่ออกมาเยอะ ตลาดยังมีทางไปนะ เตะออกต่างจังหวัดขายได้ขายดีด้วย คนต่างจังหวัดชอบรถกรุงเทพ วิ่งน้อยสภาพดี แต่รถ EV รถไฮบริจ เตะออกต่างจังหวัดไม่มีใครซื้อเลยครับ ติดมือเป็นปี ไม่มีคนเล่น มีแต่คนกรุงเทพที่กล้าซื้อไฮบริจ

ออฟไลน์ Mp4_007

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 786

อย่าหาว่าผมจับผิด หรือ กวนนะครับ

1. ถ้า ณ เวลานึงที่รถน้ำมันถูกปล่อยขายออกตลาดมือสองเยอะ ๆ จนขายยาก
    ราคาตกต่ำ ผมคิดว่า รถ BEV เปลี่ยนมือก็จะยิ่งขายยากกว่าและราคาก็ไม่น่าจะดี

2.ถ้า มนุษย์เงินเดือนจ่ายค่าน้ำมันเดือนละเป็น 3 หมื่น
   3 หมื่น ผมตีให้ เกือบ ๆ 1000 ลิตร   
    1000 ลิตร ก็วิ่งกันเกิน 10,000 กม.
     10,000 กม. ใน 1 เดือน ก็วิ่งกันวันละ 300-500 กม.
      300 - 500 กม.  ใช้เวลา 5-8 ชม.
      แล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปชาร์จไฟครับ
      และต้องมีการชาร์จอย่างน้อย 2 ครั้งต่อวัน
      เพราะรถใช้งานจริง ชาร์จเต็มหนึ่งครั้งก็วิ่งได้ปริ่ม ๆ 3xx กม.เอง

   ถ้ามนุษย์เงินเดือนใช้รถขนาดนั้น BEV คงไม่รอด
 
 

มนุษย์เงินเดือน หรือคนขับแท็กซี่คับ ขับเยอะขนาดใช้ค่าน้ำมันเดือนละ 30,000 บาท

555 ขำๆนะคับ ผมว่าผมทำธุรกิจส่วนตัว วันๆวิ่งรถไปธุระค่อนข้างเยอะ ไหนจะวิ่งไป ตจว ตอนวีคเอนด์  ยังใช้ไม่ถึงขนาดนั้น

มนุษย์เงินเดือน ที่ทำอาชีพเซลไงครับ จ่ายค่าน้ำมันเดือนละ 3 หมื่นน่ะมีเยอะแยะไป

ผมเคยซื้อรถเซลที่ขายเครื่องจักรโรงงาน รถอายุ 3 ปี วิ่ง 4แสนกว่าโลมาแล้วครับ ไม่ต้องคำนวนเลยว่าเดือนนึงเค้าจ่ายค่าน้ำมันเท่าไร

ส่วนรถมือ 2 ที่ออกมาเยอะ ตลาดยังมีทางไปนะ เตะออกต่างจังหวัดขายได้ขายดีด้วย คนต่างจังหวัดชอบรถกรุงเทพ วิ่งน้อยสภาพดี แต่รถ EV รถไฮบริจ เตะออกต่างจังหวัดไม่มีใครซื้อเลยครับ ติดมือเป็นปี ไม่มีคนเล่น มีแต่คนกรุงเทพที่กล้าซื้อไฮบริจ
ผมวิ่งใช้รถเดือนละ 7-8 พันโล ทุกเดือน ค่าน้ำมันยังไม่ถึง 3หมื่นเลย  ผมเติมแต่ แก๊ส 95 ด้วยนะ  ค่านำ้มันผม 2หมื่น +- เอง แล้ว ผมไม่กังวลค่าน้ำมันด้วยเพราะเบิก บริษัทได้ทุกบาท  เซลล์ก็เหมือนกัน เบิกค่าน้ำมันบริษัททั้งนั้น พวกนี้ไม่เดือดร้อนหรอก  อย่างอาชีพผม เปลี่ยนรถบ่อย 3-4 ปีเปลี่ยนเพราะไมล์เยอะ 
รถไฟฟ้า ไม่ค่อยตอบโจทย์ หรอก ชาร์จนาน+หาที่ชาร์จยาก  ต่อให้ชาร์จเต็มจากบ้านทุกวันก็ไม่พอ วิ่งทำเวลา ถ้ารถไฟฟ้าระยะทางคงเหลือสัก 60-70%เองมั้ง

ออฟไลน์ firstime911

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 454
Tesla มันไม่เหมือนกับ รถยนต์ ทั่วไป
มันจะเน้นให้ใช้ได้นานๆ คับ เพราะส่วนมาก upgrade ก็ software ที่ เขา upให้ตลอดๆ รวมไปถึงรถเก่าทุกรุ่น
และก็ พวกที่ซื้อเพิ่มได้ พวก hardware ก็ไม่ค่อยเปลี่ยนคับ มีแต่จะลดๆ เพิ่มๆ ให้งง ๆ
เพราะฉะนั้น มันจะใช้ได้นานกว่า พวก รถแบบเดิม ที่เวลาออกใหม่ที รถจะเก่าเลย เพราะขาด technogoy ใหม่ๆ

ออฟไลน์ shando

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,880

อย่าหาว่าผมจับผิด หรือ กวนนะครับ

1. ถ้า ณ เวลานึงที่รถน้ำมันถูกปล่อยขายออกตลาดมือสองเยอะ ๆ จนขายยาก
    ราคาตกต่ำ ผมคิดว่า รถ BEV เปลี่ยนมือก็จะยิ่งขายยากกว่าและราคาก็ไม่น่าจะดี

2.ถ้า มนุษย์เงินเดือนจ่ายค่าน้ำมันเดือนละเป็น 3 หมื่น
   3 หมื่น ผมตีให้ เกือบ ๆ 1000 ลิตร   
    1000 ลิตร ก็วิ่งกันเกิน 10,000 กม.
     10,000 กม. ใน 1 เดือน ก็วิ่งกันวันละ 300-500 กม.
      300 - 500 กม.  ใช้เวลา 5-8 ชม.
      แล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปชาร์จไฟครับ
      และต้องมีการชาร์จอย่างน้อย 2 ครั้งต่อวัน
      เพราะรถใช้งานจริง ชาร์จเต็มหนึ่งครั้งก็วิ่งได้ปริ่ม ๆ 3xx กม.เอง

   ถ้ามนุษย์เงินเดือนใช้รถขนาดนั้น BEV คงไม่รอด
 
 

มนุษย์เงินเดือน หรือคนขับแท็กซี่คับ ขับเยอะขนาดใช้ค่าน้ำมันเดือนละ 30,000 บาท

555 ขำๆนะคับ ผมว่าผมทำธุรกิจส่วนตัว วันๆวิ่งรถไปธุระค่อนข้างเยอะ ไหนจะวิ่งไป ตจว ตอนวีคเอนด์  ยังใช้ไม่ถึงขนาดนั้น
ลองคุยกับพนักงานบริษัท ขนส่งโรจิสติก พวกอะไหล่รถ เวลานี้ดูครับ ค่าน้ำมันทะลุ 3 หมื่นกันทั้งนั้นครับ ช่วงนี้ออเดอร์เข้าเยอะ วิ่งกันหลายรอบ ตอนนี้บริษัทมีนโยบาย จะใช้ ev กันหมด ถ้ามีรถให้พร้อมใช้ เวลานี้รอกระบะ ev กันทั้งนั้น

1.ตอนแรกคุณบอกว่ามนุษย์เงินเดือนที่เคยจ่ายค่าน้ำมันจากเดือนละหมื่นกว่าทิ้งรถเก่าหา ev เพราะสู้ค่าน้ำมันไม่ไหวเป็น 3 หมื่น เค้าจะทิ้งรถส่งของไปหารถevได้ยังไงในเมื่อยังไม่มีรถส่งของevให้ซื้อ ไม่นับว่าค่าน้ำมันพวกนี้เบิกบริษัทได้อีกนะ
2.ค่าน้ำมันขึ้นจาก20กว่าบาทเป็น30กว่าบาท มันไม่ทำให้ค่าน้ำมันขึ้นจากเดือนละหมื่นกว่าเป็นสามหมื่นได้หรอกครับ

ออฟไลน์ lay

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,274
ส่วนตัวผมกลับมองว่ารถ bevน่าจะทนกว่ารถ น้ำมัน

ออฟไลน์ mongolias

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,364
ชิ้นส่วนให้ซ่อมบำรุงน้อยลง ผมว่าน่าจะเปลี่ยนช้ากว่ารถน้ำมัน (ในกลุ่มคนที่ใช้ยาวๆนะครับ)
แต่ส่วนตัวผมเชื่อว่า กิเลสคนพอเห็นรุ่นใหม่ก็จะเปลี่ยนเรื่อยๆ มันก็คงไม่ต่างกับรถน้ำมันอยู่ดี

ออฟไลน์ APIJACK

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 211
    • อีเมล์
การเปลี่ยนรถบ่อยหรือไม่สำหรับผม คืออยู่ที่เงินล้วนๆครับ

โดยทั่วไปเนี่ย รถที่ซื้ออยู่ผมจะผ่อน 5 ปี ทุกคันเป็นเกณต์เลย คือถ้าผ่อนหมด 5 ปี แล้วจะเปลี่ยนใหม่ ก็คงต้องดูการเงินในตอนนั้นว่าพร้อมหรือยัง

ส่วนรถไฟฟ้าอาจจะเป็นไปได้ว่า คนที่ใช้รถไฟฟ้า อาจจะเปลี่ยนไว ก็ด้วยความที่ไม่มั่นใจนั่นแหละ คืออาจจะขายก่อนที่มันจะพัง ยังมีราคากว่าให้มันพังแล้วค่อยขาย

และก็เห็นด้วยที่ว่า คนมีเงินอะครับ เค้าจะเปลี่ยนรถกันบ่อย เฉลี่ย 3-4 ปี จากที่ผมเห็นๆนะ เพราะการเงินเค้าพร้อม รุ่นใหม่มา และคันที่ใช้อยู่หมดวารันตี ก็ขายเลย เทรินรุ่นใหม่มาขับ คนกลุ่มนี้มีเยอะ

ส่วนคนกลางๆ ก็ รอโบนัสบ้าง รอเก็บเงินบ้าง รอลูกเรียนจบบ้าง อะไรแบบนี้แหละ
ผมเห็นด้วยเลยครับ ดูคนมีเงินจริงๆส่วนใหญ่เปลี่ยนบ่อยอยู่แล้ว  ไอ้เราขับรถระดับเกินล้านจริง แต่อีกนานคงได้เปลี่ยน พวกมีเงินเปลี่ยนทุก 4  ปีโดยไม่สนว่าน้ำมันหรือไฟฟ้า

ออฟไลน์ XyteBlaster

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,296
    • อีเมล์
ผมว่าเปลี่ยนช้าลง เพราะราคามือสอง มันฮวบมาก เงินที่ผ่อนไปแทบจะมลายหายไปหมดเลย
ไม่มีเงินไปดาวน์คันใหม่ จะเอาไหนไปออกรถละครับ

ออฟไลน์ jztang

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,724
  • Born To Race
รถไฟฟ้าอาจเป็นเหมือน smart phone ครับ

ใหม่แพง ตกรุ่นไว ราคาขายต่อไม่ได้ เทคโนโลยีเก่าไว เทคโนโลยีใหม่มาแรง

วันนี้วิ่งได้ 400-500โล วันหน้าวิ่งได้ 1000กิโล

400-500กิโล กับค่าเสื่อมสภาพ+เทคโนโลยีเก่า ราคาขายต่อน่าผิดหวัง

ผู้คุมราคาตลาด คงเป็นแบรนด์แข็งๆ ใครไม่แกร่งพอ ราคาล่วงเละ

ออฟไลน์ panjap

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,256
tesla แค่ ค่าพวก subscription auto pilot ก็เดือนละ 7000 บาทแล้วครับ รถพวกนี้ ค่าใช้จ่ายในการ upgrade feature เผลอๆ จะแพงเท่ารถด้วยซ้ำ

ออฟไลน์ peanutbutter

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 105
คำถามคนจะเปลี่ยนรถเร็วขึ้นกว่าเดิมไหม? อาจจะใช่ในบางกลุ่มที่มีกำลังทรัพย์มากระดับนึง ซื้อEVและพร้อมที่จะขาย(passenger car)ทิ้งไม่แคร์ราคาขายต่อหลังหมดระยะรับประกันตัวรถ (เหมือนมือถือเริ่มค้าง,ฮาร์ดแวร์ตกรุ่น,แบตเสื่อมก็ขายเอาไปเทิร์นใหม่)

แต่เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ของประเทศคงยังเหมือนเดิมใช้กระบะ จักรยานยนต์ รถบรรทุก รถทางการเกษตร ที่เป็นเครื่องสันดาปอยู่ดี เน้นความคุ้มค่า ซ่อมบำรุงง่าย คงไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนักในภาพรวมครับ

ออฟไลน์ boogie2020

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,048
    • อีเมล์
ผมมองว่า business model จะเปลียนไปมากกว่าคับ   คนใช้งานในเมืองอาจจะไม่ซื้อรถแล้ว ! เปลี่ยนเป็น subscription รายเดือน รายปีแทน  (ว่าไป มันก็คล้ายตอนนี้อยุ่นะ ผ่อนรถ ชื่อรถก็ยังไม่ใช่ของเราซะกะหน่อย เราแค่คิดว่ามันคือรถของเรา  ผ่อนเสร็จแล้วขาย ไปผ่อนคันอื่นต่อ  สรุป แทบไม่มีจังหวะที่ชื่อรถเป้นของเราจริงๆ  เลย )

คือเป็นค่าใช้งาน + ซ่อมบำรุง + อัพเกรดซอฟแวร์ไปเลย ลูกค้าจะได้ไม่ต้องมากลัวเรื่องแบตเสื่อม ราคาขายต่อไรงี้

Business Model ต่อๆ มา อาจจะออกแนวจะใช้รถก็กดเรียก  รถมันก็วิ่ง autonomous จากลานจอดชาร์จรวมในพื้นที่  มาจอดหน้าบ้าน  จากนั้นก็เลือกปลายทาง  จะขับเอง หรือจะ autonomous ก็ตามใจ ไปถึงก็ลงรถ  แล้วรถมันก็วิ่งหาจุดจอดในละแวกปลายทางไปรอคนใช้งานคนอื่นเรียกต่อ
-----------------------------------------------------------
There is no spoon
-----------------------------------------------------------

ออฟไลน์ V221

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,826
tesla แค่ ค่าพวก subscription auto pilot ก็เดือนละ 7000 บาทแล้วครับ รถพวกนี้ ค่าใช้จ่ายในการ upgrade feature เผลอๆ จะแพงเท่ารถด้วยซ้ำ
ถ้าหมายถึง Adaptive cruise control อันนั้นเค้าให้มาทุกคันยกเว้น EAP หรือ FSD ที่จะซื้อเพิ่มหรือSubscriptionภายหลัง ส่วนรถญี่ปุ่นหรือยุโรปก็ชาร์จพวกเราอยู่แล้วตอนซื้อไม่ว่าจะเป็นHonda connectหรือMercedes Me ซึ่งรวมในราคารถไปแล้ว พอผ่านไป1ปีถ้าอยากใช้ก็ต้องจ่ายตังค์ ไม่ฟรีเหมือนกัน
BMW 750E M SPORT

ออฟไลน์ newfaceman

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 76
ไม่เกี่ยวเลย ไม่ว่าจะรถน้ำมันหรือ ev ปกติประมาณ 8 ปี ก็เริ่มเปลี่ยนรถใหม่แล้ว อย่างมากก็ 10 ปี