BMW i4 รถ BEV ผู้ดีก็ได้ผู้ร้ายก็ดี ที่ลดราคาแปดแสนบาท

nobody123

นำเข้าจากเยอรมนี ราคาลดแล้วเหลือเกือบสามล้าน (ราคาต่างประเทศอยู่ที่สองล้าน)
ตัวขับหลังนี้ 0-100 ได้ 6 วินาที ม้าเกือบ 300 ตัว
เหลือ 10 กว่าคันทั่วไทย
โหมด Default คือ Comfort สไตล์เบาสบาย ไม่ตึงตัง
อยากขับสบายขึ้นอีก ก็เปลี่ยนเป็นโหมด Eco
อยากขับพยศขึ้นอีก ก็เปลี่ยนเป็นโหมด Sport
ผู้เขียนได้ขับทดสอบ ไม่ใช่แค่เปลี่ยนโหมดสามโหมด มีแม้กระทั่งเข้าไปในโหมด Config เองได้ด้วย
ข้อดี
1.   ขับสบาย ด้าน พวงมาลัยเบา / ช่วงล่างไม่ตึงตัง / เบรกไม่จึ๊ก
2.   ขับสนุก พยศได้ตามสไตล์ BM
3.   ขนาดกำลังเหมาะกับรูปร่างคนไทย
4.   คนนั่งสบายด้วยแก้มยางหน้าเกิน 10 เซนติเมตร
5.   พ้นปัญหาล้อดุ้งดังรุ่นพี่ด้วยแก้มยางที่หนาดังกล่าว
6.   ที่เก็บสัมภาระหลังเหลือเฟือ
7.   แบตแนวกลาง ช่วยให้พลศาสตร์รถดี (BMW ได้ชื่อว่าทำรถไฟฟ้าล้วนได้ดีอยู่แล้ว)
8.   ยังดีที่มี Adaptive cruise control
9.   โหมด Sport พยศดี (ถ้าชอบก็ชอบเลย) แต่ต้องเป็นคนชอบพวงมาลัยเบา
มีท่านใดอยากเติมข้อดีข้อที่ 10 ได้ไหมครับ?
ข้อเสีย
1.   ขับมึน ด้าน Regenerative braking แบบ Default ที่หน่วงรถทันทีที่ถอนคันเร่ง ทั้งที่ผู้เขียนไม่ได้เปิดโหมด B ให้ Regenerative มากขึ้นอีกด้วยซ้ำ เช่น ในเมืองที่ทดสอบมา มีทั้งคลานในซอย และ ทำความเร็วถนนโล่ง ๆ รวมแค่ 16 กม.ก็มึนแล้ว
2.   คนสูงเกิน 175 นั่งหลังไม่ได้ หัวชน
3.   ขอบยางสูงเกินกว่าความเร็วรถ ทำให้ความรู้สึกเป็นรถสปอร์ตนั้นไม่เต็มที่
4.   เก็บสัมภาระด้านหน้าไม่ได้เหมือนบางแบรนด์ ทั้งที่มอเตอร์วางหลังอย่างเดียว
5.   แบตจุ 70 kWh ทำให้ไปได้เพียง 3xx กม.
6.   พลศาสตร์รถ ก็ยังสู้ ICE/PHEV ที่แบตวางกลางเช่นเดียวกันไม่ได้
7.   ไม่มีระบบช่วยเหลือผู้ขับขั้นสูงดังรุ่นที่แพงกว่า
8.   โหมด Sport พยศเกินไป (ถ้าไม่ชอบก็ไม่ชอบเลย) เกินกว่าพวงมาลัยที่ตั้งหนักที่สุดก็เอาไม่อยู่
9.   สูบลมยางถึง Max 49 ตามตรงขอบประตูน่าจะอันตรายเรื่องควบคุมรถยากที่โหมด Sport
มีท่านใดอยากเติมข้อเสียข้อที่ 10 ได้ไหมครับ?
(เซลส์แจ้งว่า คันที่ผมลอง ลมยาง 36)
ปล. สองปัญหาสุดท้ายแก้ได้ ด้วยการเลือกโหมด Eco ก็จะไร้การพยศ ครับ



















helloweentz

สวยงาม
BRV 2016
Mileage :  173,583
รายการซ่อม :
เกียร์
แอร์
โช๊คหลัง
ลูกยางยึดท่อ
เพลาขับ



PREM

ผมเคยเช่ารุ่น eDrive40 จาก evme มาลอง รู้สึกว่ารถขับดีสไตล์ BMW แรงพอสนุก กดเต็มท้ายดิ้นได้บ้าง แต่รู้สึกได้ถึงความอุ้ยอ้าย จากน้ำหนักตัว 2.1 ตัน เวลาเทเข้าโค้งแรงๆ รู้เลยว่ามีการถ่ายน้ำหนักมหาศาล อีกอย่างที่ไม่ชอบคือ packaging ไม่ดี แบตอยู่ที่พื้นรถ ทำให้รถสูงโย่งแปลกๆ เพดานเตี้ย ไม่มี frunk ทั้งที่หน้ารถยาวมากกก

ด้วยราคาแบบนี้ Model 3 Performance น่าใช้กว่ามาก
2013 Mercedes E 63 AMG (W212)
2016 Volvo XC60 D4 
2019 Honda Jazz RS+
2020 Volvo V60 T8 Inscription
2022 Mazda CX-30 SP



nobody123

ผมจขกท.นะครับ
เห็นด้วยครับ
ไม่ว่ายี่ห้ออะไร
1. ถ้าปิด Regenerative braking แบบช่วยเบรกไม่ได้ (ไม่นับ Regenerative braking แบบอ่อน ๆ ของรถเรานะครับ อันนี้ ไม่รู้สึกหน่วงอะไรเลย)
คันที่ผมไปลอง ถ้าไม่ตั้ง Adaptive ซึ่งผมมึน สามารถตั้ง Low/Medium/High ได้ แต่ปิดเลยไม่ได้ ซึ่งผมยังไม่เคยขับกรณีตั้ง Low นะครับ อาจไม่มึนก็ได้
2. ถ้าแบตกระจายเต็มฐาน แล้วส่งผลต่อพลศาสตร์รถ
คือ ถ้าผมลองขับแล้วมึน ถึงจะชอบแบรนด์และหน้าตาขนาดไหน
คันที่ผมลอง และบางคันอีกระบบขับเคลื่อน ผมเห็นแล้วชอบเลย แต่ถ้ารถผมพังแล้วต้องซื้อใหม่ จะสะกิดใจหนึ่งในสองข้อ
ข้อดีของการสะกิดใจคือ จะเป็นตัวถ่วงให้คนไม่ให้รูดบัตรเครดิต พอควรเลย ครับ

ส่วน Model 3 Per (ว่ากันด้วยการขับด้วยมนุษย์เท่านั้นนะครับ) มันบังคับขับหลังไม่ได้มังครับ ตาม Gemini AI บอก ดังนั้น ผมให้ภาษี MG Cyberster เป็นต้น มากกว่าครับ มีโหมดประมาณอีโค่ ขับหลังได้ และผ่านการทดสอบขับข้ามประเทศมาอย่างหฤโหดแล้ว น่าเชื่อถือ และ แบตรับประกันตลอดอายุ ครับ (เปลี่ยนที่ 50% ส่วนตัวผมรับได้)
ปล. ผมว่า เทียบรถคันเดียวกันนะครับ ขับหลังมันฟินกว่าตอนความเร็วต่ำ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 28, 2025, 16:54:28 โดย nobody123 »



axister

ถ้าสนใจ ต่ออีกครับ ผมได้ ลด 1 ล้านตั้งแต่ปีที่แล้ว เซลบอกทุกที่ไม่นำเข้ามาแล้ว มี 2x คัน และราคาลดล้านจริงๆเป็นรถ demo แต่ให้พิเศษเป็นรถใหม่ ทุกศูนย์เปิด 7-8แสน แต่จบล้านกันเกือบหมด และดูจากยอดจดทะเบียนได้ว่า ไม่ใช่นำเข้ามาเพิ่ม มันไม่ขายไม่ได้จริงๆครับ

ส่วนข้อเสียข้อแรก ขับมึน ไปปรับ regen ได้ครับ ส่วนตัวผมใช้ gear b เลี้ยงดีๆ คนนั่งแยกไม่ออกเลยด้วยซ้ำว่าใช้ one-pedal อยู่ผมว่าระยะความเร็ว bmw ทำ regen ได้ดีมากครับ

แต่เสียหนักเลยจริงๆคือ spec รถมันไม่ได้เลย มันหลงยุคครับ ในวันที่การแข่งขัน ev จีนดุเดือด bmw จะกินนิ่มหลอกขายรถ option เน่าๆ คนแก่ๆยากครับ เพราะคนแก่ไม่เก็ท bev คนรุ่นใหม่ก็เบะปาก option มาเป็นรถ entry แต่ขายราคานี้

ถ้าบอกภาษีแพง ก็ต้องย้อนไปดูการตั้งราคาเอา margin เยอะขนาดนั้นมันก็แพงครับ เทียบราคากับ iX ที่หวัง margin น้อยกว่า ส่วนต่างยังไม่ทะลุฟ้าแบบ i4 ถ้าเทียบราคาอังกฤษที่ ภาษีแพงพอๆกันและ production ด้วย RHD เหมือนกัน ทั้งที่ bev BSI value น้อยมากครับ จะเยอะแค่ความเสี่ยง warranty battery

สรุปจบคือ bmw pricing range ไว้อยู่ที่ 3m+ เพราะคิดว่า segment นี้คนรวยแก่ๆซื้อกันฉ่ำ แต่พอ bev เลยขายยากเสี่ยไม่ไปเอา diesel กันหมด ถ้าไม่ทรงแก่มากก็ยอม phev ดีกว่า พอขายไม่ออกเลยเอามาเทกระจาด เหมือนที่ผ่านมา เลยยอมกินมาจิ้นน้อยลง

ถ้าอยากได้จริงๆ รอไปอีกครับ Q3 ตามระยะเวลาถ้าเลิกนำเข้าปีที่แล้วจริงๆ เค้าจะหมดอายุรถใหม่ต้องล้างสต๊อก น่าจะได้เห็น ลด 1.2m+ แถม limited ไม่เอาเข้ามาขายแล้ว ประกันอนาคตก็จะแพงหน่อย ทั้งความเป็น bev, ราคาสูง, นำเข้า, รถน้อย

เพราะ bmw ไทยจะประกอบ bev ได้ ไม่ใช่ g26 แน่นอนครับ ต้องไป iX3 i3 รหัส na แทน ไม่ประกอบ first and last ever bev ลูกครึ่งหน้าโล่งแบบนี้แน่นอนครับ เพราะ dongfeng ไม่ประกอบ RHD i4 100% แล้ว


ส่วน tm3 per สามารถ set ให้ขับหลังได้ครับ แต่สุดท้ายเวลารถมีภาระที่ต้องใช้ล้อหน้าด้วยก็จะเอามา support อยู่ดี ไม่แน่ใจ gemini บอกว่าอะไร แต่ที่ใช้งานทำได้นะครับ

เทียบ apple to apple tm3 มันคุ้มกว่า แต่ bmw ก็มีจุดดีของเค้าครับ ถ้ามันได้ตัว top spec m50 แล้วราคานี้ ผมก็ใช้ bmw แต่คือมันดันได้ตัวเน่า ในราคาที่แพงกว่า 50% ก็ไม่รุ้ทำไมจะต้องเลือก bmw เหมือนกัน อย่าหวังถึง driving assistance pro+ เลย กล้องหน้า/360 กับ hud ที่กดเพิ่มไม่กี่บาท ยังไม่มาในพิกัดราคาตั้ง 3.8 มันเพ้อเจ้อสุด

ในวันที่ผูกขาดตลาด premium มานาน โดน tesla กับรถจีน disrupt แล้วไม่ปรับตัวก็เทกระจาดแบบนี้แหละค้าบ



nobody123

ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ
ผมก็ว่า น่าจะมีข้อดีข้อเสียเพิ่ม
ส่วน Disruption ตามนิยาม (ขออภัยถ้าเราได้ข้อมูลมาไม่ตรงกันนะครับ) ต้องฉับพลัน รุนแรง
ยอดขาย BM vs. Tesla vs. รถจีน ในไทย คือ
BM ขายได้เท่าประมาณเดิม ปีต่อปี (2023 vs. 2024)
Tesla ยอดขายลดลงประมาณ 50%  คือ มันฉับพลัน รุนแรงมาก
ดังนั้น *ในมุมมองผมนะครับ* Tesla ถูก รถจีน นั่นแหละครับ Disrupt
ซึ่งแปลก รถจีน ไม่สามารถทำอย่างเดียวกัน กับเจ้าอื่นบางเจ้า (หลายเจ้า) ได้ แม้เจ้าที่ขายเฉพาะ EV เจ้านึงกลับมียอดขายเพิ่ม



SM.

มาลดขนาดนี้ แสดงว่าเหลือสินะครับ ผมนึกว่าหมดไปตั้งนานแล้วซะอีก



nobody123

ใช่เลยครับ
เจ้าที่โดน ภาษีนำเข้าจากเยอรมัน เต็มนี่ ผมเห็น BEV เหลือสองเจ้าละในรอบไม่กี่เดือนนี้
ก็คงตามกลไกตลาดแหละครับ ต่างประเทศสองล้าน มาไทยปาเข้าไปสี่ล้าน หลายคนก็คงเลี่ยง เพราะเจอจีนตีตลาดที่ประมาณล้านต้น ๆ ด้วย 0-100 พอกัน



TORA

ตัวนี้ไม่มี regen แบบ dynamic หรือครับ ตอนเช่าขับ i4 edrive40 จาก EVME มันมีนะครับ
แต่ผมว่าคาดเดายากอยู่ คือถ้ารถใกล้คันหน้าจะregen ตามความเร็วรถคันหน้า ก็ไม่รู้สึกดึง แต่ถ้าข้างหน้าไม่มีรถ แล้วยกเท้าเร็วๆ อันนี้ดึงจะหน้าทิ่มเลย
ผมชอบแบบ e-padal มากกว่า ใช้เท้าคุมการเบรคไปด้วย ขับไม่นานก็ชิน รู้จังหวะแล้ว
ส่วนเรื่องอื่นก็ตามที่คุณว่ามา รถดูยาวมาก แต่ภายในแคบ น้องสูงเกือบ 180 นั่งหลังแล้ว ต้องนั่งเอียงๆ
ระบบช่วยขับสู้ Tesla M3 ไม่ได้เลย ที่เก็บของหน้าไม่มี ด้านหลังก็น้อยกว่า M3 มากๆ
ช่วงล่างผมว่าก็ดีตามstyle BM แต่ผมคงแก่แล้วชอบแบบ Tesla M3 HL มากกว่า



nobody123

ตัวนี้ Default Regen เรียก Adaptive ครับ ส่วน Adaptive/Dynamic ตามคันหน้าไหม เซลส์ไม่ได้ชูโรงเรื่องนี้ขึ้นมาเลย
กลับมาถาม Product expert ที่ศูนย์ ก็บอกแค่ ตั้งไม่ Adaptive ได้ คือ Low Medium High แต่ผมเกรงใจเขาไม่ได้ลองขับ Low (ใจจริงอยากลองซักหน่อย)
ส่วน Tesla เป็นรถในตัวเลือกผมพักนึงครับ และ เพื่อกันพลาดแบบตอนซื้อ Ford focus mkiii คือ ผมซื้อให้ภรรยาใช้ ผมเลยค้นก่อนซื้อให้ภรรยา (ภรรยาเป็นคนเลือกจากผมพาเข้าศูนย์ต่าง ๆ) ยิ่งค้น ผมยิ่งซื้อ Tesla ให้ภรรยาไม่ลงเลยครับ ไปจบที่ Merc