คนทำดี ก็ต้องชม ครับ
เช็คระยะครบสามปี อัพซอฟต์แวร์ประมาณสิบตัวฟรี รวมการขับเคลื่อน และการควบคุมแบต พันกว่าบาท (ฟรี และ รถตีนต้นแรงขึ้น) / น้ำหล่อเย็นพร่อง --> เติมฟรี! (รวมจ่ายแค่ 9926.39 บาท เป็น ค่าแรง 4xx บาท ถูกมาก น้ำมันลิตรละ 950 รับได้ แพงกว่าข้างนอกนิดเดียว แต่ได้บริการช่วยเหลือฉุกเฉินอีกปีนอกประกัน)
ขึ้นมาศูนย์ Scan รามอินทราตอน 11.xx ปุ๊บ พนักงานเข้ามาถามข้าวเที่ยงปั๊บ สั่งไปสองจาน ฟรี
ในใบแจ้งค่าใช้จ่าย ซึ่งผมเข้ามาก่อนหมดประกันครึ่งเดือน (จะเห็นว่าบริษัทรับเรื่องเป็นทางการว่าผมแจ้งให้เช็คทุกจุดที่ต้องเปลี่ยนฟรี) ถึงแม้ลงตัวเลขครบทุกหัวข้อ จะฟรี สี่หัวข้อ ประมาณหมื่นพอดี (ผมแจ้งไม่เปลี่ยนหัวเทียน เพราะขับไฟฟ้าเป็นหลัก)
1. ไม่ได้แพงกว่ารถเมกันนำเข้าที่เคยใช้เท่าใด
2. ไม่ได้แพงกว่าการบำรุงรักษา BM เก่า ที่ราคาตั้งเท่ากัน (อาจถูกกว่า เพราะรถเก่าชิ้นส่วนเสื่อมเยอะ)
3. ถูกกว่า MB ที่ราคาต้้งเท่ากัน เช็คครบปีที่สอง (ถ้าจำไม่ผิด ผมจำตัวเลข MB ไม่ได้แน่)
4. ถูกกว่าคันเดียวกัน (Volvo PHEV คันนี้แหละ) เช็คครบปีที่สอง
ความหรู บริการ ทัดเทียม BM MB
ถ้าอยู่กทม. การเข้าเช็ค/ซ่อมตัวถัง ไม่ได้นานกว่า สองเจ้าหลักแล้ว (จากการเข้าสิบกว่าครั้ง ทั้งสามคัน รอบสามปีที่ผ่านมา)
ทั้งนี้ Volvo จะเปิดศูนย์ซ่อมตัวถังเพิ่มอีก ก็จะเร็วขึ้นอีก
ปล. ปีที่สี่เป็นต้นไป คาดได้ว่า แพง แต่จะถูกกว่า รถขับระบบเดียว เทียบยี่ห้อเดียวกัน เพราะขับสองระบบ ผู้คนพบว่า แต่ละระบบไม่ค่อยเสีย มันเฉลี่ยความเสื่อม พบว่ามีคนขับถึงสิบปียังไม่ต้องจ่ายหนักเลย ครับ