บางคนกลัวรถไฟฟ้า(เพราะอะไรไม่รู้) แต่ทำไมไม่กลัว HEV, PHEV บ้างละ???

DiKiBoyZ

ผมเป็นคนที่ใช้ PHEV อยู่ ก็กังวลในใจว่า สักวัน มันต้องมี สักวัน ที่จะ........แน่ๆ

ถ้าให้เลือกได้ ระหว่าง ICE กับ BEV ผมก็คงจะเลือก ICE หรือ BEV ไปเลย

แต่ ณ วันที่เลือก มันยังไม่มี BEV ให้เลือก (มีตัวเลือก แต่ราคาสูงเกินไป) เลยต้องเลือก PHEV มาใช้งาน

ถ้ามองในมุมความซับซ้อนต่างๆ (ที่หลายคนกลัวๆ อยู่) ผมว่า HEV หรือ PHEV มันซับซ้อนกว่า ICE 2 เท่า (เพราะมีทั้งระบบเครื่องยนต์ และระบบ EV ในคันเดียว)

และ ถ้าเทียบกับ BEV ผมว่า HEV หรือ PHEV มันซับซ้อนกว่า BEV หลายเท่าตัวมาก เพราะ BEV แทบไม่มีอะไรเลย ส่วนควบมีแค่ มอเตอร์+แบตเตอรี่+โมดูลควบคุม เท่านั้นเอง

บางคนยังเข้าใจว่า BEV มันซับซ้อน ระบบมันเยอะ (ใน HLM ยังมีคนคิดแบบนี้อยู่เลย) แต่ระบบเยอะๆ พวกนั้นต้องแยกว่า ระบบซับซ้อนมันคือส่วนของ BEV หรือ ออฟชั่น หรือ Facility ของรถมัน เพราะระบบ Adaptive Cruise Control เอย ระบบช่วยเหลือเอย ยัน Autopilot ผมว่า รถ ICE หรือ PHEV ก็มีได้ ใส่ออฟชั่นพวกนี้ได้ ไม่ได้จำเป็นต้อง BEV ที่มี (หลายคนเอามามันรวมกัน เลยคิดว่ามันต้องซับซ้อน)

สำหรับผมแล้ว ทำไมรู้สึกว่า BEV มันผลิตง่าย กลุ่มบริษัท Startup ไหนก็ทำได้ ที่ยากคือเรื่อง ตัวถัง โครงสร้างตัวรถ มากกว่า ระบบ

ผมอยู๋ในกลุ่ม Scooter EV ยังสั่ง ยังซื้อ ยังประกอบรถมอเตอร์ไซต์ไฟฟ้า Scooter ไฟฟ้า ขับเล่นกันเต็มเลย ทั้งที่แทบจะไม่มีเชิงช่าง จบช่าง หรือ เป็นช่างกัน ก็ทำได้

ในใจอยากให้รถ BEV มันเกิดไวๆ มีหลายๆ ยี่ห้อ จะได้แข่งขัน และ ราคาถูกลง ทั้งในแง่ ราคาตัวรถ และ ส่วนควบ(อะไหล่) น่าจะเป็นผลดีต่อผู้บริโภค เป็นอย่างมาก

คิดเห็นกันเป็นอย่างไรงบ้างครับ



Sacrifice

น่าจะกลัวไม่มีที่ชาร์จ ขับไปแล้วแบตหมดกลางทาง

รถ hybrid มันยังมีเครื่องยนต์ น้ำมันหมดยังจ้าง วินไปซื้อน้ำมันใส่ขวดมาเติมได้



MyName

ผมยังไม่เห็นมีใครกังวลระบบการขับเคลื่อน EV เองเลยนะ
ผมเห็นแต่คนกังวล
- ความเสถียรและความไว้ใจได้ของ Hardware/Software ในรถบางรุ่นที่พึ่งมาเป็นผู้ผลิตรถในยุค EV นี้
- การชาร์จไฟ
2022 - Nissan Almera 1.0 Turbo VL
2016 - Mazda 2 1.5XD High Plus L
2008 - Mitsubishi Space Wagon 2.4 GLS Ltd. !User'Review Click here!
1997 - Daihatsu Mira Mint 850cc AT



lexus

กลัวรถไฟฟ้า(ที่มาจากจีน)รึเปล่า ผมว่ายี่ห้อที่มีชื่อเสียงหน่อยแต่ขายแพงคนก็ไม่เห็นจะกลัวนะ
ส่วนevจีนนั้น มีปัญหาให้เห็นอยู่บ่อยๆ ไม่แปลกที่คนจะกลัว



mamaman


HEV แบตมันไม่ถึงแสนไงครับ
ส่วน PHEV  ก็น่าจะแพงมาอีก ก็ก็ไม่ได้แพงขนาด แพงกว่าราคารถมือสอง


แต่ BEV นี่ แบตมันไป แพงกว่าราคารถมือสองของตัวมันเองไงครับ

คิดแค่นี้ละ



punn

พวก HEV กับ PHEV มันน่ากลัวน้อยกว่า BEV สำหรับผมนะ..
อย่างแรกเลยคือ ราคาแบตมันแรงไม่เท่าตัว BEV ก็เลยยังไงก็เบาใจกว่า
อย่างสองคือ เมื่อแบตตาย เครื่องน้ำมันยังพาวิ่งไปถึงจุดหมายได้ในบางรุ่นบางยี่ห้อ

กับคิดในมุมต่างไปจากคนอื่นตรงที่ หลายคนกลัวต้องเซอร์วิสสองระบบ ก็จะไม่ชอบ
แต่ผมคิดว่าจ่ายเท่ากันได้สองระบบ ก็น่าจะดีกว่า

----------

กับประเด็นที่ผมเคยผ่านพวกภัยพิบัติมากับเจ้าน้องฟอร์จูนเนอร์
ทำให้รู้ว่า รถลุย กับแหล่งพลังงาน จำเป็นมากเมื่อเจอพวกภัยพิบัติต่างๆ
ตอนนี้ในใจเลยคือ outlander phev 2023 เลยครับ ฮา  ;D

**แบตไม่ใหญ่เกินไปที่จะเซอร์วิสหรือเปลี่ยนในอนาคต
กับรูปแบบการเป็นเครื่องปั่นไฟฉุกเฉินจากน้ำมัน
รวมถึงการลุยแบบ awd

จะกลัวก็แต่ defect ประจำรุ่นที่ยังไม่สามารถบอกได้เพราะเพิ่งออกไม่นานนี่หละครับ
เป็นคนโลกปกติธรรมดา :)
ไม่โลกสวย และไม่โลกมืด อยู่กับความเป็นจริงและพลังงานบวก ..

ปราชญ์สอนสิ่งไหน คนก็จะจำสิ่งนั้น
ประสบการณ์เจอแบบไหน คนก็จะคิดทางนั้น
ต่างคนต่างประสบการณ์เรียนรู้สิ่งเดียวกัน ก็จะออกมาแตกต่างกันไปครับ



Symphonic

ผมว่ากลับกันนะ ผมรู้สึกว่ามีแต่คนกลัว คนไม่เอา HEV / PHEV
แล้วจะข้ามไปเอา BEV เลยมากกว่านะฮะ

แต่ตอนนี้ BEV เริ่มาเยอะขึ้นแล้ว อะไรๆ ที่ไม่เคยคิดว่าจะเจอกับ BEV
ก็เริ่มเป็นที่ประจักษ์แล้ว เช่นราคาแบตทั้งลูก เบี้ยประกันรายปี
ต่อไปจะเจอกับอะไรที่เราไม่เคยเจอกับ ICE และคิดไม่ถึงอีกหลายอย่าง

ผมถึงบอกว่าเราอาจใช้ Scenario ของการใช้รถ ICE มาใช้กับ BEV ไม่ได้ครับ



apinui

อันนี้คือความกลัวส่วนตัวของผมนะครับ อาจไม่มีใครคิดแบบนี้ก็ได้ ซึ่งผมกลัวทุกอย่างเลย กับรถไฟฟ้า รถไฮบริจเนี่ย

รถ EV กลัวอะไรบ้าง
1ไม่อยากกังวลเวลาใช้งาน เรื่องพลังงานและจุดชาจน์
2.ไม่อยากกังวลกับการซ่อมบำรุงที่เวลาพังหรือเสื่อมอายุขึ้นมา มันแพงกว่ารถน้ำมันแน่ๆ
3.ไม่อยากกังวลเวลาขายต่อ ราคาตกไม่ว่า ไม่มีคนซื้อนี่หนักกว่า

ขยายความ รถไฟฟ้า
คือเวลาไปไหน แล้วต้องมาคำนวนว่า ไฟพอไหม มันจะไปได้อีกแค่ไหน ไปชาจน์แล้ว จะได้ชาจน์ไหม ว่างไหม และที่สำคัญเสียเวลารอนาน เข้าบ้านแทนที่จะดับเครื่องขึ้นบ้านนอน นี่ต้องมาหาปลั๊คเสียบอีก
ค่าพลังงาน ถูกจริงแหละ แต่เสียเวลาชาจน์ 1ช.ม. เพื่อให้จ่ายค่าพลังงานได้ถูก ... ผมยอมจ่ายค่าน้ำมันหลักพันแล้วเสียเวลาแค่ 10 นาทีดีกว่า

ส่วนรถไฮบริจ วิ่งทางไกล เหมือนวิ่งแบกน้ำหนักแบ็ตไปฟรีๆ ได้ใช้แค่ตอนออกตัว แถมถ้าพังหรือเสื่อมก็คล้าย EV โดนหนักพอกัน และไฮบริจ ซ่อมทั้งเครื่อง แถมต้องมากังวลระบบไฟฟ้าอีก ยิ่งไปกันใหญ่




tvm

ถ้าไม่รู้สาเหตุ จะวิเคราะห์ไงครับว่าทำไมไม่กลัว HEV PHEV !?



United

ในฐานะเจ้าของ PHEV จิงๆลึกๆก็กลัวแหละครับ ว่าถ้าอะไรมันเสียที ก็คงจ่ายหนักแน่ๆ ก็เลยเลือกมาค่ายสวีเดนที่มันปัญหาแทบไม่มี ปีละคันสองคัน ก็ถือว่า ok แล้วมั่นใจระดับนึง ทุกวันนี้ก็ happy ดีแทบไม่ได้เติมน้ำมันเท่าไหร่เดือนกว่าสองเดือนเติมที เพราะใช้ไฟฟ้าล้วนระยะใกล้ๆเหมาะกะชีวิตประจำวัน เวลาไปเที่ยวไกลๆก็ไม่ต้องชาร์จใช้น้ำมันเอาสบายใจ รอ infrastructure เมืองไทยพร้อมก่อน ค่อยขยับไป BEV

นี่ผมยังคิดต่อไปว่า สำหรับเมืองไทย คนส่วนใหญ่กังวลเรื่องราคาขายต่อมาก ถ้าเป็น BEV นี่จะไม่ยิ่งกลัวกันหรอครับ แทบไม่เหลือมูลค่าเลย



Nut_K

เอาจริงๆ ณ ตอนนี้ผมว่า Hybrid / PHEV ยังคงตอบโจทย์ด้านการใช้งานมากกว่า

เวลาเดินทางไม่ต้องมาคอยกังวลเรื่องสถานีชาร์ตไฟ เติมน้ำมันทีคือจบ

รถไฟฟ้าสำหรับจะน่าจะใช้ก็ต่อเมื่อบ้านเรามีสถานีชาร์ตที่ครอบคลุม / มีเทคแบตที่สามารถชาร์ตเต็มได้ในระยะเวลาไม่นานเหมือนทุกวันนี้



thdeann

Hybrid มันผ่านช่วงกังวลมาแล้ว โดยมีหัวหอกคือ Toyota Prius
และตอนนี้ Camry Hybrid ก็วิ่งกันทั่วบ้านทั่วเมือง
และอีกอย่างคือ Hybrid ที่คนเขาไม่ห่วงคือ Hybrid ค่ายญี่ปุ่น
แต่ Hybrid ค่ายจีนนี่ ผมว่าคนก็ยังกังวลนะครับ
ส่วน BEV นี่มันเรื่องใหญ่เลย เพราะมันเปลี่ยนวิธีใช้ชีวิตไปเลย
เอาง่ายๆเลย ถ้ามีรถ BEV 2 คันที่บ้าน จะจัดคิวชาร์จกันอย่างไร
แค่คิดก็ปวดหัวแล้ว



DiKiBoyZ

กลัวรถไฟฟ้า(ที่มาจากจีน)รึเปล่า ผมว่ายี่ห้อที่มีชื่อเสียงหน่อยแต่ขายแพงคนก็ไม่เห็นจะกลัวนะ
ส่วนevจีนนั้น มีปัญหาให้เห็นอยู่บ่อยๆ ไม่แปลกที่คนจะกลัว

อาจจะมีส่วน จนคนแบบ 2 จิต 2 ใจ จะคบกับ MG หรือ GWM ดี เพราะความเป็นรถจีนนี่ละมีส่วนเลย

พอการมาของ Tesla เหมือนการรอคอยมันระเบิดออกมา

จริงๆ ผมยังรอดู BYD Seal อยู่ด้วยซ้ำนะครับ

พวก HEV กับ PHEV มันน่ากลัวน้อยกว่า BEV สำหรับผมนะ..
อย่างแรกเลยคือ ราคาแบตมันแรงไม่เท่าตัว BEV ก็เลยยังไงก็เบาใจกว่า
อย่างสองคือ เมื่อแบตตาย เครื่องน้ำมันยังพาวิ่งไปถึงจุดหมายได้ในบางรุ่นบางยี่ห้อ

กับคิดในมุมต่างไปจากคนอื่นตรงที่ หลายคนกลัวต้องเซอร์วิสสองระบบ ก็จะไม่ชอบ
แต่ผมคิดว่าจ่ายเท่ากันได้สองระบบ ก็น่าจะดีกว่า

----------

กับประเด็นที่ผมเคยผ่านพวกภัยพิบัติมากับเจ้าน้องฟอร์จูนเนอร์
ทำให้รู้ว่า รถลุย กับแหล่งพลังงาน จำเป็นมากเมื่อเจอพวกภัยพิบัติต่างๆ
ตอนนี้ในใจเลยคือ outlander phev 2023 เลยครับ ฮา  ;D

**แบตไม่ใหญ่เกินไปที่จะเซอร์วิสหรือเปลี่ยนในอนาคต
กับรูปแบบการเป็นเครื่องปั่นไฟฉุกเฉินจากน้ำมัน
รวมถึงการลุยแบบ awd

จะกลัวก็แต่ defect ประจำรุ่นที่ยังไม่สามารถบอกได้เพราะเพิ่งออกไม่นานนี่หละครับ

ใช่ครับ นี่คือเหตุผลที่ผมเล่าเลย ถึงบอกว่า ใช้ PHEV อยู่ ภาวนาว่าอย่าให้เป็นอะไรหนักหนา เพราะซ่อมคงเจ็บตัวเยอะ อาจจะขายทิ้งซะด้วยซ้ำ

ถ้าไม่รู้สาเหตุ จะวิเคราะห์ไงครับว่าทำไมไม่กลัว HEV PHEV !?

อย่างที่ผมเล่าเลยครับ คนใช้ PHEV ยิ่งถ้าเป็นยุโรป กลัวที่สุดคือเรื่องระบบ Hybrid  นี่ละ แล้วก็แบตเตอรี่

ซึ่งที่ซ่อมๆ กัน เรื่องแบตเตอรี่ Hybrid ก็ครึ่งล้านจนเกือบล้าน(มีทอนหลักแสน) ไปแล้วครับ

ซึ่งถ้าเลือกที่จะเสี่ยง อาจจะเสี่ยงไปคบ BEV เลย อย่างนอกก็ตัดระบบ Hybrid กับ การดูแลรักษาเครื่องยนต์ ออกไปเลย

PHEV, HEV ยุโรปพอขายๆ กัน มือสอง ราคาก็ไม่ถึงล้านกันแล้ว และต้องรีบขายก่อนหมดประกัน หรือ ก่อนจะได้ซ่อม

ซึ่งเพราะนี่ละความกลัวที่ผมบอกไป

ในฐานะเจ้าของ PHEV จิงๆลึกๆก็กลัวแหละครับ ว่าถ้าอะไรมันเสียที ก็คงจ่ายหนักแน่ๆ ก็เลยเลือกมาค่ายสวีเดนที่มันปัญหาแทบไม่มี ปีละคันสองคัน ก็ถือว่า ok แล้วมั่นใจระดับนึง ทุกวันนี้ก็ happy ดีแทบไม่ได้เติมน้ำมันเท่าไหร่เดือนกว่าสองเดือนเติมที เพราะใช้ไฟฟ้าล้วนระยะใกล้ๆเหมาะกะชีวิตประจำวัน เวลาไปเที่ยวไกลๆก็ไม่ต้องชาร์จใช้น้ำมันเอาสบายใจ รอ infrastructure เมืองไทยพร้อมก่อน ค่อยขยับไป BEV

นี่ผมยังคิดต่อไปว่า สำหรับเมืองไทย คนส่วนใหญ่กังวลเรื่องราคาขายต่อมาก ถ้าเป็น BEV นี่จะไม่ยิ่งกลัวกันหรอครับ แทบไม่เหลือมูลค่าเลย

คิดเหมือนกันเลยครับ



yuy

ส่วนตัวไม่ได้กังวลกับการใช้ bev 
และเชื่อว่ามันบำรุงรักษาง่ายกว่า ice hev phev แน่
แต่ สิ่งที่ทำให้ผมยังไม่อยากใช้ bev  คือ ความขี้เกียจของตัวผมเอง
เพราะคิดว่า ถ้าผมใช้รถ bev
 ขี้เกียจ ว่า เวลากลับถึงบ้าน แทนที่จะได้ดับเครื่องแล้วเดินเข้าบ้านได้เลย ต้องมาเสียบชาร์ตไฟฟ้า
ตอนเช้า ก่อนออกไปทำงานต้องคอยมาถอดสาย
เดินทางไกล ก็ต้องมานั่งเสียเวลารอชาร์ต ผมเป็นคนไม่ชอบรอหรือนั่งเล่น ถ้าไม่ถึงจุดหมายที่ต้องการ
ขี้เกียจนั่งวางแผน หาจุดชาร์ต

ส่วนตัว คิดว่า ถ้ารถไฟฟ้าสามารถลดระยะเวลาการชาร์ตได้เต็มภายในไม่เกิน 2 เท่าของการเติมน้ำมัน
และมีปั้มชาร์ตแพร่หลายเหมือนน้ำมัน
จะถอยมาสักคันแน่ๆ



InBkk

พอมาเห็นกระทู้นี้เข้า ผมก็คิดว่า เอ้อ จริงด้วยหว่ะ

รถ PHEV ต้องดูแลสองระบบ แถมต้องยุ่งยากเติมเชื้อเพลิงให้ทั้งสองระบบ เพื่อ Optimize ก็เห็นด้วยครับ ว่า ถ้าไม่เอารถ ICE ก็เอา BEV ไปเลย



AgentMolder

- เรื่องราคาแบต
- เรื่องการเดินทาง การชาร์จไฟ ระยะเวลา จุดชาร์จ ไฟบ้าน
- การขายต่อในอนาคต

ไม่ได้กลัว แต่เขาเรียกว่ายังไม่ไว้ใจมากกว่า อนาคตถ้าพื้นฐานระบบไฟบ้านเรา จุดชาร์จต่างๆ นวัตกรรมแบตเตอรี่มันดีกว่านี้ เมื่อนั้นความไว้ใจก็มา
2005 Toyota Vios 1st Gen
2012 Honda Civic FD
2018 Toyota Camry ACV70
2023 Toyota Yaris Cross
2024 Porsche 718 Cayman Style Edition
2025 MB E-Class E220d W214



เนื้อน่องไม่หนัง

สำหรับผมคือมันไม่มั่นใจว่าจะตอบโจทย์ไหมมากกว่าครับ ไม่แน่ใจว่าถ้าคนใช้เยอะๆ แล้วขับรถเที่ยวเจอช่วงเทศกาล (ถึงแม้ปรกติจะไม่ได้เที่ยวช่วงเทศกาลก็เถอะ) อาจหาที่ชาร์จจะทำให้ทริปหมดสนุกไหม

อีกอย่างคือ ราคาแบต ซึ่งเหมอืนจะมีอายุของมัน และน่าจะมีส่วนทำให้ราคารถมันตอนขาย
ซึ่งถ้าเป็น เครื่องยนต์ยังหาเครื่องมือสองลงได้ ส่วน Hybrid คิเว่าค่าแบตอาจไม่แพงเท่า BEVเพราะมันก้อนเล็กกว่า..

ในส่วนรถถ้าราคาใกล้ๆกัน ICE/PHEV/HEV/BEV ผมอาจเอากลุ่มของพวก Hybrid นะ มันสะดวกดี ไม่ต้องวางแผนอะไรมาก

BEV ก็มีเลงๆไว้ เพราะคิดว่าจะต้องใช้รถเยอะ อาจประหยัดค่าน้ำมันได้ปีละ หลายหมื่น แต่พอมาเจอค่าประกัน นู้นนี้นั้น มันก็ไม่ได้ต่างกันมาก

สรุปว่า ถ้าจะเปลี่ยนรถอยู่แล้ว อาจไป BEV เพราะมีอีกคันสำรองอยู่ ถ้า BEV ทำให้อยากเสียเงินเร็วขึ้นไหม ก็ไม่ครับ



PKS8

ส่วนตัวผมที่เลือกใช้ Hybrid และ PHEV ก่อนทั้ง ยุโรปและญี่ปุ่น บอกเลยว่าใช้มา 6-7 ปี กลัวมากเลยครับ ซ่อมทั้งระบบไฟฟ้า เครื่องยนต์ และแบต หาความคุ้มค่าประหยัดไม่ได้เลย เจ๊งทั้งค่าบำรุงรักษา และราคาขายต่อ

พอขายทิ้งแล้วศึกษาดีๆ ผมกลับไม่กลัว BEV และรู้สึกว่า BEV น่าใช้กว่า Hybrid/PHEV เยอะเลย เลยเลือก BEV จีนที่ชื่อเสียงดูดีหน่อย เผื่อพลาดจะได้ไม่เจ็บมาก ส่วนตัวจากประสบการณ์ผมถ้าจะซื้อ ผมเลิกมอง Hybrid/PHEV ไปเลย ถ้าพร้อมก็ BEV ถ้าไม่พร้อมก็น้ำมันล้วนดีกว่า



kbank

กลัว BEV น่าจะกลัวเรื่องชาร์จ ไม่สะดวก
กลัวการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตแบบเดิมๆ ถ้าน้ำมันหมดก็เติมได้ง่ายๆ ไม่ต้องลุ้นที่ชาร์จ

คนส่วนมาก กลัวการเปลี่ยนแปลง แต่มีอีกกลุ่มชอบการเปลี่ยนแปลงพร้อมเสี่ยง



sinaz

ตอนผมออก 530e ถามเซลล์ เซลล์บอกค่าเปลี่ยนแบต 2.5 แสน ตอนเอารถเข้าไป service ถาม SA SA ก็บอก 2.5 แสน
ผมขับในเมืองระยะไม่เกิน 30 กิโลต่อวันเป็นหลัก ถ้าแบตราคานี้จริงผมคำนวณแล้วค่าน้ำมันที่ประหยัดได้มันคุ้มกับค่าแบตอยู่ แต่ถ้าเป็นราคาแบตรถ EV คิดยังไงก็ไม่คุ้มครับ

ส่วนเรื่องสถานีชาร์จที่ครอบคลุมสำหรับออกต่างจังหวัด มันแล้วแต่ lifestyle แต่สำหรับผมต่อให้มีทุกปั้มน้ำมันก็ยังรับไม่ได้ที่ต้องจอดรถที่ปั้ม 40 นาที ถึง 1 ชั่วโมงเพื่อชาร์จแบต
หลายคนอาจจะบอกว่าก็นั่งกินข้าวรอไป แต่สำหรับผมผมไม่อยากนั่งกินข้าวในปั้มน้ำมันอ่ะ ไปต่างจังหวัดก็อยากแวะร้านอาหารอร่อยๆ
เพราะงั้นคำว่าครอบคลุมสำหรับผมคือต้องมีสถานีชาร์จเร็วที่ร้านอาหารและโรงแรมปลายทางที่เราไปพัก ไม่ใช่ที่ปั้มน้ำมันครับ
ซึ่งปัจจุบันผมเห็นบางโรงแรมบางร้านอาหารเริ่มมีจุดชาร์จรถแล้ว แต่ส่วนใหญ่ยังเป็นชาร์จปกติไฟ AC อยู่ ซึ่งก็ยังเร็วไม่พอสำหรับการชาร์จรถ EV ตอนกินข้าวครับ



F e r m a r c o

ไม่ได้กลัวรถไฟฟ้านะ แต่รถไฟฟ้ายังไม่ตอบโจทย์การใช้งาน ถ้าใช้เป็นรถคันสอง-สามของบ้านก็โอเค

ขับช้าๆ เดี๋ยวก็ถึง



shando

ผมว่าส่วนใหญ่ที่เลือกPHEVไม่เลือกBEVไม่ใช่เพราะคิดว่าBEVมันซับซ้อนกว่าแต่กลัวลำบากชาร์จ หาที่ชาร์จไม่ได้มากกว่า

อย่างพ่อผมเลือกxc40 PHEVไม่เอาตัวBEVเพราะคิดว่าไปตจว.จะได้ไม่ต้องลำบากหาที่ชาร์จ แบตหมดก็วิ่งน้ำมันล้วนได้




mongolias

ผมไม่กลัวการทำงานของรถไฟฟ้า
แต่ผมไม่ชอบที่ต้องรอเวลาชาร์จไฟ + ระยะทางที่ได้ต่อการวิ่งยังไม่มากเท่ารถน้ำมัน
แต่คันถัดไป เดาว่าคงรถไฟฟ้าแน่ๆครับ รอให้คนอื่นใช้กันไปพักใหญ่ๆก่อน



starlight

หากไม่ได้ต้องการจะรักษ์โลกหรืออยากลอง สำหรับผม ๆ ว่ารถใช้น้ำมันดีที่สุดแล้ว   คุุ้นชินไม่ต้องปรับตัว สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัยหรือรู้แม้กระทั่งราคาขายต่อหลังจากใช้ไปเท่านั้นปี    แต่รถใช้แบตเตอรี่ คนส่วนใหญ่ยังไม่รู้และไม่เคยชินกับมันเลย และยังมีค่าประกันรายปีที่แพงกว่าหลายสิบเปอร์เซ็นต์ หากคำณวนดีๆ การเซฟค่าน้ำมันในแต่ละวันที่ใช้ไป มันอาจจะถูกรวบทีเดียวในราคาแบตเมือ่ถึงเวลาต้องเปลี่ยนหรือขายต่อก็ได้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 16, 2022, 13:56:23 โดย starlight »



XMSL

ต้องยอมรับว่ากระแสต่อต้าน bev มันแรงกว่าตอน hev เข้ามามากๆ เท่าที่สังเกตดูคนที่กลัวจะมีความไม่เข้าใจและข้อกังวลเรื่องเดียวๆกันอยู่ไม่กี่อย่าง ซึ่งถ้าลองหาความรู้ทำความเข้าใจหน่อยก็น่าจะหายกลัวได้



SM.

น่าจะกลัวไม่มีที่ชาร์จ ขับไปแล้วแบตหมดกลางทาง

รถ hybrid มันยังมีเครื่องยนต์ น้ำมันหมดยังจ้าง วินไปซื้อน้ำมันใส่ขวดมาเติมได้

+1



Sakutaro

 :) ใช้รถน้ำมันอยู่ 2 คัน มี EV จีนแดงเป็นคันที่ 3 สิ่งที่น่ากลัวสำหรับผมคือการกินน้ำมันโลละ 4 บาท 
หมดเงินเติมน้ำมันไปเป็นล้านแล้วสองคัน อยากไปไหนต้องคอยมาคิดค่าน้ำมัน...
หากศึกษาหน่อย มีความรู้ด้านเครื่องยนต์กลไก มีความรู้ด้านเศษฐศาสตร์ ศึกษาจุดคุ้มทุนและเงื่อนไขของตัวเอง มันก็ไม่น่ากลัวครับ
มันจะมีคนรอบข้างที่กลัวแทน เปลี่ยนแบตแพงนะ ชาร์จที่ไหน ขายต่อราคาไม่ดี นู่นนั่นนี่อะไรแบบนี้มากกว่า ซึ่งผมใช้จนถึงจุดคุ้ม
ที่เหลือจะยกไปปลูกหอมที่ไหนก็ไปเถอะครับ  8) 8) 8)




ฟง อวิ๋น

จริงๆ คนเราก็กลัวสิ่งใหม่อยู่แล้วครับ เป็นธรรมชาติของมนุษย์

HEV มาก็กลัว
เบาะไฟฟ้าก็กลัว
ถุงลมก็กลัว
หลังคาแก้วก็กลัว

พอ PHEV มาและแพง ความกลัว HEV ก็น้อยลง
พอ HEV ประหยัดน้ำมันมากกว่า ICE อย่างชัดเจน และน้ำมันแพง คนก็กลัว HEV น้อยลง
พอ HEV ทำอัตราเร่งได้ดีกว่ามาก (บางรุ่น) ขับดีกว่ามาก คนก็กลัว HEV น้อยลง

พอรถ EV มาคนก็กลัว PHEV น้อยลง เพราะได้ทั้งสองอย่างในคันเดียว

คนเราก็กลัวสิ่งที่ไม่รู้จักและไม่เข้าใจก่อนเสมอแหละครับ

เราก็ได้แต่ให้ข้อมูล และถ้าเขาจะยังกลัวอยู่ก็ไม่น่าจะเป็นสิ่งที่เราต้องกังวลแทนไม่ใช่เหรอครับ
Isuzu SLX, Accord G4, Colorado, Hilux Tiger, Lancer I, Triton, D-Max Cab4, TiiDA, Mazda2 I, Mazda2 II, D-Max, Fortuner, Sunny B14, Jazz GK, Accord G9, Mazda2 Sky, GLA200, Yaris, Alphard30, Lancer II, Lander III, Ranger, XL7, Forester SK, Swift, Stargazer, Aion V



DiKiBoyZ

ส่วนตัวผมที่เลือกใช้ Hybrid และ PHEV ก่อนทั้ง ยุโรปและญี่ปุ่น บอกเลยว่าใช้มา 6-7 ปี กลัวมากเลยครับ ซ่อมทั้งระบบไฟฟ้า เครื่องยนต์ และแบต หาความคุ้มค่าประหยัดไม่ได้เลย เจ๊งทั้งค่าบำรุงรักษา และราคาขายต่อ

พอขายทิ้งแล้วศึกษาดีๆ ผมกลับไม่กลัว BEV และรู้สึกว่า BEV น่าใช้กว่า Hybrid/PHEV เยอะเลย เลยเลือก BEV จีนที่ชื่อเสียงดูดีหน่อย เผื่อพลาดจะได้ไม่เจ็บมาก ส่วนตัวจากประสบการณ์ผมถ้าจะซื้อ ผมเลิกมอง Hybrid/PHEV ไปเลย ถ้าพร้อมก็ BEV ถ้าไม่พร้อมก็น้ำมันล้วนดีกว่า

ความรู้สึกเดียวกันเลยครับ

หากไม่ได้ต้องการจะรักษ์โลกหรืออยากลอง สำหรับผม ๆ ว่ารถใช้น้ำมันดีที่สุดแล้ว   คุุ้นชินไม่ต้องปรับตัว สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัยหรือรู้แม้กระทั่งราคาขายต่อหลังจากใช้ไปเท่านั้นปี    แต่รถใช้แบตเตอรี่ คนส่วนใหญ่ยังไม่รู้และไม่เคยชินกับมันเลย และยังมีค่าประกันรายปีที่แพงกว่าหลายสิบเปอร์เซ็นต์ หากคำณวนดีๆ การเซฟค่าน้ำมันในแต่ละวันที่ใช้ไป มันอาจจะถูกรวบทีเดียวในราคาแบตเมือ่ถึงเวลาต้องเปลี่ยนหรือขายต่อก็ได้

มันก็ใช่ในมุมหนึ่งแหละครับ เหมือนสมันกระจกไฟฟ้า กับ กระจกมือหมุน ทุกวันนี้คนลืมกระจกมือหมุนไปแล้ว

เช่นเดียวกับเกียร์ธรรมดา vs เกียร์ออโต พอทุกวันนี้คนใช้เกียร์ออโต ก็ไม่หันไปมองเกียร์ธรรมดาอีกเลย

ผมว่า ช่วงระยะเปลี่ยนถ่าย หรือ การเปลี่ยน คนที่ปรับตัวได้ไว ก็จะผ่านจุดนั้นไปได้ไว แต่คนที่ยังกล้าๆ กลัวๆ มันก็จะยังมีกลุ่มนี้อยู่เยอะ

:) ใช้รถน้ำมันอยู่ 2 คัน มี EV จีนแดงเป็นคันที่ 3 สิ่งที่น่ากลัวสำหรับผมคือการกินน้ำมันโลละ 4 บาท 
หมดเงินเติมน้ำมันไปเป็นล้านแล้วสองคัน อยากไปไหนต้องคอยมาคิดค่าน้ำมัน...
หากศึกษาหน่อย มีความรู้ด้านเครื่องยนต์กลไก มีความรู้ด้านเศษฐศาสตร์ ศึกษาจุดคุ้มทุนและเงื่อนไขของตัวเอง มันก็ไม่น่ากลัวครับ
มันจะมีคนรอบข้างที่กลัวแทน เปลี่ยนแบตแพงนะ ชาร์จที่ไหน ขายต่อราคาไม่ดี นู่นนั่นนี่อะไรแบบนี้มากกว่า ซึ่งผมใช้จนถึงจุดคุ้ม
ที่เหลือจะยกไปปลูกหอมที่ไหนก็ไปเถอะครับ  8) 8) 8)

คิดหลายๆ กันครับ ผมมีรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ทุกวันนี้ ใช้งานคุ้มกว่าน้ำมันจริง เทียบกับบาทต่อบาท แถวไม่ต้องบำรุงรักษาอะไรเลย ของเหลวก็ไม่มี

จริงๆ คนเราก็กลัวสิ่งใหม่อยู่แล้วครับ เป็นธรรมชาติของมนุษย์

HEV มาก็กลัว
เบาะไฟฟ้าก็กลัว
ถุงลมก็กลัว
หลังคาแก้วก็กลัว

พอ PHEV มาและแพง ความกลัว HEV ก็น้อยลง
พอ HEV ประหยัดน้ำมันมากกว่า ICE อย่างชัดเจน และน้ำมันแพง คนก็กลัว HEV น้อยลง
พอ HEV ทำอัตราเร่งได้ดีกว่ามาก (บางรุ่น) ขับดีกว่ามาก คนก็กลัว HEV น้อยลง

พอรถ EV มาคนก็กลัว PHEV น้อยลง เพราะได้ทั้งสองอย่างในคันเดียว

คนเราก็กลัวสิ่งที่ไม่รู้จักและไม่เข้าใจก่อนเสมอแหละครับ

เราก็ได้แต่ให้ข้อมูล และถ้าเขาจะยังกลัวอยู่ก็ไม่น่าจะเป็นสิ่งที่เราต้องกังวลแทนไม่ใช่เหรอครับ


เห็นด้วยเลยครับ



PC CK

ส่วนตัวไม่ได้กลัวBEV แค่รำคาญความยุ่งยากในการเดินทางไกลครับ