สหการประมูล ชี้ EV ป่วนตลาด รถยึดเข้าลานพุ่ง 2.5 แสนคัน ปิกอัพหนักสุด

[Smith686]

สหการประมูล ชี้ EV จีน ตัวการทำระบบนิเวศน์ธุรกิจยานยนต์เสีย โครงสร้างราคาปั่นป่วน ซ้ำด้วยเศรษฐกิจไม่ดี ทำให้ปีนี้มีรถถูกยึดเข้ามาที่ลานประมูลเพิ่มขึ้นเป็น 2.5 แสนคัน ในจำนวนนี้เป็นรถปิกอัพ 60%

นายสุธี สมาธิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สหการประมูล จำกัด (มหาชน) หรือ AUCT เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทมีรถเข้ามาในลานประมูลประมาณ 2.5 แสนคัน เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ที่มีจำนวน 2.3 แสนคัน (เพิ่มขึ้น 8.7%) จากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว หนี้ครัวเรือนสูง

“ปีนี้บริษัทมีรถใช้แล้วเข้ามาในลานประมูลประมาณ 2.5 แสนคัน ในจำนวนนี้เป็นสัดส่วนของปิกอัพ 60% และปีหน้า 2568 คาดการณ์ว่าจะทรงตัวอยู่ในระดับนี้ ที่ 2.5 แสนคัน ซึ่งเป็นผลจากหลายปัจจัย เช่น NPL ที่ยังทรงตัว หนี้ครัวเรือนที่สูง และการเติบโตของสินเชื่อจำนำทะเบียน โดยราคารถยนต์ใช้แล้วน่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 10-15%

สำหรับตลาดรถยนต์ใช้แล้วปีนี้ทรงตัวต่อเนื่องจากปี 2566 โดยราคารถเริ่มขยับขึ้นตั้งแต่ต้นปี หลังจากราคาปรับลดสูงสุดถึง 30% ในช่วงครึ่งหลังของปีที่ผ่านมา แม้ปริมาณรถเข้าลานประมูลจะเพิ่มขึ้นตั้งแต่ต้นปี แต่ผู้ประกอบการยังได้รับผลกระทบจากหนี้เสีย (NPL) ที่ทรงตัวในระดับสูง  ในส่วน EV ปี 2566 มีรถเข้าสู่การประมูล 40 คัน และคาดว่าปีนี้จะเพิ่มขึ้นเป็นราว 100 คัน

“ราคารถ EV สร้างความปั่นป่วนให้กับธุรกิจรถยนต์ทั้งระบบ จากผลกระทบในเชิงโครงสร้างราคา คนชะลอการตัดสินใจซื้อ และความไม่แน่นอนของราคา”

สำหรับรถยนต์ใหม่ในปี 2568 คาดว่าจะมีปริมาณใกล้เคียงปีนี้ราว 5.5 – 5.7 แสนคัน และน่าจะทรงตัวในระดับนี้ต่อเนื่องอีก ประมาณ 1-2 ปี

https://www.thansettakij.com/motor/ev/613010

[Floppy-T]

เพื่อนของเพื่อน ทำธุรกิจรถมือสอง

เค้าบอกว่า ปีนี้ เละ ขาดทุนยับ ไม่รับรถเข้าเต๊นท์เลย ถ้าสภาพไม่นางฟ้าจริง

มีการปรับลดพนักงานลงอีก

[tswift]

ทุบตลาดให้พังก่อน แล้วค่อยกินรวบ สไตล์พี่จีนเขาล่ะ

[boogie2020]

มองกลับไปนะครับ  รถ EV  structure ด้านราคา ด้าน service หลายๆ อย่างมันไม่เหมือนรถ ICE   

แล้วทำไมบริษัทประกัน  บริษัทไฟแนนซ์  รวมถึงธุรกิจในห่วงโซ่นี้ไม่วิเคราะห์ pattern ราคาใหม่ หรือไปลองดูตลาดที่ mature กว่าจากเมืองนอกก็ได้  คือเล่นง่ายเอา pattern ICE เดิมมาใช้  แล้วมันไม่เวิร์ค แล้วมาบ่น  ว่า EV ทำป่วน  มันไม่ professional เลยอะ

คือทำธุรกิจ แล้วเห็นว่าพื้นฐานมันเปลี่ยน มันก็ต้องปรับหรือป่าวอะ  ไม่ใช่พื้นฐานเปลี่ยน ตัวเองไม่ปรับ แล้วบอกป่วน

[SM.]

มรสุมวงการรถยนต์ครับ โดนกันทั่วหน้า ตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ

[apinui]

อ่านแล้ว กำลังพยายามหาความเชื่อมโยง ของตลาดรถ EV ที่มันจะเกี่ยวอะไรกับรถที่ถูกยึดมา ... ว่า มันกระทบกันยังไง ..

รถยึด ก็คือรถที่ธนาคารยึด เจ้าของรถไม่มีความสามารถที่จะชำระต่อได้ ยึดมา ก็ส่งลานประมูล ก็ประมุลไป คนประมูล 90% คือผู้ประกอบการเต้นท์รถมือสอง

รถ EV ก็คือรถยนต์ชนิดนึง เป็นรถป้ายแดง ลูกค้าจะซื้อหรือไม่ซื้อ เกี่ยวอะไรกับรถในลานประมูล ..

และการที่ปริมาณรถถูกยึดเพิ่มขึ้น 2.5แสนคัน มันไปเกี่ยวอะไรกับรถ EV ไม่เข้าใจ

และก็ที่รถมือ 2 ขายได้น้อยลง ก็เพราะหนี้เสียเยอะ ลูกค้าทำไฟแนนท์ไม่ผ่าน รายได้ไม่ถึงไม่ชัดเจน ส่วนคนที่เคยมีกำลังซื้อก็ถูกยึด ติดบูโรซื้อรถไม่ได้ไปอีกอย่างน้อย 10 ปี คนกลุ่มนี้ฟื้นตัวก็กลับมาซื้อไม่ได้ ติดบูโรไปแล้ว

เต้นท์ไม่ประมุลรถเข้า เพราะรถที่มีในเต้นท์ก็ตามราคากันไม่ไหวแล้ว นี่จะข้ามปีแล้ว ราคาลงตามปีอีก ขายราคาเดิมไม่ได้แล้ว ไม่มีใครกล้าเสี่ยงประมูลมาเข้าเต้นท์แล้ว

จากที่ผมเจอนะครับ เศรษฐิกิจล้วนๆ คนที่ตกงานแบบเงียบๆเยอะ พนักงานบริษัทที่มีรายได้ อยู่ๆถูกเลิกจ้าง ไม่มีเงินผ่อน ก็ต้องปล่อยรถออกไป ฝ่ายทวงถามก็ตามยึดกันยับๆไม่มีมาตราการช่วยเหลือลูกหนี้ ไม่ประคองลูกหนี้ ปล่อยหนี้เสีย ไม่ปรับโครงสร้างหนี้ให้  ไล่ยึดรถเข้าลานกันรัวๆ ส่วนรถมือ 2 ในเต้นท์ก็ขายยากเพราะเครดิตลูกค้าส่วนใหญ่ไม่ค่อยดี ผ่านยาก เพราะกู้เต็มดาวน์หลักหมื่น หรือไม่ดาวน์เลย พอขายยาก รถก็จอดในเต้นท์นาน ติดมือ ราคามันลงทุกวัน ลงจนติดทุน ถึงขาดทุนก็มี พอขาดทุน เค้าก็ชลอธุรกิจ ไม่รับเพิ่ม แต่รอเครียร์ของเดิมออก

ส่วนรถ EV คนซื้อเค้ามีเงินดาวน์ คนมีเงินครับ ดาวน์กัน 20-25% ดาวน์เยอะเครดิตดี คนกลุ่มนี้คนละกลุ่มกับรถมือ 2 เลย เค้าคนมีเงิน คนกลุ่มนี้ไม่มองรถมือ 2 เลย  ถ้าจะบอก EV แย่งยอด  EV ดาวน์ 0% หรอ ค่ายไหนมีบอกที

ถ้าอยากได้ข้อมูล ไปถามเจ้าของเต้นท์ อย่าไปถามลานประมุล เค้าไม่ใช่คนขายรถ

[DiKiBoyZ]

เรื่องของเรื่องคือ ไฟแนนซ์ ทำตัวเองครับ

มีที่ไหน ดาวน์ 0% ยังกะมอเตอร์ไซต์

ขนาดมอเตอร์ไซต์ ดาวน์ 0% ผ่อนไม่ไหว ปล่อยยึดเยอะแยะ

นี่รถยนต์นะ ราคาแพงกว่า หรือ ค่างวด เยอะกว่า มอเตอร์ไซต์เยอะเลย

ไฟแนนซ์เอง ควรจะเข็มงวด ในการปล่อยสินเชื่อ ไม่ใช่ อยากได้ยอด(ลูกหนี้เยอะๆ) แต่ไม่ประเมิน(ผมใช้คำว่าอยากเสี่ยง) ว่า ลูกหนี้เหล่านั้น มีกำลังหรือมีศักยภาพที่จะผ่อนไหวหรือป่าว

พอกล้าเสี่ยง แต่ไม่กล้ารับผลที่ตามมา ไม่ต้องร้อง ไม่ต้องโวยวาย รับไป

-----------------------

ส่วนผู้กู้ หรือ ลูกหนี้ เอง เจอเขาปล่อยดาวน์น้อยๆ ยัน 0% ก็วิ่งเข้าหาโครมๆ ไม่ได้ประเมินตัวเองว่าผ่อนไหวไหม พอผ่อนไม่ไหว ก็ปล่อยยึดกันเพียบ

อาจจะด้วยความอยากได้อยากมี ประกอบการภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศด้วย

ไม่ต้องห่วงเรื่องกู้คันใหม่ไม่ผ่าน เพราะตัวเองกู้ไม่ผ่าน ก็เอาเมีย เอาญาติ มากู้แทน ไปซื้อคันใหม่ ตราบใด ที่ไฟแนนซ์ ยังปล่อยกู้ง่ายๆ แบบนี้

หลังๆ ไฟแนนซ์ เริ่มบอกว่า ปล่อยกู้ยากขึ้น รัดเข็มขัด หรือ อะไร ก็แล้วแต่จะเรียกอะนะ เหมือนวัวหายล้อมคอก ไปแล้ว

ซึ่งมันก็ทำให้ยอดการกู้ผ่านน้อย ยอดซื้อน้อยลง ยิ่งเฉพาะบาง segment ยอดขายลดลงครึ่งนึงเลย (น่าจะพอเดาออกว่า segment ไหน)

สุดท้าย ไฟแนนซ์ ไม่ได้อยากได้รถ(ไม่ได้อยากจะยึด) รถมาเป็นทรัพย์สิน ของไฟแนนซ์ แต่ลูกค้าที่ดี คือ ลูกค้าที่จ่ายค่างวดและดอกเบี้ย(ไฟแนนซ์ต้องการสิ่งนี้) ตรงเวลา หรือ เรียกว่า ลูกค้าชั้นดี นั้นละ