ผู้เขียน หัวข้อ: รถสันดาปภายในบางประเภทรถ ยังมีค่าใช้จ่ายโดยรวมต่ำกว่ารถมีแบตบางรูปแบบ  (อ่าน 2064 ครั้ง)

ออฟไลน์ nobody123

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 139
จากเดิม ผมเคยค้นข้อมูล Consumer Reports ของสหรัฐ แล้วพบว่า
"ค่าบำรุงรักษา PHEV < BEV นิด ๆ = ICE/2"
โดยองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรนี้ สำรวจรถหลายแสนคัน ว่าวิ่งไป 320,000 กม.แล้ว มีค่าบำรุงรักษาเท่าใด
แต่ตอนนั้นรถ BEV ส่วนใหญ่ที่สำรวจเป็น Tesla และ Nissan นะครับ
นอกจากนี้ จากการสำรวจพบว่า ที่ผ่านมา BEV จะมีค่าใช้จ่ายในการครอบครองเท่ากับ PHEV
ทำไม? น่าจะเพราะ PHEV สองระบบช่วยกันขับ แต่ละระบบไม่เสียนัก ครับ

วันนี้ มีข้อมูลที่ละเอียดกว่า Consumer Reports โดยผมมา Argonne Lab กระทรวงพลังงานสหรัฐครับ
ที่นี่ เป็นแห่งเดียวในโลกที่มีระบบตรวจสอบแบตเตอรีครอบคลุมที่สุด รถหลายเจ้าก็จ้างที่นี่วิเคราะห์ เป็นต้น
ไม่ต้องพูดถึงนิวเคลียร์ หรือ โปรตอน เลย ตอนนี้ผมนั่งพิมพ์อยู่ข้าง ๆ อาคารที่ปล่อยอนุภาควิ่งรอบท่อในอาคารอยู่ ระยะวิ่งของอิเล็กตรอนที่ปล่อยวิ่งไปเรื่อย ๆ ในนี้ มากกว่าไป-กลับดาวพลูโต ครับ
เพื่ออะไร? มีนักวิจัยใกล้ตัวในนี้เล่าให้ฟังว่า ระบบนิวเคลียร์เรือดำน้ำกองทัพสหรัฐ ที่นี่ก็ร่วมออกแบบ เป็นต้น ครับ
 
Argonne ชี้คล้าย Consumer Reports ว่า ค่าบำรุงรักษา BEV น้อยกว่า ICE 40%
 
อย่างไรก็ตาม Argonne สำรวจละเอียดลงไปอีก ว่า รถแต่ละรูปแบบการใช้งาน และ รูปแบบการขับเคลื่อน จะมีความคุ้มค่า ที่ต่างกันอย่างใด และ ในอนาคตแต่ละปี หากซื้อรถประเภทใดค่าใช้จ่ายน้อย-มาก

การประมาณพื้นฐานจะดูที่ปี 2025 ครับ แต่ก็สามารถดูปีอื่น ๆ ได้ด้วย
โดยในปี 2025 รวมหลายประเภทรถ Argonne พบว่าคนซื้อ Hybrid จะมีค่าใช้จ่ายต่ำสุด
ส่วน BEV ที่ปีดังกล่าว พบว่า ต้องรูปแบบรถประมาณ รถบรรทุกประเภทที่สี่ของสหรัฐ BEV ถึงจะมีค่าใช้จ่ายต่ำสุด
นอกจากนี้ ในปีดังกล่าว หากจะซื้อ SUV ขนาดเล็กแล้ว พบว่า Hybrid มีค่าใช้จ่ายโดยรวมต่ำสุด ตามมาด้วย ICE ครับ

ส่วนในอนาคตอันไกล อย่างสิบปีถัดไป กล่าวคือ ค.ศ. 2035 นั้น จะพบว่า BEV หัวรถบรรทุกแบบ Optimus Prime ซึ่งตอนนี้ถ้าซื้อ BEV แพงมาก จะกลายเป็นอีกทศวรรษซื้อแบบ BEV แล้วค่าใช้จ่ายน้อยสุด

https://www.anl.gov/article/argonne-study-on-costs-and-benefits-of-new-transportation-technologies-the-most-comprehensive-to?fbclid=IwAR2y8mvedEK7rneuneJyYr2leZ5OZr9KbGQ8sVvIYYIzKITT5RNCDkI5uAA
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 26, 2023, 08:50:48 โดย nobody123 »

ออฟไลน์ oryor

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 653
พอเอาเป็นแนวทางได้ แต่ถ้าจะเทียบตรงๆกับที่ไทย ผมว่าปัจจัยบางอย่างมันไม่เหมือนกันครับ
เช่น ราคารถ ค่าแรง ค่าอะไหล่ ค่าภาษี ค่าเชื้อเพลิง ระยะเวลาการรับประกัน สภาพภูมิประเทศ

บทความนี้คือเมื่อ 2 ปี ที่แล้ว
ปัจจุบัน คชจ ต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลง ทำให้ผลที่ได้จากการคำนวนเมื่อ 2 ปีที่แล้วเปลี่ยนแปลงไปก็ได้ครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 26, 2023, 09:00:10 โดย oryor »

ออฟไลน์ axister

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,173
bev ผมว่าแบตมันยังไม่นิ่ง คงผันผวนอีกเยอะเลยครับ

แต่ hybrid / phev ก็คิดตามราคาแบตจิ๋วๆ กับเครื่อง ICE ผมกลับมองว่า phev แอบเซอวิสเยอะกว่าจากที่ใช้ 6หมื่นโลเท่าๆ ดีเซลแหะ อาจจะเพราะ bsi cover พวกค่าของเหลวด้วย จะไปเทียบอีกคันเป็น hybrid ของ lexus ก็เป็นเจ้าที่ขึ้นชื่อเรื่อง reliablity เลยทำให้เทียบกันลำบาก

bev ที่คนไม่เอามาคิดเรื่องแบตเสื่อมมากเสื่อมน้อย (ซึ่งหลายๆคนขับกัน 1-2 แสน ก็เสื่อมแค่10% นะ) แต่มันเป็นอะไรที่กู้คืนไม่ได้นิสิ แถมอนาคตถ้าแบตเจนใหม่มาแล้ว แบตเก่าจะทำยังไง ถ้าเป็นแบบ lexus เลยรุ่นใหม่เอา lithium ใช้แทน hydride แล้ว แต่รุ่นที่ใช้ hydride ก็เปลี่ยนไม่ได้ เพราะประจุไม่เท่ากัน ซึ่งตรงนี้คนไม่ได้เอามาคิด เลยทำให้ดูบำรุงรักษาถูกม้ากกก

ถ้าเอามาคิดรวม ยังไงก็ถูกกว่า phev/ice แหละ แต่มากน้อยแค่ไหนนะ กว่าจะถึงวันที่เปลี่ยนแบตคนส่วนใหญ่คงเปลี่ยนรถแล้ว แต่ตลาดมือสองจะไปรูปแบบไหนนิสิ

ออฟไลน์ solo

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 511
    • อีเมล์
https://today.line.me/th/v2/article/LXD25l0
อย่าเอา research ของอเมริกามาเลย ดูตามสภาพแวดล้อมไทยๆดีกว่า

ออฟไลน์ IS2000

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,183
    • อีเมล์
อเมริกาน่าจะรวมราคาขายต่อไปด้วยครับซึ่งหลังๆมานี่รถ ICE กับ hybrid ราคาขายต่อดีมากๆ
1 3 5
├┼┼╕
2 4 6 R

ออฟไลน์ เต๋า AV

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,390
อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ทุกชนิดบนโลก ล้วนแต่ต้องวัดดวงเท่านั้น
คนได้ตัวที่ stable ก็ดีไป
คนได้ของมีตำหนิ ซ่อมจนท้อ

ค่าใช้จ่ายอย่ามองแค่สิ่งที่คุณจ่าย
เขาไม่ได้ผลิตมาตัวเดียวตามที่คุณสั่ง
ผลิตมาเป็นร้อย เป็นพัน กว่าจะคัดตัวที่มีตำหนิน้อยที่สุด ส่งมาให้คุณ

ออฟไลน์ apinui

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,896
    • อีเมล์
"Reports ของสหรัฐ"

ผมว่า Report นี้น่าจะเอาเสนอให้คนอเมริกาดีกว่านะครับ ประเทศเค้าเองคนใช้ EV หรือ ไฮบริจ กี่เปอร์เซนท์ของจำนวนรถยนต์ทั้งหมดในประเทศ

ที่ทราบมาน้อยนิดมากเลยนะครับ อยากดัน EV ดัน ไฮบริจ เรื่มที่ประเทศตัวเองก่อนเลย สำเร็จแล้วค่อยมาบอกต่อนะ

ออฟไลน์ nobody123

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 139
ครับ สถานการณ์ไทยน่าสนใจ ลิงค์ Line ที่ความเห็นด้านบนแปะมา อันนี้ เจ้าของรถที่ไปแอบชาร์จน่าบอกก่อนหรือจะจ่ายเงินค่าชาร์จไฟฟ้าให้เจ้าของร้านเขา ไม่ถูกแจ้งความกลายเป็นเรื่องอีก แหมจริง ๆ นะเนี่ยบ้านเรา ถ้อยทีถ้อยอาศัยเกิน

ก่อนโพสต์ ผู้เขียนได้วิเคราะห์รายงานประเทศอื่นด้วย ตั้งแต่สหรัฐ มายุโรป ลงเอเชียใต้ ยันเอเชียตะวันออก
ขับจริง ทั้ง BEV / HEV / ICE / PHEV อย่างน้อยคันละหนึ่งสัปดาห์ รู้ค่าเชื้อเพลิง (/ ไฟฟ้า) ของรถดังกล่าว ชัด
แล้วคัดเอาเฉพาะข้อมูลสหรัฐ ซึ่งเป็นประเทศที่สามารถเทียบค่าไฟฟ้า / น้ำมัน กับไทยได้ เพราะค่าใช้จ่ายต่อหน่วยพอกัน
อย่างยุโรปบางประเทศ ค่าไฟสองเท่าบ้านเรา ค่าน้ำมันสามเท่าบ้านเรา อย่างนี้เทียบไม่ได้ ส่วนนึงเพราะสถานการณ์ยูเครน
ดังนั้น ผล Consumer Reports / Argonne Lab เป็นไม่กี่รายงานที่อนุโลมได้กับบ้านเราโดยไม่ต้องแปลงตัวเลข ครับ

ส่วน Trend จำนวนรถ EV ทุกประเภทรวมกัน ปีนี้ยอดจำหน่ายในหลายประเทศฝั่งตะวันตก จะมากกว่า ICE แล้วครับ
ดังนั้นที่ว่ายอด EV น้อยนิด เผลอไปดูยอดรวมรถที่มีหมดบนถนนตั้งแต่อดีตมังครับ
บางประเทศ ยอดจำหน่าย EV ใหม่มากกว่ามานานแล้ว เช่น Finland
ประเทศเขา ใช้ Renewable energy เยอะ เหมาะกับ BEV
Finland ตอนนี้ ไม่ต้องนับ HEV กับ PHEV เลย ยอดจำหน่าย BEV เกิน 50% รถใหม่ทั้งหมดแล้วครับ

ต่อข้อถามเรื่องบ้านเรา ผมขอยกตัวอย่างจากประสบการณ์ตรงเลยครับ
จากที่ได้รับเชิญไปพูดที่ญี่ปุ่นมา ในฐานะ Invited speaker ถ่ายทอดไปยัง KOSEN (ปวช./ปวส.) 55 วิทยาเขต
เป็นคนไทยคนเดียวนอก KOSEN ที่ได้รับเชิญให้ไปพูด ซึ่งจากหัวข้อที่พูด ถูกถามแม้กระทั่งเรื่อง "คุณคิดอย่างไรกับสถานการณ์รถไฟฟ้าในญี่ปุ่น"
ใน Session นึงของการสัมมนาดังกล่าว มีการวิเคราะห์ว่า ทำไม BEV เจาะตลาดญี่ปุ่นไม่ได้
กล่าวคือ นักศึกษาญี่ปุ่นทำการวิจัยโดยใช้ข้อมูลหลายประเทศ แล้วพล็อต Correlation
จากจำนวน*หลายปัจจัย*ที่สงสัยกันว่า อะไรทำให้ BEV เกิด มีเพียง**สองปัจจัย**ที่สอดคล้องกับหลายประเทศ
1. สถานีชาร์จต้องเพียงพอ
2. รัฐบาลต้องสนับสนุนส่วนหนึ่งของราคารถ
แค่นี้แหละครับ

นอกจากนี้ สำหรับบ้านเรา เห็นหลายฝ่ายดัน BEV กัน จริง ๆ ถ้าดู Grid บ้านเราที่ใช้ Renewable energy น้อย คนที่เคยคำนวณคร่าว ๆ แล้ว ว่า CO2 บ้านเราออกมาเชิงเปรียบเทียบแค่ไหน จะพบว่า เราใช้ฉลาก CO2 ของฝั่งตะวันตกไม่ได้
อันนี้ถ้าใครมองเฉพาะจุด CO2 นี้ จขกท.ก็เห็นด้วยนะครับว่า ไม่ควรใช้รายงานประเทศอื่น
ถึงใช้ตัวเลขการปล่อย CO2 เฉลี่ย Grid ในโลก ซึ่งรถหลายเจ้าก็ระบุตัวเลขนี้ เป็นตัวเลขที่สอง (ต้องดูเว็บ หน้าร้านไม่บอก) ก็ยังไม่ได้

ประเทศไทยที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นหลักไปอีกพักใหญ่มาก ตามแผนไม่ว่ารัฐบาลไหนก่อนหน้า (บางรัฐบาลก่อนหน้าจะกลับไปใช้ถ่านหินในอนาคตนะ เอาสิ)
"เราควรดัน P(H)EV มากกว่า BEV เหมือนประเทศใช้ถ่านหินเป็นหลัก หรือไม่?"
ทั้งนี้ ประเทศที่ใช้ถ่านหินเป็นหลัก Carbon footprint ของ BEV มากกว่าประเทศที่ใช้ Renewable อย่างมาก กล่าวคือ Carbon footprint BEV พอ ๆ กับ ICE ส่วนรถยนต์ไฮบริดกลับมี Carbon footprint ต่ำกว่า

ปล. Cost น่าจะหมายถึงค่าใช้จ่ายในการครอบครองรถ (Ownership) cost ซึ่งไม่รวมราคาขายต่อครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 26, 2023, 22:30:33 โดย nobody123 »

ออฟไลน์ apinui

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,896
    • อีเมล์
ชวนพูดคุยนะครับ

การที่เอา Finland มาเทียบกับไทย ถ้านับเป็นเปอร์เซนท์ก็อาจเยอะตามคุณว่า แต่ Finland มีประชากรทั้งประเทศ 5 ล้านคน มันน้อยกว่าคนใน กทม ด้วยซ้ำครับ

ดังนั้่น ก่อนจะเอาตรงนั้นมาเปรียบเทียบ มันต้องดูปริมาณประชากรด้วย และถ้ายิ่งวัดจำนวนรถยนต์ในประเทศ ผมเชื่อว่า รถยนต์ที่จดทะเบียนในจังหวัดเล็กๆของไทย ยังมากกว่ารถที่วิ่งใน FINLAND ทั้งประเทศด้วยซ้ำมั้ง และถ้านับรถ EV ที่วิ่งในไทยตอนนี้ ผมว่า มันอาจจะเท่า Finland ทั้งประเทศแล้วก็ได้  ยอดขายรถ EV ในไทยปี 2022 18,000 คัน และคาดการปี 2023 35,000 คัน รวม 2 ปี ก็ครึ่งแสนคันแล้ว

เข้าใจว่า พยายามจะชี้นำ รณรงค์ให้คนใช้รถไฟฟ้ากันมากๆ ซึ่งตรงนี้ก็ไม่ได้คัดค้าน ถือเป็นเรื่องดี แต่การที่เชื่ออะไรจากข้อมุลบางอย่าง มันใช้ไม่ได้กับชีวิตจริง เช่นประเด็นของราคาขายต่อ เพราะเมื่อนำประเด็นนี้มาพ่วงด้วย รถไฟฟ้า แพ้รถ ICE หลุดลุ่ยเลย

ส่วน *ปัจจัย*ที่บอกว่าอะไรทำให้ BEV เกิด มีเพียง**สองปัจจัย**ที่สอดคล้องกับหลายประเทศ
1. สถานีชาร์จต้องเพียงพอ
2. รัฐบาลต้องสนับสนุนส่วนหนึ่งของราคารถ

คำถามคือ ทำไมคำตอบข้อ 2 ถึงเป็นเช่นนั้น ทำไมคนจะซื้อรถไฟฟ้า ถึงต้องให้รัฐฯสนับสนุน ถ้า"มันดีกว่าทุกๆอย่าง"ตามข้อมูลที่ว่ามา

คำตอบมันชัดแล้วว่า ใช่ รถไฟฟ้ามันดีตามข้อมุลที่คุณรวมมา แต่ในโลกจริงมันมีปัจจัยอื่น และนั่นคือปัจจัยที่คุณไม่ได้นำมาคำนวน และข้อ 2 นั่นคือคำตอบแหละว่า เค้าไม่มั่นใจ ถึงขนาดที่ "ถ้ารัฐไม่อุดหนุน" ฉันก็ไม่ใช้

ทำไมถึงเป็นเช่นนั่นล่ะ .... 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 26, 2023, 12:15:48 โดย apinui »

ออฟไลน์ nobody123

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 139
ต่อข้อถามคุณภาพซามูไร

อย่างแรกเลย ช่วงนี้ ผมไม่ได้จะผลักดันอะไรครับ
ผมเขียนโพสต์นี้เพราะเดินผ่านป้ายหน้าห้องออกกำลังกาย Argonne แล้วเห็นข้อมูลใหม่
แล้ววันนี้ออกไม่ได้ เพราะไม่มีคนเปิดห้องให้* เลยว่าง มาเขียนกระทู้แทน
*จะเล่น Fitness ที่นี่ได้ ต้องผ่านการทดสอบก่อน ไม่งั้นต้องอาศัยคนในห้องแอบเปิดให้

ไม่ใช่เฉพาะ Finland ซึ่งผมยกตัวอย่างว่าใช้ BEV เยอะสุด
ยุโรป โดยรวม ปีนี้ ยอด EV ทุกประเภทรวมกัน มีลุ้นจะมากกว่า ICE
จำนวนไม่น้อยหรอกครับ อย่างรถปลั๊กอิน คนยุโรปก็ถอยกัน ปีละเป็นล้านคัน
ธันวาคมปีที่แล้ว เดือนเดียว รถปลั๊กอินจดทะเบียนไป 4xx,xxx คัน

แปลกใจ ผมคุยที่อื่นมีแต่คนเชียร์รถไฟฟ้า
แสดงว่าบางคนในบอร์ดนี้รักสันดาปภายในจริงจัง
ผมเองก็รักรถยุค Y2K ผมจริงจัง กะเก็บ ไม่ขายต่อ

ฺBEV จะดี แล้วแต่อัตราส่วนการใช้ Renewable energy ของแต่ละประเทศ เป็นต้นครับ
ถ้าใช้ Renewable เยอะ มันจะปล่อย Carbon footprint น้อยกว่า ICE
แต่ข้อเสียนึงที่เห็นได้จากกลุ่มเฟซรถไฟฟ้า คือ สถานที่ / ระยะเวลา สำหรับการชาร์จ
ดังนั้น การจะยอมให้คนซื้อของราคาพอ ๆ กันแต่ลำบากเรื่องการใช้กว่า ก็ย่อมต้องมีปัจจัยหนุน

ถ้าจะเชียร์ในไทย ช่วงนี้ ผมกลับเชียร์ (P)HEV โดยผมคำนวณคร่าว ๆ เชิงเปรียบเทียบกับประเทศอื่น ว่าปล่อย Carbon footprint น้อย + ใช้สะดวก

ก่อนท่านจะตัดสินวรรคก่อนหน้า ว่าถูกหรือผิด รอดูแผนพลังงานนายกคนใหม่ก่อนครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 26, 2023, 22:32:01 โดย nobody123 »

ออฟไลน์ PC CK

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,001
ชวนพูดคุยนะครับ

การที่เอา Finland มาเทียบกับไทย ถ้านับเป็นเปอร์เซนท์ก็อาจเยอะตามคุณว่า แต่ Finland มีประชากรทั้งประเทศ 5 ล้านคน มันน้อยกว่าคนใน กทม ด้วยซ้ำครับ

ดังนั้่น ก่อนจะเอาตรงนั้นมาเปรียบเทียบ มันต้องดูปริมาณประชากรด้วย และถ้ายิ่งวัดจำนวนรถยนต์ในประเทศ ผมเชื่อว่า รถยนต์ที่จดทะเบียนในจังหวัดเล็กๆของไทย ยังมากกว่ารถที่วิ่งใน FINLAND ทั้งประเทศด้วยซ้ำมั้ง และถ้านับรถ EV ที่วิ่งในไทยตอนนี้ ผมว่า มันอาจจะเท่า Finland ทั้งประเทศแล้วก็ได้  ยอดขายรถ EV ในไทยปี 2022 18,000 คัน และคาดการปี 2023 35,000 คัน รวม 2 ปี ก็ครึ่งแสนคันแล้ว

เข้าใจว่า พยายามจะชี้นำ รณรงค์ให้คนใช้รถไฟฟ้ากันมากๆ ซึ่งตรงนี้ก็ไม่ได้คัดค้าน ถือเป็นเรื่องดี แต่การที่เชื่ออะไรจากข้อมุลบางอย่าง มันใช้ไม่ได้กับชีวิตจริง เช่นประเด็นของราคาขายต่อ เพราะเมื่อนำประเด็นนี้มาพ่วงด้วย รถไฟฟ้า แพ้รถ ICE หลุดลุ่ยเลย

ส่วน *ปัจจัย*ที่บอกว่าอะไรทำให้ BEV เกิด มีเพียง**สองปัจจัย**ที่สอดคล้องกับหลายประเทศ
1. สถานีชาร์จต้องเพียงพอ
2. รัฐบาลต้องสนับสนุนส่วนหนึ่งของราคารถ

คำถามคือ ทำไมคำตอบข้อ 2 ถึงเป็นเช่นนั้น ทำไมคนจะซื้อรถไฟฟ้า ถึงต้องให้รัฐฯสนับสนุน ถ้า"มันดีกว่าทุกๆอย่าง"ตามข้อมูลที่ว่ามา

คำตอบมันชัดแล้วว่า ใช่ รถไฟฟ้ามันดีตามข้อมุลที่คุณรวมมา แต่ในโลกจริงมันมีปัจจัยอื่น และนั่นคือปัจจัยที่คุณไม่ได้นำมาคำนวน และข้อ 2 นั่นคือคำตอบแหละว่า เค้าไม่มั่นใจ ถึงขนาดที่ "ถ้ารัฐไม่อุดหนุน" ฉันก็ไม่ใช้

ทำไมถึงเป็นเช่นนั่นล่ะ ....
เห็นด้วยครับ ถ้ามันดีจริง มันต้องปังด้วยตัวมันเอง ในเงื่อนไขที่เท่าเทียมกัน
 อันนี้จะให้รัฐอุ้มถึงจะซื้อ? เหอะๆ
ทุกวันนี้ผมขอphevไปก่อนครับ
BEVเวลาวิ่งต่างจังหวัดหลายๆคัน เห็นแล้วปวดหัว ยิ่งช่วงเทศกาล ใครพร้อม พร้อมไป
เวลาที่เสียไปทำอะไรได้อีกเยอะครับ

ออฟไลน์ nobody123

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 139
เอ่อ BEV หรือ PHEV ประเทศต่าง ๆ ที่ใช้ EV กันเยอะ รัฐเขาก็อุ้มซื้อกันทั้งนั้นแหละ มันถึงเกิดการใช้เยอะ
เพราะเขาลด Carbon footprint ใน Grid เขาที่สะอาด อันนี้คือพูดโลกสวย
พูดโลกจริงอีกแง่ คือ เขาลดการนำเข้าน้ำมัน แล้วผลักดันให้เกิด Infrastructure ในระยะยาวให้สอดคล้องกับนโยบายพลังงานเขาที่วางแผนเปลี่ยนแหล่งผลิตไฟฟ้าเป็นต้น

ส่วนในไทย ผมพูดคุยกับหัวหน้าวิศวกรบริษัทผลิตไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุด B.Grimm
พบว่า เจ้าที่ตั้งสถานีชาร์จในเมืองไทย ไม่ค่อยกำไรเท่าไหร่นะ

กลับมา เรื่องจำนวนรัฐที่อุ้มซื้อ BEV จะมากกว่าจำนวนรัฐที่อุ้มซื้อ PHEV นิดนึง ในจำนวนเงินมากน้อยต่างกัน ในรูปแบบต่างกัน
บางประเทศให้ Incentive รถสองแบบเท่ากันเลย เช่น เกาหลีใต้ แคนาดา สหรัฐ
ส่วนประเทศอื่น จะให้ Incentive รถที่อัดประจุได้อย่างเดียว เติมน้ำมันไม่ได้ (ลำบากกว่า) มากกว่า
โดยอาจลดราคาหน้าศูนย์เลย หรือ ให้เป็นส่วนลดภาษี
หลายประเทศในยุโรป ให้ส่วนลด BEV มากกว่า PHEV เยอะ Trend ทางนั้นคือ BEV ยอดขายขึ้น PHEV ยอดขายตก
อันนี้ จะเห็นได้ว่า Trend ขึ้นกับ Incentive ด้วย สอดคล้องกับงานวิจัยเด็กปวช./ปวส.ของญี่ปุ่นดังกล่าว
ส่วนประเทศที่เขาทำให้เกิด Infrastructure แล้ว เขาก็หยุดอุ้ม เช่น เบลเยี่ยม

PHEV ส่วนตัวใช้อยู่ พึ่งมาเห็นชุมชนนี้แหละร่วมเชียร์ แสดงว่าคนขับรถจริง สมกับเป็น Headlightmag
แสดงให้เห็นว่า หลายคนรู้ว่า PHEV ดีจริง

ชุมชนอื่น คนเชียร์ BEV กันเยอะแยะนะ ส่วนใหญ่วัยละอ่อน
ถ้าไม่คำนวณ เป็นผมวัยละอ่อน ผมก็อยากซื้อ BEV นะ ตอนนี้ไม่แพง เหมือนจะลด Carbon footprint
แต่ผมเป็นวิศวกรไฟฟ้า คำนวณปุ๊บก็รู้ว่า . . .

ส่วนตัวคำนวณท้้งก่อนซื้อ และ หลังซื้อ พบว่า ในไทย PHEV ดีกว่า เฉพาะการซื้อจนถึงปลายทศวรรษนี้
หลังจากนั้น ควรซื้อ BEV
เพราะอะไร?
1. PHEV สะดวก
2. รถที่แรงเท่ากัน ยี่ห้อเดียวกัน ตอนเปลี่ยนแบต Cost ต่างกันประมาณเท่าตัว
3. PHEV ขับคุ้มค่าเปลี่ยนแบตได้เร็วกว่า ส่วน BEV ขับปีไม่ถึง 30,00 กม. ไม่คุ้มค่าเปลี่ยนแบตปีที่สิบกว่า (ขับรถน้ำมัน เสียค่าเชื้อเพลิง น้อยกว่า ค่าไฟฟ้ารวมค่าตัวเก็บประจุของรถไฟฟ้า)
4. PHEV ตอนแบตเสื่อม เคยคุยกับคนในชุมชนรถไฟฟ้ากว่าหมื่นคน คิดกันถึงไม่ต้องเปลี่ยนแบตถ้าแบตตอนนั้นแพง ขับต่อเป็นรถสันดาปภายในได้ อันนี้คงต้องรถมีส่วน ICE แรง ๆ ถึงน่าทำอย่างนี้
5. Carbon footprint ใน Grid ประมาณไทย หรือ ในต่างประเทศกรณีขับไม่ไกลมาก Carbon footprint ของ PHEV บางรุ่นน้อยกว่า BEV นะ
เห็นมาจากทั้งฉลากที่ผู้ผลิตติดเอง หรือ ถ้าวิ่งระยะเกินฉลาก ก็ได้คำนวณเทียบ Grid ระหว่างประเทศแล้ว
ถึงขับไกล ในไทย เผลอ ๆ Carbon footprint PHEV ยังน้อยกว่าถ้าขับเร็วนะ คนใช้จริงคงเข้าใจว่าผมพูดถึงว่า ความเร็วสูง BEV มันกินแบตเยอะขึ้นเกือบเท่าตัว ส่วน PHEV มันตัดเข้าโหมดสลับใช้สองแหล่งขับเคลื่อน ประหยัดเท่า HEV
อย่างในอินเดีย ที่ Grid ใช้ถ่านหินเยอะ พบว่า HEV มี Carbon footprint น้อยกว่า BEV หรือ ICE
6. จากกระทู้ตั้งต้นและข้อ 5. มีความเป็นไปได้ที่ (P)HEV ในไทยจะประหยัดเงินค่าพลังงาน+ค่าแบต กว่าด้วย ไม่ว่าขับน้อย (อันนี้ BEV ไม่คุ้มอยู่แล้ว) หรือ ขับมากก็ตาม (อันนี้ PHEV หรู ถ้าขับปีละ 30,000 กม. เอาค่าประหยัดน้ำมันมาจ่ายเป็นค่าบำรุงรักษาฟรีเลย ผมคำนวณแล้ว เหมือนซื้อรถขาด*)
* BEV เหมือนซื้อขาด ไม่ขาดหรอก ค่าบำรุงรักษาไม่รวมค่าแบตครึ่งนึงของ ICE ก็จริง รวมค่าแบตปุ๊บ อ่วม
7. ประมาณ 2050 น้ำมันหมดโลก พอดีรถที่ซื้อปลายทศวรรษนี้หมดสภาพ
8. หลังปี 2030 ยังไงก็ตาม ถ้าพิจารณาข้อก่อนหน้า หลายก็คงลงเรือลำเดียวกัน เรือที่ชื่อ "BEV" ครับ

ปล. ตอนเปลี่ยนแบต บางเจ้าคาดการณ์กันว่าราคาจะถูกลง อันนี้ ถ้าเทียบเฉพาะตอนก่อนหลังโควิด พบว่าไม่จริง ต้นทุนผลิตแบตในบางรูปแบบเพิ่มขึ้น หก เท่าตัว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 26, 2023, 22:34:36 โดย nobody123 »

ออฟไลน์ Altima

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,150
เรื่องซ่อมรถห้ามเอาประเทศอื่นมาเทียบ

ต่างประเทศจะทำอะไร ค่าแรงชมละ 10,000 บาทยังมี

mazda cx-9 เปลี่ยนปะเก็น ค่าอะไหล่ไม่ถึง 2,000 แต่ค่าแรง 50,000 ก็มี

มันเลยมี culture การซ่อมรถตัวเองรวมไปถึงร้านอะไหล่รถที่มีเยอะกว่าร้านสะดวกซื้อทั่วไป (ผมชอบเล่นรถนะแต่ชีวิตนี้ไม่เคยได้เข้าร้านขายอะไหล่รถ แต่คนต่างประเทศไม่ชอบรถก็เคยได้เข้า autozone เหมือนกูเข้า 7-eleven) ต่างจากที่ไทยคือใครที่ซ่อมรถเองมักจะทำเพราะเป็น hobby หรือใจรัก ไม่ใช่เพราะความจำเป็น

ออฟไลน์ nobody123

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 139
เห็นด้วยกับความเห็นก่อนหน้าระดับนึง โดยเฉพาะรถเก่าที่แพร่หลาย อันนี้ไทยซ่อมถูกครับ
แค่ผมปรับ 'มุมอานจักรยาน' ในญี่ปุ่นตอนไปเรียน โดนไป 350 บาท
เมืองไทยคงปรับให้ฟรี พี่น้องกัน

อย่างไรก็ตาม ขึ้นกับประเทศด้วยครับ
ค่าแรงแคนาดา อย่างเปลี่ยน Oxygen sensor ก็ 700 บาท ไม่แพง
ศูนย์รถสันดาปภายในผมในไทย แค่ตรวจยังไม่ทันซ่อม จุดนึงก็โดน 1,200 บาท
ส่วนสหรัฐ ที่ระบุในโพสต์หลัก เทียบไทยได้ครับ ผมเคยดูเทียบสถิติรถทั่วไปสหรัฐ กับ รถของรัฐบาลสหรัฐ ซึ่งน่าจะไม่ใช้อู่นอกซ่อมเลยมาแล้ว
โดยรวมเหมือนกับไทยตรงที่
1. รถสหรัฐ และ รถญี่ปุ่น ซ่อมถูกเท่าไทย
2. รถเยอรมัน ซ่อมแพงเท่าไทย (และ บางรัฐที่คนเชื้อสายยิวอยู่เยอะ คนเชื้อสายยิวหลายคนไม่ใช้รถเยอรมัน ครับ)
อย่างรถหรูยุโรปที่สหรัฐยี่ห้อนึง ใช้สิบปีแรก ก็บำรุงรักษา / ซ่อมประมาณ 450,000 บาท เท่าไทย ไม่ต่างกันครับ
3. รถสแกนดิเนเวีย เหมือนจะซ่อมถูกกว่ารถเยอรมันครับ ทั้งที่ในไทยซ่อมแพงเกือบเท่ารถเยอรมัน
ดังนั้น จากสองข้อก่อนหน้า รถสแกนดิเนเวีย ที่ชิคาโกเห็นได้บ่อย เท่า ๆ กับรถยุโรปบางยี่ห้อ ครับ
โฆษณาทีวีเต็นท์รถที่นี่ ก็ใช้ภาพรถสแกนดิเนเวีย เหมือนญี่ปุ่นเลย โฆษณาอสังหาในรถไฟใต้ดิน ใช้ภาพรถสแกนดิเนเวีย

ในไทย ก็รู้กันอยู่ จะซ่อมถูกก็รถรุ่นเก่าที่แพร่หลาย ส่วนตัวผมก็ใช้อู่นอกอยู่
กระจกมองข้าง ผมเปลี่ยนมอเตอร์อู่นอกก็ 3,000 ถ้าเปลี่ยนทั้งหูก็น่าจะโดน 30,000
ไฟหน้า ผมเปลี่ยนหลอดไฟหรี่อู่นอกก็ 1,000 ศูนย์มีให้แต่ต้องเปลี่ยนทั้งโคมก็ 50,000

ส่วนพอมาเรื่องรถที่สมองกลฉลาดขึ้นเรื่อย ๆ อันนี้อู่นอกหลายอู่ ผมพบว่า เขายังไม่ซ่อมบางอย่างให้ เพราะซ่อมไม่เป็น
ดังนั้นมองรถรุ่นปัจจุบัน 10 ปี 300,000 โลแรกของการขับเยอะที่เมกา ซ่อมเท่า ๆ กับไทย ดังนั้นเทียบได้ 10 ปีแรก เพราะโจทย์แฝงของโพสต์นี้คือ การซื้อรถใหม่มือหนึ่ง (ไม่ใช่การซื้อ / บำรุงรักษา รถเก่า) ครับ
ส่วนถ้าอย่างแฟนผมผู้หญิงขับไม่เข้าอู่นอกเลย อันนี้ ผมว่าเขาขับเกิน 10 ปีก็จะซ่อมไทยแพงกว่าซ่อมเมกา ด้วยซ้ำ

ปล. ส่วนตัวตอนนี้ ผมเช่า Malibu (Full-size Chevrolet) ขับอยู่
รถสวย นั่งสบาย แต่หน้าไว (ขอใช้ศัพท์จักรยาน ไม่รู้จะบอกยังไงให้ชัด) สู้รถยุโรป Sedan หลายยี่ห้อไม่ได้
อันนี้เทียบรุ่นนี้ของยี่ห้อนี้ได้ คงไม่ว่ากัน เพราะ Chev หยุดทำการตลาดในไทยแล้ว

ปล. 2 เคยมองค่าเช่ารถ อีกสองยี่ห้อ ที่ราคารถทั้งสองคันดังกล่าวเท่ากันที่นี่
ถ้ารถ BEV แบรนด์สหรัฐจะเช่าถูกมากทั้งที่รถแรง แต่ผมไม่เช่า พบว่ามันเดินไกลจากจุดชาร์จมา Guest house
ส่วนรถสปอร์ต ICE ที่แรงเท่า BEV คันดังกล่าว แม้ราคาตั้งต้นเท่ากัน แต่ค่าเช่าแพงกว่ากันเกือบสี่เท่า ครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 26, 2023, 22:22:21 โดย nobody123 »

ออฟไลน์ apinui

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,896
    • อีเมล์
ผมอ่านด้านบนมาทั้งหมด ผมก็เข้าใจในความหมายและเห็นด้วยในเรื่อง PHEV และ BEV นะครับ

ทีนี้ผมชวนคุยเรื่องของ แหล่งพลังงาน และ ที่เน้นบ่อยๆคือ Carbon footprint เนี่ย

เรื่องการลดปริมาณไอเสีย หรือการใช้พลังงานสะอาด อันนี้ผมเห็นด้วยที่โลกของเราควรจะไปในแนวทางนี้ แต่ ... มันมีเหตุการที่เป็นบทเรียนสำหรับ ประเทศหรือทวีปที่ชอบเน้นย้ำเหลือเกินว่า ตัวเองกำลังผลักดันพลังงานสะอาดให้เกิดขึ้นอย่างเต็มที่ แต่พอเจอเหตุการวิกฤตด้านพลังงานเข้าไป เล่นเอาเจ็บตัวกันถ้วนหน้า

สรุปสั้นครับตรงประเด็นเลยคือ เมื่อปลายปีที่แล้ว ยุโรปเจอวิกฤตพลังงานอย่างรุนแรงจากการคว่ำบาตรรัสเซีย เพราะยุโรป ลดการผลิตไฟฟ้า ด้วยน้ำมัน และถ่านหินลง หันไปใช้ก๊าชที่ส่วนใหญ่นำเข้าจากต่างประเทศ

แล้วผลกระทบที่เป็นข่าวดังไปทั่วโลกคือ ชาวยุโรปต้องเจอกับราคาไฟฟ้าและ ราคาก๊าซก็สุงขึ้น  เพราะตัวเองไม่สามารถผลิตไฟฟ้าใช้เองได้อย่างเพียงพอ คิดว่า จะใช้แต่พลังงานสะอาด ลดโลกร้อน แต่เวลาเดือดร้อนพลังงานไม่พอใช้ ใครช่วยได้บ้าง



เนื้อหานี้เป็นข่าวที่ผมแค่หาใน google ก็เจอแล้วเรื่องวิกฤตพลังงานในยุโรป และนี่คือบทเรียนครั้งสำคัญที่ ยุโรปยังต้องหันกลับมามองถ่านหิน และ น้ำมันมาเป็นพลังงานของประเทศอีกครั้งนึง 

ดังนั้นที่บอกว่า รัฐบาลก่อนหน้าจะกลับไปใช้ถ่านหิน นั่นเค้าคิดถูกแล้ว เรามีโรงไฟฟ้าถ่านหินหลายแห่ง ที่เมื่อโลกใบนี้เกิดปัญหา เราก็สามารถพึ่งพาตนเอง ทำให้คนในชาติมีพลังงานใช้ไม่ขาดแคลนแบบ EU

มันอาจทำให้โลกร้อน และ สร้าง CO2 ออกสู่บรรยากาศ แต่ถ้าคนในชาติ ไม่มีพลังงานใช้อย่างเพียงพอ มันไม่แย่กว่าหรอ

เข้าใจความหมายที่มุ่งลดการปล่อย CO2 ลดการก่อ Carbon footprint แต่มันควรไปแบบกลางๆ ไม่ควรไปแบบสุดตัว ลดเท่าที่ลดได้ แต่ไม่ใช่ตั้งเป้าเป็นศูนย์ และใช้วิธีพึ่งพาพลังงานจากต่างประเทศอย่างที่ยุโรปทำ

รักโลก แต่คนในชาติเดือดร้อน มันก็ไม่ค่อยดีเท่าไรครับ

ออฟไลน์ nobody123

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 139
ขอบคุณคุณซามูไร ตอบมา ผมเห็นแง่มุมมาละว่าทำไมรัฐบาลนึงจะกลับไปใช้ถ่านหิน

ส่วนยุโรป ใช่ครับ ผมเห็นแล้ว
ดังที่โพสต์ด้านบน ผมระบุแล้วว่าฟินแลนด์โดนอะไร
แต่ถึงโดน พอคำนวณแล้ว รถไฟฟ้า ก็ยังค่าไฟ (ไม่คิดค่าแบต) ถูกกว่ารถน้ำมัน ต่อหนึ่งระยะทางวิ่ง
ส่วนถ้าคิดค่าแบต แล้วสงครามยืดเยื้อ BEV ฟินแลนด์ ไม่คุ้มเลยครับ กลายเป็นรถที่เชื้อเพลิง+ตัวเก็บเชื้อเพลิงแพงมาก
 
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ฟินแลนด์ได้ คือ อากาศสะอาด เพราะเขาใช้ Renewable energy จำนวนนึงในการชาร์จรถไฟฟ้า ไม่ว่าประเภทใดก็ตาม

อีกแง่ PHEV (ฟินแลนด์ หรือ ประเทศอื่น ๆ ก็ตาม) จะมีแต้มต่อครับ
1. ไฟฟ้าแพง เติมน้ำมัน
2. น้ำมันแพง เติมประจุบ่อย ๆ
3. แบตเสื่อม ขับเป็นรถน้ำมันปกติ
เท่าที่ขับจริงมา อัตราบริโภคน้ำมัน รถ PHEV ที่มี ICE ทรงประสิทธิภาพ หนักสองตัน แล้วไม่ใช้ไฟฟ้าเลย *น้อยกว่า* รถ ICE ล้วนหนักตันครึ่ง กล่าวคือ PHEV มีพฤติกรรมกรณีไม่เติมไฟฟ้าเลยคล้ายคลึงกับ HEV คือประหยัดกว่า 4 กม./ล.ครับ
ดังนั้นคาดได้ว่า พอแบตเสื่อมแบบพอรับได้ นั้น PHEV จากเดิมที่มีพฤติกรรมกรณีไม่เติมไฟฟ้าเลยคล้าย HEV ก็จะกลายเป็นพฤติกรรมระหว่าง HEV กับ ICE ซึ่งก็ยังประหยัดน้ำมันกว่า ICE อยู่ดี
อันนี้คุยกันในชุมชนเล่น ๆ นะครับ จริง ๆ ถ้าแบตไม่แพงมาก ผมว่าเราก็เปลี่ยนแบต PHEV หลังปีที่ 1x กันนั่นแหละ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 26, 2023, 22:58:22 โดย nobody123 »

ออฟไลน์ nobody123

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 139
ยกตัวอย่างค่าบำรุงรักษารถที่สหรัฐ อู่นอกนะครับ
ที่ร้าน Hayes ซึ่งเน้นซ่อมรถเมกันและญี่ปุ่น ผมพึ่งไปถามมาหลังทานพิซซ่าเที่ยงนี้ ที่ Lemont ชานเมืองชิคาโก
เขาคิดค่าเปลี่ยนถ่ายของเหลว Chev Malibu (Full size) อยู่ที่ 100 USD (3,400 บาท)
รวมตรวจเช็คเบรก / สายพาน / การรั่ว เป็นต้นแล้ว
ค่าบำรุงรักษา อู่นอก (ไม่ใช่แค่ศูนย์) เท่าไทย ครับ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 27, 2023, 00:48:35 โดย nobody123 »

ออฟไลน์ DiKiBoyZ

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 7,190
    • อีเมล์
จากแหล่งใดแหล่งหนึ่ง มันก็ไม่ได้หมายถึงทั้งโลก

จากนอกประเทศ ก็ไม่ได้มีผลกับประเทศไทย

บางประเทศ ค่่าซ่อมแพงมาก ซ่อมอู่นี่ละ คิดเป็นชั่วโมง(ไม่รวมค่าอะไหล่) ก็หลายพัน(ตีเป็นเงินบาท) จนหลายคนต้องมีโรงรถส่วนตัวเพื่อซ่อมเอง

ที่สำคัญซ่อมเองไม่จบ สไลด์ไปอู่ เสียเพิ่มหนักกว่าอีก เพราะเขาราคาซ่อม(ที่ซ่อมไม่จบ) อีกทอดหนึ่งด้วย เพราะซ่อมรถเดิมๆ กับ ซ่อมรถรื้อมา มันก็ต่างกัน

สุดท้าย เอาราคาเมืองนอก มาเทียบกับไทย ผมว่ามันก็ไม่ได้มีผลอะไรนะ คนละเงื่อนไข คนละบริบทกัน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 28, 2023, 08:42:32 โดย DiKiBoyZ »

ออฟไลน์ nobody123

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 139
เห็นด้วยครับ ว่าประเทศไหนก็ประเทศนั้นจริง
โรงรถในบ้าน เมกันเยอะครับ ส่วนนึงเพราะเขาสั่งของมาซ่อมเอง เสียภาษีถูกมาก ต่างกับบ้านเราคนละเรื่องเลย*

และส่วนนึงที่เทียบสองประเทศ เพราะสายงานผม เป็นสายงานเปรียบเทียบเอกสารต่างประเทศครับ รู้เขารู้เรา ประเมินแนวทางเราได้ถูกครับ

นอกจากนี้ ผมสัมผัสจริงสองสามประเทศ และเห็นข้อมูลจริงเกือบสิบประเทศ ก่อนเลือกโพสต์ *เฉพาะประเทศที่พอเทียบไทยได้* ครับ

สัมผัสจริงคือ
1.1 ผมพึ่งขายรถเมกันนำเข้าให้ญาติที่เป็นเมกัน ระหว่างเดินทางไปขายก็คุยกันเรื่องรถ ญาติผมขับมา 20 คันแล้ว
ค่าซ่อมรถเมกัน ถ้าไม่ได้ใช้ร้านหรูเมืองใหญ่ ไม่ได้แพงกว่าไทย*
1.2 ผมคุยกับอู่ซ่อมรถใน Lemont ชิคาโก ดังที่โพสต์ด้านบนครับ
2. ผมอยู่ญี่ปุ่น ห้าปีครึ่ง นั่งรถส่วนตัวหลายคัน เวลาไปทำงาน
3. ผมขับ / นั่งรถส่วนตัวที่แคนาดา หลายครั้งแล้ว

คำตอบข้างบนท่านอื่นทั้งหมด ไม่มีใครทักสองเรื่องเลย
คือ
1. ประกัน
2. ภาษีนำเข้า
เมกา ประกันแพงกว่าไทยหรือยุโรปเป็นเท่าตัว
ส่วนภาษีนำเข้า ทั้งรถ ทั้งชิ้นส่วน ถูกมาก*

ประกันเมกัน แพงหูฉี่ ไม่ใช่เพราะค่าซ่อมเป็นหลัก เพราะชิ้นส่วนนำเข้าถูก ชิ้นส่วนในประเทศก็หลายยี่ห้อ*
แต่เพราะอย่างนี้ ญาติผมเล่าให้ฟังว่า เมกัน ฟ้องกันหนัก ดังนั้นใครไม่มีประกัน ขับรถชนคนตาย ก็ประมาณใช้ชีวิตที่เหลือทำงานเพื่อจ่ายค่าตอบแทนหลังแพ้คดี
นี่คือสาเหตุที่ประกันเมกันแพงกว่ายุโรป

ส่วนที่ผมไม่โพสต์เรื่องประกันแต่แรก จะรอดูว่ามีใครทักไหม ไม่เห็นมีใครทักเรื่องนี้เลย ทั้งที่ตัวนี้แหละที่ต่างจากไทยชัดเจน

อย่างอื่น
1. ค่าไฟ (ผมดูเทียบต่อหน่วย ต่างกับประเทศอื่น คือ ตรงกับไทยเป๊ะ ต่างกับหลายประเทศ)
2. ค่าน้ำมัน (เช่นเดียวกับค่าไฟ ผมเติมเองแล้วคำนวณจากแกลลอนเป็นลิตร)
3. ค่าซ่อม (ผมเช็คแล้วที่อู่นอกตามรูปด้านบน) ส่วนซ่อมศูนย์ ผมก็เช็คกรณีรถยุโรปในเมกาแล้วจากเว็บไวต์
ทั้งหมด เท่า ๆ ไทยนะ
เพราะอะไร? ลองอ่านต่อไปครับ

เช่น ค่าแรงเปลี่ยน Oxygen sensor ของ BMW ที่ศูนย์แคนาดา (ย้ำนะครับว่าศูนย์ ไม่ใช่อู่นอก) ยังถูกกว่าค่าเช็คเบื้องต้นศูนย์ BM ในไทย ทั้งที่ยังไม่ซ่อมเลย ดังที่โพสต์ด้านบน

*ในทางตรงกันข้ามกับประกัน / ค่าแรงที่เมกาแพงกว่า
ที่เมกา ภาษีนำเข้ารถ หรือ ชิ้นส่วนของรถ 2.5 % เอง (ไทย เรียกได้ว่า 80% และ 30% ตามลำดับนะครับ)

ดังนั้น ค่าประกัน / ค่าแรงเมกันถ้าซ่อมซับซ้อนแพงกว่าก็จริง (จากค่าแรงต่อชั่วโมง)
แต่ ค่าชิ้นส่วนน้ำเข้าไทยเพื่อมาซ่อมก็แพงกว่า 27.5% นะครับ หักล้างกันระดับนึงเลย
อย่างเปลี่ยนเครื่อง สมมติ 300,000 นำเข้าเมกา 307,500 นำเข้าไทย 390,000 ยิ่งพอรวม VAT ก็ 417,300 ครับ
ถ้าคิดเป็นตัวเลขกลม ๆ ก็ค่าของเราแพงกว่าเขาอย่างน้อย 100,000 พอจะหักล้างค่าประกัน / ค่าแรงเมกันที่แพงกว่าได้ไหมครับ?

หรือ จะเห็นจากว่า รถเราหลายรุ่น แม้ประกอบในประเทศ แพงกว่าเขา ครับ
จะความแตกต่างราคาระหว่างสองประเทศชัดถ้ารถยิ่งแพง เพราะชิ้นส่วนโดนภาษีหนักกว่าเขาครับ
คุณลองดูรถหรูที่ขับ 0-100 ต่ำกว่า 5 วิ *ประกอบไทย* หลายรุ่น ราคาแพงคนละเรื่องกับบ้านเขาเลย

นอกจากนี้ ดังที่ตอบความเห็นด้านบน ก่อนโพสต์ ผมได้รับเชิญไปพูดเรื่องการขับอัตโนมัติที่ญี่ปุ่น ก่อนไป ดูข้อมูลหลายอย่างจากเกือบสิบประเทศแล้ว ถึงโพสต์เทียบเมกัน ไม่โพสต์เทียบยุโรป หรือ ญี่ปุ่น (ซึ่งผมอ่านภาษาญี่ปุ่นออก) หรือ เกาหลีใต้ หรือ จีน เป็นต้น ครับ

ดังนั้น ท่านที่เห็นว่า ยังไงก็เทียบไม่ได้เลย น่าทักถ้าผมโพสต์ประเทศอื่น มากกว่าเมกา ซึ่งลูกพี่ลูกน้องด้านนึงของผม ครึ่งนึง เป็นเมกัน (พูดไทยไม่ได้) ดังนั้น เวลาคุยกัน เรื่องนึงที่คุย คือ รถ นะครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 04, 2023, 10:36:26 โดย nobody123 »