อัตราสิ้นเปลือง Civic e:HEV EL+ 20.98km/l พอจะสู้รถไฟฟ้าได้ไหมครับ

[Fong]

อ้างอิงผลทดสอบของ HLM -> https://www.headlightmag.com/2022-10-13-acceleration-fuel-consumption-honda-civic-ehev-el-plus/

ถ้าคิดค่าน้ำมันโซฮอล95 ของ CALTEX ณ วันที่ 30 JAN 2023 -> 36.85บาทต่อลิตร

อัตราสิ้นเปลือง 20.98km/l -> 36.85/20.98 = 1.75บาทต่อกิโลเมตร

เข้าใจว่ารถไฟฟ้าถ้าชาร์จไฟบ้านแบบ AC ค่าไฟฟ้าต่อระยะทาง 1 กิโลเมตรน่าจะประมาณ 1 บาท
แต่ผมไม่ทราบเกี่ยวกับค่าชาร์จแบบ DC (quick charge) ว่าออกมาจะคิดค่าไฟฟ้าต่อระยะทาง 1 กิโลเมตร ได้เท่าไหร่

แต่ส่วนตัวรู้สึกว่าช่องว่างของค่าใช้จ่ายในการเดินทางไม่ต่างมากเท่ารถน้ำมันล้วน  แถมภาพรวมของ Civic ก็ยังน่าจะไว้ใจได้

เพือนๆ พี่ๆ คิดเห็นกันอย่างไรครับ 

[Symphonic]

เทียบค่าตามตาราง HLM มีโอกาสพา Mislead อยางที่ผมเคยว่าไว้ครับ

รถ BEV ถ้าชาร์จ DC คือเดินทางข้ามจังหวัดยาว ๆ  ตัวรถเองจะวิ่งได้ราว 5.5 - 6++ Km/1kWh
ถ้าคิดค่าไฟที่ 7 บาท/kWh ก็ยังได้อัตราสิ้นเปลือง 1 บาทต้น ๆ ต่อ กม.

รถ Civic HEV ถ้าวิ่งยาว อัตราสิ้นเปลืองจะได้ 20++ Km/L ยังไงก็ยังไปทาง 1 บาทปลาย ๆ ต่อ กม. อยู่ดีครับ

แต่ถ้าวิ่งในเมือง แล้ว BEV ชาร์จไฟบ้าน  อันนี้ต่ำกว่า 1 บาทต่อ กม. แน่นอน

โดยรวม BEV ยังประหยัดกว่าครับ

แต่.... ต้องไม่เอาค่าเสื่อมสภาพแบตฯ มาคิดนะครับ ซึ่งก็ยังตอบไม่ได้ว่าเท่าไหร่
จนกว่าแบตฯ ของผู้ใช้งานกลุ่มแรกจะเริ่มเสื่อม เราถึงจะเห็นตัวเลขจริงกันครับ

[renew]

จุดอ่อนรถไฟฟ้าคงมีสองเรื่อง คือการรอชาร์จ กับราคาแบต

ชม.นี้จัด Hybrid จะเซฟกว่า

[solo]

ลองถามคนใช้ Civic ดูว่าได้21 กม/ลิตรหรือเปล่า? OK คนใช้รุ่นEHEVอาจจะยังมีไม่มากลองถามคนใช้ Accord Hybrid ก็ได้ เพราะเครื่อง 2.0เบนซิน+มอเตอร์ 184 แรงม้านี่มีตั้งแต่ G9แล้ว

[off_033]

ใช้จริงคุณเติม 95 ขับ110 ตลอดเวลาทุกวันรึเปล่าครับ

ถ้าไม่ใช่ บาทต่อกิโล ก็ยิ่งมากขึ้น

รถไฟฟ้าคอดเป็นบาทต่อกิโลก็ยังถูกกว่าถ้าคิดดแค่ค่าพลังงาน 

แต่ก็มีค่ารถที่แพงกว่า ค่าแบต ฯลฯ ซ่อนอยู่อีกเยอะ

[PKS8]

เอาของจริงการใช้งานจริง Atto3 ของผมนะครับ โหมด Normal Regen High

รูปแรกนี้ วิ่งทางไกลแต่รถเยอะตลอดทางทำความเร็วได้ 80-90 กม/ชม มีติดหยุดนิ่งบ้าง

[img width= height= alt=Lkj6XJ.md.jpg" border="0]https://sv1.picz.in.th/images/2023/01/30/Lkj6XJ.md.jpg[/img]

141 กม ใช้ไฟไป 18.9 หน่วย = 7.46 กม/หน่วย
ชาร์จ AC ไฟบ้าน มิตเตอร์ปกติ 5.5 บาท/หน่วย = 0.74 บาท/กม
ชาร์จ AC ไฟบ้าน มิตเตอร์ TOU 3.8 บาท/หน่วย = 0.51 บาท/กม
ชาร์จ AC หรือ DC ที่ ปตท หรือ PEA ช่วง Offpeak 4.5 บาท/หน่วย = 0.60 บาท/กม
ชาร์จ AC หรือ DC ที่ ปตท หรือ PEA ช่วง Onpeak 7.5 บาท/หน่วย = 1.00 บาท/กม

ส่วนอันนี้คือวิ่งความเร็วทางไกลโล่งๆ 110-140 ยืนพื้นแถวๆ 120-130 มีกดแช่ 165กม/ชม บ้างบางจังหวะ

[img width= height= alt=LkjuO9.md.jpg" border="0]https://sv1.picz.in.th/images/2023/01/30/LkjuO9.md.jpg[/img]

173 กม ใช้ไฟไป 30.60 หน่วย = 5.65 กม/หน่วย
ชาร์จ AC ไฟบ้าน มิตเตอร์ปกติ 5.5 บาท/หน่วย = 0.97 บาท/กม
ชาร์จ AC ไฟบ้าน มิตเตอร์ TOU 3.8 บาท/หน่วย = 0.67 บาท/กม
ชาร์จ AC หรือ DC ที่ ปตท หรือ PEA ช่วง Offpeak 4.5 บาท/หน่วย = 0.80 บาท/กม
ชาร์จ AC หรือ DC ที่ ปตท หรือ PEA ช่วง Onpeak 7.5 บาท/หน่วย = 1.33 บาท/กม

ลองเอาไปเปรียบเทียบดูกันครับ

[EDS]

เอาของจริงการใช้งานจริง Atto3 ของผมนะครับ โหมด Normal Regen High

รูปแรกนี้ วิ่งทางไกลแต่รถเยอะตลอดทางทำความเร็วได้ 80-90 กม/ชม มีติดหยุดนิ่งบ้าง

[img width= height= alt=Lkj6XJ.md.jpg" border="0]https://sv1.picz.in.th/images/2023/01/30/Lkj6XJ.md.jpg[/img]

141 กม ใช้ไฟไป 18.9 หน่วย = 7.46 กม/หน่วย
ชาร์จ AC ไฟบ้าน มิตเตอร์ปกติ 5.5 บาท/หน่วย = 0.74 บาท/กม
ชาร์จ AC ไฟบ้าน มิตเตอร์ TOU 3.8 บาท/หน่วย = 0.51 บาท/กม
ชาร์จ AC หรือ DC ที่ ปตท หรือ PEA ช่วง Offpeak 4.5 บาท/หน่วย = 0.60 บาท/กม
ชาร์จ AC หรือ DC ที่ ปตท หรือ PEA ช่วง Onpeak 7.5 บาท/หน่วย = 1.00 บาท/กม

ส่วนอันนี้คือวิ่งความเร็วทางไกลโล่งๆ 110-140 ยืนพื้นแถวๆ 120-130 มีกดแช่ 165กม/ชม บ้างบางจังหวะ

[img width= height= alt=LkjuO9.md.jpg" border="0]https://sv1.picz.in.th/images/2023/01/30/LkjuO9.md.jpg[/img]

173 กม ใช้ไฟไป 30.60 หน่วย = 5.65 กม/หน่วย
ชาร์จ AC ไฟบ้าน มิตเตอร์ปกติ 5.5 บาท/หน่วย = 0.97 บาท/กม
ชาร์จ AC ไฟบ้าน มิตเตอร์ TOU 3.8 บาท/หน่วย = 0.67 บาท/กม
ชาร์จ AC หรือ DC ที่ ปตท หรือ PEA ช่วง Offpeak 4.5 บาท/หน่วย = 0.80 บาท/กม
ชาร์จ AC หรือ DC ที่ ปตท หรือ PEA ช่วง Onpeak 7.5 บาท/หน่วย = 1.33 บาท/กม

ลองเอาไปเปรียบเทียบดูกันครับ

ละเอียดมาก อยากได้เจ้า Atto3 มาใช้บ้างเลย

[Supanat.C]

ขอตอบนอกประเด็นน่ะครับ ผมใช้ Civic 1.5T EL รถ 5 เดือน วิ่งไม่ถึง 5000 พันโล แร็คพ่วงมาลัยมีปัญหาแล้วครับ ขับไปความเร็วเกิน 80 หมุนพ่วงมาลัยจะติดๆจังหวะแรก เช่น วิ่งทางตรงยาวๆแล้วเจอทางโค้งที่ต้องหักพ่วงมาลัยเล็กน้อยจะลำบาก หรือ ถ้าวิ่งทางตรงจะประคองพ่วงมาลัยก็จะติดๆจังหวะแรก แล้วก็ไม่ได้เป็นแค่ผมคันเดี่ยว ลองเข้าไปในกลุ่ม Civic ดูก่อนตัดสินใจครับ

[apinui]

ถ้าเรื่องประหยัด ใน งบ 1.2ล้าน ผมคิดว่ายังไง EV ก็น่าจะประหยัดกว่าอยู่แล้ว

แต่ไฮบริจ ก็อาจจะได้เปรียบตรงถ้าเดินทางยาวๆ ก็ไม่ต้องเสียเวลาชาร์จ จ่ายแพงกว่า แต่ก็ประหยัดเวลาได้ทดแทนไป

-------------------------

ส่วนปัญหาแร็คพวงมาลัย civic เค้ามีมานานตั้งแต่เจนเก่าแล้วครับ เครมก็ยากถ้าไม่เจออาการชัดๆ(หมายถึงช่างเทสแล้วไม่เจอ)  ..  แต่ลูกค้า Honda เค้ารับได้ อะไหล่หาง่าย ศูนย์เยอะค่าแรงถูก ขายต่อราคาดี เอาแค่นี้พอครับ

[mongolias]

ถ้ามองเรื่องความประหยัดระยะทางต่อกิโลเมตรเป็นหลัก ยังไงรถไฟฟ้าก็ประหยัดกว่าครับ
แต่เรื่องความสะดวกในการชาร์จไฟ รวมถึงระยะเวลาในการชาร์จ ยังไงก็ตอบโจทย์เรื่องเดินทางไกลสู้รถน้ำมันไม่ได้ครับ

ตัวผมเองคันหน้าคงมองรถไฟฟ้า แต่ยังไงที่บ้านก็ต้องมีรถน้ำมันติดไว้สักคันครับ
ตอนนี้อยากดูว่าถ้าต้องซ่อมรถไฟฟ้า ค่าใช้จ่ายจะประมาณไหน อีกสัก 5 ปีน่าจะพอเห็นภาพได้ชัด

[e:smart Hybrid]

พูดถึงขุมพลังตัวนี้น่าจะเอาไปลงใน HR-V มากกว่าจริงๆ นะครับ รายนั้นผมว่าตัว 1.5 มันเล็กไปนะครับ

[Fong]

ขอขอบคุณทุกความเห็นครับ โดยเฉพาะคุณ  #PKS8 

แสดงว่าถ้าเดินทางไม่ไกล หรือวิ่งในเส้นทางซ้ำๆ และไม่เกินระยะทางที่รถวิ่งได้จริงต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง
สามารถชาร์จไฟ ac ที่บ้านได้ทุกวัน ผมก็เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งที่จะใช้รถไฟฟ้าในราคา 1 ล้านบาท +/-
โดยให้คิดเสียว่าใช้ไป 5-6 ปี แล้วขายเป็นซาก หรือขายเป็นอะไหล่ให้คนที่แบตยังดีแต่อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องพัง (โดยเฉพาะชุด Converter)

แต่ถ้าไม่มีที่ชาร์จไฟบ้าน (เช่นอยู่ห้องเช่า คอนโด หรือเดินทางออกต่างจังหวัดบ่อย อยู่ไม่เป็นที่)
ผมว่าในเมืองรถ Eco Car (City 1.0 หรือ Almera 1.0) น่าจะใช่
ออกนอกเมือง วิ่งทางไกลบ่อย พวกรถ Hybride อย่าง Nissan Kick, Civic e:HEV หรือ Accord e:HEV ก็น่าจะดี

[PaPaMan]

ขอขอบคุณทุกความเห็นครับ โดยเฉพาะคุณ  #PKS8 

แสดงว่าถ้าเดินทางไม่ไกล หรือวิ่งในเส้นทางซ้ำๆ และไม่เกินระยะทางที่รถวิ่งได้จริงต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง
สามารถชาร์จไฟ ac ที่บ้านได้ทุกวัน ผมก็เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งที่จะใช้รถไฟฟ้าในราคา 1 ล้านบาท +/-
โดยให้คิดเสียว่าใช้ไป 5-6 ปี แล้วขายเป็นซาก หรือขายเป็นอะไหล่ให้คนที่แบตยังดีแต่อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องพัง (โดยเฉพาะชุด Converter)

แต่ถ้าไม่มีที่ชาร์จไฟบ้าน (เช่นอยู่ห้องเช่า คอนโด หรือเดินทางออกต่างจังหวัดบ่อย อยู่ไม่เป็นที่)
ผมว่าในเมืองรถ Eco Car (City 1.0 หรือ Almera 1.0) น่าจะใช่
ออกนอกเมือง วิ่งทางไกลบ่อย พวกรถ Hybride อย่าง Nissan Kick, Civic e:HEV หรือ Accord e:HEV ก็น่าจะดี

ผมว่ากลับกันครับ
ในเมืองออกตัวสลับหยุดนิ่งเครื่องเทอร์โบไซส์เล็กมันไม่ค่อยประหยัดครับ วิ่งลอยตัวนอกเมืองกลับประหยัดกว่า
ส่วนเครื่องไฮบริดกลับประหยัดกว่าเมื่อขับในเมือง

[PKS8]

ขอขอบคุณทุกความเห็นครับ โดยเฉพาะคุณ  #PKS8 

แสดงว่าถ้าเดินทางไม่ไกล หรือวิ่งในเส้นทางซ้ำๆ และไม่เกินระยะทางที่รถวิ่งได้จริงต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง
สามารถชาร์จไฟ ac ที่บ้านได้ทุกวัน ผมก็เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งที่จะใช้รถไฟฟ้าในราคา 1 ล้านบาท +/-
โดยให้คิดเสียว่าใช้ไป 5-6 ปี แล้วขายเป็นซาก หรือขายเป็นอะไหล่ให้คนที่แบตยังดีแต่อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องพัง (โดยเฉพาะชุด Converter)

แต่ถ้าไม่มีที่ชาร์จไฟบ้าน (เช่นอยู่ห้องเช่า คอนโด หรือเดินทางออกต่างจังหวัดบ่อย อยู่ไม่เป็นที่)
ผมว่าในเมืองรถ Eco Car (City 1.0 หรือ Almera 1.0) น่าจะใช่
ออกนอกเมือง วิ่งทางไกลบ่อย พวกรถ Hybride อย่าง Nissan Kick, Civic e:HEV หรือ Accord e:HEV ก็น่าจะดี

ยินดีครับ แต่รถรับประกัน 8 ปี 5-6 ปี ยังไม่ซากนะครับ 555 และเอาจริงๆ 8 ปี แบตเสื่อมนะครับ ไม่ใช่พังเลย จากเดิมชาร์จเต็ม 100 วิ่งได้ 400 ก็จะเหลือ 350 ถ้ายังไม่อยากเปลี่ยนก็ใช้กันต่อไป

ส่วนในเมืองผมว่ารถ Hybrid ประหยัดกว่านะ จากที่ใช้และถามมา ถ้าเครื่องยนต์ล้วนๆ นอกเมือง ทางไกล นิ่งๆ 90-110 จะประหยัดกว่าวิ่งติดๆในเมืองมาก

ส่วนที่ชาร์จบ้าน ถ้ามีสะดวกกว่าเยอะครับ นอกเหนือจาก วิ่งในระยะที่แบตรถพอแล้ว ถ้าเต็มถังจากบ้าน +แวะชาร์จ DC ซัก 1 ครั้ง 30-40 นาที ไป-กลับ 500 โล เหลือๆเลยครับ (รถวิ่งได้ 380โล + DC 30 นาที ได้ประมาณ 25-30 หน่วย ก็ได้ประมาณ 180-200 โล) แล้วกลับมาชาร์จบ้านครับ

[DiKiBoyZ]

ผมว่า มันก็มีข้อดี ข้อเสีย ในความเหมือน และ ความต่าง นะครับ

ต้องถามว่าเทียบกับ BEV คันไหนด้วย

ด้วยความที่อัตราการกินน้ำมันเชื้อเพลิงไม่ได้ต่างกันมาก เมื่อเทียบกับ BEV บางคัน มันเลยทำให้น่าสนใจครับ

แต่อย่างลืมว่า BEV บางคัน มันก็มีอะไรบางอย่างที่ต่างจาก e:HEV เช่น ความแรง อัตราเร่ง (บางคนบอกว่า ก็ไม่ได้ซัดตลอด ซะหน่อย ไม่ได้สนใจ) และ ออฟชั่น ด้วย

สุดท้าย ผมว่ามองหาความประหยัด ก็ไปทาง BEV ได้เลย

ถ้ามองหาความสะดวก ไม่ต้องเสียเวลาหาที่ชาร์จ หรือ วิ่งทางไหล ไม่ต้องพะวงมาก e:HEV ก็ยังเป็นตัวเลือกที่ดีมากๆ อยู่ และ สำหรับคนที่ยังไม่กล้าข้ามความเป็น BEV ด้วย

แต่ถ้าต้องเลือก ณ ตอนนี้ ผมคงเลือก BEV ครับ เพราะ อย่าลืมเรื่องค่าบำรุงรักษาด้วยความ บางคนขับ BEV เป็นปี ยังไม่เคยเสียเงินค่าบำรุงรักษาสักบาทนะครับ (ยกเว้นค่าสลับยาง)

เสียดาย น่าจะทำ e:HEV เป็น PHEV ซะก็จบ ผมว่า มันน่าจะทำให้น่าสนใจกว่านี้อีกนะ

ขอขอบคุณทุกความเห็นครับ โดยเฉพาะคุณ  #PKS8 

แสดงว่าถ้าเดินทางไม่ไกล หรือวิ่งในเส้นทางซ้ำๆ และไม่เกินระยะทางที่รถวิ่งได้จริงต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง
สามารถชาร์จไฟ ac ที่บ้านได้ทุกวัน ผมก็เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งที่จะใช้รถไฟฟ้าในราคา 1 ล้านบาท +/-
โดยให้คิดเสียว่าใช้ไป 5-6 ปี แล้วขายเป็นซาก หรือขายเป็นอะไหล่ให้คนที่แบตยังดีแต่อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องพัง (โดยเฉพาะชุด Converter)

แต่ถ้าไม่มีที่ชาร์จไฟบ้าน (เช่นอยู่ห้องเช่า คอนโด หรือเดินทางออกต่างจังหวัดบ่อย อยู่ไม่เป็นที่)
ผมว่าในเมืองรถ Eco Car (City 1.0 หรือ Almera 1.0) น่าจะใช่
ออกนอกเมือง วิ่งทางไกลบ่อย พวกรถ Hybride อย่าง Nissan Kick, Civic e:HEV หรือ Accord e:HEV ก็น่าจะดี

เทียบกัน ช๊อต ต่อ ช๊อต

เครื่องเทอร์โบ พวกนี้ วิ่งลอยๆ ความเร็วไม่สูง บูสต์แทบไม่ขึ้นครับ ประหยัดกว่าตอนกดๆ ออกตัว ในเมือง รถติดๆ ซะอีก เพราะแบบนั้นบูสต์จะดีดขึ้นเสมอเลย

ส่วน PHEV, HEV มันจะใช้มอเตอร์ กับ ไฟฟ้า ดันรถออกตัว มันจะทำให้ประหยัดน้ำมันตอนใช้ในเมือง เพราะวิ่งนอกเมือง วิ่งลอยๆ แทบจะเป็นเครื่องยนต์ทำงานตลอดเวลาด้วยซ้ำ

[Diogo]

มาให้ข้อมูลพอดีผมใช้ Civic eHEV EL+ อยู่ ตัวใหม่นี้มีการเปลี่ยนแปลงเครื่องยนต์อยู่เป็นฉีดตรง แล้วก็ปรับรูปแบบการทำงานของ Hybrid มากขึ้นครับคือ Clutch Drive ที่สลับกำลังระหว่างขับด้วยมอเตอร์กับเครื่องยนต์ มันตัดเข้าเครื่องยนต์ที่ความเร็วต่ำขึ้นได้มากประมาณ 65km/l ขึ้นมาถ้าไม่ได้เหยียบเต็มคันเร่งก็จะส่งเครื่องยนต์ลงล้อแล้ว

ส่วนอัตราสิ้นเปลืองเลขที่โรงงานเคลมทำได้จริงๆแบบไม่ต้องพยายามเลยครับ อย่างขับห้วยขวาง-รังสิต มีรถติดผสม ความเร็ว มีตั้งแต่ 70-100 ได้ 28-30 มาแบบง่ายๆ (ถ้าเติมกลับรุ่นนี้จะได้จริงประมาณ 28.5 ครับ เพี้ยน -1.5km/l ได้ แต่เอาแบบสถิติที่ผมใช้ ตจว ผสมในกทม (30/70) เติมมาแล้วประมาณ 25 ถังตั้งแต่ออกรถมาก็ได้ที่ 21 km/l ครับมาตกช่วงทำงานขับสั้นๆ ห้วยขวางเหม๋งจ๋ายนี้แหละ

ลองถามคนใช้ Civic ดูว่าได้21 กม/ลิตรหรือเปล่า? OK คนใช้รุ่นEHEVอาจจะยังมีไม่มากลองถามคนใช้ Accord Hybrid ก็ได้ เพราะเครื่อง 2.0เบนซิน+มอเตอร์ 184 แรงม้านี่มีตั้งแต่ G9แล้ว

ปล.ผมเองก็ชอบรถไฟฟ้ายิ่งขับในเมืองบอกเลยยังไงไฟฟ้าก็ประหยัดกว่า Hybrid ตก 1.5-1.8 THB/l แต่ไฟฟ้ามัน cกว่าในเมืองไม่ถึงบาทก็มี แต่ถ้าออก ตจว แล้วใช้ DC ก็มีพุ่งไป 1.5 THB/l ได้เหมือนกันครับ ตอนนี้ที่บ้านเอา Ora 400 Pro มาคันหนึ่งใช้จ่ายตลาด ตจว แต่สำหรับชีวิตประจำวันผมนี้ยังต้องรอเทคโนโลยีชาร์ทเร็วแล้วก็สถานี ตจว ให้มากกว่านี้ครับ

[เนื้อน่องไม่หนัง]

ถ้ามีรถได้มากกว่า 1 คัน ผมอยากได้คันนึงเป็น EV ครับ ถ้ามีที่จอดมีที่ชาร์จของตัวเอง แทบจะไม่มีเหตุให้ดู ICE เลยตอนนี้
ตอนนี้มีต้องใช้รถวันธรรมดา วันละ 80km เดือนละ 2000km ปีละ 24000
ICE ผมได้ประมาณ 13km/l  หารออกมา 2-3 บาท/km
Hybrid ยังไงก็ต้องมี 1.5 บาท แต่Hybrid ราคาขายต่ออาจร่วงอีก
BEV ไฟฟ้าล้วน ค่าไฟ เท่าที่ดูกลุ่ม NetaV Atto3 Ora ค่าใช้จ่ายประมาน 0.5-1.0บาท ถ้าชาร์จที่บ้าน ถ้าชาร์ตข้างนอกก็ 1-1.5บาท
ถ้าใช้ คันเดิมวิ่ง ค่าเชื้อเพลิงจะอยู่ที่ 72000 ต่อปี/ ถ้าใช้ไฟฟ้า อาจเหลือ 12000 ต่อปี
อย่าง Neta V คือใช้ 10 ปีคืนทุนเลย จะน่ากังวลก็เรื่องแบตกับ ประกันภัยนี้แหละ

Hybird ก็ประหยัดขึ้น แต่สะดวกที่สุด
PHEV เกือบเท่า BEV ละ แต่เบตหมดก็ซดอยู่
BEV จีนที่ราคาดีๆ ก็ยังไม่อยากเสี่ยง รอ FeedBack สักพักก่อน

แต่ถ้าไม่มีที่ชาร์จไฟบ้าน (เช่นอยู่ห้องเช่า คอนโด หรือเดินทางออกต่างจังหวัดบ่อย อยู่ไม่เป็นที่)
ผมว่าในเมืองรถ Eco Car (City 1.0 หรือ Almera 1.0) น่าจะใช่
ออกนอกเมือง วิ่งทางไกลบ่อย พวกรถ Hybride อย่าง Nissan Kick, Civic e:HEV หรือ Accord e:HEV ก็น่าจะดี

ถ้าไม่มีที่ชาร์จของตัวเอง ผมไม่เชียร์เท่าไร่เลย นอกจากใช้รถน้อยๆขาร์จ 2-3 สัปดาครั้งนึง
ผมไม่เคยลอง 1.0t แต่เคยใช้ Cr-v gถ 2.4 กับ 1.5t ตัว 1.5tออกตัวหนืดกว่า ถ้าเจอไฟแดงเยอะๆ หรือต้องจอดบนเนินรู้สึกเหนื่อยเลย กินน้ำมันก็ไม่ได้ต่างกับ 2.4 ในเส้นทางเดียวกัน
Kicks เองวิ่งทางไกล ก็เหมือนจะไม่ได้ประหยัด เพราะใช้มอเตอร์วิ่งล่วนๆ พอใช้ความเร็ว อาจต้องใช้ไฟเยอะเลยกลายเป็นไม่ได้ประหยัดอย่างที่คิด แต่เวลารถติดหนักๆคลานในเมือง จะประหยัดมาก เพราะแรงบิดมาเยอะใยรอบต่ำ ส่วน e:HEV ไม่มีข้อมูลครับ

[I-PULSE]

ปี้นี้คงมีรถไฟฟ้าจากจีนรุ่นใหม่ๆราคาราว 6-7 แสนเข้ามาเพิ่มอีกสักสองสามรุ่น ด้วยชาร์จ AC ที่บ้าน tou off peak คงตกที่ราวๆ
กม.ละ 60-70 สตางค์ ถ้าคนใช้รถแค่ในเมืองเป็นหลัก ผมมองว่ารถไฟฟ้าคุ้มกว่ารถน้ำมันชัดเจนครับ
ยิ่งถ้าใช้แบตเกลือมันอาจจะหนักแต่ถ้าเอาวิ่งได้ระยะสัก 220 โลต่อชาร์จ เน้นขายคนใช้รถในเมืองวิ่งไม่สั้นๆ อาจจะทำราคาได้ที่ 4 แสน
ไม่ต้องเน้นออฟชั่นอะไร

[U9WS]

BEV ที่แบตใหญ่พอวิ่งไปกลับกรุงเทพฯ​-พัทยา​-กรุงเทพฯ​ กลับมาชาร์จ​บ้านที่มีมิเตอร์​ TOU จะเสียค่าไฟไม่เกิน 150บาทครับ

ตอนใช้ดีเซลผมดีสุด 8-9ร้อย
ส่วนเบนซินที่บ้านเกิน 1,000บาทตลอด

อยากรู้เหมือนกันว่า Hybrid หรือ PHEV ใช้ค่าใช้จ่ายกันเท่าไหร่

[AKh]

ใช้ ehev el+ อยู่ครับ ขับเข้าเมืองรถติดๆ 15-20 km ใช้เวลาชั่วโมง - ชั่วโมงครึ่ง เร่งๆเบรคๆ ได้ประมาณ 18-20 กม./ลิตรครับ ถ้าเท้าเบาน่าจะได้เยอะกว่านี้อีกครับ

แต่ถ้าเอาไปเทียบกับรถไฟฟ้า เอาเฉพาะอัตราสิ้นเปลือง คงสู้รถไฟฟ้าไม่ได้ครับ ขับแบบเดียวกันคงใช้แค่ 0.15 หน่วย/กิโลเมตร ถูกกว่ากันครึ่งๆครับ

แต่ว่าต้องมองเปรียบเทียบในเรื่องอื่นด้วย ราคารถ ค่าซ่อมบำรุง ของเหลว ค่าเปลี่ยนแบต ประกัน ซึ่งต้องลองชั่งดูครับ ว่าอันไหนจะเหมาะกับการใช้งานของคุณมากกว่ากัน

[w_th]

ลองถามคนใช้ Civic ดูว่าได้21 กม/ลิตรหรือเปล่า? OK คนใช้รุ่นEHEVอาจจะยังมีไม่มากลองถามคนใช้ Accord Hybrid ก็ได้ เพราะเครื่อง 2.0เบนซิน+มอเตอร์ 184 แรงม้านี่มีตั้งแต่ G9แล้ว

ผมใช้ Accord G10 hybrid มาสี่หมื่นกิโล
เฉลี่ยทั้งสี่หมื่นกิโล ได้ 20.3 กม./ลิตร ครับ (ตจว.)

ดังนั้น 21 กม./ ลิตร สำหรับ Civic hybrid ในเงื่อนไขใกล้กัน น่าจะได้ครับ

คงสู้รถไฟฟ้าไม่ได้ แต่ถ้ามองว่าพร้อมเดินทางตลอดเวลาไม่ต้องวางแผน ไม่ต้องรอชาร์จ
น่าจะใช้รอรถไฟฟ้าในช่วงแรกได้อยู่ครับ

*ผมไม่แน่ใจว่าจะอัพรูปผ่านไหม
[img width= height= alt=UIvqTO.jpeg" border="0]https://sv1.img.in.th/UIvqTO.jpeg[/img]

[Fong]

ขอบคุณทุกความเห็นอีกครั้งครับ เป็นประโยชน์อย่างมาก

ทำให้ได้ทราบว่า e:HEV ของ Honda นี่ทำอัตราสิ้นเปลืองได้มากอย่างไม่ยากเย็นจริงๆ

เอาเข้าจริงผมก็สามารถทำ Wall AC Charger ที่บ้านได้ครับ

แต่ถ้าจะเอาแบบลงตัวและปลอดภัยจากความเสี่ยงไฟฟ้าลัดวงจร ก็ต้องจัดพื้นที่บ้านกันขนานใหญ่

เพราะถ้าจะให้ผมใช้สายชาร์จแบบเสียบปลั๊กที่มากับรถ ก็ยังกังวลเรื่องไฟไหม้ถ้าต้องชาร์จข้ามคืน

ขนาด iPhone เครื่องใหม่ ก็ยังไม่กล้าชาร์จข้ามคืน

เข้าใจว่าเกิดเหตุแบบนี้น้อยมากแบบแทบจะนับนิ้วได้ แต่ใจก็กังวลไปแล้ว ผมคงต้องทนใช้รถน้ำมันหรือ Hybrid ต่อไป

[-nu-]

เวลาคำนวนค่าใช้จ่าย
ต้องคิดด้วยว่า น้ำมัน มันมีทั้งภาษี ทั้งเงินเข้าสารพัดกองทุน แล้วก็กำไรของผู้ประกอบการ
ราคาน้ำมันที่กลั่นแล้วหน้าโรงกลั่นมันประมาณ ลิตรละ 20 บาทเท่านั้น

ส่วนการชาร์จไฟ ด้วยเรทค่าไฟปัจจบัน supply chain ของการชาร์จไฟ ขาดทุนนะครับ ไม่คุ้มกับการลงทุน
ลองดูเรทของผู้ประกอบการเอกชนครับ ต้องหน่วยละ 8-10 บาท ถึงทำธุรกิจได้ แล้วต้องเป็น AC ที่ลงทุนต่ำด้วยนะครับ


ดังนั้น ที่ค่าใช่จ่าย EV ถูกขนาดนี้  ต้องขอบคุณนโยบายรัฐเลยนะครับ
ขอบคุณ PTT  EGAT PEA ที่ควักเนื้อลงทุนสถานีชาร์จ
แล้วก็ต้องขอบคุณผู้เสียภาษีทุกท่าน ผู้ใช้น้ำมันทุกคน ที่เจ่ายเงินให้รัฐเอาอุดหนุน EV

[Fong]

เวลาคำนวนค่าใช้จ่าย
ต้องคิดด้วยว่า น้ำมัน มันมีทั้งภาษี ทั้งเงินเข้าสารพัดกองทุน แล้วก็กำไรของผู้ประกอบการ
ราคาน้ำมันที่กลั่นแล้วหน้าโรงกลั่นมันประมาณ ลิตรละ 20 บาทเท่านั้น

ส่วนการชาร์จไฟ ด้วยเรทค่าไฟปัจจบัน supply chain ของการชาร์จไฟ ขาดทุนนะครับ ไม่คุ้มกับการลงทุน
ลองดูเรทของผู้ประกอบการเอกชนครับ ต้องหน่วยละ 8-10 บาท ถึงทำธุรกิจได้ แล้วต้องเป็น AC ที่ลงทุนต่ำด้วยนะครับ


ดังนั้น ที่ค่าใช่จ่าย EV ถูกขนาดนี้  ต้องขอบคุณนโยบายรัฐเลยนะครับ
ขอบคุณ PTT  EGAT PEA ที่ควักเนื้อลงทุนสถานีชาร์จ
แล้วก็ต้องขอบคุณผู้เสียภาษีทุกท่าน ผู้ใช้น้ำมันทุกคน ที่เจ่ายเงินให้รัฐเอาอุดหนุน EV

น่าคิดครับ 

จริงๆก็อยากให้สะท้อนราคาจริงมาให้หมด แล้วผู้บริโภคก็จะปรับตัวเองตามครับ
ไม่งั้นเราก็จะหลอกตัวเองไปเรื่อยๆ

อย่างตอนนี้ E85 ก็แพงกว่า E20 ไปละครับ