ผู้เขียน หัวข้อ: // ราคาอย่างเป็นทางการ Ford Ranger RAPTOR ดีเซล 2.0 Bi-Turbo : 1,769,000 บาท //  (อ่าน 3591 ครั้ง)

ออฟไลน์ HLM

  • Administrator
  • Sr. Member
  • *****
  • กระทู้: 360
    • อีเมล์


ราคาอย่างเป็นทางการ Ford Ranger RAPTOR 2.0 Bi-Turbo 10AT 4×4 : 1,769,000 บาท
เครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร Bi-Turbo 210 แรงม้า 500 นิวตันเมตร เกียร์อัตโนมัติ 10 AT
ขับเคลื่อน 4 ล้อ

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่

https://www.headlightmag.com/2023-03-21-official-price-ford-ranger-raptor-diesel-bi-turbo/

ออฟไลน์ DiKiBoyZ

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 7,208
    • อีเมล์
มันก็ทำใจยากอยู่นะ ที่จะไม่มอง V6 แล้วมาจับ 2.0Bi เนี่ย เพราะยังไงซะ คนใช้กลุ่มนี้มันก็ชัดเจนอยู่แล้ว

แต่ผมลองมาทั้ง Raptor ตัวเก่าและตัวใหม่ ตอนปีนป่าน สายออฟโร้ด ผมชอบตัวเก่า 2.0Bi + Fox กระบอกฟ้า มากกว่า V6 + Fox Live Valve กระบอกส้มนะ

เครื่องดีเซล มันแรงบิดดี รอบต่ำ คลานๆ ดี และ โช้ค Fox กระบอกฟ้า มันได้ความแน่น แต่พอลอง V6 Fox Live Valve กระบอกส้ม เหมือนรถมันจูนมาสำหรับวิ่งทางเรียบ วิ่งเร็ว วิ่งทางดำมากกว่า

ออฟไลน์ Weetting

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,966
  • ช่วงล่าง+เครื่องยนต์
มันก็ทำใจยากอยู่นะ ที่จะไม่มอง V6 แล้วมาจับ 2.0Bi เนี่ย เพราะยังไงซะ คนใช้กลุ่มนี้มันก็ชัดเจนอยู่แล้ว

แต่ผมลองมาทั้ง Raptor ตัวเก่าและตัวใหม่ ตอนปีนป่าน สายออฟโร้ด ผมชอบตัวเก่า 2.0Bi + Fox กระบอกฟ้า มากกว่า V6 + Fox Live Valve กระบอกส้มนะ

เครื่องดีเซล มันแรงบิดดี รอบต่ำ คลานๆ ดี และ โช้ค Fox กระบอกฟ้า มันได้ความแน่น แต่พอลอง V6 Fox Live Valve กระบอกส้ม เหมือนรถมันจูนมาสำหรับวิ่งทางเรียบ วิ่งเร็ว วิ่งทางดำมากกว่า


คือผลจากการสำรวจมันมีไม่น้อยครับ  ที่อยากได้ Raptor แล้วใช้งานทุกวัน  ใช้งานในชีวิตประจำวัน 
พอมาจับกับเครื่อง ดีเซล   วิ่งเล่นในเมืองยังพอเห็น 8-11  โล/ลิตร ได้อยู่ครับ   
และคนที่ยังคิดว่า   เอา Raptor วิ่งไปต่างจังหวัด   ยังได้กิโลเมตรละ 3 บาท อยู่ 

แต่ตัว V6  วิ่งไป กรุงเทพ-พิษณุโลก ไป-กลับ  ค่าน้ำมัน 5,000 บาท  ครับ  ขนาดวิ่ง 110-120 

กับ เงื่อนไขเดียวกันแต่เป็น  2.0 Diesel ไปกลับ 2,500 บาท   ถ้าใช้งานบ่อยจริงๆ   มันก็เห็นความต่างอยู่ครับ 



เลยมองว่า ดีเซล ใช้จริงใช้บ่อยๆ      เบนซิน ของเล่นจริงๆ



THE Manual Gearbox Preservation Society
Drive diesel until last day

ออฟไลน์ Tedjung84

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 551
รู้สึกคิดถูกที่ออก v6 มา
ล่าสุดขับไป 2300 กิโล โดนค่าน้ำมันไป 10000 บาท
ส่วนตัวรับได้เลยครับ  :) :)

ออฟไลน์ Peet Sayumpoo

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,002
รู้สึกคิดถูกที่ออก v6 มา
ล่าสุดขับไป 2300 กิโล โดนค่าน้ำมันไป 10000 บาท
ส่วนตัวรับได้เลยครับ  :) :)

ผมเคยขับรถ Cefiro คันเก่า ตอนถังน้ำมันรั่ว น้ำมันซึมไหลลงพื้น แหมะๆ (รถอายุมากแล้ว สนิมกินถังน้ำมันผุ) ค่านำมันก็ยังไม่ขนาดนั้นเลยครับ  ::) (แซวๆ)
2,300 โล 10,000บาท นี่ถือว่าขับดีมากน่ะครับ ผมเห็นหลายคันที่เคยมาพูดให้ฟัง บอกขับ 500 โล ค่าน้ำมัน 3,000  ::)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 21, 2023, 15:45:58 โดย Peet Sayumpoo »

ออฟไลน์ นัดวิด

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 101
    • อีเมล์
รถแรงๆ อย่าไปคิดเรื่องน้ำมันครับ พอคิดแล้วจะขับไม่สนุก 😅

ออฟไลน์ apinui

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,940
    • อีเมล์
มันจะมีอะไรบอกไหมว่า ตัวไหนดีเซล หรือ เบนซินอะ ...

raptor นี่ยิ่งตกเป้นเป้าหมายวัยรุ่นสร้างตัวบนถนนอยู่นะ ถ้าโดน 1.9 สวนในรุ่นดีเซล  เดียวเป็นคลิปลงโซเชียลกันเพียบอะทีนี้

ออฟไลน์ Hadoken Shoryuken

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,281
มันจะมีอะไรบอกไหมว่า ตัวไหนดีเซล หรือ เบนซินอะ ...

raptor นี่ยิ่งตกเป้นเป้าหมายวัยรุ่นสร้างตัวบนถนนอยู่นะ ถ้าโดน 1.9 สวนในรุ่นดีเซล  เดียวเป็นคลิปลงโซเชียลกันเพียบอะทีนี้
รุ่นที่มีท่อออกคู่ = 3.0 V6
รุ่นที่ไม่มีท่อออกคู่ = 2.0 Bibo

ออฟไลน์ DiKiBoyZ

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 7,208
    • อีเมล์
มันก็ทำใจยากอยู่นะ ที่จะไม่มอง V6 แล้วมาจับ 2.0Bi เนี่ย เพราะยังไงซะ คนใช้กลุ่มนี้มันก็ชัดเจนอยู่แล้ว

แต่ผมลองมาทั้ง Raptor ตัวเก่าและตัวใหม่ ตอนปีนป่าน สายออฟโร้ด ผมชอบตัวเก่า 2.0Bi + Fox กระบอกฟ้า มากกว่า V6 + Fox Live Valve กระบอกส้มนะ

เครื่องดีเซล มันแรงบิดดี รอบต่ำ คลานๆ ดี และ โช้ค Fox กระบอกฟ้า มันได้ความแน่น แต่พอลอง V6 Fox Live Valve กระบอกส้ม เหมือนรถมันจูนมาสำหรับวิ่งทางเรียบ วิ่งเร็ว วิ่งทางดำมากกว่า


คือผลจากการสำรวจมันมีไม่น้อยครับ  ที่อยากได้ Raptor แล้วใช้งานทุกวัน  ใช้งานในชีวิตประจำวัน 
พอมาจับกับเครื่อง ดีเซล   วิ่งเล่นในเมืองยังพอเห็น 8-11  โล/ลิตร ได้อยู่ครับ   
และคนที่ยังคิดว่า   เอา Raptor วิ่งไปต่างจังหวัด   ยังได้กิโลเมตรละ 3 บาท อยู่ 

แต่ตัว V6  วิ่งไป กรุงเทพ-พิษณุโลก ไป-กลับ  ค่าน้ำมัน 5,000 บาท  ครับ  ขนาดวิ่ง 110-120 

กับ เงื่อนไขเดียวกันแต่เป็น  2.0 Diesel ไปกลับ 2,500 บาท   ถ้าใช้งานบ่อยจริงๆ   มันก็เห็นความต่างอยู่ครับ 



เลยมองว่า ดีเซล ใช้จริงใช้บ่อยๆ      เบนซิน ของเล่นจริงๆ

คือ มันก็ชัดเจนอยู่แล้วนะครับ

ผิดตั้งแต่แรก ว่ามันต้องประหยัดแล้วละครับ

V6 vs น้ำหนัก 2 ตัน vs ยาง AT นี่ยากมากที่เห็นความประหยัด ผมกดๆ กับเพื่อน น้ำมันลงเร็วมาก แต่มันก็คือ ความสนุก และ รสชาติ ในแบบของมัน (ไม่อยากนึกสภาพ V8 ใน F150 เลยนะ)

แต่สุดทางแล้ว กลับมองหาความประหยัด โดยเอา 2.0Bi กลับมา มันเลยดูแปลกๆ นั้นละ

เหมือนที่คนเรียกร้อง อยากได้ V6 ว๊าย กรี๊ด กันตอนแรก ก่อนเปิดตัว และ หลังเปิดตัว

แต่พอใช้งานจริง เหมือนเหงาๆ อยากได้ดีเซล เลยต้องคลอด ตัวนี้มา ผมเลยเอ๊ะ มันก็แปลกแต่จริง ไรงี้ครับ ไม่ได้อะไรหรอก

อย่างที่หลายคนบอกว่า อยากได้รถแรง ก็ต้องไม่สนใจเรื่องกินน้ำมัน เพราะคงเป็นของเล่น ของสะสม ของคนซื้อกระบะ 2 ล้าน ผมว่ามันก็จริง

ออฟไลน์ dht_tubes

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,641
    • อีเมล์
เรื่องบ่นอัตราการกินน้ำมัน เกิดขึ้นได้กับเจ้าของรถทุกระดับราคาครับ

มีส่วนน้อยที่เขาคิดเเต่ไม่บ่น และยิ่งมีน้อยมากๆที่ไม่คิดและไม่บ่นเลย

คนรวยๆแต่ละคน มีจุดเรื่องขี้เหนียวไม่เหมือนกัน อยู่ที่พื้นหลัง การดิ้นรนต่อสู้ชีวิตมาด้วย

สรุปคือเงินใครๆก้อเหนียวหล่ะครับ ว่ากันไม่ได้ แต่ที่ไม่ต่างกันคือ ทุกคนชอบแรง แต่ประหยัดได้ก็ดี 555

ออฟไลน์ Peet Sayumpoo

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,002
เห็นท่านบนๆพูดถึงประเด็นเรื่องอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันในรุ่น V6 กับที่ว่าทำไมถึงทำรุ่นดีเซลออกมา
แล้วที่ว่าคนรวยขับรุ่นนี้เค้าไม่บ่นกัน ผมว่าก็จริงครับ ถ้าคนขับรุ่นนี้เค้ารวยแบบรวยจริงๆ(ย้ำว่ารวยจริงๆ)ทุกคน...อย่าลืมน่ะครับ ว่ารถมันคันละแค่ 2ล้านกว่า
 แต่ซดน้ำมันดุอย่างกับรถ supercar คันละ 30-50ล้าน ที่เครื่อง 700-800แรงม้า... แต่ความเร็วคนละเรื่องกันเลย ตามเค้าเป็นทุ่ง (เรื่องกินน้ำมัน ดีไม่ดีแร๊พเตอร์จะกินกว่าเค้าด้วย) ถ้าถามว่า Raptor V6 แรงมั้ยเร็วมั้ย ก็ คือแรงม้าเครื่องอะ แรงครับ
แต่ด้วยหลักอากาศพลศาสตร์+ระบบขับเคลื่อน+น้ำหนัก+ล้อ ที่เป็นภาระเยอะ
ผมจับอัตราเร่ง 0-100 ก็พอๆกับ bmw 330 นะครับ ส่วนอัตราเร่งหลัง 100-187 ทำได้พอๆกับ civic turbo หรือ camry 2.5 นะครับ นี่ถ้า Raptor ปลดล๊อคให้วิ่งเกิน 187 แล้วดูอัตราเร่งหลังจากนั้นอีก เผลอๆแพ้เก๋ง2คันหลังด้วยมั้งครับ....ถ้าถามว่าเร็วแบบว้าวมั้ย ผมว่าก็เฉยๆครับ ไม่ได้หนีซีดานบ้านๆมากนัก
เมื่อเทียบกับอัตราสิ้นเปลืองที่ต้องจ่ายไป คือดูไม่คุ้มสำหรับคนที่ไม่ได้รวยจริงๆนะครับ
แล้วผมเชื่อว่าคนที่ซื้อรถคันละ 2 ล้านกว่า ก็คงไม่ได้รวยเหลือกินเหลือใช้กันทุกคน ซึ่งถ้าไม่ได้มีเงินเหลือๆแล้วเอารุ่น V6 มาใช้ประจำในชีวิตประจำวัน คือมันกระทบกับรายจ่ายมากๆแน่ๆครับ
เค้าก็เลยเอารุ่นดีเซลมาเป็นทางเลือกให้กับคนกลุ่มหลังนี้มังครับ ผมคิดว่า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 21, 2023, 21:31:13 โดย Peet Sayumpoo »

ออฟไลน์ เนื้อน่องไม่หนัง

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,720
รอบๆตัวผมมีคนคนรู้จักที่ซื้อ Raptop ทั้งเก่าและใหม่ 4 คน 4 คัน
เจนแรก สองคันเป็นเจ้าของสวนผลไม้
เจนสอง 2 คน ผมไม่รู้จัก แต่คนแรกในบ้านมี G400d จอด อีกหลังมี Taycan สรุปง่ายๆว่า เงินเหลือๆ ละกัน V6 ไม่ได้เป็นปัญหา

ออฟไลน์ MyName

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 8,143
  • I'm............................
กลุ่มลูกค้าที่ไม่แคร์น้ำมัน ยังมี และจัดเบนซินกันไปแล้วครับ

แต่ก็เข้าใจว่ายังมีกชุ่มที่ไม่ได้เน้นขับเอาหล่ออย่างเดียว อยากให้มันเป็นรถ daily use ได้ด้วย เครื่องนี้ก็จะตอบโจทย์

แต่จะติก็ตรงมีของหายนี่แหละ ราคานี้ควรได้อะไรมาเท่าๆ กันแล้ว My Mode , B&O นี่ควรจะยังอยู่จริงๆ
Cars
2022 - Nissan Almera 1.0 Turbo VL
2016 - Mazda 2 1.5XD High Plus L
2008 - Mitsubishi Space Wagon 2.4 GLS Ltd. !User'Review Click here!
1997 - Daihatsu Mira

Motorcycles
2023 - Vespa Sprint S 150 i
2012 - Yamaha Mio 125 GTX

ออฟไลน์ a@s

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 347
เห็นท่านบนๆพูดถึงประเด็นเรื่องอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันในรุ่น V6 กับที่ว่าทำไมถึงทำรุ่นดีเซลออกมา
แล้วที่ว่าคนรวยขับรุ่นนี้เค้าไม่บ่นกัน ผมว่าก็จริงครับ ถ้าคนขับรุ่นนี้เค้ารวยแบบรวยจริงๆ(ย้ำว่ารวยจริงๆ)ทุกคน...อย่าลืมน่ะครับ ว่ารถมันคันละแค่ 2ล้านกว่า
 แต่ซดน้ำมันดุอย่างกับรถ supercar คันละ 30-50ล้าน ที่เครื่อง 700-800แรงม้า... แต่ความเร็วคนละเรื่องกันเลย ตามเค้าเป็นทุ่ง (เรื่องกินน้ำมัน ดีไม่ดีแร๊พเตอร์จะกินกว่าเค้าด้วย) ถ้าถามว่า Raptor V6 แรงมั้ยเร็วมั้ย ก็ คือแรงม้าเครื่องอะ แรงครับ
แต่ด้วยหลักอากาศพลศาสตร์+ระบบขับเคลื่อน+น้ำหนัก+ล้อ ที่เป็นภาระเยอะ
ผมจับอัตราเร่ง 0-100 ก็พอๆกับ bmw 330 นะครับ ส่วนอัตราเร่งหลัง 100-187 ทำได้พอๆกับ civic turbo หรือ camry 2.5 นะครับ นี่ถ้า Raptor ปลดล๊อคให้วิ่งเกิน 187 แล้วดูอัตราเร่งหลังจากนั้นอีก เผลอๆแพ้เก๋ง2คันหลังด้วยมั้งครับ....ถ้าถามว่าเร็วแบบว้าวมั้ย ผมว่าก็เฉยๆครับ ไม่ได้หนีซีดานบ้านๆมากนัก
เมื่อเทียบกับอัตราสิ้นเปลืองที่ต้องจ่ายไป คือดูไม่คุ้มสำหรับคนที่ไม่ได้รวยจริงๆนะครับ
แล้วผมเชื่อว่าคนที่ซื้อรถคันละ 2 ล้านกว่า ก็คงไม่ได้รวยเหลือกินเหลือใช้กันทุกคน ซึ่งถ้าไม่ได้มีเงินเหลือๆแล้วเอารุ่น V6 มาใช้ประจำในชีวิตประจำวัน คือมันกระทบกับรายจ่ายมากๆแน่ๆครับ
เค้าก็เลยเอารุ่นดีเซลมาเป็นทางเลือกให้กับคนกลุ่มหลังนี้มังครับ ผมคิดว่า

เทียบกับซีดาน เทอร์โบ ก็ไม่ถูกเสมอไปนะครับ แร๊พเตอร์ไม่ใช่รถสิงห์ทางเรียบอยู่แล้ว

ออฟไลน์ SM.

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 27,407
ต่างกัน แสนห้า กับตัวเบนซิน ถ้าไม่ติดที่การกินน้ำมัน และทำให้ต้องหาที่เติมบ่อยๆ ผมว่า เบนซิน น่าสนใจมาก

ออฟไลน์ max-ns

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 124
    • อีเมล์
Ford Thailand คงปวดหัวกับลูกค้าชาวไทยน่าดู I ทำรถมาขายให้กับ You ตั้ง 2 รุ่น  โน้นก็ไม่ดีนี่ก็ไม่เอา

ออฟไลน์ Trafalgar

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 821
เป็นทางเลือกที่ประหยัดลงมาบ้าง
- 1994 Toyota Corolla AE101 1.6 4A-FE MT
- 1995 Honda Civic EG 1.5 D15Z7 MT
- 1996 Mitsubishi Lancer Evolution IV 2.0 4G63T MT
- 2005 Toyota Hilux Vigo Cab 2.5G 2KD-FTV MT
- 2005 Toyota Fortuner 3.0V 1KD-FTV AT
- 2005 Toyota Fortuner 3.0G 1KD-FTV MT
- 2013 Honda City 1.5 L15A7 AT