« ตอบกลับ #9 เมื่อ: ตุลาคม 23, 2024, 11:43:41 »
ผมว่าคุณกำลังเข้าใจผิด เกี่ยวกับระบบการทำงานของรถยนต์ในขั้้นพื้นฐานซึ่งเป็นแบบนี้มานานแล้ว และยังเป็นอยู่ในปัจจุบันนะ
ทำไมรถมีปัญหา ต้องเช็คโค็ด วุ่นวายกับคอมฯ ระบบเยอะ บราๆ ... ย้อนเวลาไปรถยนต์คาบูเรเตอร์ ที่ไม่มีระบบไฟฟ้า หรือ ระบบหัวฉีด EFI รุ่นแรกๆเลยก็ได้ เวลามีปัญหา เครื่องสะดุด เดินไม่เรียบ เร่งไม่ขึ้น หรืออื่นๆ
เวลาเข้าศูนย์หรือเข้าอู่ ช่างจะเดาอาการเองว่า น่าจะเกิดจากอะไร เช่น น้ำมันบาง หัวเทียนบอด ลิ้นปีกสกปรก หรืออื่นๆและก็แก้ไปตามที่ช่างคิดว่าอาจจะเกิดตรงนั้น และมีหลายครั้งคือ แก้ไม่หาย ล้างลิ้นปีกแล้ว รอบเครื่องก็ยังสวิงเหมือนเดิม (คิดว่าประสบการตรงนี้คุณคงไม่เคยเจอ) ทีนี้ก็เดาไปเรื่อยเลย จนมีคำที่พูดกันมากว่า "แก้ไม่จบ" ก็เพราะไม่เจอปัญหาที่แท้จริงไง
ยุคต่อมา ได้มีการพัฒนาโดยการฝังเซ็นเซอร์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของเครื่องยนต์มากขึ้น เพื่อนำมาเป็นตัววิเคราะห์อาการ ฟ้องอาการ รวมถึงเป็นตัวให้เครื่องยนต์เรียนรู้การทำงานได้เอง โดยการใส่เซ็นเซอร์ O2 Co2 เซ็นเซอร์แรงดันน้ำมันเครื่อง เซ้นเซอร์วัด ไอดี ไอเสีย และอื่นๆอีกมากมายเป็นร้อยๆจุด แม้แต่แอร์ก็ยังมีเซ็นเซอร์เลย
และทีนี้ ศูนย์รวมข้อมูลทั้งหมดก็จะไปรวมอยู่ในกล่องควบคุมที่เรียกกันว่า กล่อง ECU ซึ่งมันจะทั้งบรรทึก ประมวลผล และควบคุมระบบเครื่องยนต์รวมถึงระบบขับเคลื่อนทั้งหมดไว้
มาถึงตรงนี้คุณน่าจะพอเข้าใจเพิ่มแล้วว่า ทำไม เวลาเข้าศูนย์ ใครๆก็จะไม่กล้าตอบคำถามคุณว่า รถเสียที่อะไร แต่ให้มาเสียบกล่องเช็ค Error เพราะสาเหตุมันเยอะ การเสียบกล่องมันจะเป็นการแก้ปัญหาได้ถูกจุด เพราะมันจะบอกว่า อะไรของรถคุณผิดปกติ
หมอรักษาคน ถ้าวิเคราะห์อาการไม่แน่ชัด หมอจะสั่งตรวจเลือด เพราะเลือดมันจะบอกทุกอย่างในร่างกาย ... ECUก็เหมือนเลือดอะครับ เสียบกล่องรู้เลย อะไรพังไม่ต้องเดา
จากภาพ ลองดูครับ ในรถหนึงคันมีอะไรบ้าง และรถปัจจุบัน ระบบเยอะกว่านี้มาก รถเร่งไม่ขึ้น ปัญหาอาจไม่ใช่ที่เครื่องยนต์แต่ทรัคชั่น อาจทำงานผิดปกติก็ได้ ช่างไม่รู้เดาอาการยกเครื่องใหญ่โต ก็มีมาแล้วนะ
