การที่ Mazda จะอัพตัวเองไปเป็น entry premium ศูนย์เขาดีพอหรือยังเทียบกับ Volvo ?

nl2br

ยังอีกไกล และระยะยาว รอดยากด้วย รถใหม่ก็ไม่มี ยอดขายก็น้อยลง 0 หลายๆ ที่ก็ทยอยปิด ผมเข็ดกับแบรนด์นี้เลย
บล็อกข่าวไอทีกากๆ >> https://thaimobiletricks.blogspot.com/ << ข่าวมือถือ มือถือรุ่นใหม่



TJA

  บอกเล่าให้มุมของผมบ้างนะครับ     ผมมี ปสก เอา Mazda MX5 ไปเข้าศูนย์ไซม์ดาร์บี้ศรีนครินท์  เรื่องของกินจัดเต็มมาก เครื่องดื่ม ผลไม้ ไอศครีม ที่นอน ห้องบริการจัดไว้ดีสะอาด หรูหรา    ถ้าจะบอกว่าตอนนี้ ISUZU CCK เส้นกิ่งแก้ว ราชาเทวะก็จัดเต็มแทบจะเหมือนกับเป็นระดับเดียวกับ Mazda แล้ว   แถมตอนเช้ามีข้าวต้มให้กินอีกด้วย อิ่มท้องไปเลย    เพราะฉะนั้นความพรี่เมี่ยมของ Mazda  ตรงจุดนี้คงไม่ที่สุดแล้วละ       
  เรื่องค่าบริการชั่วโมงละ 750 บาท  ที่ผมเจอมาไม่รู้สึกว่าแพงมาก   แต่ที่แพงเลยคือถ้ามีซ่อมเปลี่ยนอะไหล่หลักที่ไม่ใช่อะไหล่สิ้นเปลืองผมว่า Mazda แพงทุกรุ่นกว่าคู่แข่งในระดับเดียวกัน  คงจับกลุ่มลูกค้าทั่วไปไม่ได้     
   เรื่องการบริการ การซ่อมไม่ได้ว้าว    ขนาดเป็นศูนย์ฝึกอบรมช่างของ mazda  ผมยังรู้สึกว่าเฉย ๆ   

   ก่อนที่ผมจะซื้อ Mazda MX5 คันนี้มา   เคยติดต่อเซลนัดหมายล่วงหน้าจะไปทดลองขับ  ที่โชว์รูมเส้นวิภาวดีเลยตึกการบินไทยไปหน่อยนึง      เซลยกแม่น้ำทั้ง 5 เป็นนโยบายของ Mazda  ถ้าจะให้ทลองขับต้องปิดการขายได้    คือผมอยู่ในคลับ MX5  คนอื่นเค้าก็ไปทดลองขับก็ไม่เห็นมีปัญหาอะไรถ้าไม่ได้ซื้อ       วันนั้นผมหงุดหงิดก็เลยชวนแฟนกลับออกมาเลย    ไม่ดูรถหรือดูข้อเสนอของเซลทั้งสิ้น       กลับมาซื้อรถมือ 2 ในคลับ MX5 ไปเลย  ไม่อยากอุดหนุนรถใหม่ Mazda  ที่วางเงื่อนไขไว้เยอะเกินไป  สร้างเงื่อนไขอะไรให้มันวุ่นวายทั้งที่ตอนซื้อหรือตอนเข้ารับบริการผมไม่ได้มีอะไรพิเศษหรือเห็นว่า Mazda MX5  จะทำให้ผมพิเศษกว่าคนอื่นตรงไหน    ทั้งที่รถรุ่นนี้ความจริงคือรถธรรมดาทั่วไปไม่ได้มีอะไรพิเศษ    มันแพงเพราะเป็นรถนำเข้าแค่นั้น    สมัยนี้คนรู้ทั้งนั้นละลูกค้าฉลาดขึ้นแค่หาข้อมูลในเนตก็ทราบหมดแล้ว

     อุปมาเหมือนรถ SUZUKI JIMNY  นั่นละ  ใครก็รู้ว่ารถมันราคาที่ญี่ปุ่น 7-8 แสนบาท  มาตรฐานของรถราคาแค่นี้มันก็มีอ็อพชั่นเท่านี้   แต่มาขายไทยมันแพงเพราะภาษีนำเข้า   ถ้าค่าย SUZUKI  จะไปวางตำแหน่งรถเป็นรถพรีเมี่ยม แตะต้องไม่ได้    ลูกค้าเค้าก็ไม่เอาด้วยหรอก   เพราะมันคือรถธรรมดาคันนึงเท่านั้นเอง

         เช่นเดียวกับแบรนด์ MAZDA ในตอนนี้   มันคือรถ Mass ธรรมดาไม่ได้ลักชัวรี่ นิชคาร์     จะไปวางแบรนด์ให้มันพรีเมี่ยม อยู่สูง สร้างเงื่อนไขอะไรมากมาย  ผมว่าไม่ใช่ ลูกค้าไม่เอาด้วยหรอก      สร้างเงื่อนไขไว้แบบเดียวกับกรณี Mazda MX5   ถ้าเป็นลูกค้าทั่วไป สุดท้ายลูกค้าหนี   

 แล้วลูกค้า Mazda ที่ซื้อรถไปมีน้อยคนมากที่จะหวนกลับมาซื้อ Mazda  ซ้ำอีก     ผมคนนึงด้วย  ที่ไม่เคยคิดกลับไปซื้อรถ Mazda         

สอบถามนิดนึงครับ จขพ.ใช้RFสีขาวใช่มั้ยครับ
อยากทราบว่าจนถึงตอนนี้ตัวรถมีปัญหาอะไรบ้างมั้ยครับ
ลังเลระหว่างRFรถศูนย์ กับตัว1.5mtรถเกรย์อยู่(ถ้าศูนย์รับเซอร์วิสรถเกรย์ด้วยนี่ผมเลือกง่ายเลย)



Sommer C350e W205

ศูนย์ Mazda นี่ ดีพอกับ Volvo โดยเฉพาะ ค่าแรง Service…..

Mazda ตอนนี้ กลายเป็น Entry Premium นานแล้ว นับแต่ CX-5 ยุคบุกเบิก Diesel SkyActiv
2016 Mercedes-Benz C350e AMG Dynamic W205



Auto

  บอกเล่าให้มุมของผมบ้างนะครับ     ผมมี ปสก เอา Mazda MX5 ไปเข้าศูนย์ไซม์ดาร์บี้ศรีนครินท์  เรื่องของกินจัดเต็มมาก เครื่องดื่ม ผลไม้ ไอศครีม ที่นอน ห้องบริการจัดไว้ดีสะอาด หรูหรา    ถ้าจะบอกว่าตอนนี้ ISUZU CCK เส้นกิ่งแก้ว ราชาเทวะก็จัดเต็มแทบจะเหมือนกับเป็นระดับเดียวกับ Mazda แล้ว   แถมตอนเช้ามีข้าวต้มให้กินอีกด้วย อิ่มท้องไปเลย    เพราะฉะนั้นความพรี่เมี่ยมของ Mazda  ตรงจุดนี้คงไม่ที่สุดแล้วละ       
  เรื่องค่าบริการชั่วโมงละ 750 บาท  ที่ผมเจอมาไม่รู้สึกว่าแพงมาก   แต่ที่แพงเลยคือถ้ามีซ่อมเปลี่ยนอะไหล่หลักที่ไม่ใช่อะไหล่สิ้นเปลืองผมว่า Mazda แพงทุกรุ่นกว่าคู่แข่งในระดับเดียวกัน  คงจับกลุ่มลูกค้าทั่วไปไม่ได้     
   เรื่องการบริการ การซ่อมไม่ได้ว้าว    ขนาดเป็นศูนย์ฝึกอบรมช่างของ mazda  ผมยังรู้สึกว่าเฉย ๆ   

   ก่อนที่ผมจะซื้อ Mazda MX5 คันนี้มา   เคยติดต่อเซลนัดหมายล่วงหน้าจะไปทดลองขับ  ที่โชว์รูมเส้นวิภาวดีเลยตึกการบินไทยไปหน่อยนึง      เซลยกแม่น้ำทั้ง 5 เป็นนโยบายของ Mazda  ถ้าจะให้ทลองขับต้องปิดการขายได้    คือผมอยู่ในคลับ MX5  คนอื่นเค้าก็ไปทดลองขับก็ไม่เห็นมีปัญหาอะไรถ้าไม่ได้ซื้อ       วันนั้นผมหงุดหงิดก็เลยชวนแฟนกลับออกมาเลย    ไม่ดูรถหรือดูข้อเสนอของเซลทั้งสิ้น       กลับมาซื้อรถมือ 2 ในคลับ MX5 ไปเลย  ไม่อยากอุดหนุนรถใหม่ Mazda  ที่วางเงื่อนไขไว้เยอะเกินไป  สร้างเงื่อนไขอะไรให้มันวุ่นวายทั้งที่ตอนซื้อหรือตอนเข้ารับบริการผมไม่ได้มีอะไรพิเศษหรือเห็นว่า Mazda MX5  จะทำให้ผมพิเศษกว่าคนอื่นตรงไหน    ทั้งที่รถรุ่นนี้ความจริงคือรถธรรมดาทั่วไปไม่ได้มีอะไรพิเศษ    มันแพงเพราะเป็นรถนำเข้าแค่นั้น    สมัยนี้คนรู้ทั้งนั้นละลูกค้าฉลาดขึ้นแค่หาข้อมูลในเนตก็ทราบหมดแล้ว

     อุปมาเหมือนรถ SUZUKI JIMNY  นั่นละ  ใครก็รู้ว่ารถมันราคาที่ญี่ปุ่น 7-8 แสนบาท  มาตรฐานของรถราคาแค่นี้มันก็มีอ็อพชั่นเท่านี้   แต่มาขายไทยมันแพงเพราะภาษีนำเข้า   ถ้าค่าย SUZUKI  จะไปวางตำแหน่งรถเป็นรถพรีเมี่ยม แตะต้องไม่ได้    ลูกค้าเค้าก็ไม่เอาด้วยหรอก   เพราะมันคือรถธรรมดาคันนึงเท่านั้นเอง

         เช่นเดียวกับแบรนด์ MAZDA ในตอนนี้   มันคือรถ Mass ธรรมดาไม่ได้ลักชัวรี่ นิชคาร์     จะไปวางแบรนด์ให้มันพรีเมี่ยม อยู่สูง สร้างเงื่อนไขอะไรมากมาย  ผมว่าไม่ใช่ ลูกค้าไม่เอาด้วยหรอก      สร้างเงื่อนไขไว้แบบเดียวกับกรณี Mazda MX5   ถ้าเป็นลูกค้าทั่วไป สุดท้ายลูกค้าหนี   

 แล้วลูกค้า Mazda ที่ซื้อรถไปมีน้อยคนมากที่จะหวนกลับมาซื้อ Mazda  ซ้ำอีก     ผมคนนึงด้วย  ที่ไม่เคยคิดกลับไปซื้อรถ Mazda         

สอบถามนิดนึงครับ จขพ.ใช้RFสีขาวใช่มั้ยครับ
อยากทราบว่าจนถึงตอนนี้ตัวรถมีปัญหาอะไรบ้างมั้ยครับ
ลังเลระหว่างRFรถศูนย์ กับตัว1.5mtรถเกรย์อยู่(ถ้าศูนย์รับเซอร์วิสรถเกรย์ด้วยนี่ผมเลือกง่ายเลย)
ตอนนั้นผมถอยมาซื้อเป็นรุ่น NC  ครับ    ตอนนั้นรถศูนย์ยังมีแค่ ND  หลังคาผ้าใบช่วงนั้นผมยังอยากได้หลังคาแข็งไฟฟ้ามากกว่า      อาการประจำตัวรถ MX5  ทุกรุ่นไม่ค่อยมีหรอก  ส่วนมากไม่เจอปัญหาอะไรเป็นพิเศษ  เพราะพื้นฐานรถแทบจะมาจาก Mazda 3 ไม่ได้ซ่อมยากหรือว่าแตกต่างอะไร      ในคลับไปก็ซ่อมที่อู่ต๋องพระราม 5 หรือที่อู่จุ๊ปการาจกัน   ผมก็เคยไปอู่จุ๊ปเพราะใกล้มากกว่า    ที่จริงเข้าอู่นอกทั่วไปยังได้เลยเพราะรถไม่ได้มีอะไรพิเศษ   ตอนหลังผมเอารถมาซ่อมอู่นอก 2-3 อู่ แล้วแต่อาการกับคนรู้จักทั่วไปอีกหลายครั้ง อู่นอกทำได้สบายหาอะไหล่ได้ไม่ยากด้วย ราคาถูกกว่าอู่ในคลับเยอะ      เพราะพื้นฐานรถจริง   ๆ  มันไม่ได้มีอะไร ก็ mazda 3 นั่นละครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 30, 2024, 13:20:17 โดย Auto »



PKCHU


แต่ยังไงก็ตาม ค่าแรง + ค่า maintenance ที่แพงสุดในบรรดารถญี่ปุ่น ก็ยังต้องยกให้ Subaru ครับ
เข้าศูนย์ทีนึงขั้นต่ำมีเกือบ 5พัน และรอบใหญ่มีเกินหมื่นตลอด
   
      น่าจะเป็น "ที่สูงสุด"(แทนคำว่า ที่แพงสุด)ในบรรดารถญี่ปุ่นครับ   เพราะเทียบค่าใช้จ่ายต่อรอบเข้ารับบริการ   บนขอบเขตงานที่ไม่เท่ากัน  จากที่ Subaru มีเนื้องานมากกว่าในแต่ละรอบเพราะระบบขับ 4 ล้อ (ถ้าใช้คำว่า"แพงที่สุด"ควรเทียบบนขอบเขตเนื้องานที่เท่าๆกัน)
      ผู้ใช้รถที่ต้องการขับ 2 ล้อ ก็เลือกยี่ห้อรถที่มีค่าบริการต่ำกว่า   หากต้องการขับ 4 ล้อก็จะมีค่าบริการที่สูงกว่า   สำหรับผมจะรับรู้ล่วงหน้าถึงค่าเข้ารับบริการของ Subaru ที่รวมระยะเวลา 4 ปีจะสูงกว่ายี่ห้ออื่นๆประมาณ 3 หมื่นบาทครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 30, 2024, 16:01:02 โดย PKCHU »



PKCHU


จอง + ออกรถ

Mazda 2 รุ่นแรก ..

1. วันจอง sale บอกแถมเบาะหนังแท้ พาไปดูคันที่แต่งเสร็จ ได้เบาะหนังแท้ทั้งตัว ผมย้ำ sale แล้วนะ พร้อมถ่ายรูปเรียบร้อย (เอานิ้วกด ดูลายหนัง) พอวันรับรถ .. มีหนังแท้ แค่ 2 ชิ้น ตรงกลางเบาะ นอกนั้นเทียมหมด .. โวยดิ ไม่รับรถ จนเค้าออกเอกสารว่า จะเปลี่ยนเบาะให้ใหม่ .. sale อ้างอย่างเดียว "ผมไม่รู้"

2. ถึงเวลา เอารถมาถอดเปลี่ยนหนังใหม่ .. พวกยกเบาะ ขูด ขอบบันไดรถ เป็นรอย ทั้งซ้ายและขวา !!! ... โวยอีก ทำสีอีก รถใหม่ป้ายแดง !!!

3. ป้ายแดง คุยแล้ว บอก วันคืนป้าย ต้องได้เงินมัดจำคืนนะ ถึงเวลา มาเร่ง ให้เข้าไปเปลี่ยน แต่รอเช็คเดือนนึง .. เออ งั้นไม่เปลี่ยน ตรูวิ่งในพื้นที่ ไม่กลัวตำรวจ สุดท้าย พวกเอาป้าย พร้อมเงินมัดจำมาคืนให้ถึงที่ทำงาน

    ชอบในการยืนหยัดรักษาสิทธิของสิ่งที่ตกลงกันไว้แล้ว  ผมคิดว่าการไม่ยอมอะไรง่ายๆแบบนี้  จะทำให้ระบบเซลล์ไม่กล้าทำอะไรทำนองนี้อีก กับลูกค้าอื่นๆในภายหน้าครับ



DiKiBoyZ


แต่ยังไงก็ตาม ค่าแรง + ค่า maintenance ที่แพงสุดในบรรดารถญี่ปุ่น ก็ยังต้องยกให้ Subaru ครับ
เข้าศูนย์ทีนึงขั้นต่ำมีเกือบ 5พัน และรอบใหญ่มีเกินหมื่นตลอด
   
      น่าจะเป็น "ที่สูงสุด"(แทนคำว่า ที่แพงสุด)ในบรรดารถญี่ปุ่นครับ   เพราะเทียบค่าใช้จ่ายต่อรอบเข้ารับบริการ   บนขอบเขตงานที่ไม่เท่ากัน  จากที่ Subaru มีเนื้องานมากกว่าในแต่ละรอบเพราะระบบขับ 4 ล้อ (ถ้าใช้คำว่า"แพงที่สุด"ควรเทียบบนขอบเขตเนื้องานที่เท่าๆกัน)
      ผู้ใช้รถที่ต้องการขับ 2 ล้อ ก็เลือกยี่ห้อรถที่มีค่าบริการต่ำกว่า   หากต้องการขับ 4 ล้อก็จะมีค่าบริการที่สูงกว่า   สำหรับผมจะรับรู้ล่วงหน้าถึงค่าเข้ารับบริการของ Subaru ที่รวมระยะเวลา 4 ปีจะสูงกว่ายี่ห้ออื่นๆประมาณ 3 หมื่นบาทครับ

อันนี้ผมไม่จริงครับ

รถญี่ปุ่น ค่ายอื่น ก็มีคันที่ขับ 4 เช่นกัน ต้องมีการดูแลรักษา เปลี่ยนน้ำมันเฟืองท้าย ตามระยะ เช่นกัน ค่าใช้จ่ายก็ถูกกว่า อันนี้จะอ้างว่าอะไรครับ?

ผมใช้รถขับ 4 (ที่ไม่ใช่รถญี่ปุ่น) ค่าดูแลรักษา ค่าเช็คระยะต่อรอบ ยังพอๆ กับค่ายดาวลูกไก่ เลยครับ จะบอกว่ ขอบเขตงาน น้อยกว่า ไหมครับ แถม ปริมาณ(น้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ และ น้ำมันเฟืองท้าย จำนวนลิตร ใช้เยอะกว่าด้วย)

ผมว่า ต้องรับความจริง ให้ได้ครับ ว่าแพงกว่า ก็คือ แพงกว่า มันจะเท่ารถยุโรป อยู่แล้ว (ทั้งที่ราคาถูกกว่าตั้งเยอะ แต่ค่าดูแลรักษาพอๆ กัน เลย)



PKCHU


แต่ยังไงก็ตาม ค่าแรง + ค่า maintenance ที่แพงสุดในบรรดารถญี่ปุ่น ก็ยังต้องยกให้ Subaru ครับ
เข้าศูนย์ทีนึงขั้นต่ำมีเกือบ 5พัน และรอบใหญ่มีเกินหมื่นตลอด
   
      น่าจะเป็น "ที่สูงสุด"(แทนคำว่า ที่แพงสุด)ในบรรดารถญี่ปุ่นครับ   เพราะเทียบค่าใช้จ่ายต่อรอบเข้ารับบริการ   บนขอบเขตงานที่ไม่เท่ากัน  จากที่ Subaru มีเนื้องานมากกว่าในแต่ละรอบเพราะระบบขับ 4 ล้อ (ถ้าใช้คำว่า"แพงที่สุด"ควรเทียบบนขอบเขตเนื้องานที่เท่าๆกัน)
      ผู้ใช้รถที่ต้องการขับ 2 ล้อ ก็เลือกยี่ห้อรถที่มีค่าบริการต่ำกว่า   หากต้องการขับ 4 ล้อก็จะมีค่าบริการที่สูงกว่า   สำหรับผมจะรับรู้ล่วงหน้าถึงค่าเข้ารับบริการของ Subaru ที่รวมระยะเวลา 4 ปีจะสูงกว่ายี่ห้ออื่นๆประมาณ 3 หมื่นบาทครับ

อันนี้ผมไม่จริงครับ

รถญี่ปุ่น ค่ายอื่น ก็มีคันที่ขับ 4 เช่นกัน ต้องมีการดูแลรักษา เปลี่ยนน้ำมันเฟืองท้าย ตามระยะ เช่นกัน ค่าใช้จ่ายก็ถูกกว่า อันนี้จะอ้างว่าอะไรครับ?

ผมใช้รถขับ 4 (ที่ไม่ใช่รถญี่ปุ่น) ค่าดูแลรักษา ค่าเช็คระยะต่อรอบ ยังพอๆ กับค่ายดาวลูกไก่ เลยครับ จะบอกว่ ขอบเขตงาน น้อยกว่า ไหมครับ แถม ปริมาณ(น้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ และ น้ำมันเฟืองท้าย จำนวนลิตร ใช้เยอะกว่าด้วย)

ผมว่า ต้องรับความจริง ให้ได้ครับ ว่าแพงกว่า ก็คือ แพงกว่า มันจะเท่ารถยุโรป อยู่แล้ว (ทั้งที่ราคาถูกกว่าตั้งเยอะ แต่ค่าดูแลรักษาพอๆ กัน เลย)
ใจเย็นๆครับ คุณควรค่อยๆอ่านและคิด
1.จากเดิมที่มีการกล่าวถึงค่าบำรุงรักษา"รถญี่ปุ่น"ด้วยกัน  Subaru แพงที่สุด   ผมมีความเห็นว่าควรจะกล่าวว่า"สูงที่สุด"เพราะเป็นการเทียบกว้างๆรวมๆทุกระบบการขับเคลื่อน
2.ไม่มีตรงไหนที่ผมกล่าวว่าค่าบำรุงรักษา Subaru ถูกกว่าหรือต่ำกว่า
3.หากจะเทียบกับรถยุโรป  ให้ตั้งเป็นอีกบริบทหนึ่งเพิ่มเติมสำหรับคุยกัน
4.คุณควรทำความเข้าใจสิ่งที่คนอื่นๆสื่อสารให้รอบคอบ   ก่อนกล่าวหาคนอื่นๆ   ถ้าผมไม่ยอมรับความจริง  ผมจะใช้คำว่า ค่าใช้จ่าย Subaru สูงที่สุดหรือ (กลับไปอ่านใหม่)   และค่าใช้จ่ายแพงไม่แพงมันเป็นความรู้สึกไม่เท่ากันของแต่ละคน..ไม่มีเกณฑ์มาตรฐาน   แต่"ค่าใช้จ่ายสูงที่สุด"..มันเป็นเกณฑ์เท่าๆกันที่ทุกคนใช้   เช่นทุก 10,000 กม. Subaru มี 5,000 บาทแต่รถญี่ปุ่นอื่นๆมี 2,000-3,000 บาท  ทุกคนถือว่า Subaru มีค่าใช้จ่ายสูงสุดใช่ไหม..ใช่แน่นอน   แต่แพงสุดไหม..สำหรับผมคือไม่เพราะมีปัจจัยอื่นๆที่ผมพอใจมากในการจ่ายระดับนี้(ถ้าผมใช้รถอื่นบางรุ่นที่ไม่ใช่แนวผมและจ่าย 2,000 บาทผมจะรู้สึกแพงมาก)   เฉกเช่นทำไมคนที่ใช้รถยุโรปอื่นๆเต็มใจจ่ายค่าบำรุงรักษาที่สูงกว่ารถบางยี่ห้อ..เพราะเขาไม่ได้รู้สึกแพงกว่า  เขาได้คุณค่าอื่นๆที่เขาต้องการ



DiKiBoyZ


แต่ยังไงก็ตาม ค่าแรง + ค่า maintenance ที่แพงสุดในบรรดารถญี่ปุ่น ก็ยังต้องยกให้ Subaru ครับ
เข้าศูนย์ทีนึงขั้นต่ำมีเกือบ 5พัน และรอบใหญ่มีเกินหมื่นตลอด
   
      น่าจะเป็น "ที่สูงสุด"(แทนคำว่า ที่แพงสุด)ในบรรดารถญี่ปุ่นครับ   เพราะเทียบค่าใช้จ่ายต่อรอบเข้ารับบริการ   บนขอบเขตงานที่ไม่เท่ากัน  จากที่ Subaru มีเนื้องานมากกว่าในแต่ละรอบเพราะระบบขับ 4 ล้อ (ถ้าใช้คำว่า"แพงที่สุด"ควรเทียบบนขอบเขตเนื้องานที่เท่าๆกัน)
      ผู้ใช้รถที่ต้องการขับ 2 ล้อ ก็เลือกยี่ห้อรถที่มีค่าบริการต่ำกว่า   หากต้องการขับ 4 ล้อก็จะมีค่าบริการที่สูงกว่า   สำหรับผมจะรับรู้ล่วงหน้าถึงค่าเข้ารับบริการของ Subaru ที่รวมระยะเวลา 4 ปีจะสูงกว่ายี่ห้ออื่นๆประมาณ 3 หมื่นบาทครับ

อันนี้ผมไม่จริงครับ

รถญี่ปุ่น ค่ายอื่น ก็มีคันที่ขับ 4 เช่นกัน ต้องมีการดูแลรักษา เปลี่ยนน้ำมันเฟืองท้าย ตามระยะ เช่นกัน ค่าใช้จ่ายก็ถูกกว่า อันนี้จะอ้างว่าอะไรครับ?

ผมใช้รถขับ 4 (ที่ไม่ใช่รถญี่ปุ่น) ค่าดูแลรักษา ค่าเช็คระยะต่อรอบ ยังพอๆ กับค่ายดาวลูกไก่ เลยครับ จะบอกว่ ขอบเขตงาน น้อยกว่า ไหมครับ แถม ปริมาณ(น้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ และ น้ำมันเฟืองท้าย จำนวนลิตร ใช้เยอะกว่าด้วย)

ผมว่า ต้องรับความจริง ให้ได้ครับ ว่าแพงกว่า ก็คือ แพงกว่า มันจะเท่ารถยุโรป อยู่แล้ว (ทั้งที่ราคาถูกกว่าตั้งเยอะ แต่ค่าดูแลรักษาพอๆ กัน เลย)
ใจเย็นๆครับ คุณควรค่อยๆอ่านและคิด
1.จากเดิมที่มีการกล่าวถึงค่าบำรุงรักษา"รถญี่ปุ่น"ด้วยกัน  Subaru แพงที่สุด   ผมมีความเห็นว่าควรจะกล่าวว่า"สูงที่สุด"เพราะเป็นการเทียบกว้างๆรวมๆทุกระบบการขับเคลื่อน
2.ไม่มีตรงไหนที่ผมกล่าวว่าค่าบำรุงรักษา Subaru ถูกกว่าหรือต่ำกว่า
3.หากจะเทียบกับรถยุโรป  ให้ตั้งเป็นอีกบริบทหนึ่งเพิ่มเติมสำหรับคุยกัน
4.คุณควรทำความเข้าใจสิ่งที่คนอื่นๆสื่อสารให้รอบคอบ   ก่อนกล่าวหาคนอื่นๆ   ถ้าผมไม่ยอมรับความจริง  ผมจะใช้คำว่า ค่าใช้จ่าย Subaru สูงที่สุดหรือ (กลับไปอ่านใหม่)   และค่าใช้จ่ายแพงไม่แพงมันเป็นความรู้สึกไม่เท่ากันของแต่ละคน..ไม่มีเกณฑ์มาตรฐาน   แต่"ค่าใช้จ่ายสูงที่สุด"..มันเป็นเกณฑ์เท่าๆกันที่ทุกคนใช้   เช่นทุก 10,000 กม. Subaru มี 5,000 บาทแต่รถญี่ปุ่นอื่นๆมี 2,000-3,000 บาท  ทุกคนถือว่า Subaru มีค่าใช้จ่ายสูงสุดใช่ไหม..ใช่แน่นอน   แต่แพงสุดไหม..สำหรับผมคือไม่เพราะมีปัจจัยอื่นๆที่ผมพอใจมากในการจ่ายระดับนี้(ถ้าผมใช้รถอื่นบางรุ่นที่ไม่ใช่แนวผมและจ่าย 2,000 บาทผมจะรู้สึกแพงมาก)   เฉกเช่นทำไมคนที่ใช้รถยุโรปอื่นๆเต็มใจจ่ายค่าบำรุงรักษาที่สูงกว่ารถบางยี่ห้อ..เพราะเขาไม่ได้รู้สึกแพงกว่า  เขาได้คุณค่าอื่นๆที่เขาต้องการ

ไม่เป็นไรครับ ผมอาจจะเข้าใจ หรือ ไม่เข้าใจ เจตนา

แต่เห็นบอกว่า ดาวลูกไก่ มีงานงอก หรือ ขอบเขตงานที่มากกว่า ญุี่่ปุ่นคันอื่น เพราะเป็นขับสี่

ผมก็เลยอธิบายบอกว่า ในกลุ่มรถญี่ปุ่นยี่ห้ออื่น ที่เป็นขับสี่ เขาก็ต้องดูแลรักษา ตามรอบเช็คระยะเช่นกัน ซึ่งก็แพงกว่าขับ2 อยู่ แต่ก็ไม่ได้เยอะอะไรขนาดเป็นหมื่นๆ

แต่ในค่าที่จ่าย และ งานเนื้องอกที่บอกมา มันก็ไม่ได้ทำให้ค่าใช้จ่ายมันเพิ่มจนเท่าค่ายดาวลูกไก่นะ

ผมเลยบอกว่า ในงานที่เท่ากันๆ ก็ยังแพงกว่าเขาอยู่ดี

แค่นั้นครับ

ส่วนค่าใช้จ่ายของค่ายดาวลูกไก่ แพงกว่า ผมก็ได้บอกว่า ไม่จริง หรือ แย้งครับ เพราะว่า มันจริง อยู่แล้ว ทุกคนเข้าใจตรงกันในข้อนี้ดีนะครับ



Left lane driver


แต่ยังไงก็ตาม ค่าแรง + ค่า maintenance ที่แพงสุดในบรรดารถญี่ปุ่น ก็ยังต้องยกให้ Subaru ครับ
เข้าศูนย์ทีนึงขั้นต่ำมีเกือบ 5พัน และรอบใหญ่มีเกินหมื่นตลอด
   
      น่าจะเป็น "ที่สูงสุด"(แทนคำว่า ที่แพงสุด)ในบรรดารถญี่ปุ่นครับ   เพราะเทียบค่าใช้จ่ายต่อรอบเข้ารับบริการ   บนขอบเขตงานที่ไม่เท่ากัน  จากที่ Subaru มีเนื้องานมากกว่าในแต่ละรอบเพราะระบบขับ 4 ล้อ (ถ้าใช้คำว่า"แพงที่สุด"ควรเทียบบนขอบเขตเนื้องานที่เท่าๆกัน)
      ผู้ใช้รถที่ต้องการขับ 2 ล้อ ก็เลือกยี่ห้อรถที่มีค่าบริการต่ำกว่า   หากต้องการขับ 4 ล้อก็จะมีค่าบริการที่สูงกว่า   สำหรับผมจะรับรู้ล่วงหน้าถึงค่าเข้ารับบริการของ Subaru ที่รวมระยะเวลา 4 ปีจะสูงกว่ายี่ห้ออื่นๆประมาณ 3 หมื่นบาทครับ
ไม่ใช่ครับ
ต่อให้ตัดน้ำมันเฟืองท้ายออก เหลือเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง+ค่าแรง ก็ยังแพงกว่าอยู่ดี
และเอาจริงๆผมมองว่าน้ำมันเฟืองท้ายไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนถี่ทุก 10,000 km ด้วยซ้ำครับ
ขับสี่ค่ายอื่นก็ไม่ได้เปลี่ยนถี่ขนาดนี้ อย่างของ CRV รอบที่มีเปลี่ยนน้ำมันเฟืองท้าย ค่าใช้จ่ายยังไงก็รวมอยู่ 3พันกว่าๆเอง
และ Subaru พวกค่าอะไหล่ส่วนอื่นๆก็แพงกว่าครับ ไฟหน้ายกโคมข้างละเกือบครึ่งแสน เทียบของมาสด้าที่เป็น Projector LED ปรับสูงต่ำออโต้+ไฟสูงแหวกหลบรถคันหน้า ยังไม่เกิน3หมื่น
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 31, 2024, 12:22:45 โดย Left lane driver »



TJA

  บอกเล่าให้มุมของผมบ้างนะครับ     ผมมี ปสก เอา Mazda MX5 ไปเข้าศูนย์ไซม์ดาร์บี้ศรีนครินท์  เรื่องของกินจัดเต็มมาก เครื่องดื่ม ผลไม้ ไอศครีม ที่นอน ห้องบริการจัดไว้ดีสะอาด หรูหรา    ถ้าจะบอกว่าตอนนี้ ISUZU CCK เส้นกิ่งแก้ว ราชาเทวะก็จัดเต็มแทบจะเหมือนกับเป็นระดับเดียวกับ Mazda แล้ว   แถมตอนเช้ามีข้าวต้มให้กินอีกด้วย อิ่มท้องไปเลย    เพราะฉะนั้นความพรี่เมี่ยมของ Mazda  ตรงจุดนี้คงไม่ที่สุดแล้วละ       
  เรื่องค่าบริการชั่วโมงละ 750 บาท  ที่ผมเจอมาไม่รู้สึกว่าแพงมาก   แต่ที่แพงเลยคือถ้ามีซ่อมเปลี่ยนอะไหล่หลักที่ไม่ใช่อะไหล่สิ้นเปลืองผมว่า Mazda แพงทุกรุ่นกว่าคู่แข่งในระดับเดียวกัน  คงจับกลุ่มลูกค้าทั่วไปไม่ได้     
   เรื่องการบริการ การซ่อมไม่ได้ว้าว    ขนาดเป็นศูนย์ฝึกอบรมช่างของ mazda  ผมยังรู้สึกว่าเฉย ๆ   

   ก่อนที่ผมจะซื้อ Mazda MX5 คันนี้มา   เคยติดต่อเซลนัดหมายล่วงหน้าจะไปทดลองขับ  ที่โชว์รูมเส้นวิภาวดีเลยตึกการบินไทยไปหน่อยนึง      เซลยกแม่น้ำทั้ง 5 เป็นนโยบายของ Mazda  ถ้าจะให้ทลองขับต้องปิดการขายได้    คือผมอยู่ในคลับ MX5  คนอื่นเค้าก็ไปทดลองขับก็ไม่เห็นมีปัญหาอะไรถ้าไม่ได้ซื้อ       วันนั้นผมหงุดหงิดก็เลยชวนแฟนกลับออกมาเลย    ไม่ดูรถหรือดูข้อเสนอของเซลทั้งสิ้น       กลับมาซื้อรถมือ 2 ในคลับ MX5 ไปเลย  ไม่อยากอุดหนุนรถใหม่ Mazda  ที่วางเงื่อนไขไว้เยอะเกินไป  สร้างเงื่อนไขอะไรให้มันวุ่นวายทั้งที่ตอนซื้อหรือตอนเข้ารับบริการผมไม่ได้มีอะไรพิเศษหรือเห็นว่า Mazda MX5  จะทำให้ผมพิเศษกว่าคนอื่นตรงไหน    ทั้งที่รถรุ่นนี้ความจริงคือรถธรรมดาทั่วไปไม่ได้มีอะไรพิเศษ    มันแพงเพราะเป็นรถนำเข้าแค่นั้น    สมัยนี้คนรู้ทั้งนั้นละลูกค้าฉลาดขึ้นแค่หาข้อมูลในเนตก็ทราบหมดแล้ว

     อุปมาเหมือนรถ SUZUKI JIMNY  นั่นละ  ใครก็รู้ว่ารถมันราคาที่ญี่ปุ่น 7-8 แสนบาท  มาตรฐานของรถราคาแค่นี้มันก็มีอ็อพชั่นเท่านี้   แต่มาขายไทยมันแพงเพราะภาษีนำเข้า   ถ้าค่าย SUZUKI  จะไปวางตำแหน่งรถเป็นรถพรีเมี่ยม แตะต้องไม่ได้    ลูกค้าเค้าก็ไม่เอาด้วยหรอก   เพราะมันคือรถธรรมดาคันนึงเท่านั้นเอง

         เช่นเดียวกับแบรนด์ MAZDA ในตอนนี้   มันคือรถ Mass ธรรมดาไม่ได้ลักชัวรี่ นิชคาร์     จะไปวางแบรนด์ให้มันพรีเมี่ยม อยู่สูง สร้างเงื่อนไขอะไรมากมาย  ผมว่าไม่ใช่ ลูกค้าไม่เอาด้วยหรอก      สร้างเงื่อนไขไว้แบบเดียวกับกรณี Mazda MX5   ถ้าเป็นลูกค้าทั่วไป สุดท้ายลูกค้าหนี   

 แล้วลูกค้า Mazda ที่ซื้อรถไปมีน้อยคนมากที่จะหวนกลับมาซื้อ Mazda  ซ้ำอีก     ผมคนนึงด้วย  ที่ไม่เคยคิดกลับไปซื้อรถ Mazda         

สอบถามนิดนึงครับ จขพ.ใช้RFสีขาวใช่มั้ยครับ
อยากทราบว่าจนถึงตอนนี้ตัวรถมีปัญหาอะไรบ้างมั้ยครับ
ลังเลระหว่างRFรถศูนย์ กับตัว1.5mtรถเกรย์อยู่(ถ้าศูนย์รับเซอร์วิสรถเกรย์ด้วยนี่ผมเลือกง่ายเลย)
ตอนนั้นผมถอยมาซื้อเป็นรุ่น NC  ครับ    ตอนนั้นรถศูนย์ยังมีแค่ ND  หลังคาผ้าใบช่วงนั้นผมยังอยากได้หลังคาแข็งไฟฟ้ามากกว่า      อาการประจำตัวรถ MX5  ทุกรุ่นไม่ค่อยมีหรอก  ส่วนมากไม่เจอปัญหาอะไรเป็นพิเศษ  เพราะพื้นฐานรถแทบจะมาจาก Mazda 3 ไม่ได้ซ่อมยากหรือว่าแตกต่างอะไร      ในคลับไปก็ซ่อมที่อู่ต๋องพระราม 5 หรือที่อู่จุ๊ปการาจกัน   ผมก็เคยไปอู่จุ๊ปเพราะใกล้มากกว่า    ที่จริงเข้าอู่นอกทั่วไปยังได้เลยเพราะรถไม่ได้มีอะไรพิเศษ   ตอนหลังผมเอารถมาซ่อมอู่นอก 2-3 อู่ แล้วแต่อาการกับคนรู้จักทั่วไปอีกหลายครั้ง อู่นอกทำได้สบายหาอะไหล่ได้ไม่ยากด้วย ราคาถูกกว่าอู่ในคลับเยอะ      เพราะพื้นฐานรถจริง   ๆ  มันไม่ได้มีอะไร ก็ mazda 3 นั่นละครับ

ขอบคุณมากครับผม



Maj.Worakrit

ส่วนตัวไม่เคยมองว่า Mazda ดูมี Position ที่สูงกว่าแบรนด์ตลาดทั่วๆไปเลยนะ
ถ้าสมัยก่อน จะรู้สึกว่าให้ออฟชั่นมากกว่าในราคาเท่าๆกัน

นี่รู้สึกว่า Mazda วางการตลาดพลาดยังไงไม่รู้
แทนที่จะเอา CX-60 มาทำตลาดแทน CX-5 ทำราคาประมาณนี้ไปเลย
โอ้โหนี่เล่นข้ามไปชนกับตัวล่างๆ BMW MB โอยยยยยยยยยยยยย



ล่าสุดที่มาเลย์เซียเจอ CX-60 วิ่งพลางทดสอบ(ใกล้จะเปิดตัวแล้วที่นั้นแล้ว)
ส่วนราคาที่มาเลย์ตั้งต่ำกว่า 300K ringgit (หรือประมาณ 2,316,352.66 บาท ตามค่าเรทเงินวันที่ 1/11/67)


เครดิต: Wapcar
https://www.wapcar.my/news/launching-in-q4-2024-mazda-cx60-spotted-in-malaysia-below-rm-300k-82536?fbclid=IwY2xjawGRMDxleHRuA2FlbQIxMAABHd3tBCCE1zkk7E1PKJjda3uweGHwZEOD9fZtm2uyG2M2LaT2lNexpVPHbQ_aem_mWGVD44Ognl6hR08ALXPaA
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 01, 2024, 10:57:15 โดย โอมายวาโมะชินเดริว »



Carnival911

วีรกรรมค่ายนี้เยอะจัดครับ ผมคิดว่าอีกไม่นานค่ายนี้กลับ jap แน่ครับ ไม่ต้องคิดไปเทียบ volvo ที่ตอนนี้เน้นลุยด้วยรถไฟฟ้าแล้วครับ