คนญี่ปุ่น น่าคบหาด้วยในระดับนึง แต่สิ่งที่ผมชอบมากๆ คือ งานต่างๆ ของเค้า
มันมีความรู้สึกใส่เข้าไปด้วย ถึงตัวคนญี่ปุ่นจะดูเย็นชาแค่ไหน แต่สินค้าเค้ามันดู
มีความพิถีพิถัน และคิดถึงคนใช้ มากๆ ในขณะที่บ้านเรา คนดูจะมีนิสัยเป็นมิตรและ
เข้าง่ายกว่ามาก แต่ตรงข้าม การทำงาน กับสิ้นค้าเรา ดูแล้วเหมือนทำมาแบบไม่ใส่ใจ
ไม่ใช่ทุกๆ อย่างนะ แต่หลายๆ อย่าง คนไทยเราไม่ค่อยให้ความสำคัญกับงานที่ทำ
เหมือนกับคนญี่ปุ่น ซึ่งทุ่มเทให้กับงานมาก ดังนั้นผมก็ยังชอบงานของญี่ปุ่นต่อไป
แต่เรื่อง นิสัยใจคอ หรือชาตินิยม หรือความบ้าคลั้งในอดีต หรือปัจจุบัน อันนั้นเป็น
อีกเรื่อง ผมความความโหดร้ายป่าเถื่อนมันคงยังสืบทอดมาใน DNA ของเราทุกๆ คน
จนถึงปัจจุบัน ในญี่ปุ่นไม่กี่ปีมานี่ ก็มีข่าว การจับเด็กประถมไปหั่นคอ ส่วนบ้านเรา
ก็โหด ทั้งหั่น ทั้งเฉือน ในภาวะสงครามโลกครั้งที่สอง ตอนนั้น ญี่ปุ่นเองก็ปลุกปั่น
ความคิดที่ว่าเป็นเชื้อสายที่ศักดิ์สิทธิ์ เหนือกว่าคนประเทศอื่นๆ คนสมัยนั้นมัน
mastermine หรือควบคุมทางจิตใจง่าย เมื่อตนเองถูกยกระดับขึ้นเป็นเหมือนลูกหลาน
เทพ ในขณะที่ คนประเทศอื่นเหมือนผักปลา เหมือนสุนัข พวกทหารชั่วร้าย ที่มาจาก
ญี่ปุ่นจึงมีการกระทำที่เหมือนกับ ปีศาจจากนรกแตก นี่คือความน่ากลัวของคน และ
อำนาจป่าเถื่อนที่ไม่มีการควบคุม ไม่ใช่แค่ญี่ปุ่น แต่ผมเชื่อว่าในสถานการณ์แบบนั้น
ประเทศไหนมาแนวญี่ปุ่นแบบนั้น ก็มีโอกาสโหดร้ายป่าเถื่อนได้
ผมว่าคนญี่ปุ่นเองปัจจุบันก็ไม่ได้โง่ ถึงขนาดไม่รู้เรื่องราวในอดีตอะไรเลย การ search
ข้อมูลใน internet ก็ทำได้อยู่แล้ว ดีแล้ว ที่การศึกษาในญี่ปุ่น ปกปิดเรื่องที่เลวร้ายให้
กับเด็กๆ ในประเทศ เพราะมันเป็นความเจ็บปวด และความโหดร้ายของบรรพบุรุษใน
อดีต ซึ่งระดับเยาวชนจะสามารถรับได้หรือไม่... ในขณะที่คนที่โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว อาจจะ
รับเรื่องพวกนี้ได้ดีกว่า ซึ่งข้อมูลความโหดร้ายในอดีต คงไม่ยากที่ search ดูเอานัก
ผมว่าที่เป็นอยู่อย่างทุกวันนี้มันก็ดีอยู่แล้ว และญี่ปุ่น ก็ไม่หันไปหาสงครามอีก เน้นแต่
ธุรกิจการค้า ส่วนคนที่ทำเลวในอดีตตอนนี้ ก็คงได้รับการชดใช้กรรมกันไปหมดแล้ว
ทหารญี่ปุ่นฆ่าคนบริสุทธิ์ไปมากเท่าใดในเวลานั้น ระเบิดปรมณูก็ฆ่าคนบริสุทธิ์ใน Hiroshima
, Nagasaki ไป มากมายมหาศาลเช่นกัน และหลังจากนั้น ประเทศญี่ปุ่น ก็กลับมาเป็นฝ่าย
ความดี กลับเนื้อกลับตัว หลังจากความทุกข์ทรมานแสนสาหัส แล้ว เราจะไปพลิกฟื้น
ความเกลียดชัง ความโหดร้ายในอดีต ไปเพื่ออะไร ? ? ?
พูดถึงเรื่องนี้ ผมเคยดู Discovery พูดถึงเรื่อง Comfort Women (กะหรี่เชลย) ผมก็เห็นเขาสัมภาษณ์ทหารญี่ปุ่นสมัยก่อน เขาก็ยอมรับกันนะ บางคนก็พูดออกมาตรงๆ เลบว่าเขาทำอะไรลงไปในตอนนั้น
แต่ก็ยอมรับว่าคนที่เป็นประเภทชาตินิยมขวาจัด ไม่ยอมรับความจริง ก็ยังมี แม้กระทั่งทุกวันนี้ พวกที่มาโวยวายแก้ไขหนังสือเรียนปกปิดประวัติศาสตร์ที่ป่าเถื่อน ก็คือพวกนนี้นี่เอง แต่คงไม่อาจบอกได้ว่า คนพวกนี้เป็นตัวแทนคนญี่ปุ่นในปัจจุบันได้
และแน่นอนผมก็คงไม่อาจพูดได้ว่าคนจีนที่ออกมาเผาธงญี่ปุ่นเป็นคนส่วนใหญ่ แต่ว่าสิ่งที่ผมไม่พอใจก็คือ รัฐบาลจีน ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ยังพยายามปลุกปั่นเรื่องพวกนี้อยู่
กรรมที่ปู่ย่าตายายทำมา อย่าให้ลูกหลานมาเกี่ยวข้องจะดีกว่า
ความจริงอยากแย้งความคิดเห็นของคุณหลายๆเรื่อง แต่มาสะกิดตรงนี้มากๆ
กรรมที่ปู่ย่าทำมา อย่าให้ลูกหลานมาเกี่ยวข้อง
คนจีนสมัยนั้นโดนทำทารุณกรรมขนาดใหนคุณได้รู้มีถึง "หนึ่งส่วนร้อย" หรือป่าว ถึงเดี๋ยวนี้ "ญี่ปุ่น" ยังไม่ยอมรับ และ กล่าวขอโทษในสิ่งที่ได้กระทำไปเลย
ซึ่งนี่แหละคือสิ่งที่คนจีนทั้งประเทศต้องการ
ชอบความเห็นนี้มากครับ
จากประสบการที่เคยทำงานเป็นลูกน้อง ของทั้ง จีน และ ญี่ปุ่นมา่ก่อน ...
ขอบอกว่า จีน ถ้อยทีถ้อยอาศัยมากกว่า ญี่ปุ่นเยอะ คนจีน ที่อยู่ในไทย จะซึบซับความเป็นไทยไปเรื่อยๆ ตัวเองจะมีนิใสคนไทยมากขึ้น .... ปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสม เข้าใจประเพณีไทยได้ คุยรู้เรื่อง
แต่ญี่ปุ่น อยู่กี่ปี ก็ญี่ปุ่น ไม่ซึบซับ ไม่เอาไทยสักอย่าง แข็งยังไงก็แข็งอย่างนั้น .... ไทยว่าไรมากูไม่เชื่อ กูจะเชื่อแต่ชาติของตัวเองเท่านั้น ชาตินิยมเกินเหตุ ขนาดคอมพิวเตอร์ ยังต้องใช้ FUJITSU รถยนต์จะนั่งคราวท์ ไม่นั่งเบนซ์ อะไรที่เป็นญี่ปุ่นจะใช้ แต่อะไรที่เป็นฝรั่งหรือจีน จะไม่เอาเลย ไม่เข้าใจประเพณีไทย
แค่นี้ล่ะ .....
