[Koong]

     ตรงประเด็นเลยละกัน กรณีรถ mg 4  ตัว รุ่น x power  400 กว่าม้า  ให้เบรคมาแบบธรรมดา
หลายคนตำหนิติเตียน กลัวจะอันตราย เบรคไม่อยู่
    ผมว่าไม่น่ากังวลนะ  เพราะ

     1. ไม่ว่าจะรถ 100 แรง หรือ 400 แรงม้า  ตอนเบรค เราเหยียบเบรคอย่างเดียว ไม่ได้เหยียบคันเร่งไปด้วย 
    2  สมมติ  ขับที่ความเร็วเท่ากัน (กรีณีน้ำหนักรถพอๆกัน)  รถ 100 แรง กับรถ 400 แรง  มันก็ต้องใช้แรงเบรคเท่าๆกันๆ  ไม่ได้มากกว่ากันเลย
     3  ในกรณีรถ MG 4    แรงม้า 400 ก็จริง  แต่ความเร็วสูงสุดทำได้แค่ 200    มันก็พอๆกับรถน้ำมันทั่วๆไป   และยิ่งเป็น ev มีแรงหน่วงจากการรีเจนไฟกลับด้วย ยิ่งไม่น่าห่วง   
     
   สรุป  เบรคจำเป็นต้องทำให้ดีขึ้นขนาดไหน   ผมว่าขึ้นอยู่กับความเร็วสูงสุดที่รถคันนั้นทำได้ กับน้ำหนักของรถคันนั้น มากกว่าจะดูแค่ว่ารถคันนี้กี่แรงม้า     
    เราอาจจะคุ้นกับรถน้ำมันที่แรงม้าสูงๆ ซึ่งมักจะทำความเร็วได้สูงมาก จึงเห็นเขาใส่เบรคใหญ่ๆมาให้  แต่รถไฟฟ้าความเร็วสูงสุดแค่ 200 ผมว่าที่เขาใส่เบรคแบรถทั่วๆไปมาให้ ก็ไม่ได้ผิดอะไร

   ปล  . ไม่ได้เป็นติ่ง mG นะครับ   แค่ยกตัวอย่าง
     

[เนื้อน่องไม่หนัง]

ถ้าเข้าใจไม่ผิด เคส mg 4 x power เนี่ยโดนบ่น เรื่องใส่ที่ครอบเบรคมาทั้งๆที่ วงการรถยนต์มองว่าเป็นการตบแต่งที่ไม่มีประโยชน์และเสี่ยงมากๆแต่เกิดมันหลุด
อีกอย่างคือให้เบรค ขนาด 1 pot โอเคหน้าตัดมันอาจเยอะ มันเพียงพอ ถ้าขับแบบทั่วๆไป
แต่การที่วางตัวเป็นตัวแรง.. มันเลยขัดกับความรู้สึกครับ
รถอัตราเร่งขนาดนี้ ผมคิดว่าน่าจะถูกใจ สายซิ่ง ถ้าเอาไปมุด เบรคปล่อย เบรคปล่อยอันนี้ผมว่าเสี่ยง แต่กลุ่มนั้นเขาก็น่าจะอัฟเบรคกันอยู่แล้ว..

[Smith686]

         ที่รถแรงม้าสูงๆใส่เบรกใหญ่ๆมาให้  ก็เพราะคนที่ขับรถแรงๆมักจะชอบขับรถเร็ว  ส่วนคนที่ขับรถแรงน้อยๆก็จะขับไม่ค่อยเร็ว  แต่สำหรับคนที่ขับรถแรงน้อยชอบขับรถเร็ว เขาก็มักจะอัพเกรดเบรกกับช่วงล่างด้วยนะ  ถ้าใช้ของเดิมๆอาจจะเอาไม่อยู่ เสี่ยงอุบัติเหตุ

[samaklen]

เร่งขึ้นได้เร็ว
ควรเบรคได้เร็วครับ
ถึงจะแรงม้าน้อยกว่านี้ ก็ควรให้เบรคดีครับ

[sukhontha]

ถ้าวิ่งปกติ  ไม่มีปัญหาอะไรหรอก   

แต่เมื่อรถแรง มักจะขับไม่บันยะบันยัง  ถ้าเบรคธรรมดาเวลามันร้อนขึ้นมาเอาไม่อยู่ได้เหมือนกัน

[tom46]

อย่างแรกต้องดู พื้นที่หน้าตัด ของลูกสูบเบรกก่อนครับ

ยกตัวอย่าง อย่าง bmw e46 m3 ที่แฟนบีเอ็มมักจะบ่นกัน รถก็ราคาแพงแรงม้าก็สูงให้เบรกมาแค่นี้ เบรก ลูกเดียวทั้งหน้าหลัง แต่ในเบรกหน้าเขาที่เป็นเบรกแบบขาสไลด์ลูกสูบเดียว เขามีขนาดลูกสูบ 60 มม ซึ่งถ้าคิดพื้นที่หน้าตัดของขนาด 60 มม นี้ จะพอๆกับเบรก 4ลูกสูบ หลายๆตัวครับ

เรื่องเบรก อยู่ที่วิศวกรเขาคิดออกมาครับ เบรก ลูกสูบเดียว ถ้าขนาดลูกสูบเหมาะสม แรงเบรกเขาก็ทำได้ไม่แพ้เบรก หลายลูกสูบ ครับ อย่าเพิ่งไปมองว่าเบรกลูกสูบเดียวแล้วจะไม่ดีครับ

[akewizard]

รถหลายรุ่น ยกตัวอย่างเช่น Subaru WRX ยังให้เบรคหน้าหลังตัวเดียวกับรุ่นรถบ้านมาให้เลยคับ ขนาดว่าวิ่งเกิน 200 นะนั่น ฮาาาา (แต่เขาให้จานเบรคโตกว่า ผ้าเบรคดีกว่า)

เทคโนโลยีเบรคสมัยนี้ผมว่ามันไปไกลกว่าสมัยก่อนพอสมควร อย่างเบรคแบบ pot เดียวแต่ทำจานเบรคให้กว้างขึ้น ใช้ผ้าเบรคที่มี friction ที่ดีขึ้น มันก็ให้ประสิทธิภาพที่เหมาะสมกับพละกำลังของรถที่มีเยอะขึ้นได้
อาจจะไม่ได้จำเป็นต้องใช้ Caliper โตๆมีหลายๆ pot แบบพวก Super car ถ้ารถที่ใช้มันไม่ได้วิ่งเร็วอะไรมาก

[apinui]

อันนี้ัขอออกความเห็นเพิ่มเติมครับ ที่ว่ามาจริงๆก็ไม่ถูกซะทีเดียวนะครับ ..

รถที่มีแรงม้ามากกว่าเดิม แรงบิดมากกว่าเดิม เบรคต้องดีกว่าครับไม่ใช่เบรคแบบเดียวกันได้

รถ 400 ม้า 0-100 3.8 วิ กับรถ 170ม้า 0-100 9วิ อย่าคิดว่าเบรคตัวเดียวกันจะเอาอยู่เหมือนกันนะ มันต่างที่แรงส่งครับ ยกตัวอย่างเช่น เราขับคัน 400ม้า เราออกตัวเล่นๆ กดเต็มเหนี่ยวเลย ในขณะที่ความเร็วกำลังเพิ่ม พอดีมีมอไซด์ตัดหน้ามา ถ้าเบรคทั่วไปมันเอาไม่อยู่นะ .. แต่ถ้าทำแบบเดียวกัน กับรถ 170แรงม้า พอมีอะไรมาตัดหน้า เบรคบ้านๆก็เอาอยู่ เพราะอัตราเร่งมันต่างกัน แรงส่งมันต่างกัน

ผมเคยคิดแบบเจ้าของโพสคิด สมัย 10ปีที่แล้ว สมัยที่ผมเอา D-max ไปวางเครื่อง JZ แล้วใช้เบรคเดิม อู่ที่วางเครื่องก็บอกว่า เบรคเดิมมันจะไม่อยู่นะ .. ผมก็คิดแบบคุณแหละ รถคันเดิม เปลี่ยนแค่เครื่องแรงขึ้นทำไมมันจะไม่อยู่ ...

แต่พอขับจริง มันไม่อยู่จริงๆ เพราะแรงส่งมันต่างกัน เวลาเร่งกดสุดแล้วเบรคทันที แบบมีเหตุฉุกเฉินมันไม่ได้จริงๆ

แต่ถ้าแบบ แช่ 200 แล้วเบรค อันนี้ไม่เถียงว่าระยะเบรคมันไม่ต่างหรอก เพราะแรงส่งมันเท่ากัน ... แต่ถ้าแรงส่งมันต่างกัน เหตุการเกิดแบบที่ผมยกตัวอย่าง มันเห็นผลจริงๆ 

ส่วนความเห็นผมสำหรับ MG ถ้าขับบ้านๆ ไม่เร่งแรงๆแบบรถซิ่งมันก็เอาอยู่แหละ แต่ถ้าเร่ง 3.8วิ กดสุดแล้วเบรค เร่งอีก แล้วเบรค ผมว่าทำแบบนี้ไม่เกิน 5 รอบหรอก เบรคกระจาย ...

[kiwiwi]

มันไม่เสมอไป แต่แค่การขับแบบปกติ ก็ตามที่คุณบอกมา

แต่สำหรับคนที่ใช้สมรรถนะรถเพิ่มขึ้นจากคนปกติ ผมว่ามันจำเป็นเลยนะครับ
ตัวอย่างเช่น
E250 กับ E220d ที่อยู่ในตัวถังเดียวกัน แรงม้าไม่ห่างกันมาก แต่แรงบิดห่างกันพอสมควร
จากเบนซิน​ที่มุดเข้าช่องได้เนียนๆกับอีกคันที่มุดเข้าช่องแล้วเบรคไม่ค่อยจะอยู่

80-120 ในเวลา 9วิกับ6.5วิ มันมีแรงส่งก่อนเบรคเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
ถ้าผมต้องขับดีเซล ผมต้อง upgrade ผ้าเบรค
แต่ถ้าเบนซิน​ผมก็ปล่อยไว้งั้นแหละ

[punn]

คิดตามหลักใช้งาน ถ้าเริ่มต้นพอๆกันระหว่างพท.หน้าตัดเท่ากัน 1 vs 2.3..4 พ็อต   

น่าจะต่างกันขึ้นเรื่อยๆตามการใช้งานไปสักพักนะครับ
ถ้า 1 แล้วใหญ่ ใช้ๆไปมันน่าจะต้องสึกที่จานตรงกลางแรงกด
ถ้า 2 ขึ้นไป ใช้ๆไปการสึกน่าจะสม่ำเสมอบนจาน

ถ้าหลายๆพ็อตขึ้นน่าจะถนอมจานเบรคในระยะยาวมากกว่ารึเปล่าครับ?
คือถ้าแรงเบรคเดียวกันถ้าเลือกได้ก็เลือกหลายพ็อตจะดีกว่ามั้ยครับ?

[ynot9x]

จำเป็นต้องอัพยก ตัวอย่างโฟกัส ecoboot ของผม จูน state 1.5 แล้ว
เบรคเดิมเอารถไม่อยู่ครับ จานหน้าให้มาแค่ 280mm
จานเดิมพอขับเร็วความร้อนขึ้นเฟสเร็วมากครับ ต้องกะระยเบรคดีๆ

ผมต้องไปอัพเป็น 300mm ของ brembo + เปลี่ยนผ้าเบรคของ EBC
เบรคดีขึ้นเยอะ แต่ต้องอัพยางด้วยนะครับ ยางเดิม ติดรถถ้าไม่ดีหรือไกล้หมดสถาพ
บางทีแบรคดีแต่ยางเอาไม่อยู่มีไถลไปอีกหน่อยระยะเบรคเพิ่มครับ

รถตั้งแต่ 200 กว่าม้าแรงบิด 300nm ขึ้นไป ถ้าขับเร็ว ควรอัพเบรคครับ
ไม่ต้องรถให้ถึง 400 ม้าครับ เห็นผลแน่นอนครับ
และขึ้นกับ น้ำหนักและขนาดรถด้วยครับ

[Tien.W]

รถแรงม้าเยอะ คนขับ คงไม่ขับแบบ ขับ eco car แน่ๆ

เคยเจอไหม ? รถมันแรง แซงถนน 2 เลนสวน ไล่ความเร็วขึ้นไป 160 ดันมีรถสวน หรือ ออกมาจากข้างทางกระทันหัน ต้องตบเข้าซ้าย ซึ่งมีรถนำหน้าอยู่ แต่วิ่งแค่ 80 (รถใหญ่)

- ถ้าเป็นรถเล็ก eco car เครื่อง 1.2 คุณอาจจะไต่ได้แค่ 100 - 110 หักเข้าไป กระทืบเบรคแรงๆ ก็พอจะลุ้นอยู่
- ถ้าเป็นรถเครื่องแรง ระยะทางนิดเดียว 160 สบายๆ แล้วตบเข้าไป จาก 160 เหลือ 80 คุณว่า ถ้าเบรคเล็กๆ มันจะอยู่ไหม ?

วันนี้ขับมา 60 เอง ถนน 2 เลนสวน อยู่ดีๆ มีกระบะพุ่งออกมาจะเลี้ยวตัดหน้าผม แบบไม่ดูอะไรเลย กระทืบไปไม่อยู่ครับ ดีว่า หักหลบออกซ้ายมาได้ .. นี่ขนาดรุ่น EHEV ที่ได้เบรค 330 มม ใหญ่กว่ารุ่น turbo แล้วนะ .. นั่งคิดว่า ถ้าเป็นชุด Dixcel ที่อยู่ใน G3 คันเก่า ระยะแค่นี้ เหลือๆ ไปดูว่า คันหลังจะเบรคทันหรือป่าวแทน

และ กลับกัน ถ้าวันนี้ไม่ใช่ผม แต่เป็นคนอื่น ที่ตัดสินใจไม่ไวพอ หักหลบไม่เป็น รับรองว่า กระบะคันนั้น สาหัสหรือคาที่ แน่ๆ

สำหรับผม .. เบรคสำคัญที่สุด มันต้องเหลือเฟือ ไม่ใช่แค่พอใช้ ครับ

[iKrit]

Xiaomi SU7 ก็เป็นตัวอย่างให้เห็นละว่ารถแรงม้าแรงบิดเยอะ ต้องคู่กับระบบเบรคดีๆ
เอาลงสนาม เอาไปซิ่ง แล้วอยู่ดีๆเบรคเฟดเบรคหมด (หมดจริงๆ ผ้าเบรคหมดไปเลย) ฉิบหายกันเลยทีเดียว

ยังไงก็จำเป็นฮะ ผ้าเบรคต้องสัมพันธ์กับความแรงของรถด้วย เพราะตรีนแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน

แล้วที่ MG4 โดนล้อกันน่ะ เพราะดันเอาคาลิบเปอร์ปลอมไปแปะเอาไว้ให้ดูเหมือนใช้ชุดเบรคใหญ่เบิ้ม ทั้งที่จริงมันก็ชุดเบรคธรรมดาที่ยังพอเอาอยู่ แต่จะอยู่ได้นานแค่ไหน?

ตอนเบรคกระทันหันหรือช่วงที่ต้องใช้เบรคหนักจริงๆแล้วเฟดมันไม่ตลกเลย คือตรีนเหยียบมิดแล้ว แต่รถยังดุ้ยดุ่ยไปข้างหน้าอะ มันไม่ควรไปหลอกหรือลดต้นทุนตรงนี้กับลูกค้า

[DiKiBoyZ]

แค่ตรรกะในการคิดก็ผิดแล้ว

รถ 100 ม้า เร่ง 0-100 สัก 15 วิ มวล หรือ น้ำหนักของรถ มันจะไม่ใช่ 1 เท่า มันอาจจะเพิ่มเป็น X เท่า เวลาวัตถุเคลื่อนที่

รถ 400 ม้า เร่ง 0-100 สัก 3-4 วิ ด้วยอัตราเร่งขนาดนี้ (คิดภาพแรง G) ทำให้ มวล หรือ น้ำหนักเคลื่อนที่ ณ ตอนนั้น มันจะเป็น XX เท่า ด้วยซ้ำ

และ ที่สำคัญ รถ 100 กับ 400 ม้า ต้องหยุดรถ ในระยะที่พอๆ กัน หรือ ไกล้เคียงคัน ครับ

ไม่ใช่รถ 100 ม้า มีเวลา และ ระยะทางในการหยุด 30 เมตร แต่ คัน 400 ม้านั้น มีเวลาและระยะทางในการหยุด แค่ 100 เมตร ซะทีไหน

....

ซึ่งถ้าคุณคิดว่า รถ 100 ม้า และ 400 ม้า วิ่งมาด้วยความเร็ว 100kh/h เท่ากัน แบบไหลๆ แบบเปิด cruise control แล้วเบรคเหมือนกัน จะ 100 ม้า หรือ 400 ม้า ก็ใช้เบรคเท่ากัน อันนี้ใช่ ครับ ตรงกับที่คุณเข้าใจ

[ThisIsYuTh]

ถ้าไหลๆ ความเร็วเท่ากันแล้วเบรคก็อย่างที่คุณว่า แต่ในสถานการณ์ที่ต้องพึ่งพาเบรคหนักๆ จะเป็นช่วงที่เร่งส่งแล้วต้องเบรค หรือขับด้วยความเร็วแล้วเบรคมากกว่า ซึ่งรถแรงๆ ก็มีแนวโน้มจะขับเร็วกว่ารถบ้านทั่วไปอยู่แล้ว

[madboy]

สำหรับผมมองว่า รถ 400 ม้า กับ รถ 100 ม้า รถคันเดียวกัน เบรกเดียวกัน กระทืบแป้นคันเร่งอย่างสนุกสนานเมามัน ด้วยเกมจับเวลา 0-200-0 ตอนจะเบรก อัตราเร่งนั้นเป็นแค่อดีต(ที่ต่างกันเล็กน้อย) คัน 400 อาจจะเบรกที่ 205 คัน 100ม้า อาจจะเบรกที่ 201 ก็แล้วแต่ครับที่ว่าจะคิดว่ามันต่างกันแค่ไหน

เบรกเดิมติดรถตัวอย่างที่กล่าวมา สำหรับการขับขี่แบบธรรมดาคนทั่วไป มีสามัญสำนึก มีสติ มันพออยู่แล้วครับ

[saran_1st]

ถ้าลองเอาแทนในสูตรกลศาสตร์ การเคลื่อนที่แนวตรง มันคือเรื่อง ความเร่ง (a : m/sยกกำลังสอง) นั่นแหละครับ ที่ทำให้การหยุดรถแรงๆต้องใช้เบรคที่ดีกว่า
แต่หากเป็นกรณีที่วิ่งเอื่อยๆ แบบพี่ท่านบนว่ามา อันนั้นใช่ครับไม่มีความต่าง เพราะความเร่งเป็นศูนย์

หรือหาคลิปทดสอบ 0-200-0 ดูจะเห็นภาพครับ (เร่งจากหยุดนิ่ง ถึง 200 แล้วเบรคจนหยุดนิ่งอีกที)

[Dante Haversham]

ที่ จขกท. ว่ามา มันแค่การขับแบบปกติครับ เบรคเลยดูไม่จำเป็นต่อให้แรงม้ารถมากแค่ไหนก็ถาม

กรณีของ MG4 หรือรถจีนแรงๆ ที่ราคาเอื้อมถึงได้ไม่อยาก การที่คนขับจะเผลอเร่ง-เบรค มุดบ่อยๆ มีเยอะมาก และเบรคมันจะเริ่มเอาไม่อยู่ครับ
ลองนึกภาพรถแรงม้าน้อยๆ กว่าจะเร่งขึ้นไปถึงในจุดที่ต้องใช้เบรคหนักๆ อีกครั้ง มันใช้เวลานานกว่ากันเยอะเลยใช่มั้ยครับ แต่กับรถแรงม้าเยอะๆ แป้บๆ ขึ้นไปถึง แล้วก็เบรคอีกแล้ว

สมการที่ว่า รถยิ่งแรง = เบรคยิ่งต้องดี มันคือความจริงครับ

[Sleepy Boy]

มักจะมีคนกล่าวว่า "สิ่งที่วิศวกรโรงงานเขาคิดขึ้นมา มักจะดีที่สุด"
ซึ่งผมขับรถมา 30 กว่าปี ยังยืนยันว่า "ไม่จริงเสมอไป" ครับ
ผลสุดท้าย เขาก็ต้องเอาฟีดแบ็คจากผู้ใช้กลับไปแก้ไขปรับปรุงอยู่ดี ยกเว้นบางยี่ห้อที่ไม่สนใจอะไร กูจะขายแบบนี้ท่าเดียว

[Turin]

มักจะมีคนกล่าวว่า "สิ่งที่วิศวกรโรงงานเขาคิดขึ้นมา มักจะดีที่สุด"
ซึ่งผมขับรถมา 30 กว่าปี ยังยืนยันว่า "ไม่จริงเสมอไป" ครับ
ผลสุดท้าย เขาก็ต้องเอาฟีดแบ็คจากผู้ใช้กลับไปแก้ไขปรับปรุงอยู่ดี ยกเว้นบางยี่ห้อที่ไม่สนใจอะไร กูจะขายแบบนี้ท่าเดียว

"ดีที่สุด" สำหรับผู้ผลิตครับ ซึ่ง balance หลายอย่าง สำหรับคนหลายกลุ่ม ทั้งลูกค้าภายใน ภายนอก ... สำหรับเราๆท่านๆที่เป็นลูกค้าภายนอกที่อาจจะมีความต้องการบางอย่างพิเศษ หลายๆอย่างปรับให้ดีกว่าโรงงานไม่ยากจริงๆครับ (แต่บางอย่างก็อาจจะแย่ลง ซึ่งถ้าเราไม่สนใจ มันก็ไม่ได้เป็นปัญหา)

[DiKiBoyZ]

มักจะมีคนกล่าวว่า "สิ่งที่วิศวกรโรงงานเขาคิดขึ้นมา มักจะดีที่สุด"
ซึ่งผมขับรถมา 30 กว่าปี ยังยืนยันว่า "ไม่จริงเสมอไป" ครับ
ผลสุดท้าย เขาก็ต้องเอาฟีดแบ็คจากผู้ใช้กลับไปแก้ไขปรับปรุงอยู่ดี ยกเว้นบางยี่ห้อที่ไม่สนใจอะไร กูจะขายแบบนี้ท่าเดียว

"ดีที่สุด" สำหรับผู้ผลิตครับ ซึ่ง balance หลายอย่าง สำหรับคนหลายกลุ่ม ทั้งลูกค้าภายใน ภายนอก ... สำหรับเราๆท่านๆที่เป็นลูกค้าภายนอกที่อาจจะมีความต้องการบางอย่างพิเศษ หลายๆอย่างปรับให้ดีกว่าโรงงานไม่ยากจริงๆครับ (แต่บางอย่างก็อาจจะแย่ลง ซึ่งถ้าเราไม่สนใจ มันก็ไม่ได้เป็นปัญหา)

เห็นด้วยครับ

วิศวกร เขาทำมาดี ผมกล้าใช้คำว่า ดีที่สุด สำหรับรถคันนั้น และ การใช้งานแล้ว

แค่ มันอาจจะไม่ได้ดีสำหรับทุกคน ที่ใช้งานมัน มากกว่า บางคนอาจจะชอบซ้าย บางคนอาจจะชอบขวา เป็นต้น

ดังนั้น รถที่ดีที่สุด สำหรับผม ไม่ว่าจะเป็นภายนอก ภายใน ช่วงล่าง และ อื่นๆ คือ รถเดิมๆ จากโรงงาน นี่ละ

เพราะแทบจะทุกคน ที่ได้ขับ หรือ ทดสอบรถ ก่อนซื้อ ก็คือ รถเดิมๆ นั้นละ ที่ไปทดสอบ และ ชอบไม่ชอบ ก็รู้ตอนนั้น ไม่ใช่ว่าไปทดสอบที่เข้าใช้โช้ค KW หรือ Bill ซะที่ไหน

[#อินเดียหน้าโจร]

จริงครับ ที่ถ้าขับที่ความเร็ว 100 เท่ากัน ไม่ว่าจะรถ 100 ม้าหรือ 400 ม้า ตอนเบรคจะเบรคได้ดีเท่ากัน

แต่รถ 100 ม้า กับ 400 ม้า ต่างกันตรงตอนจุ่มคันเร่งครับ ตอนจุ่มคันเร่ง อัตราเร่งของรถ 100 ม้า กับ 400 ม้า ไม่เท่ากัน สมมติกำลังเร่งเซง ความเร็วขึ้นจาก 80 ไป 120 รถ 100 ม้าจะค่อยๆขึ้น รถ 400 ม้าจะดึงหน้าหงายเลย แต่พอความเร็วถึง 110 มีเหตุการณ์ฉุกเฉินต้องเบรคกระทันหัน ถ้าเบรคมแตนดาร์ด อาจจะเอา 100 ม้าอยู่สบายๆ แต่เบรค 400 ม้าแล้วเอารถที่กำลังพุ่งอย่างแรงไม่อยู่ครับ แม้เพียงระยะเบรคที่ยาวขึ้นต่างกัน 5 เมตร 10 เมตร หรือต่อให้แค่ 2-3 เมตรก็ตาม ก็มีผลว่าจะชนหรือจะรอด หรือเปลี่ยนจากเจ็บเบาเป็นเจ็บหนักขึ้นได้ครับ

[Sommer C350e W205]

จากที่ผมได้ลอง MG4 XPower ที่ Central ลาดพร้าว ระบบเบรคทำงานได้น่าพอใจมากๆ แถม ระบบ Regenerative Braking ทำงานได้ Smooth ที่สุดในบรรดารถยนต์ไฟฟ้าจีน