ผู้เขียน หัวข้อ: ข้อดี/ข้อเสียของรถขับกึ่งอัตโนมัติที่ใช้กล้องอย่างเดียว  (อ่าน 1657 ครั้ง)

ออฟไลน์ nobody123

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 140
ผมพึ่งตรวจประเมินงาน ที่ดีเกือบเท่างานของหัวหน้าวิศวกรรถไฟฟ้าสหรัฐชื่อดัง ซึ่งนำเสนอในปี 2022 ที่การประชุม Computer Vision and Pattern Recognition ซึ่งใช้ Occupancy Networks (ON) และ หากเป็นโครงสร้างแบบ Pyramid ก็จะเรียกว่า PON

การใช้กล้องอย่างเดียว (เมื่อเทียบกับรถที่ใช้เรดาร์ร่วมด้วย)
ข้อดี สบายกระเป๋ากว่า ทั้งตอนซื้อ และ ตอนบำรุงรักษา
ข้อเสีย จะตรวจจับวัตถุได้ไม่แม่นพอ โดยเฉพาะตอนกลางคืน ในด้านข้าง หรือ ด้านหลังด้วยกรณีรถคู่กรณีไม่เปิดไฟ
นอกจากนี้ ถึงวิศวกรเก่งขนาดไหน การขับขี่กึ่งอัตโนมัติก็จะได้เพียง Level 2 ในปัจจุบันนี้

จะเห็นได้จากเพจเฟซ EV ของไทย (ซึ่งสมาชิกเฟจรู้สึกว่า เจ้าของเพจเชียร์รถไฟฟ้าที่ขายดีที่สุดในไทยยี่ห้ออังกฤษแล้วจีนนำมารีแบรนด์) แสดงภาพรถสหรัฐดังกล่าวเฉี่ยวรถมอเตอร์ไซค์และรถยนต์ตอนตีสอง แถวเกษตรนวมินทร์
1. บางคนก็ว่าเมา แต่ถึงเมารถก็ควรเบรก หรือ หักหลบ*
2. บางคนที่รู้เรื่องวิศวกรรมวิทัศน์เครื่องจักร อาจวิเคราะห์ได้ว่า
'ในสภาพแสงน้อย การใช้กล้องอย่างเดียว จะด้อยประสิทธิภาพลงกว่าการใช้กล้องร่วมกับเรดาร์ (ซึ่งทั้งกล้องและเรดาร์ อาจมีได้หลายตัว) กล่าวคือ ด้านหน้ารถที่ไฟส่อง จะไม่ค่อยมีปัญหา ปัญหาอยู่ที่ด้านข้างรถ ก็คือ กล้องมองไม่เห็นอะไร ทำให้การเบี่ยงเลนเฉี่ยวชนได้'
* รถ Level 2 เหมือนกันเจ้ายุโรป อย่างน้อยหนึ่งเจ้า ในสถานการณ์นี้ จะไม่ยอมให้มนุษย์เฉี่ยวชน กล่าวคือ จะแทรกแซงมนุษย์ด้วยการ คง / หักเลี้ยว พวงมาลัย ยกเว้นมนุษย์จะกดยกเลิกระบบนี้ไว้ล่วงหน้า

แม้ในสภาพแสงมาก ก็ตรวจจับถูกต้องเพียงประมาณเท่านี้ สำหรับรถที่ใช้กล้องหน้าอย่างเดียว


ทั้งนี้ การใช้ Neural Radiance Fields ร่วมด้วยของรถไฟฟ้าชื่อดัง เป็นซอฟต์แวร์ตัวใหม่ ช่วยให้ผลดีกว่าภาพด้านบน แต่ยังไงก็จะไม่ค่อยเห็นรถด้านข้างตอนกลางคืน

จะเห็นได้ว่า รถขับกึ่งอัตโนมัติยุโรปหลายแบรนด์ จะใช้เรดาร์ร่วมด้วย ซึ่งเรดาร์แบบนึงที่ถูกลงในช่วงปีนี้ คือ LiDAR อันมีประสิทธิภาพสูงกว่าเรดาร์ปกติ หลายเจ้าติดรอบคัน ก็จะทำให้เห็นรถรอบคัน ตอนกลางคืน

จากแหล่งข่าวรถยนต์หลายแหล่งระบุว่า การใช้ เรดาร์ หรือ LiDAR ร่วมด้วย ทำให้เกิดการขับขี่กึ่งอัตโนมัติ มีประสิทธิภาพสูงถึง Level 3 เป็นไปได้หลายแบรนด์แล้ว

ซื้อรถ Level 3 จะเหมือนซื้อรถแถมคนขับรถ ขับอัตโนมัติได้เกือบตลอดเส้นทาง
(Level 4 /5 วิศวกรโปรแกรมกล่าวกันว่า เป็นจริงยากมาก ดังนั้น สิ่งที่ดีที่สุดที่หาได้ในทศวรรษนี้ น่าจะเป็น Level 3)

และนี่คือส่วนหนึ่งในความแตกต่าง ระหว่าง รถขับกึ่งอัตโนมัติที่ใช้กล้องอย่างเดียว กับรถที่ใช้ทั้งกล้องและเรดาร์
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 02, 2023, 22:09:27 โดย nobody123 »

ออฟไลน์ HLRx

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,279
    • อีเมล์
ขอบคุณสำหรับข้อมูล

ออฟไลน์ bennieT8

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 644
    • อีเมล์
ขอบคุณครับ  โดบตรรกะและเหตุผลมันก็ควรเป็นเช่นนั้นครับ

ออฟไลน์ Left lane driver

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 701
เป็นข้อมูลที่ดีมากเลยครับ

ผมมองว่าถ้าใช้กล้องอย่างเดียวมันต้องพึงพา software เป็นหลักมาวิเคราะห์วัตถุว่าอยู่ใกล้-ไกล
ก็ขึ้นอยู่กับว่า software ที่ใช้มันฉลาดหรือดีแค่ไหน แต่สุดท้ายก็โดนจำกัดที่ทัศนวิสัยอยู่ดี
แต่ถ้าใช้ RADAR หรือ LiDAR มาช่วย มันก็ทำได้แม่นยำกว่าตอนที่ทัศนวิสัยไม่ดี

มันก็มีแต่ยี่ห้อที่ว่าแหละครับ ที่พยายามผลักดันจะใช้กล้องอย่างเดียว โดยให้เหตุผลว่า software AI ของฉันฉลาดพอ
ทั้งๆที่จริงแล้ว software ยังไม่เสถียรก็ปล่อยมาให้ผู้ใช้รถเป็นหนูทดลองไปก่อน มีเคสเกิดอุบัติเหตุและมีคนตายไปหลายครั้ง
เอาจริงๆ ยี่ห้อนี้แค่ระบบถอยจอดอัตโนมัติยังเอ๋อ ๆ และสู้รถเจ้าอื่นไม่ได้เลย

ออฟไลน์ nmd

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 172
ใช้ควบคู่กันไปครับ
กล้องบอกได้ว่าคืออะไร แต่ไม่รู้ตำแหน่ง
Lidar ไม่สามารถบอกได้ว่าคืออะไร แต่รู้ตำแหน่ง

ออฟไลน์ joextreme

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 330
    • อีเมล์
กล้อง - ภาพไม่ชัด จบข่าว คอมพ์คิดไม่ออก ยิ่งภาพตอนกลางคืน contrast ต่ำ โปรเซสเซอร์แยกแยะไม่ออก จะเอาภาพชัดขึ้น ก็ต้องทำให้สว่างขึ้น (เพิ่มขนาดเซ็นเซอร์แสง, เพิ่ม ISO - noise ตามมาอีก) ไม่ก็เพิ่มและเปลี่ยน wavelength ในการตรวจจับ โปรเซสเซอร์ก็ต้องมีกำลังมากขึ้นแพงขึ้น อย่าลืมว่าถ้ามันต้องคำนวณแบบ realtime สำหรับ autopilot ต้องใช้ computation power สูงมาก
Lidar - สร้างภาพโดยการใช้แสงสแกน ขึ้นกับหลายอย่าง ยิงแสง wavelength เท่าไหร่ ความถึ่ในการสแกนเป็นยังไง หยุดนิ่งหรือเคลื่อนที่ช้าก็ง่ายหน่อย เร็วมากๆอาจทำงานไม่ทัน แถมบางที object มีการหลบมุมสแกนไม่เจอ หรือไม่สะท้อนแบบ stealth ไม่นับว่าทั้งหมดนี่คอมพ์ต้องคำนวณวิถีการเคลื่อนที่ของรถกับ object อื่นๆ จาก input sensor หลายๆตัว น่าสนุก
ทำไปทำมา ของพวกนี้จะแพงมาก ต้องใช้เซ็นเซอร์หลายแบบ ซอฟแวร์สลับซับซ้อน โปรเซสเซอร์กำลังสูงๆ แลกกับการที่ได้ autopilot มันเป็นเรื่องท้าทายมาก มีตังเยอะ ทำได้ แต่ขายไม่ได้เพราะแพงเกินไป ขอเป็นผู้ใช้แล้วกัน มีตังซื้อได้ก็ใช้ 555


ออฟไลน์ GT3

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 499
ระบบขับเองสำคัญที่สุดคือ เส้นถนนต้องชัดก่อนอันดับแรกครับ
บรรทัดแรกที่เป็น drivable มาเมืองไทยคงเหลือไม่ถึง 50%

ออฟไลน์ DiKiBoyZ

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 7,226
    • อีเมล์
กล้อง มีข้อจำกัดมากกว่า เช่น ฝุ่น(ปิดหน้ากล้อง หรือ กระจก) ควัน ฝน หมอก เป็นเงื่อนไขทั้งหมด

ถ้ามี เรดาร์ หรือ โซน่า ร่วมด้วย มันจะดีกว่ามาก เพื่อมันทะลุ condition ข้างบนที่กล่าวมาได้หมดเลย