เมื่อคุณ Google 'the last good bmw'

[nobody123]

รุ่นนี้จะขึ้นมา ดังคุณ J!MMY ชื่นชมประมาณว่า 'รู้สึกเหมือนได้ขับรถจริง ๆ' และ ผมต้องเล่มกล้ามขับอยู่
'E90'
ลอง Google ดูเองได้ครับ ขึ้นมาอันแรกเลย Bimmerpost และ ใน Quora
; ผมลองขับรุ่นปัจจุบัน ระยะสั้น ๆ สามคัน เรียนตามตรง ไม่ได้ฟีล E90 ครับ
รุ่นใหม่ เอารถซีดานซีรีส์สามนะครับ ไม่เอารุ่นพิเศษคันสี่ห้าล้านอัพ ความต่างกับ MB มันแคบลง
(ผมลองขับ MB ซีดานสอง และ คูเป้หนึ่ง แล้ว เช่นกัน)

ท่านคิดว่าอย่างไรครับ?

[Steve_Davis]

ผมให้ G20 ครับ เบาๆ stiff tail happy มากๆครับ

[evlover]

ในไลน์อัพปัจจุบัน ให้ G20 รุ่นเดียว

[samaklen]

BMW ที่ยังเป็นแนวทางดั้งเดิม
รุ่นสุดท้าย
E38 ครับ

[เนื้อน่องไม่หนัง]

มองคิดว่าส่วนนึงคือค่ายต้องการ ปรับรถให้มันเข้าถึงได้ง่ายขึ้นด้วยนะครับ
สลัด Image เดิมๆออกไป เพราะสุดท้ายสิ่งที่คนขายต้องการ ไม่ใช่รถที่ดีที่สุด แต่เป็นยอดขาย
ไม่ใช่แค่ BMW พวก Subaru Volvo กับอีกหลายๆแบรนก็เป็นเช่นกัน
ผมเองอยากให้ Mazda เลิกติสแล้วทำรถแบบที่ตลาดอยากได้แล้วแฝงความเป็น Mazda อยู่บ้างนะ..

ถ้าอยากได้รถที่มีความเป็น BMW คงต้องไป Trim M-sport พวก m340i หรือ m3 ไปเลย

ผมเองก็เคยลอง E90 กับ F30 สำหรับผม F30 ลงตัวกว่าครับ
ถ้าถามในเวปรถ ที่คนชอบรถเยอะๆ ผมคิดว่าไม่แปลกที่ส่วนใหญ่จะไปทาง E90 มากกว่า

แต่อย่าลืมว่า คนในเวปนี้เป็นส่วนน้อยครับ ส่วนใหญ่เวปนี้เชียร์รุ่นไหน รุ่นนั้นแป๊กตลอดเลย

[XyteBlaster]

คนส่วนใหญ่ กว่าจะมีเงินซื้อ bmw แบบใช้เงินตัวเอง ก็เกือบวัยกลางคนครับ

สังขารมันเริ่มถามหา ผมเองเดินไปนั่ง series 2 พอลุกขึ้นมา รู้สึกเมื่อยตัวเลย แค่นั่ง 5 นาทีเอง  ใจเรารู้เลยว่า ร่างกายมันบอกแล้วว่าเราไม่ไหว ...

ดังนั้นค่ายรถก็ต้องทำรถเอาใจลูกค้า ที่ 'ซื้อจริง' ก็ต้องปรับบุคลิกรถให้ mass มากขึ้นครับ

[marvel]

เห็นตรงกับเพื่อนสมาชิกหลายท่านครับ

เท่าที่ติดตามข่าวคราวของยี่ห้อต่างๆ ถ้ามีคำกล่าวประมาณนี้ “The Last ...”
มักจะแสดงถึงการที่มีกลุ่มคนที่ชอบส่วนผสมหรือบางสิ่งที่มีมานานในยี่ห้อนั้น
แล้วบางอย่างของส่วนผสมนั้นหรือบางสิ่งหมดลงที่รุ่นนั้น

เช่น มีกลุ่มคนที่ชอบ bmw ที่มีส่วนผสม คือ คันไม่ใหญ่ขับสนุก + เครื่อง NA + พวงมาลัยไฮโดรลิค
หากส่วนผสมนี้ หมดลงที่ E90 ถ้ารุ่นต่อจาก E90 กลายเป็น turbo พวงมาลัยไฟฟ้า
E90 ก็จะกลายเป็น the last good bmw สำหรับคนกลุ่มนี้

แต่ก็ยังมีคนกลุ่มอื่นๆ ที่อาจไม่ได้ mind กับส่วนผสมดังกล่าว
bmw รุ่นต่อจาก E90 ก็ยังเป็นรถที่ดีสำหรับคนกลุ่มอื่นๆได้เช่นกัน

ยี่ห้ออื่นๆก็มักจะมีรุ่นที่ถูกกล่าวประมาณนี้เช่นกันครับ เช่น
993 ของ porsche เครื่อง air cooled ที่มีมาหลายรุ่น มาหมดลงที่รุ่นนี้
458 ของ ferrari เครื่อง V8 NA วางกลาง ที่มีมาหลายรุ่น ก็มาหมดลงที่รุ่นนี้

ผมมองว่ามีดีกันทุกรุ่น แล้วแต่ความชอบครับ

แชร์ประสบการณ์ส่วนตัว รถรุ่นนึง นักทดสอบรถท่านนึงบอกว่าชอบไม่เปลี่ยนแปลง ผมขับแล้วก็ชอบมาก
หลานสาวผม อยู่มหาลัยปีสอง นั่งแล้วบอกไม่ขอนั่งอีกแล้วได้มั๊ย บอกแข็งเกินไป

[apiwat151]

ไฟท้าย BM รุ่นใหม่ มันจะเล็ก เรียว ไปไหนครับ Benz ยังดูสวยกว่าอีก 555

[Kanarath]

เห็นตรงกับเพื่อนสมาชิกหลายท่านครับ

เท่าที่ติดตามข่าวคราวของยี่ห้อต่างๆ ถ้ามีคำกล่าวประมาณนี้ “The Last ...”
มักจะแสดงถึงการที่มีกลุ่มคนที่ชอบส่วนผสมหรือบางสิ่งที่มีมานานในยี่ห้อนั้น
แล้วบางอย่างของส่วนผสมนั้นหรือบางสิ่งหมดลงที่รุ่นนั้น

เช่น มีกลุ่มคนที่ชอบ bmw ที่มีส่วนผสม คือ คันไม่ใหญ่ขับสนุก + เครื่อง NA + พวงมาลัยไฮโดรลิค
หากส่วนผสมนี้ หมดลงที่ E90 ถ้ารุ่นต่อจาก E90 กลายเป็น turbo พวงมาลัยไฟฟ้า
E90 ก็จะกลายเป็น the last good bmw สำหรับคนกลุ่มนี้

แต่ก็ยังมีคนกลุ่มอื่นๆ ที่อาจไม่ได้ mind กับส่วนผสมดังกล่าว
bmw รุ่นต่อจาก E90 ก็ยังเป็นรถที่ดีสำหรับคนกลุ่มอื่นๆได้เช่นกัน

ยี่ห้ออื่นๆก็มักจะมีรุ่นที่ถูกกล่าวประมาณนี้เช่นกันครับ เช่น
993 ของ porsche เครื่อง air cooled ที่มีมาหลายรุ่น มาหมดลงที่รุ่นนี้
458 ของ ferrari เครื่อง V8 NA วางกลาง ที่มีมาหลายรุ่น ก็มาหมดลงที่รุ่นนี้

ผมมองว่ามีดีกันทุกรุ่น แล้วแต่ความชอบครับ

แชร์ประสบการณ์ส่วนตัว รถรุ่นนึง นักทดสอบรถท่านนึงบอกว่าชอบไม่เปลี่ยนแปลง ผมขับแล้วก็ชอบมาก
หลานสาวผม อยู่มหาลัยปีสอง นั่งแล้วบอกไม่ขอนั่งอีกแล้วได้มั๊ย บอกแข็งเกินไป

+1

ผมชอบ e92 แต่ขับรุ่นใหม่ๆยังไงก็ดีกว่า
ยกเว้นเก็บไว้เป็นรถขับเล่นเสพอารมณ์ในอดีต

[อีกนิดก็แรง]

เคยขับ e90 325 m sport เทียบกับ F30 330e m sport บอกเลยบอกชอบ F30 มากกว่า เพราะพวงมาลัยเบา ขับง่าย แรงแบบไม่เครียด e90 325 คือแรง แต่ตอนออกตัวต้องกดลึก พวงมาลัยหนักมากๆ เรียกว่าขับในเมืองรถติดคือทรมาน มันดีกว่า mr2 เกียร์ธรรมดาที่เคยผ่านมือม่าหน่อยนึง ผมไม่รู้ว่าควรใช้คำว่า last good bm ไหม มันเหมือนการเปลี่ยนผ่านช่วงดิบๆ มาสู่ยุคที่มีตัวช่วยขับมากกว่า
สุดท้ายถ้าเป็น line up รถ daily used ส่วนตัวไม่มองว่ารุ่นเก่าๆ ดีดว่ารุ่นใหม่ๆ ยกเว้นพวก ตระกูล M กับ ตระกูล AMG ที่สมัยก่อนเครื่อง v8 v10 มาเดียวนี้เหลือ v6 เบนซ์นี่หนักลงไป 2.0 4 สูบ hybrid คือมันไม่ใช่อะ

[tom46]

ส่วนตัวผม ผมเองก็ยังชอบ e90 ตัวที่เป็นพวก 325 330 อยู่

ผมว่าเขา e90 ยังคงเอกลักษณ์ของบีเอ็มอยู่ ซีรีส์ 3 ที่คนส่วนใหญ่จดจำกัน คือ ตัวเล็ก เครื่อง na แรงๆ หน้าปัดแบบเข็ม ไฟหน้าปัดสีส้ม มีเกียร์กระปุกให้เลือกใช้ มีคันเบรกมือให้ดึงเล่น ซึ่งพวกนี้ยังหาได้ใน e90 อยู่

พอบีเอ็มรุ่นใหม่ๆ ผมว่าเอกลักษณ์เขาเปลี่ยนไป ก็คงตามสมัยนิยม ที่ต้องปรับตัวกันไป ถ้าซื้อมาเพื่อใช้งานก็คงต้องพวก G20 ตามยุคสมัยที่เปลี่ยนไป แต่ถ้าคิดจะซื้อมาขับสนองอารมณ์ ผมก็ยังคงมองพวก e90 อยู่ครับ

[marvel]

ตอนนี้ผมใช้ทั้งรถใหม่และรถเก่า เลยพอจะเข้าใจฟีลว่ารถแต่ละยุคมีดีอย่างไร
โพสต์ก่อนหน้านี้ เลยบอกว่ามีดีกันทุกรุ่น แล้วแต่ความชอบครับ

พออ่านความเห็นเพื่อนสมาชิกหลายท่าน โพสต์นี้ขอเอ่ยถึงรถยุคก่อน
เพราะพอเห็นเลข 325 330 แล้วก็หวนนึกถึงเครื่องหกสูบเรียง NA ที่เคยใช้ใน E34 กับ E39
เป็นศิษย์เก่า M50 M52 ด้วยครับ 

ฟีลของรถยุคก่อน ผมก็ชอบคล้ายๆเพื่อนสมาชิกหลายท่านเช่นกัน ส่วนผสมของ
เกียร์ธรรมดา + หน้าปัดเข็มจริง + เบรกมือแบบก้าน + พวงมาลัยไฮโดรลิก + ICE

E34 ตอนนั้น เครื่องแค่ 1991 cc ซึ่งถือเป็นรุ่นเริ่มต้นก็ยังหกสูบเรียง
สมัยนี้จะใช้หกสูบเรียงของ bmw ก็ต้องไปเล่นรหัสที่ขึ้นด้วย M เลย เช่น M340i
สมัยผมใช้ E34 , CR-V gen2 ยังเป็นป้ายแดง , เสียดายว่าตอนนี้ไม่ได้เก็บรถ bmw หกสูบเรียงไว้เลย

ยังดีว่าเก็บ E38 ไว้อยู่คันนึง นับถึงตอนนี้ก็เก็บมา 20 ปี และคงเก็บต่ออีกยาวๆครับ

[The Mechanics of Emotions]

ถ้าในมุมมองผม ส่วนตัวคิดว่า E90 นี่แหละคือ BMW แบบแท้ๆ ทั้งการดีไซน์ องค์ประกอบของการเป็น BMW มันครบถ้วน แน่นอนแหละครับว่าการที่ BMW ทำรถแบบเน้น Driving Dynamics แบบเน้นๆ คือดิบ พวงมาลัยที่หนักและคม ให้การสื่อสารมาถึงคนขับแบบเน้นๆ ตัวถังที่กระจายน้ำหนัก 50:50 ขับหลัง เครื่องยนต์ N/A 6 สูบเรียงที่เรียบเนียน นุ่มแน่น การให้กำลังที่ต่อเนื่อง เสียงแผดหวานที่รอบสูง มันไม่มีอีกแล้ว ผมเทียบให้ว่านี่ขนาดรถบ้าน เช่น 325i นะครับ ถ้าไปนึกถึงช่วงนั้นที่ BMW บ้าที่จะทำ M3 V8, M5 V10 คุณก็คิดเอาละกันว่าช่วงนั้น BMW บ้าตั้งใจทำรถให้มี Driving Dynamics ที่ดีขนาดไหน

สิ่งที่ผมคิดว่าทำไม E90 ถึงยังคงอยู่ในใจแฟน BMW หลายๆ คน คือ

1.Driving Dynamics
E90 ใครได้ขับจะรู้ว่าการตอบสนองฟีดแบคที่หนักแน่น เฉียบคม แต่ผมก็เข้าใจแหละว่ามันดิบไปหน่อย กระเทือน ไม่สบาย ด้วยประสบการณ์ตัวเองได้จับ f30 และในบอร์ดฝรั่งหรือยูทูปที่เทียบก็ออกเป็นเสียงเดียวกันว่า E90 มีการขับขี่ที่ดีกว่า (ในแง่ของคนชอบขับรถ) แต่ความสบายและความแรงยอมรับว่า f30 นุ่มกว่าและแรงกว่า แต่มันขาดอรรถรส

2.Engines
BMW ขึ้นชื่อในเรื่องของเครื่องยนต์ 6 สูบเรียงที่มีมานาน แม้แต่ช่างหลายๆ อู่ก็ยังบอกว่าให้เล่น 6 สูบเรียง มันทนกว่า 4 สูบมาก ทั้งยังเรื่องของความสมูท การส่งต่อกำลังที่ต่อเนื่อง แรงแบบต้องเค้นรอบ เพราะไม่มีเทอร์โบมาช่วย เสียงหวานแผดเมื่อลากรอบสูงๆ (เทียบรถบ้าน 325i e90, 328i f30)

3.Design Philosophy
การออกแบบด้วยเส้นสายที่เรียบง่าย ที่ดูได้นาน จนเป็น design ที่อาจเรียกได้ว่า timeless ก็เป็นได้ ไม่มีเส้นสายที่ดูรกและเยอะเหมือน BMW รุ่นใหม่ๆ รวมถึงการออกแบบภายในที่มีปุ่มให้ใช้งาน มีเทคโนโนโลยีอำนวยความสะดวกที่ไม่ได้เยอะเกินจนมารบกวนการขับขี่ ไม่มีจอเยอะๆ ไม่มีไฟในรถ มีแค่ ambient เป็นจุดๆ พอ

4.Build Quality
อันนี้ต้องให้ลองไปจับไปสัมผัสเอาเองครับ ผมมีเวลาอยู่กับรถทั้งรุ่นเก่ารุ่นใหม่ การใช้วัสดุ การประกอบดูแข็งแรงกว่า แต่ก็ยอมรับว่า E90 ก็มีเสียงกร๊อบแกร๊บบ้างตามกาลเวลา ฟีลการเปิดปิดประตู ฝาหน้า ฝาท้าย มันดูหนักแน่นไม่เหมือนรุ่นใหม่ๆ

5.Size
น่าจะเป็นขนาดที่เรียกว่า perfect size สำหรับสปอร์ตซีดาน ไม่ใหญ่เกินไป ไม่เล็กเกินไป แต่ถ้ามองเป็นรถใช้งานก็อาจเห็นได้ว่ามันอาจจะแคบเกินไปหน่อย

สรุป

ผมมองว่าส่วนผสมหลายๆ ส่วนของการเป็น BMW ในแบบฉบับแท้ๆ มันลงตัวใน E90 และหลายๆ รุ่นในช่วงยุคนั้น เรียกว่าเป็น sweet spot สำหรับคนที่ชอบการขับขี่และการดีไซน์ที่คิดว่าลงตัวกว่าปัจจุบัน ไม่ต้องมีจออะไรเวอร์ๆ ไม่ต้องมีระบบมาช่วยขับเยอะแยะจนแย่งบทบาทของคนขับไปหมด เอาจริงๆ ผมว่าไม่ใช่แค่ BMW หรอก แต่ Mini ผมว่ามาแนวทางเดียวกันคือไปโฟกัสที่ตลาดกลุ่มที่กว้างขึ้นก็เลยต้องลดทอนความดิบลง เช่น r56 > f56 เห็นได้ชัดเลย r56 ขับมันส์กว่า แข็งกว่า ดิบกว่า แต่ f56 สบายกว่า ก็น่าจะอธิบายอะไรได้หลายอย่าง

[imvile]

พึ่งคิดเรื่องนี้ไม่นานมานี้เช่นกัน
สำหรับผมก็ last E-generation
ผ่านมื้อทั้ง E60 และ E90
มีความดูดถนน พวงมาลัยฟีลลิ่งมาเต็ม
balance ดีระหว่างเทคโนโลยี กับ mechanic

ซึ่งตระกูล F มันหายไป แต่เท่าที่ขับ ช่วงล่าง G20 เริ่มกลับมาเข้าร่องเข้ารอย แต่ยังชอบพวงมาลัยของ E มากกว่า

ตระกูล E ที่เสียดายคงเป็นแค่ ผมยังไม่ค่อยอินเครื่องโตเสียงหวานเท่าไหร่
ถ้าเลือกได้อยากมี benzene turbo มาใส่ e90 gen สุดท้าย

[mochalatte]

E90 อยู่ต่างประเทศพอจะมีให้เลือก 335i นะครับ มีทั้งเครื่อง 6 สูบ + โบ☺️

[SM.]

BMW ที่ยังเป็นแนวทางดั้งเดิม
รุ่นสุดท้าย
E38 ครับ

+1

E38 คือที่สุดแล้ว

[ใช้มาสด้าและยังไม่ซ่อม]

ตอนนี้ผมใช้ทั้งรถใหม่และรถเก่า เลยพอจะเข้าใจฟีลว่ารถแต่ละยุคมีดีอย่างไร
โพสต์ก่อนหน้านี้ เลยบอกว่ามีดีกันทุกรุ่น แล้วแต่ความชอบครับ

พออ่านความเห็นเพื่อนสมาชิกหลายท่าน โพสต์นี้ขอเอ่ยถึงรถยุคก่อน
เพราะพอเห็นเลข 325 330 แล้วก็หวนนึกถึงเครื่องหกสูบเรียง NA ที่เคยใช้ใน E34 กับ E39
เป็นศิษย์เก่า M50 M52 ด้วยครับ 

ฟีลของรถยุคก่อน ผมก็ชอบคล้ายๆเพื่อนสมาชิกหลายท่านเช่นกัน ส่วนผสมของ
เกียร์ธรรมดา + หน้าปัดเข็มจริง + เบรกมือแบบก้าน + พวงมาลัยไฮโดรลิก + ICE

E34 ตอนนั้น เครื่องแค่ 1991 cc ซึ่งถือเป็นรุ่นเริ่มต้นก็ยังหกสูบเรียง
สมัยนี้จะใช้หกสูบเรียงของ bmw ก็ต้องไปเล่นรหัสที่ขึ้นด้วย M เลย เช่น M340i
สมัยผมใช้ E34 , CR-V gen2 ยังเป็นป้ายแดง , เสียดายว่าตอนนี้ไม่ได้เก็บรถ bmw หกสูบเรียงไว้เลย

ยังดีว่าเก็บ E38 ไว้อยู่คันนึง นับถึงตอนนี้ก็เก็บมา 20 ปี และคงเก็บต่ออีกยาวๆครับ

ก่อนผมจะเปลี่ยนมาเป็น E70
ก็ใช้ E38 มาก่อนเหมือนกันครับ
ทุกวันนี้ยังคิดถึงเสียงเครื่อง V8 แบบนั้นอยู่เลย
วิ่ง 200 ในรถเงียบพอๆกับ HRV ที่บ้านขับ 70-80 เลย
สมัยก่อนคนแถวบ้านชอบทักว่ารถเจมส์บอนด์ ^_^

พอมาขับรถยุคใหม่ๆ ก็ยอมรับว่ามันขับง่ายขึ้น ดีขึ้น สะดวกขึ้นจริงๆตามสมัยนิยมแหละครับ

แต่ที่สุดของยุคนั้นของ BMW ผมก็ยังให้ E38 กับ E39 ครับ

[marvel]

ก่อนผมจะเปลี่ยนมาเป็น E70
ก็ใช้ E38 มาก่อนเหมือนกันครับ
ทุกวันนี้ยังคิดถึงเสียงเครื่อง V8 แบบนั้นอยู่เลย
วิ่ง 200 ในรถเงียบพอๆกับ HRV ที่บ้านขับ 70-80 เลย
สมัยก่อนคนแถวบ้านชอบทักว่ารถเจมส์บอนด์ ^_^

พอมาขับรถยุคใหม่ๆ ก็ยอมรับว่ามันขับง่ายขึ้น ดีขึ้น สะดวกขึ้นจริงๆตามสมัยนิยมแหละครับ

แต่ที่สุดของยุคนั้นของ BMW ผมก็ยังให้ E38 กับ E39 ครับ

สมัยนั้นผมเคยอยากได้ E53 อยู่เหมือนกันครับ เป็น segment ใหม่สำหรับ bmw เลย

พูดถึงเรื่องนิ่งเงียบนี่ E38 ความเร็วสูงๆ นิ่งเงียบจริงๆครับ
E30 E36 E46 E90 เป็นรถแนวขับสนุก คล่องแคล่ว ปราดเปรียว
ส่วน E38 เป็นรถแนวขับสบาย นิ่งเงียบ คงเพราะ
การออกแบบที่ลู่ลม(สำหรับรถใหญ่)+ฐานล้อที่ยาว+กระจกสองชั้น+การ set ช่วงล่างจากโรงงาน+ยาง

ปัจจุบันนิยมล้อใหญ่ ยางบางๆ เห็น E38 คันอื่นๆเปลี่ยนล้อเป็น 18 19 20 สวยดีครับ
(รถคันอื่นๆของผม มีใช้ล้อ 18 19 + ยาง sport อยู่บ้างเหมือนกัน)
แต่สำหรับ E38 ผมพอใจมากๆกับ size ยางและล้อขอบ 16 เดิมที่มาจากโรงงาน ไม่เคยเปลี่ยนล้อคันนี้เลย
ยางเปลี่ยนมาเรื่อยๆ พวกรุ่น comfort เช่น primacy LC , 3st , gr80 , gr100
ตอนนี้ใช้ T005A spec โรงงาน 235/60R16
ยางแนว comfort ซีรี่ย์60 + ล้อขอบ 16 ในรถ E38 นี่ นุ่ม นิ่ง เงียบ ในแบบที่ผมพอใจมากๆครับ

สองภาพแรก เป็นของเพจช่างภาพ streetsnap  ถ่ายตอนมีตติ้งครับ ได้เห็น E38 ของผมและคันอื่นๆด้วย
ดีใจที่เห็นหลายท่านชอบ E38 เหมือนกันนะครับ

[Sommerดอยแม่สลอง]

เป็นผม ผมขอยกย่อง 3-Series โฉมแรก 1975-1982 ซึ่งเป็นรุ่นที่กลมกล่อมที่สุด นั่งสบายเหมือนรถ Eco Car ในไทย ยุค 2010s