ถ้าในอนาคตรัฐบาลไทยจะตั้งกองทุนเพื่อการพัฒนายานยนต์

love street

3 ล้านคือตัวรุดิบๆ ไม่รวมอะไรเลยครับ คิดแค่วันดุกับค่าเสื่อมเครื่องจักร ค่าของสั่งเข้ามาประกอบ หรือ ค่าของผลิต ดิบๆเลยครับ อย่างคนที่นำแชสซีส์ crown มาทำรถสปอร์ตก็ 1 ล้าน แต่ใช้ handmade ผมเลยคิดว่าถ้ามีค่าเสื่อมเครื่องจักร+ใช้วัสดุเกรดดี+ค่าสั่งของที่ผลิตเองไม่ได้มาลงรถรวมไปแล้ว 3 ล้านครับ

ค่านำเข้าเครื่องจักรผลิตจากญี่ปุ่น ค่าวิจัยและพัฒนา ค่าจ้างคนงาน ไม่รวม ครับ



muzaa

3 ล้านคือตัวรุดิบๆ ไม่รวมอะไรเลยครับ คิดแค่วันดุกับค่าเสื่อมเครื่องจักร ค่าของสั่งเข้ามาประกอบ หรือ ค่าของผลิต ดิบๆเลยครับ อย่างคนที่นำแชสซีส์ crown มาทำรถสปอร์ตก็ 1 ล้าน แต่ใช้ handmade ผมเลยคิดว่าถ้ามีค่าเสื่อมเครื่องจักร+ใช้วัสดุเกรดดี+ค่าสั่งของที่ผลิตเองไม่ได้มาลงรถรวมไปแล้ว 3 ล้านครับ

ค่านำเข้าเครื่องจักรผลิตจากญี่ปุ่น ค่าวิจัยและพัฒนา ค่าจ้างคนงาน ไม่รวม ครับ
เขาไม่เรียกต้นทุนครับคิดแค่นี้เรียกเจ๊งครับ คุณไม่รวมต้นทุน Cover ทั้งหมดมาตั้งราคาไม่ต้องทำรถคันละ 10 ล้านครับขายข้าวแกงจานละ 50 ถ้าคิแค่ค่าวัตถุดิบอย่างเดียวไม่คิดค่าที่ค่า gas เจ๊งครับ คุณใช้  Handmade ไม่คิดค่าแรงคนงานเลยหรือครับหรือคุณประกอบ 2 มือโดยคุณคนเดียวทุกคัน Handmade เนี่ย Defect เยอะนะครับเพื่อ Cost ความเสียหายจาก Defect ไว้หรือเปล่าครับ ผลิตแล้วขายเลยไม่ต้อง Stock ไม่มีต้นทุนจัดเก็บอีก อย่าว่าแต่นักลงทุนเลยครับแค่งาน Thesis นักศึกษาหรือคนในทีมผมตอบแบบนี้ผมให้หาข้อมูลมาก่อนครับแก้ก่อนครับไม่ต้องถึงขั้นกู้อย่าว่าแต่ 6พันล้านเลยครับ 60000 ก็ไม่รอดครับ



muzaa

อีกนิดสมการบัญชีพื้นฐาน Asset = Liabilty +Owners'q equity คุณกู้ 6000 ล้าน เป็น Asset  6000 ล้านไม่มีส่วนคุณเองเลย สมการแบบนี้อุดมคติครับ ในความเป็นจริงส่ง BS มาแบบนี้ไม่มีใครรับได้กันครับ



love street

ค่า r&d 2000 ล้าน
ค่าเครื่องจักรและโรงงาน 1500 ล้าน
ค่าจ้างคนงาน 1000 ล้าน
ค่าซัพพลายเชนจ์ 500 ล้าน
ค่าโฆษณา 1000 ล้าน
ในเวลาสามปีแรก

กำไร 3 ปีแรก ขายได้ราว 300 คัน
5,000,000 × 300 = 1500 ล้าน

ขาดทุนสะสม 4500 ล้าน

ปีที่ 4-6 เปิดตัวรุ่นพิเศษและลิมิเต็ดและรุ่นลงแทร็ค ขายควบไปกับรุ่นปกติ
กู้อีก 3000 ล้าน ขายได้ 300 คัน คันละเฉลี่ย 20 ล้าน ต้นทุนเฉลี่ย 5 ล้าน กำไรประมาณ
15,000,000 × 300 = 4500 ล้าน

ขาดทุนสะสม 3000 ล้าน



ปีที่ 5 เปิดตัวรุ่นที่สองขาย 3 ปี
กู้ 4500 ล้าน กำไรต่อคัน 8 ล้าน ขาย 300 คัน
ขาดทุน 4500 - 2400 = 2100 ล้าน

ขาดทุนสะสม 5100 ล้าน


ปีที่ 7 เปิดตัวรุ่นพิเศษ รุ่นเปิดประทุน รุ่นแทร็ค รุ่นลิมิเต็ด ขายได้รวมเฉพาะ ปีที่ 7 ได้ 160 คัน
กำไรเฉลี่ยคันละ 15 ล้าน ได้
กำไร 2400 ล้าน

ขาดทุนสะสม 5100 - 2400 = 2700 ล้าน

จะเห็นว่าตัวเลขขาดทุนสะสมช่วงหลังลดลง และค่าโฆษณาในปีที่ 7 จะลดลงเล็กน้อย



punn

ผมว่าเริ่มต้นลงทุนจากหา AI สักเจ้าเป็นที่ปรึกษาก่อนครับ  :-\
คุณจะได้ขัดเกลาแนวทางหรือคำตอบที่เป็นรูปธรรมกว่านี้ แล้วค่อยมาคุยกันอีกที

----------

การประเมินโอกาสรอดเป็นเปอร์เซ็นต์สำหรับธุรกิจที่มีข้อมูลทางการเงินตามที่คุณให้มานั้นเป็นเรื่องที่ท้าทายมาก และต้องอาศัยสมมติฐานหลายอย่างครับ อย่างไรก็ตาม โดยพิจารณาจากข้อมูลและภาวะการแข่งขันในอุตสาหกรรมยานยนต์ปัจจุบัน โอกาสรอดค่อนข้างต่ำ

ถ้าจะให้ประเมินเป็นตัวเลข อาจจะอยู่ที่ประมาณ น้อยกว่า 5% ที่จะสามารถรอดและเติบโตเป็นธุรกิจที่ยั่งยืนได้ตามแผนที่วางไว้ โดยมีเหตุผลประกอบดังนี้:

ภาระหนี้สินและขาดทุนสะสมสูงมาก:

การขาดทุนสะสมถึง 5,100 ล้านบาทในช่วง 6-7 ปีแรก และยังคงขาดทุนอยู่ 2,700 ล้านบาทในปีที่ 7 เป็นตัวเลขที่สูงมากสำหรับธุรกิจที่มียอดขายเพียงหลักร้อยคัน
การพึ่งพาเงินกู้จำนวนมหาศาล (3,000 ล้านบาท + 4,500 ล้านบาท) เพื่อมาดำเนินกิจการต่อ ทำให้มีภาระดอกเบี้ยสูง และเพิ่มความเสี่ยงหากยอดขายไม่เป็นไปตามเป้า
ตลาดเฉพาะกลุ่ม (Niche Market) ที่มีการแข่งขันสูงและจำกัด:

รถยนต์ราคา 5-20 ล้านบาท เป็นตลาดที่เล็กมากในประเทศไทย และมีเจ้าตลาดเดิมที่แข็งแกร่ง (แบรนด์นำเข้าจากยุโรป) ซึ่งมีทั้งชื่อเสียง ประวัติศาสตร์ และเครือข่ายบริการที่เหนือกว่า
การสร้างแบรนด์ใหม่ให้เป็นที่ยอมรับในตลาดนี้ต้องใช้เวลา ทรัพยากร และกลยุทธ์ที่เฉียบคมมาก
ปริมาณการผลิตและขายที่ต่ำเกินไป:

ยอดขายปีละประมาณ 100-160 คัน ไม่เพียงพอที่จะสร้าง Economies of Scale (การประหยัดจากขนาด) ในการผลิต การจัดซื้อ หรือการทำตลาด ทำให้ต้นทุนต่อหน่วยสูง
ความไม่แน่นอนของยอดขายรุ่นพิเศษ:

แม้ว่ารุ่นพิเศษและลิมิเต็ดจะทำกำไรต่อคันสูง แต่ยอดขายก็มีความไม่แน่นอนสูง ขึ้นอยู่กับความต้องการของกลุ่มลูกค้าเฉพาะกลุ่มเล็กๆ และสภาวะเศรษฐกิจ
แรงกดดันจากคู่แข่งและสภาวะตลาดปัจจุบัน (พฤษภาคม 2025):

ตลาดรถยนต์มีการแข่งขันรุนแรง โดยเฉพาะการเข้ามาของรถยนต์ไฟฟ้า (EV) จากจีนที่มีราคาเข้าถึงง่ายกว่าและเทคโนโลยีใหม่ๆ
ผู้บริโภคในกลุ่มรถยนต์หรูมักจะยึดติดกับแบรนด์ที่มีชื่อเสียงและไว้วางใจได้
สภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนอาจทำให้ผู้บริโภคชะลอการตัดสินใจซื้อสินค้าราคาสูง
ปัจจัยที่จะเพิ่มโอกาสรอด (แม้จะยังน้อย):

เทคโนโลยีที่โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์จริงๆ: หากรถยนต์มีนวัตกรรมที่ไม่มีใครเทียบได้ อาจดึงดูดความสนใจได้
การสนับสนุนทางการเงินที่แข็งแกร่งและยาวนานมาก: หากมีนักลงทุนที่ "สายป่านยาว" และพร้อมจะสนับสนุนต่อไปแม้จะขาดทุนเป็นเวลานาน
การสร้างแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว: ผ่านการตลาดที่ชาญฉลาด หรือการได้รับการยอมรับจากบุคคลที่มีชื่อเสียง
การหาพันธมิตรทางธุรกิจ: เช่น การร่วมทุนกับบริษัทใหญ่ หรือการขายเทคโนโลยีให้กับผู้ผลิตรายอื่น
ความเป็นไปได้ในการถูกซื้อกิจการ: หากมีเทคโนโลยีหรือสินทรัพย์ทางปัญญาที่น่าสนใจ บริษัทอื่นอาจเข้ามาซื้อกิจการไป ซึ่งถือว่า "รอด" ในแง่หนึ่ง แต่ไม่ใช่การเติบโตด้วยตัวเอง
ข้อควรระวัง: การประเมินนี้อยู่บนสมมติฐานว่าตัวเลขที่ให้มาสะท้อนภาพรวมทั้งหมด และไม่มีปัจจัยบวกอื่นๆ ที่ไม่ได้กล่าวถึง หากมีข้อมูลเพิ่มเติม เช่น ความแข็งแกร่งของทีมผู้บริหาร เทคโนโลยีที่เป็นกรรมสิทธิ์ หรือแหล่งเงินทุนที่มั่นคง การประเมินอาจเปลี่ยนแปลงได้ แต่จากข้อมูลทางการเงินเพียงอย่างเดียว ถือว่ามีความเสี่ยงสูงมากครับ
เป็นคนโลกปกติธรรมดา :)
ไม่โลกสวย และไม่โลกมืด อยู่กับความเป็นจริงและพลังงานบวก ..

ปราชญ์สอนสิ่งไหน คนก็จะจำสิ่งนั้น
ประสบการณ์เจอแบบไหน คนก็จะคิดทางนั้น
ต่างคนต่างประสบการณ์เรียนรู้สิ่งเดียวกัน ก็จะออกมาแตกต่างกันไปครับ



muzaa

ไม่คิดจะจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้เลยหรือครับกู้มา 6000 ล้าน ไม่จ่ายดอกเบี้ยเจ้าหนี้คงยอมครับ และ r&d ยกตัวอย่าง Huracan รุ่นเดียวก็ 100 ล้านยูโร aka 4000 ล้านแล้วนะครับแค่ปีเดียว รุ่นที่ 2 คุณไม่มี r &d เสกมาได้หรือครับ 2000 ล้านมาจากอะไรบ้างครับต้องแตกไม่ได้ฝันเสกมาตัวเลขนั้นนี่ อ่อ แล้วตัวเลขที่คุณฝันมาเอาเฉพาะ Fix Cost ที่คุณลงมา
  R&D + เครื่องจักร + คนงาน = 4500 ล้าน ขายเฉพาะ Model แรกรวม Limited อะไร ต่อมิอะไร 600 คัน แถมอีก 3000 ล้านกู้มาลงอีก 300 คันนี้
  Cost ต่อคีนไม่รวม VC OH และจิปาถะและอยู่บนตัวเลขมโนนี้ (4500/600) + (3000/300)  = 7.5 + 10 = 17.5  ล้าน ต้นทุน ย้ำต้นทุน แค่ Cost fc 3รายการ ต่อให้ไม่กู้อีก 3000 4500 ล้านขาย 600 ตันคือคันละ 7.5 ล้าน ต้นทุน ตัวเลขมโนคุณไม่คิดไส้ไม่คิดต้นทุนให้ครบจริงๆ ไอ้ 2 ล้าน หรือ 3 ล้านที่คุณฝันบนเครื่องคิดเลขยังทำไม่ได้เลยครับ และไม่มีดอกเบี้ยแม้แต่บาทเดียว คงต้องธนาคารส่วนบุคคลหรือเอามรดกมาละลายเล่นเท่านั้นแหละครับ



love street

ผมลืมคิดดอกเบี้ยไปครับ
R&d ที่ไม่สูง เพราะคิดว่าจะหาบริษัทที่ทำอยู่แล้วๆเอามาปรับแต่งหน่อยคล้ายๆ ruf ครับ อย่าง koenigsegg ก็ใช้ v8 ford 5.0l ของผมถ้าสเปค v6 3.0l twin turbo 600 ม้า มีเครื่องที่ทำได้เป็นสิบโมเดลเลยครับ เราแค่ต้องไปดีลกับเขา



love street

เรื่องต้นทุนต่อคัน ผมไม่ได้ใช้ต้นทุนทั้งหมด แต่ใช้ต้นทุนเพียวๆต่อคันตามที่บอกไว้ด้านบนครับ
เพราะกู้มา คนงานก็จ่ายค่าแรงไปแล้ว อะไรๆก็จ่ายไปแล้ว เลยคิด ราคาขาย - ต้นทุนเพียวๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 29, 2025, 15:40:59 โดย love street »



Symphonic

ผมลืมคิดดอกเบี้ยไปครับ
R&d ที่ไม่สูง เพราะคิดว่าจะหาบริษัทที่ทำอยู่แล้วๆเอามาปรับแต่งหน่อยคล้ายๆ ruf ครับ อย่าง koenigsegg ก็ใช้ v8 ford 5.0l ของผมถ้าสเปค v6 3.0l twin turbo 600 ม้า มีเครื่องที่ทำได้เป็นสิบโมเดลเลยครับ เราแค่ต้องไปดีลกับเขา

ลองติดต่อไปคุยกับเขาก่อนสิครับ ลองดูว่าเค้าจะขายให้ในราคาที่เท่าไร
หาอีเมลจาก Google ก็ได้ แล้วส่งอีเมลไปถามเค้าดูครับ จะได้รู้ราคาเอามาคำนวณจะได้รู้ราคาเอามาคำนวณต้นทุนได้



Weetting

การนำรถแบรนด์อื่นๆมา  ทำต่อยอดเพิ่ม 

มันกดเรื่องราคาไม่ได้อยู่แล้ว  ดูอย่างไทยรุ่งเป็นตัวอย่างเลย   

ถ้าบอกอ่ะงั้นลอง  เพิ่มข้อได้เปรียบกับรถแบรนด์ไทยละกัน   ยกเว้นภาษีสรรพสามิต  แถมเพิ่มเงินอุดหนุนให้ด้วย

ก็ไปตามรอย โปรตอน  เจอซัพพลายเออร์ต้นน้ำบีบราคา  สมมุติเคยส่ง แชสซี+เครื่องยนต์ 1 ล้าน  ผมไม่ส่งแชสซีกับเครื่องในราคาเดิมแล้วนะ  ต้องเป็น 1.3 ล้าน แล้วจะยังไงยกเลิกไม่ซื้อกับแบรนด์นี้แล้ว
อ้าวแม่พิมพ์แบบ สัสดส่วน  ออฟชั่น ลามไปถึง ซอร์ฟแวร์เลย

เอาแบบตัวอย่างยกให้เห็นชัดๆ 
รถยนต์แห่งชาติ  เป็น PPV
บอดี้ทำเอง. แต่  แชสซี+เครื่องยนต์ (isu)

ต้นทุนหน้าโรงงาน  บอดี้  ค่าแรง ค่าโสหุ้ย ออฟชั่น ( 2 แสน)  +แชสซี+เครื่องยนต์ (isu)  (7แสน) 

ยกเว้นภาษีให้   ราคาหน้าโชว์รูม    ขายเอากำไรนิดนึง  1 ล้านถ้วน 
จับพลัดจับพลูขายดี   ยอดปีละ 7000 พันคัน

Isu mux อ้าวทำราคาไม่ได้หวะ option เท่าๆ  มาร์จิ้นเรี่ยดิน  ไป 1.3 ล้านแล้ว
ยอด เหลือ 1000 คันต่อปี


Isu งั้นก็ขึ้นราคา  แชสซี+เครื่องยนต์ (isu)  เป็น 9 แสนไปเลย 

การไปยืม คนอื่นหายใจมันไม่สามารถทำราคาได้หรอกครับ   มันไม่สามารถเป็นรถยนต์แห่งชาติได้
มันก็อะไรประมาณนี้ครับ
THE Manual Gearbox Preservation Society
Drive diesel until last day



love street

กรณีที่ว่ามักไม่เกิดกับ niche market ครับ
มันมีจำนวนผลิตของมันอยู่ แล้วก็ใช้ของต่างประเทศแค่เครื่องกับเกียร์ครับ แชสซีส์ว่าจะติดต่อ tera ดู



albacore

แบรนด์เล็ก แบรนด์เกิดใหม่ ผู้ก่อตั้งมักจะเป็นเรื่องราวทั้งหมดของบริษัท
  เค้าจะรู้จักทุกองค์ประกอบและรายละเอียดของรถเค้า
  และเค้าก็ไม่ได้สร้างคันที่ออกขายเป็นคันแรก ทุกคนต่างมีประวัติการสร้างรถ ออกแบบรถมาหลายสิบปี มีผลงานโดดเด่นจนคนอยากซื้อรถที่วิ่งบนถนนได้จากคนๆนี้
  ถ้าไม่มีพื้นฐานพวกนี้ ใครจะอยากซื้อรถเราผมยังนึกไม่ออกเลย
  เริ่มจากหัดสร้างรถก่อนดีมั้ยครับ สั่งชุดkit เฟรมของslc หรือ ultima หรือถ้าจะทำงานกับเฟรมคาร์บอน คงต้องหาi8มารื้อน่าจะถูกสุดแล้ว
 ส่วนองค์ประกอบอย่างอื่นเราต้องทำเอง print3dมาใส่ จะได้โชว์ไอเดีย หาเครื่องมาลง แสดงความสามรถในการปรับแต่ง
ดูองค์ประกอบกฎหมายความปลอดภัย และสิ่งแวดล้อมที่บังคับว่าต้องออกแบบให้สอดคล้องกับประเทศที่ขายยังไงบ้าง จะได้รู้ว่าแต่ละชิ้นส่วนกว่าจะมาเป็นรถมันเยอะแยะซับซ้อนแค่ไหน มันเป็นองค์ความรู้ที่เราต้องรู้ด้วย
 
  เริ่มอย่างนี้ก่อนดีมั้ย จะได้มีสิ่งที่จับต้องได้ เป็นprototype ไว้เสนอหาทุนสนับสนุน แล้วค่อยๆพัฒนาจนมันผลิตขายได้ ถึงวันนั้น น้องก็พร้อมจริงๆแล้ว

  ไม่มีใครเอาเงินมาให้เราเผาเล่นฟรีๆหรอก
 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 29, 2025, 23:53:00 โดย albacore »



albacore

เอาแค่ หาเครื่องยนต์600ม้า ที่สามารถผ่านกฎหมายมลพิษในยุโรปหรืออเมริกาให้ได้ก่อนดีมั้ย
 ถ้ามี แล้วค่ายรถระดับนั้นทำไมเค้าต้องขายให้เรา
 เค้าจะไม่กลัวเหรอที่ขายให้ค่ายรถโนเนมแล้วรถอาจะไปไฟไหม้กลางทางโดยที่อาจจะเกิดจากการออกแบบตัวรถไม่ดี แล้วทำให้ภาพลักษ์แบรนด์เค้าเสียหาย เค้าจะคุ้มมั้ย
 แล้วถ้าหาเครื่องยนต์ไม่ได้ เราจะไปต่อยังไง



axister

มันมีดีเทลมากกว่าไม่มีเงินทุนเยอะมาก

ตอนนี้รัฐแก้ปัญหาหนี้สาธารณะให้ได้ก่อน แล้วค่อยไล่มาเรื่อง คมนาคมพื้นฐาน

การพัฒนารถยนต์ ถ้าถามแบบขวานผ่าซาก นอกจากมีรถยนต์แบรนด์ไทยที่จะขายได้ไม่ได้ก็ไม่รู้ เพราะคนในส่วนใหญ่ติดเรื่องแบรนด์อยู่แล้ว ขนาดแบรนด์จีนขายปีนึงหลายแสนคันยังโดนบูลลี่กันฉ่ำ ถ้าหวังกำไรหรือเพิ่ม gdp ประเทศคงยากแน่ กับอีกอย่างคือการอยากมีรถยนต์แห่งชาติ ก็ย้อนกลับไปดู ถ้าคุณมีเงินเยอะจะจิ้มรถยนต์แบรนด์ไทยก่อนมั้ย

ตอนนี้การคมนาคมพื้นฐานของประเทศถ้าเป็นคะแนนก็แทบจะไม่ถึงครึ่งอยู่แล้ว เอางบ r&d ไปเน้นเรื่องที่สร้าง gdp ก่อนแล้วค่อยไล่ เรื่องหนี้สาธารณะ + พื้นฐาน ecosystem ในประเทศ เสร็จค่อยไปสนับสนุนเรื่อง future development ครับ

จุดเด่นประเทศไทยด้านนี้คือการทำ OEM มานาน แต่เรามีแร่อะไรที่เค้าใช้เยอะรึเปล่าถึงอยากจะผลักดัน ในขณะที่ตอนนี้ nev ล้นตลาด สงครามราคากับฉ่ำทั้งโลก เรามีอะไรให้ชนะ brand จีนที่กำลังเจ๊งรึเปล่าอะครับ ต้นทุนก็ต้องสั่งจีน know how ก็น้อย เงินทุนก็ต่ำ ไม่เห็นอนาคตเลยครับ

ในขณะที่ทุกวันนี้ sme แทบไม่ได้รับการสนับสนุนจนล้มตายกันไปเยอะ โดยเฉพาะด้าน local อาหารที่เป็นจุดเด่นของวัตถุดิบ ภูมิประเทศเรา หรือแท้กระทั่งข้าวที่โดนเวียดนาม disrupt ไปแล้ว

เราจะเอาเงินไปจมกับกองทุนรถที่ไม่เห็นอนาคตจริงดิ?



helloweentz

เข้ามาศึกษา  ::)
BRV 2016
Mileage :  173,583
รายการซ่อม :
เกียร์
แอร์
โช๊คหลัง
ลูกยางยึดท่อ
เพลาขับ



DiKiBoyZ

กลุ่มรัฐวิสาหกิจไทย ถ้าไม่ใช่ทำกับเรื่องที่สาธารณูปโภค ที่ผูกขาดแบบ น้ำปะปา ไฟฟ้า อะไรพวกนี้แล้วละก้อ

ตัวอย่าง แบบการบินไทย ไงครับ (ที่มีคู่แข่ง) สุดท้ายเจ๊ง

พัฒนาบ้านเมืองก่อนเถอะ อย่าทำไว้เป็นภาระลูกหลานเลย