ผู้เขียน หัวข้อ: บางคนกลัวรถไฟฟ้า(เพราะอะไรไม่รู้) แต่ทำไมไม่กลัว HEV, PHEV บ้างละ???  (อ่าน 4839 ครั้ง)

ออฟไลน์ OXYGEN2

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,492
    • เครื่องปั่น
    • อีเมล์
รถ PHEV แบตใหญ่ๆ เหมือนได้ 2 in 1 ไหมครับ

ในเมืองวิ่งไฟฟ้าได้ถึง 80-100 กม. พอออกต่างจังหวัดก็ใช้ Hybrid

แต่จ่ายค่าเบี้ยประกันคันเดียว
2021 - BMW 530e
2023 - Tesla Model Y Performance
2023 - Tesla Model Y RWD

My website~ :) ;) :D 8)

ออฟไลน์ iKrit

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,724
  • Blue. Just BLUE.
ก็ถ้ามีร้านรับฟื้นฟูแบต หรือรับเปลี่ยนแบตในราคาไม่แพงหรือยอมรับได้ ความน่ากลัวของ BEV ก็ลดลงไปเยอะ พอดีที่กลัวกันเพราะยังต้องพึ่งศูนย์ในการบำรุงรักษา แล้วโดยปกติค่าอาหลั่ยในศูนย์ก็มักจะแพงหูฉีกอยู่แล้ว เพราะเปลี่ยนทีก็เปลี่ยนเป็นชุด ไม่ค่อยจะให้เปลี่ยนเฉพาะจุดเท่าไร

ช่างวงจรอิเลคทรอนิกส์และช่างไฟฟ้าที่มีความรู้ด้านนี้ยังมีน้อย การซ่อมแซมหรือบำรุงรักษานอกศูนย์จึงยังคงสูงอยู่ แต่ถ้ามีช่างด้านนี้เยอะ(มีฝีมือด้วยนะ) ราคาการบำรุงรักษาหลังหมดประกันก็ถูกลงๆ คนก็ยอมรับกันมากขึ้น
"การไม่มีดราม่าเป็นลาภอันประเสริฐ"
แต่มนุษย์มาม่าบางคนก็ชอบเปิดประเด็นทุกที เอ้อ...แปลก

ออฟไลน์ Teera

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,380
    • อีเมล์
ยังไม่มีโครงการ จะเปลี่ยนรถ ตอนนี้เลย เป็นพวก องุ่นเปรียวอยู่ สำหรับ BEV
ถ้าตอนนี้ คิดจะเปลี่ยนรถ ผมคงไปจอง Tesla ครับ แม้ว่าจะไม่ชอบ อีลอน ก็ตาม
แต่ มันอยากลอง
แต่ชม นี้ ไม่อยากเป็นหนี้ รถเก่า ก็ถือว่า หล่ออยุ่ เลย เฝ้าดู กันต่อไป ว่า อีก 5 ปี BEV จะเป็นยังไง
ยังมีเวลา
ส่วนที่ถาม ผมไม่ชอบ บำรุงรักษา 2 ระบบฮะ จะไปทางไหน ก็ ทางนึง เลือกเอาซักทาง

ออฟไลน์ demo2

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 786
    • อีเมล์
กลัวอย่างเดียวคือแบตหมดกลางทาง ไม่มีที่ชาร์ต
อย่างอื่นไม่กลัว เปิดใจจะตายแล้ว

ออฟไลน์ ToRToNGPaT

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,938
    • Wongnai : ติดตามต้อง
ส่วนตัว ไม่กลัวนะ อยากลองด้วย แต่ยังรู้สึกว่า ณ ตอนนี้ BEV ยังไม่เหมาะกับการดำเนินชีวิตของตัวเองในปัจจุบัน เพราะ

1. อยู่คอนโดเป็นหลัก (5 วัน/สัปดาห์) ไม่มีช่องจอดประจำ ส่วนใหญ่ต้องจอดรถซ้อนคันทุกวัน และที่คอนโดยังไม่มีโครงการจะติด EV Charger แต่อย่างใด
2. กลับบ้านแค่สุดสัปดาห์ ซึ่งระหว่างสัปดาห์จะกลับไปชาร์จที่บ้านก็ไม่ไหว เพราะเสียเวลาเดินทางมากๆ (รถติด) แถมเจอค่าทางด่วนไป-กลับ ก็ไม่คุ้มแล้ว
3. แม้ว่าจะลองคำนวนระยะทางกับ EV Range ของรถบางคันที่พอจะมีกำลังซื้อไหวแล้ว มันดูจะพอกับการชาร์จสัปดาห์ละครั้ง ซึ่งผมใช้รถเฉลี่ย 200-250 กิโล/ 5 วันทำงาน ไม่รวมสุดสัปดาห์ แต่ถ้าระหว่างสัปดาห์เกิดต้องไปไหนนอกเหนือจาก Route ปกติ มันก็ดูเสี่ยงเกินไป
4. การจะพึ่ง EV Charging Station ตามที่ต่างๆเพียงอน่างเดียวนั้น แม้ว่าเรายินดีที่จะขับไปชาร์จและจ่ายค่าชาร์จ  แต่ด้วยเวลาที่มีในแต่ละวัน การรอชาร์จเป็นชั่วโมง และแถวๆคอนโดยะงไม่ค่อยมี EV Charging Station เลยยังไม่สะดวกสักเท่าไหร่
5. ปัจจุบันผมใช้รถคันเดียวไปทุกที่ ทั้งในเมือง นอกเมือง และท่องเที่ยว แม้ว่า BEV มันไปได้ทั่วไทยได้แล้วจริงๆ แต่มีก็มี Condition หลายๆอย่างที่เราจะต้องใส่ใจ คำนึงถึงและยุ่งกับมันมากกว่ารถน้ำมัน HEV PHEV พอสมควร
6. ถ้าจะตัดปัญหาด้วยการมีรถน้ำมัน 1 คัน กับ BEV 1 คันนั้น กำลังทรัพย์ในการเป็นเจ้าของ บำรุงรักษา และต้องเตรียมค่าใช้จ่ายสำหรับรถ 2 คันนั้น มันยังไม่ไหว

ผมเลยรู้สึกว่า ถ้าต้องซื้อรถใหม่แทนคันเดิม ณ ตอนนี้ ด้วย Condition ของชีวิตแบบนี้  รถ HEV กับ PHEV ดูจะตอบโจทย์เหมาะกับผมมากกว่า ส่วนรถน้ำมันล้วน อาจจะมองเป็นตัวเลือกหลังๆ ส่วน BEV คงจะละไว้ก่อน

แต่ถ้าอีกสัก 4-5 ปี ซึ่งผมวางแผนไว้จะตั้งใจจะเป็นรถตอนนั้น ด้วยอัตราการเติบโตของรถ BEV กับ Charging Station ซึ่งมันต้องแพร่หลายมากขึ้นแน่ๆ ผมคงมอง PHEV กับ BEV เป็นหลัก รองลงมาเป็น HEV ส่วนรถน้ำมันล้วน คงจะมองในกรณีที่ไม่ใช่ Daily Use Car ครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 18, 2022, 14:19:23 โดย ToRToNGPaT »
My Car = My Friend

2023 Honda HR-V 1.5 e:HEV RS E-CVT Ignite Red Metallic / Black Roof (น้องหมูแดง)
2023 Honda WR-V 1.5 RS CVT Ignite Red Metallic / Black Roof (น้องถุงแดง)


Review ของกินอร่อยๆ เรียนเชิญที่ Wongnai : ติดตามต้อง

ออฟไลน์ mamaman

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,423
    • อีเมล์
ส่วนตัว ไม่กลัวนะ อยากลองด้วย แต่ยังรู้สึกว่า ณ ตอนนี้ BEV ยังไม่เหมาะกับการดำเนินชีวิตของตัวเองในปัจจุบัน เพราะ

1. อยู่คอนโดเป็นหลัก (5 วัน/สัปดาห์) ไม่มีช่องจอดประจำ ส่วนใหญ่ต้องจอดรถซ้อนคันทุกวัน และที่คอนโดยังไม่มีโครงการจะติด EV Charger แต่อย่างใด
2. กลับบ้านแค่สุดสัปดาห์ ซึ่งระหว่างสัปดาห์จะกลับไปชาร์จที่บ้านก็ไม่ไหว เพราะเสียเวลาเดินทางมากๆ (รถติด) แถมเจอค่าทางด่วนไป-กลับ ก็ไม่คุ้มแล้ว
3. แม้ว่าจะลองคำนวนระยะทางกับ EV Range ของรถบางคันที่พอจะมีกำลังซื้อไหวแล้ว มันดูจะพอกับการชาร์จสัปดาห์ละครั้ง ซึ่งผมใช้รถเฉลี่ย 200-250 กิโล/ 5 วันทำงาน ไม่รวมสุดสัปดาห์ แต่ถ้าระหว่างสัปดาห์เกิดต้องไปไหนนอกเหนือจาก Route ปกติ มันก็ดูเสี่ยงเกินไป
4. การจะพึ่ง EV Charging Station ตามที่ต่างๆเพียงอน่างเดียวนั้น แม้ว่าเรายินดีที่จะขับไปชาร์จและจ่ายค่าชาร์จ  แต่ด้วยเวลาที่มีในแต่ละวัน การรอชาร์จเป็นชั่วโมง และแถวๆคอนโดยะงไม่ค่อยมี EV Charging Station เลยยังไม่สะดวกสักเท่าไหร่
5. ปัจจุบันผมใช้รถคันเดียวไปทุกที่ ทั้งในเมือง นอกเมือง และท่องเที่ยว แม้ว่า BEV มันไปได้ทั่วไทยได้แล้วจริงๆ แต่มีก็มี Condition หลายๆอย่างที่เราจะต้องใส่ใจ คำนึงถึงและยุ่งกับมันมากกว่ารถน้ำมัน HEV PHEV พอสมควร
6. ถ้าจะตัดปัญหาด้วยการมีรถน้ำมัน 1 คัน กับ BEV 1 คันนั้น กำลังทรัพย์ในการเป็นเจ้าของ บำรุงรักษา และต้องเตรียมค่าใช้จ่ายสำหรับรถ 2 คันนั้น มันยังไม่ไหว

ผมเลยรู้สึกว่า ถ้าต้องซื้อรถใหม่แทนคันเดิม ณ ตอนนี้ ด้วย Condition ของชีวิตแบบนี้  รถ HEV กับ PHEV ดูจะตอบโจทย์เหมาะกับผมมากกว่า ส่วนรถน้ำมันล้วน อาจจะมองเป็นตัวเลือกหลังๆ ส่วน BEV คงจะละไว้ก่อน

แต่ถ้าอีกสัก 4-5 ปี ซึ่งผมวางแผนไว้จะตั้งใจจะเป็นรถตอนนั้น ด้วยอัตราการเติบโตของรถ BEV กับ Charging Station ซึ่งมันต้องแพร่หลายมากขึ้นแน่ๆ ผมคงมอง PHEV กับ BEV เป็นหลัก รองลงมาเป็น HEV ส่วนรถน้ำมันล้วน คงจะมองในกรณีที่ไม่ใช่ Daily Use Car ครับ

ชัดเจนครับ ครับ BEV มันยังตอบโจทย์การใช้งาน ในฐานะยานพาหนะ ที่สะดวกเหมาะสม ในทุกพื้นที่ได้
แต่ก็จะมี ติ่ง BEV จีน มาบอก เวลาเดินทางไกลๆ บินไปสิ.... มันคนละเรื่องเนอะ 55555

เอาง่ายๆ เราเดินทางไปเที่ยว 300 KM ถ้าไป กลับ มันคือ 600 KM แล้ว ปลายทางเราต้องไปลำบากหาที่ชาร์ทเอาอีก
เอาง่ายๆ ถ้ามีคน BEV จาก กทม ไป เขาใหญ่สัก 500 คัน เค้าจะไปหาชาร์ทที่ไหน ต้องไปต่อคิว รอ หรือ หารีสอร์ทที่มีที่ชาร์ท งี้เหรอ

ออฟไลน์ Showbiz

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 176
BEV ยังไม่ตอบโจทย์การใช้งาน + ความคุ้มค่า

- การเดินทางไกล ไม่ต้องการเสียเวลาระหว่างทางมากนัก เรียกว่ายอมเอาเงินซื้อเวลาดีกว่า บางคนว่าเป็นข้อดีจะได้สุนทรีย์จิบกาแฟ พักผ่อนตามที่ชาจ แต่ผมขอเอาเวลาไปสุนทรีย์ที่รีสอร์ท โรงแรมดีกว่า
- ไม่อยากเสียเงินก้อนในการจ่ายค่าแบตหกหลัก ในขณะ PHEV HEV ยังพอที่สู้ราคาแบตได้ไหว
- ราคามือสอง BEV นี่น่าจะลำบาก เพราะราคาแบตค้ำคอ ถึงตอนนั้นหาคนซื้อไม่รู้จะมีมั้ย


ออฟไลน์ equinox

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 56
PHEV = มีก๊อกสำรองเวลา แบตหมดก็น้ำมันต่อได้  BEV ไม่มี
PHEV = แบตหมดอยากชาร์จก็ชาร์จ BEV บังคับชาร์จ ไม่ชาร์จวิ่งต่อไม่ได้ ทำให้บางทีคุมเวลาเดินทางไม่ได้ ในกรณีจำเป็นต้องไปถึงจุดหมายด่วนๆ ด้วยเหคุสุดวิสัย
PHEV = ราคาประกันเป็นมิตรกว่า BEV ที่ราคาแทบจะ * 1.8 เท่าของ รถ ICE
PHEV = แบตเสื่อม ราคาเป็นมิตรกว่าแบต BEV เสื่อม 330E เปลี่ยนหมดทุกโมดูลก็ 200K บวกลบ โมดูลเดียวก็ประมาณ 30-40K ในขณะที่แบต BEV ราคาเกือบเท่ารถใหม่ทั้งคัน

สรุปแล้วถ้ามองแบบล่ำซำแล้ว ไม่ได้ประหยัดกว่ากันมากผมเลยเลือกอันที่คล่องตัวสุดครับ ปกติไม่ได้ใช้รถแช่อยู่แล้ว 5-6 ปีก็เปลี่ยน

อีกอย่างกลัวสันดานคนด้วยครับ ลองดูในกลุ่ม EV Thailand ได้เลยว่ามี BEV แค่นี้ จุดชาร์จยังจะตีกันตาย จองไว้ก็ไม่ได้ชาร์จ เจอคันก่อนหน้าจอดแช่ แล้วเจ้าของหายหัว หรือชาร์จๆอยู่เจอคนเคาะบอกพอได้แล้วมั้ง แบ่งคนอื่นบ้าง

ออฟไลน์ natin

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 182
ไม่ได้กลัว แต่ไม่อยากวุ่นวาย ของเดิมยังใช้งานได้ดี ไม่รู้จะเอาภาระมาทำไม