ผู้เขียน หัวข้อ: รถไฟฟ้ามีอายุการใช้งานต่ำกว่ารถสันดาป  (อ่าน 2647 ครั้ง)


ออฟไลน์ rtong

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,176
    • อีเมล์
Re: รถไฟฟ้ามีอายุการใช้งานต่ำกว่ารถสันดาป
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: พฤษภาคม 31, 2023, 19:15:52 »
  คิดแบบนั้นเหมือนกันครับ เลยยังไม่คิดที่จะซื้อรถไฟฟ้า EV ในตอนนี้
  แต่ในอนาคต ถ้าแบตถูกลง  ชาร์ตได้เร็ว ไม่เสียเวลาชีวิต รถเก่าสามารถเปลี่ยนแค่แบตใหม่แล้วใช้ต่อได้นานขึ้ร  (เพราะไม่ซับซ่อน และไม่สึกหรอเท่าเครื่องสันดาบภายใน) หาวิธีการกำจัดแบตเตอรี่แบบมลพิษต่ำ   และไม่กระทบราคาไฟฟ้าที่ใช้ในครัวเรือน     มันจะน่าใช้มาก
    กลัวอีกอย่างคือ  กลัวไทยจะกลายเป็นที่ทิ้งแบตเก่า  คือผลักดันขยะมาประเทศที่ด้อยกว่า แบบนี้ไม่ดี

ออฟไลน์ 2k

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,755
Re: รถไฟฟ้ามีอายุการใช้งานต่ำกว่ารถสันดาป
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: พฤษภาคม 31, 2023, 20:34:24 »
ผมก็ว่าปัญหาใหญ่ของความนิยมรถไฟฟ้าอยู่ที่ตัวผู้ผลิตเองนั่นแหละที่มีแนวโน้มว่าจะทำรถไฟฟ้าขายในลักษณะที่ตัวเองได้ประโยชน์สูงสุดฝ่ายเดียว ถ้าพูดเรื่องความคงทนก็เหมือนกับรถน้ำมันอ่ะครับที่ยิ่งมีรุ่นใหม่ออกมายิ่งทนทานน้อยลงเรื่อยๆ รถไฟฟ้าก็เช่นกันที่ผมเชื่อว่าทำใ้ห้ทนทำได้นะแต่ไม่ทำเพราะค่ายรถหวังให้มีอายุใช้งานสั้นตัวเองขายรุ่นใหม่ได้ตลอด เรื่องของแบตเตอรี่ด้วยที่เป็นปัญหาใหญ่ที่ค่าแบตเตอรี่แพง ค่ายรถจะอ้างว่าต้นทุนที่แพงที่สุดของรถไฟฟ้าคือแบตเตอรี่ที่ผลิตได้ยาก แต่เนื้อแท้แล้วอัตราสัดส่วนกำไรต่อต้นทุนในแบตเตอรี่ชุดนึงอยู่ที่เท่าไหร่? ที่ว่าแบตเตอรี่แพงเพราะสัดส่วนกำไรต่อต้นทุนของแบตเตอรี่นั้นทำกำไรสูงรึเปล่า? อิงจากประสบการณ์ส่วนตัวของผมเองที่เจอมาในรถน้ำมันนะครับ ยกตัวอย่างเช่นโคมไฟหน้ารีเฟล็กเตอร์ของยาริสโคมใหม่ขายราคาโคมละ 4000 บาทแต่พอมาเป็นโคมโปรเจ็กเตอร์ในเล็กซัส LS โขกไปราคาข้างละ 35000 บาท คำถามของผมคือทำไมราคาสูงไปไกลแทบจะx2ของยาริส? ลักษณะของเนื้องานคือโคมพลาสติกทั้งชิ้น เป็นพลาสติกแม้กระทั่งลูกแก้วโปรเจ็กเตอร์ด้วย จะต่างกับยาริสก็ตรงที่มีมอเตอร์สำหรับระบบ AFS ซึ่งต้นทุนผลิตไม่น่าเกิน 1000 บาท ค่ายรถเอาอะไรมาแพงนอกจากอ้างว่าเป็นอะไหล่รถหรูเลยโขกกำไรหนัก?  :-\
หมาเฝ้าบ้านแจกฟรีจ้า www.dogfindhome.com


ออฟไลน์ เนื้อน่องไม่หนัง

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,738
Re: รถไฟฟ้ามีอายุการใช้งานต่ำกว่ารถสันดาป
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: พฤษภาคม 31, 2023, 21:29:53 »
ผมก็ว่าปัญหาใหญ่ของความนิยมรถไฟฟ้าอยู่ที่ตัวผู้ผลิตเองนั่นแหละที่มีแนวโน้มว่าจะทำรถไฟฟ้าขายในลักษณะที่ตัวเองได้ประโยชน์สูงสุดฝ่ายเดียว ถ้าพูดเรื่องความคงทนก็เหมือนกับรถน้ำมันอ่ะครับที่ยิ่งมีรุ่นใหม่ออกมายิ่งทนทานน้อยลงเรื่อยๆ รถไฟฟ้าก็เช่นกันที่ผมเชื่อว่าทำใ้ห้ทนทำได้นะแต่ไม่ทำเพราะค่ายรถหวังให้มีอายุใช้งานสั้นตัวเองขายรุ่นใหม่ได้ตลอด เรื่องของแบตเตอรี่ด้วยที่เป็นปัญหาใหญ่ที่ค่าแบตเตอรี่แพง ค่ายรถจะอ้างว่าต้นทุนที่แพงที่สุดของรถไฟฟ้าคือแบตเตอรี่ที่ผลิตได้ยาก แต่เนื้อแท้แล้วอัตราสัดส่วนกำไรต่อต้นทุนในแบตเตอรี่ชุดนึงอยู่ที่เท่าไหร่? ที่ว่าแบตเตอรี่แพงเพราะสัดส่วนกำไรต่อต้นทุนของแบตเตอรี่นั้นทำกำไรสูงรึเปล่า? อิงจากประสบการณ์ส่วนตัวของผมเองที่เจอมาในรถน้ำมันนะครับ ยกตัวอย่างเช่นโคมไฟหน้ารีเฟล็กเตอร์ของยาริสโคมใหม่ขายราคาโคมละ 4000 บาทแต่พอมาเป็นโคมโปรเจ็กเตอร์ในเล็กซัส LS โขกไปราคาข้างละ 35000 บาท คำถามของผมคือทำไมราคาสูงไปไกลแทบจะx2ของยาริส? ลักษณะของเนื้องานคือโคมพลาสติกทั้งชิ้น เป็นพลาสติกแม้กระทั่งลูกแก้วโปรเจ็กเตอร์ด้วย จะต่างกับยาริสก็ตรงที่มีมอเตอร์สำหรับระบบ AFS ซึ่งต้นทุนผลิตไม่น่าเกิน 1000 บาท ค่ายรถเอาอะไรมาแพงนอกจากอ้างว่าเป็นอะไหล่รถหรูเลยโขกกำไรหนัก?  :-\

โคมไฟนี้ ของ LS น่าจะต้องโดนภาษีนำเข้านะครับ แล้วvolumnการผลิตของLS กับ Yaris น่าจะต่างกัน 100 เท่าได้นะครับ
แต่ยังไงอะไหล่รถหรูแล้วแพงขึ้นมีส่วนแน่ๆ

ถ้าให้รู้สึกดีขึ้นหน่อย... ไฟหน้า toyota wish คันละล้านนิดๆ ก็ข้างละ 2xxxx นะครับ
หรืออย่าง Fortuner ตัวปัจจุบัน ที่เป็น led แต่เสียหลอดนึงก็ต้องเปลี่ยนยกโคม แถมราคาก็ หลักหมื่นเหมอืนกัน..

ออฟไลน์ Left lane driver

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 701
Re: รถไฟฟ้ามีอายุการใช้งานต่ำกว่ารถสันดาป
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: มิถุนายน 01, 2023, 01:23:01 »
ผมว่าเทรนการใช้รถมันมาแบบนี้อะครับ ไม่ใช่แค่รถไฟฟ้าแต่รวมถึงรถน้ำมันด้วย
คือคนเปลี่ยนรถกันไวขึ้น ส่วนนึงเพราะเทคโนโลยีมันไปไวด้วยครับ
ผู้ผลิตก็เน้นไปที่การอัดออพชั่นหรือลูกเล่นใหม่ๆเข้าไปในรถให้มากขึ้น เพื่อดึงดูดให้คนซื้อ product ใหม่เรื่อยๆ

และรถไฟฟ้านี่เทคโนโลยียิ่งไปไวเข้าไปอีก นอกจากพวกลูกเล่นแล้ว ยังมีพวกแบตที่ใหญ่ขึ้น ชาร์จได้เร็วขึ้นอีก
มันก็ไม่แปลกที่คนอยากจะเปลี่ยนไปใช้รุ่นใหม่ที่ดีขึ้นกว่าเดิมแบบก้าวกระโดด
ไหนจะอายุการใช้งานและการรับประกันแบตอีก ถ้าแบตหมดประกันแล้ว คงไม่มีใครอยากควักเงินตัวเองจ่ายค่าเปลี่ยนแบต เปลี่ยนรถใหม่ไปเลยดูคุ้มกว่า (รึป่าวหว่า?)

ผมก็ว่าปัญหาใหญ่ของความนิยมรถไฟฟ้าอยู่ที่ตัวผู้ผลิตเองนั่นแหละที่มีแนวโน้มว่าจะทำรถไฟฟ้าขายในลักษณะที่ตัวเองได้ประโยชน์สูงสุดฝ่ายเดียว ถ้าพูดเรื่องความคงทนก็เหมือนกับรถน้ำมันอ่ะครับที่ยิ่งมีรุ่นใหม่ออกมายิ่งทนทานน้อยลงเรื่อยๆ รถไฟฟ้าก็เช่นกันที่ผมเชื่อว่าทำใ้ห้ทนทำได้นะแต่ไม่ทำเพราะค่ายรถหวังให้มีอายุใช้งานสั้นตัวเองขายรุ่นใหม่ได้ตลอด เรื่องของแบตเตอรี่ด้วยที่เป็นปัญหาใหญ่ที่ค่าแบตเตอรี่แพง ค่ายรถจะอ้างว่าต้นทุนที่แพงที่สุดของรถไฟฟ้าคือแบตเตอรี่ที่ผลิตได้ยาก แต่เนื้อแท้แล้วอัตราสัดส่วนกำไรต่อต้นทุนในแบตเตอรี่ชุดนึงอยู่ที่เท่าไหร่? ที่ว่าแบตเตอรี่แพงเพราะสัดส่วนกำไรต่อต้นทุนของแบตเตอรี่นั้นทำกำไรสูงรึเปล่า? อิงจากประสบการณ์ส่วนตัวของผมเองที่เจอมาในรถน้ำมันนะครับ ยกตัวอย่างเช่นโคมไฟหน้ารีเฟล็กเตอร์ของยาริสโคมใหม่ขายราคาโคมละ 4000 บาทแต่พอมาเป็นโคมโปรเจ็กเตอร์ในเล็กซัส LS โขกไปราคาข้างละ 35000 บาท คำถามของผมคือทำไมราคาสูงไปไกลแทบจะx2ของยาริส? ลักษณะของเนื้องานคือโคมพลาสติกทั้งชิ้น เป็นพลาสติกแม้กระทั่งลูกแก้วโปรเจ็กเตอร์ด้วย จะต่างกับยาริสก็ตรงที่มีมอเตอร์สำหรับระบบ AFS ซึ่งต้นทุนผลิตไม่น่าเกิน 1000 บาท ค่ายรถเอาอะไรมาแพงนอกจากอ้างว่าเป็นอะไหล่รถหรูเลยโขกกำไรหนัก?  :-\
มันคนละระบบกันเลยครับ จะเทียบราคากันตรงๆไม่ได้
พวกไฟหน้า LED projector ราคา 2หมื่น+ นี่เรื่องปกติเลยครับ ของ Altis ก็ราคาประมาณนี้

อย่าง Subaru Forester ที่ไฟหน้าเลี้ยวตามพวงมาลัยได้ ข้างละเกือบ 5หมื่น ครับ ซึ่งมันก็แพงจริงๆ
ทั้งที่ไม่ใช่รถหรู แต่เป็นเพราะความซับซ้อนของระบบที่เยอะกว่าครับ

ส่วนไฟหน้า reflector ธรรมดาๆ ราคาข้างละ 4000 นี่ผมก็มองว่าแพงครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 01, 2023, 01:37:27 โดย Left lane driver »

ออฟไลน์ seeker

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,528
Re: รถไฟฟ้ามีอายุการใช้งานต่ำกว่ารถสันดาป
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: มิถุนายน 01, 2023, 06:40:06 »
พูดกันแต่ต้นทุนการผลิต ถ้าเรานับแค่นำชิ้นส่วนมาประกอบกันก็เมื่อเทียบกับราคาขายก็แพงครับ

เหมือยบอร์ดเกมแหละ มีแต่กระดาษกับพลาสติค แต่ขายทีเป็นพัน หรือหลายพันบาท
ก็เพราะมีค่า r&d เข้าไปด้วยไงครับ ที่เราคิดว่ามันแพง เพราะเราไม่ได้ให้ค่า r&d เลยไงครับ

ออฟไลน์ Weetting

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,970
  • ช่วงล่าง+เครื่องยนต์
Re: รถไฟฟ้ามีอายุการใช้งานต่ำกว่ารถสันดาป
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: มิถุนายน 01, 2023, 19:25:50 »
ผมกลับคิดว่า ชิ้นส่วนมันถอดเปลี่ยนไม่ได้เหมือนรถสันดาปครับ

โดยเพราะการชิ้นโครงของเทสล่า 

มันล้ำก็จริง แต่พังแล้วเปลี่ยนคันเลย   เพราะโครงสร้างมันคืออันเดียวกันทั้งหมด
THE Manual Gearbox Preservation Society
Drive diesel until last day

ออฟไลน์ punn

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,598
  • may the force lead your way ...
Re: รถไฟฟ้ามีอายุการใช้งานต่ำกว่ารถสันดาป
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: มิถุนายน 01, 2023, 22:16:01 »
ผมว่ามันอยู่ที่รุ่นรถด้วย เมืองนอกค่าแรงค่าภาษีแพงมากการจัดซื้อรถใหม่ก็อาจจะถูกกว่า

ประเทศไทยค่าแรงไม่แพงเท่า บวกกับอะไหล่
แต่มันอยู่ที่ประสิทธิภาพรถ ที่ผมมองไว้คือมันเป็นยุคของมันถ้าคุณมองขาดเรื่องยุคต่อไป
เมื่อคุณซื้อรถที่มาตรฐานของยุคต่อไปรถคุณก็อมตะ แค่เปลี่ยนแบตก็ใช้งานต่อได้ทันที

แต่ถ้าคุณซื้อรถที่พร้อมตกรุ่น การทิ้งแบบขยะอิเล็กทรอนิกส์ก็เป็นเรื่องธรรมดา
เป็นคนโลกปกติธรรมดา :)
ไม่โลกสวย และไม่โลกมืด อยู่กับความเป็นจริงและพลังงานบวก ..

ปราชญ์สอนสิ่งไหน คนก็จะจำสิ่งนั้น
ประสบการณ์เจอแบบไหน คนก็จะคิดทางนั้น
ต่างคนต่างประสบการณ์เรียนรู้สิ่งเดียวกัน ก็จะออกมาแตกต่างกันไปครับ

ออฟไลน์ Spada_Valess

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 749
    • อีเมล์
Re: รถไฟฟ้ามีอายุการใช้งานต่ำกว่ารถสันดาป
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: มิถุนายน 02, 2023, 09:48:24 »
ผมว่าเทรนการใช้รถมันมาแบบนี้อะครับ ไม่ใช่แค่รถไฟฟ้าแต่รวมถึงรถน้ำมันด้วย
คือคนเปลี่ยนรถกันไวขึ้น ส่วนนึงเพราะเทคโนโลยีมันไปไวด้วยครับ
ผู้ผลิตก็เน้นไปที่การอัดออพชั่นหรือลูกเล่นใหม่ๆเข้าไปในรถให้มากขึ้น เพื่อดึงดูดให้คนซื้อ product ใหม่เรื่อยๆ

และรถไฟฟ้านี่เทคโนโลยียิ่งไปไวเข้าไปอีก นอกจากพวกลูกเล่นแล้ว ยังมีพวกแบตที่ใหญ่ขึ้น ชาร์จได้เร็วขึ้นอีก
มันก็ไม่แปลกที่คนอยากจะเปลี่ยนไปใช้รุ่นใหม่ที่ดีขึ้นกว่าเดิมแบบก้าวกระโดด
ไหนจะอายุการใช้งานและการรับประกันแบตอีก ถ้าแบตหมดประกันแล้ว คงไม่มีใครอยากควักเงินตัวเองจ่ายค่าเปลี่ยนแบต เปลี่ยนรถใหม่ไปเลยดูคุ้มกว่า (รึป่าวหว่า?)

ผมก็ว่าปัญหาใหญ่ของความนิยมรถไฟฟ้าอยู่ที่ตัวผู้ผลิตเองนั่นแหละที่มีแนวโน้มว่าจะทำรถไฟฟ้าขายในลักษณะที่ตัวเองได้ประโยชน์สูงสุดฝ่ายเดียว ถ้าพูดเรื่องความคงทนก็เหมือนกับรถน้ำมันอ่ะครับที่ยิ่งมีรุ่นใหม่ออกมายิ่งทนทานน้อยลงเรื่อยๆ รถไฟฟ้าก็เช่นกันที่ผมเชื่อว่าทำใ้ห้ทนทำได้นะแต่ไม่ทำเพราะค่ายรถหวังให้มีอายุใช้งานสั้นตัวเองขายรุ่นใหม่ได้ตลอด เรื่องของแบตเตอรี่ด้วยที่เป็นปัญหาใหญ่ที่ค่าแบตเตอรี่แพง ค่ายรถจะอ้างว่าต้นทุนที่แพงที่สุดของรถไฟฟ้าคือแบตเตอรี่ที่ผลิตได้ยาก แต่เนื้อแท้แล้วอัตราสัดส่วนกำไรต่อต้นทุนในแบตเตอรี่ชุดนึงอยู่ที่เท่าไหร่? ที่ว่าแบตเตอรี่แพงเพราะสัดส่วนกำไรต่อต้นทุนของแบตเตอรี่นั้นทำกำไรสูงรึเปล่า? อิงจากประสบการณ์ส่วนตัวของผมเองที่เจอมาในรถน้ำมันนะครับ ยกตัวอย่างเช่นโคมไฟหน้ารีเฟล็กเตอร์ของยาริสโคมใหม่ขายราคาโคมละ 4000 บาทแต่พอมาเป็นโคมโปรเจ็กเตอร์ในเล็กซัส LS โขกไปราคาข้างละ 35000 บาท คำถามของผมคือทำไมราคาสูงไปไกลแทบจะx2ของยาริส? ลักษณะของเนื้องานคือโคมพลาสติกทั้งชิ้น เป็นพลาสติกแม้กระทั่งลูกแก้วโปรเจ็กเตอร์ด้วย จะต่างกับยาริสก็ตรงที่มีมอเตอร์สำหรับระบบ AFS ซึ่งต้นทุนผลิตไม่น่าเกิน 1000 บาท ค่ายรถเอาอะไรมาแพงนอกจากอ้างว่าเป็นอะไหล่รถหรูเลยโขกกำไรหนัก?  :-\
มันคนละระบบกันเลยครับ จะเทียบราคากันตรงๆไม่ได้
พวกไฟหน้า LED projector ราคา 2หมื่น+ นี่เรื่องปกติเลยครับ ของ Altis ก็ราคาประมาณนี้

อย่าง Subaru Forester ที่ไฟหน้าเลี้ยวตามพวงมาลัยได้ ข้างละเกือบ 5หมื่น ครับ ซึ่งมันก็แพงจริงๆ
ทั้งที่ไม่ใช่รถหรู แต่เป็นเพราะความซับซ้อนของระบบที่เยอะกว่าครับ

ส่วนไฟหน้า reflector ธรรมดาๆ ราคาข้างละ 4000 นี่ผมก็มองว่าแพงครับ
เจอ adaptive led ไปข้างละ 120000 ไม่มีประกันนี่เซงเลยครับ

ออฟไลน์ Altima

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,150
Re: รถไฟฟ้ามีอายุการใช้งานต่ำกว่ารถสันดาป
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: มิถุนายน 02, 2023, 13:08:41 »
ใน 20 ปี ข้างหน้ารถไฟฟ้าที่คุณเริ่มเห็นวิ่งกันจากค่าย Tesla, BYD, NETA และอื่นๆ มันจะไม่มีให้เห็นหรอกครับ จะมีแต่รุ่นใหม่ที่เค้าออกมา

ส่วนรถกระบะและPPVที่เพิ่งออกป้ายแดงกันในวันนี้ ในอีก 20 ปีมันก็ยังวิ่งกันครับ ผมว่าจุดนี้มัน obvious สำหรับทุกคนนะ


ออนไลน์ saran_1st

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 233
Re: รถไฟฟ้ามีอายุการใช้งานต่ำกว่ารถสันดาป
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: มิถุนายน 06, 2023, 09:31:53 »
ตัวเลขจากในข่าว รถที่หายไปจากถนน ช่วงระยะเวลา รถ EV หายไป 6.6% เทียบกับรถ ICE หายไป 5.1%
ผมมองว่ายังไม่สามารถสรุปได้โดยตรงว่า มันหายไปมากกว่าอย่างมีนัยสำคัญ ส่วนหนึ่งเพราะ กลุ่มลูกค้า/ลักษณะการใช้รถ/ความเสี่ยง ของคนใช้ EV มันไม่ได้ตรงกับกลุ่มลูกค้าของรถ ICE 158 ล้านคันนั้นเป๊ะๆครับ ควรเอากลุ่ม Passenger Car ด้วยกันมาเทียบครับ

ส่วนเรื่อง อายุเฉลี่ยสั้นลง เชื่อว่า ถ้าเป็น EV ในประเทศที่เทคโนโลยีการซ่อมพร้อม และค่าแรงไม่แพง อายุจะใช้ได้อย่างยืนยาวขึ้นครับ
(เมืองนอกอาจจะชนแล้วทิ้งเลย)
'95 Subaru Impreza EJ20 auto
'95 Subaru Legacy EJ25
'01 Subaru Impreza Bugeye GDB
'19 Subaru Levorg 1.6 GT-S