ประหยัดค่าเดินทาง เปลี่ยนจากรถน้ำมันไปเป็นรถไฟฟ้าคุ้มมั้ย

phurich

ปัจจุบันเดินทางไป-กลับเฉลี่ยวันละ 120 โล วิ่งเกือบทุกวัน ค่าน้ำมันราวๆ 7,000 บาทต่อเดือน
- ถ้าเอา 7,000 นี้ไปผ่อนรถไฟฟ้าแทน จะคุ้มมั้ย จริงๆสนใจ MG4 แต่กลัวค่าประกัน ค่าอื่นๆจะบานปลาย
- แล้วรถไฟฟ้า วิ่งวันละ 120 โล ค่าไฟตกเดือนละเท่าไหร่ครับ ขอบคุณครับ



ฟง อวิ๋น

รถไฟฟ้า ชาร์จไฟที่บ้าน ขับกิโลเมตรละ 50 - 75 สต. ต่อกิโลเมตร

ถ้าคันที่ใช้อยู่ กินน้ำมัน 2.5 บาท ต่อกิโลเมตร ก็อาจจะประหยัดได้ 5 เท่า (หรือ หาร ค่าน้ำมัน เดิมด้วย 5) ก็จะเหลือ 1,400 บาท ประหยัดได้ 5,600 บาท

ผ่อนต่อเดือนที่เล็งไว้เท่าไหร่ ผ่อนยาวกี่ปี ประกันภัยรถยนต์ต่อปีเท่าไหร่ น่าจะหาข้อมูลได้ไม่ยาก

ลองคำนวณด้วยตัวเอง อีกสักครั้ง (ผมเข้าใจว่า ท่านทำการบ้านมาเรียบร้อยแล้วละ)

ปล. ของผมค่าน้ำมัน เดือนละ 15,000 บาท ลองเอา Dolphin ราคา 499,000 ตั้งต้น คำนวณออกมาแล้วเหมือนจะคุ้ม แต่ก็ยังลังเลจากความไม่แน่นอนของบริการหลังการขาย
Isuzu SLX, Accord G4, Colorado, Hilux Tiger, Lancer I, Triton, D-Max Cab4, TiiDA, Mazda2 I, Mazda2 II, D-Max, Fortuner, Sunny B14, Jazz GK, Accord G9, Mazda2 Sky, GLA200, Yaris, Alphard30, Lancer II, Lander III, Ranger, XL7, Forester SK, Swift, Stargazer, Aion V



เนื้อน่องไม่หนัง

ผมใช้งาน วิ่งประมาณ 80-110 วันละ 80-100 km
ค่าเชื่อเพลิงตีกลมๆที่ 1 บาทต่อ km ถ้าชาร์จที่บ้าน ก็ถูกลงมาอีกครับ ถ้ามี meter TOU offpeak อาจอยู๋ที่ km ละ 0.6-0.7 บาทครับ
ค่าประกัน 20-30k ในปีที่สองครับ แพงกว่ารถน้ำมันประมาน 10k

ถ้าปรกติเติมน้ำมัน 7000 - กับ ระยะทางสัก 2500km ก็เหลือ 2500thb ส่วนต่างอาจประมาณ เดือนละ 4500 ครับ

คุ้มไหม อันนี้ตอบยาก ถ้าไม่มีที่ชาร์จของตัวเอง ผมไม่ค่อยเชีย ด้วยระยะทาง 120km ต่อวัน ต้องเสียงวลา 30-60 นาทีต่อครั้ง ทุกสองวัน เพื่อชาร์จรถครับ
กรณีนี้ผมคิดว่า ativ hev อาจตอบโจทย์เรื่องค่าเชื้อเพลืงได้เดีกว่าครับ ถ้าไม่เจอรถติดหนักๆ หรือใช้ความเร็วสูงๆ น่าจะมี 20-25 km/l ได้
เหลือ km ละ 1.5 บาท เดิอนนึง ก็ 3750 บาท ส่วนต่างต่อเดือนน้อยลง แต่ใข้ชีวิตได้ปรกติครับ



Chris Evn

วิ่งเยอะขนาดนี้
ถ้าชาร์จข้ามคืนที่บ้านได้ คุ้มแน่นอน



apinui

ผมว่าคุ้มนะ .. ถ้าวิ่งประมาณนี้ต่อวันหรือมากกว่านี้ก็ยิ่งคุ้ม

ถ้าเส้นทางที่วิ่งเป้นในเมือง เส้นทางประจำ และเราเปนคนที่ขับรถระวังความเสี่ยงน้อย

ถ้าเอาแค่เรื่องค่าใช้จ่ายต่อการเดินทาง รถ EV เริ่มต้นราคาไม่ข้าม5แสน ก็ได้รถที่ดีแล้ว

สิ่งนึงที่จะไม่คุ้มเลยคือถ้าหากรถมีอุบัติเหตุหรือต้องรออะไหล่ที่ต้องเปลี่ยนและต้องจอดรอ 2-3เดือน อันนี้ไม่คุ้มและ และมีเยอะด้วยกับรถ EV

จนชาวเน็ทเค้าแซวกันว่า เคล็ดลัพความประหยัดของรถ EV คือการจอดรออะไหล่ยิ่งจอดนาน ยิ่งประหยัดนั่นเอง  ::) ::)



sukhontha

แบบที่คุณใช้  คุ้มครับ   ถ้ารถไม่มีปัญหา  หรืออุบัติเหตุ

ถ้าเป็นคนที่ขับเอื่อย ๆ เรื่อย ๆ  ไม่ใช่ขาซิ่ง  ประหยัดมาก  (60-80กม./ชม.)

ยิ่งกดยิ่งกินถ้าอัดร้อยยี่ขึ้นไป  ไม่ประหยัดครับ



pladaek

ใช้วันละเกิน 100 กม. ผมว่าคุ้มครับ ถ้าชาร์จไฟที่บ้านนะ
ไม่ได้ขับรถเพื่อทำเวลาที่ดีที่สุด.. แต่ขับรถเพื่อเจอช่วงเวลาที่ดีที่สุด..



Devil13

ต้องลองคำนวนดูครับ
คุณมีเดินทางไป ตจว. ไหม ? ออกเที่ยวบ่อยหรือเปล่า เอาเลขกิโลมาใส่เลยครับ
ส่วนคันเก่าต้องขายครับ มีไว้จะยิ่งสร้างภาระคืนทุนยิ่งช้า

ถ้าจะเอาคืนทุนเร็วต้องเล่นรถที่ราคาไม่แพงครับ เรทสัก 5-6 แสนพอ
สวนเรื่องประกันทำใจเลย ที่ประหยัดมาพอจ่ายประกัน ที่ปรหยัดไปก็หายไปเยอะ

ส่วนตัวถ้าให้แนะนำ ทางสายกลางก็ Yaris  Ative hybrid ตัวล่างครับ
ต่อประกันถูกแน่นอน เรื่องจอดซ่อมนานหายห่วงไปได้

สวนค่าไฟเคยมีคนคิดไว้ จำไม่ผิดถ้า TOU น่าจะตกกิโลเมตรละ 0.7 บาทมั้งครับ (สมัยนี้เค้าไม่ให้ลงหม้อ TOU แล้วครับ)



starlight

หากโจทย์คือเซฟรายจ่าย การประหยัดค่าพลังงานที่ได้จาก  รฟฟ  ตัวแปรน่าจะอยู่ที่ประกันรายปีนี่แหละ  เอาสบายใจและประหยัดได้ดีในระดับนึง ก็ativนี่แหละ  ได้ความสบายใจในความเป็นโตต้า



I'm Ti

ถ้าชาร์จไฟบ้านได้ตลอด กิโลต่ำกว่าบาทก็คุ้มอยู่


ชาร์จด้านนอกตลอด ไม่หนี LPG



Odrecranon

ถ้าใช้ทดแทนน่าจะตอบโจทย์ครับ

ผมเองใช้ BEV มา 4 เดือน
เทียบ ICE

ค่าเชื้อเพลิง เฉลี่ย
ICE 3 บาท/km; consumption 12 km/l
BEV 0.43 บาท/km เงื่อนไข TOU + off peak
คร่าว ๆ คือประหยัดกว่า 7 เท่า

ถ้าเดือนหนึ่ง ICE จ่าย 7000  BEV จะจ่ายประมาณ 1000 บาท
ค่าบำรุงรักษา BEV จะต่ำกว่า
ส่วนค่าประกันภัย น่าจะสูงกว่าเท่าตัว
ค่าเสื่อม และราคาขายต่อ ตีเป็น 0 ไปเลย

ถ้าใช้สัก 10 ปีผมคิดว่าน่าจะคุ้มนะครับ





kiwiwi

รถไฟฟ้า ถึงจุดๆนึงต้องจ้างเขาเอาไปทิ้ง
ถ้าแบตยังดีอยู่ ก็โชคดีหน่อยมีคนรับซื้อ 3-5หมื่น เหมือนกับรถน้ำมันบางยี่ห้อ/รุ่น

คำว่าจ้างคนเอาไปทิ้งนี่ฟังดูเหมือนผมดูถูกรถไฟฟ้าเลยนะ แต่จริงๆมันเกิดได้กับรถทุกคันที่ใช้การต่อไม่ได้

พ่อผมเคยโดนเต้นท์หลอกขาย Benz S-Class  w221 โดยมันเป็นป้ายเขียว
ใช้ๆไปรถเกียร์เสีย ถุงลมแตก ก็เอามาให้ผมพร้อมแถมเงินให้อีก 1แสน บอกว่าจะเอาไปทำอะไรก็ทำ
ซ่อมแล้วเหลือเงินมาเติมน้ำมันตระเวนขับไปขายตามเต้นท์ ไม่มีที่ไหนรับเลย เก็บไว้บ้านก็เหมือนขยะชิ้นใหญ่ๆ ประกาศขายสามแสนยังไม่มีคนเอา
สุดท้าย กลับไปขายเต้นท์ที่หลอกพ่อมา แกมขู่มันว่าถ้าไม่รับซื้อในราคาสมเหตุสมผล​ จะแฉกลยุทธ์​ที่มันหลอกขายพ่อผม สุดท้ายมันจึงยอมรับไปที่ 5แสน

ตอนเอาไปเต้นท์อื่นแถวบ้าน(กาญจนา​-บางแค)​ตีราคา แบบรู้สึกมีรถเหมือนมีขยะเลยครับ

ที่มาเล่าให้ฟังเพราะคำว่าคุ้มแต่ละคนไม่เหมือนกัน เผลอ yaris ativ hybrid จะคุ้มและประหยัดกว่าด้วยซ้ำ วันนึงหากจะขาย ก็อาจปล่อยไปง่ายๆ มีเงินไปดาวน์คันใหม่ได้อีก

รถไฟฟ้าวันนี้ยังเป็นแค่ของเล่นของคนมีตังค์ครับ มูลค่าสูงสุดในตัวรถคือสภาพแบตที่สามารถขายเข้าสู่วงการโซล่าเซลล์แค่นั้นแหละ



๑ ๒ ๓

มันประหยัดกว่าจริงๆแหละครับ

ซื้อก่อนประหยัดก่อน แต่จุดสำคัญคือ  หลังจาก 5-8 ปีไปแล้ว จุดคุ้มทุนจะอยู่ที่จุดไหน

ประหยัดตอนขับวันนี้ เงินหดอีกทีตอนขาย

เรื่องปกตินะผมว่า
รับซื้อ ขาย ซ่อม แลกเปลี่ยนคอมพิวเตอร์,โน้ตบุ๊ค และอุปกรณ์



DiKiBoyZ

ไม่ต้องทฤษฏีหรอกครับ

เขาพิสูจน์มาแล้ว

ว่าไฟฟ้า ตก km ไม่ถึงบาท

แต่น้ำมัน ต้องมี 2.5-4 บาท

มันชัดเจนอยู่แล้ว เรื่องความคุ้มค่า ในส่วนของ น้ำมัน vs ไฟฟ้า



Symphonic

เอาแบบเจาะลึกเลยนะครับ
ใช้วันละ 120 กม.

เป็น 120 กม. แบบไหนครับ
ใช้ชีวิตแบบไหน เพราะมันมีปัจจัยเวลามาเกี่ยว

1. วิ่งยาว ไป 60 กม - กลับ 60 กม
    แบบทำงานประจำ ไปเช้า เย็นกลับ?
    แบบนี้เป็น 120 กม ที่ใช้ความเร็ว
    ซึ่ง BEV จะไม่ใช่สภาวะที่ประหยัดสุด
    และต้องคิดถึงเวลาชาร์จว่า จะชาร์จตอน
    ไหน
2. วิ่งในเมือง แบบวิ่งส่งของ เป็น 120 กม
    ที่วิ่งทั้งวัน วิ่งเรื่อยๆ แบบนี้เป็นจุดที่ BEV
    ประหยัดกว่า ICE ชัดเจน แต่ต้องคิดต่อว่า
    จะชาร์จตอนไหน

ยังไงต้องไม่ลืมเอาเรื่องของเวลาชาร์จมาคิดด้วย
เพราะเป็นสิ่งที่แต่เดิมไม่ได้เสียไปครับ



Floppy-T

ชาร์จที่บ้านได้ ยังไงก็คุ้ม เลือกรถราคาไม่แรงหน่อย

การชาร์จข้างนอก น่าจะไม่ค่อยสะดวกเท่าไร

เงินยังหามาได้ แต่เวลาหาคืนไม่ได้ครับ



PaPaMan

คุ้มครับ เปลี่ยนได้เลย


ผมยังยืนยันสิ่งที่เคยโพสต์ในนี้หลายหนล่ะครับว่า ถ้าคุณใช้รถเกินปีละ 30,000 กม. การเปลี่ยนไปใช้รถไฟฟ้ามันจะคุ้มค่าครับเมื่อเทียบกับรถน้ำมัน


ปล.ไม่นับเวลาที่เสียไปจากการชาร์จนอกบ้าน หรือจอดรออะไหล่หากเกิดอุบัติเหตุครับ



ManZer

ขึ้นอยู่กับว่าใช้รถเยอะไหม ส่วนตัวผมคุ้มครับ

ปีนึงผมวิ่ง 45000-50000 โล

ค่าน้ำมันคันเดิม กิโลละ 2.4-2.7 บาท แล้วแต่ขับเร็วไหม

มาใช้รถไฟฟ้า ชาร์จบ้าน 90% 10% ออกต่างจังหวัด

ค่าไฟบ้านหม้อปกติ 0.54 บาท ต่อกิโล

มี solar cell ช่วยด้วยเฉลี่ย ค่าไฟ ต่อกิโล 0.3-0.4 บาท แล้วแต่ช่วง หรืออาจจะฟรีเลยถ้าวันนั้นไม่ได้ใช้ไฟ

ประหยัดค่าพลังงานไป ราว ๆ 5 เท่า

จากค่าน้ำมันปีละ 130,000

เหลือค่าไฟ ปีละ ราว ๆ 25000-30000 ไม่เกินนี้ รวมออก ต่างจังหวัดแล้ว

ค่าประกันคันเดิม 11,000
ประกันรถไฟฟ้าทำกับรู้ใจ 24,000 แพงกว่ากันหมื่นกว่าบาท

ค่า maintenance จากเดิม ปีละ 5 ครั้ง 10000-15000 บาทต่อปี

ไฟฟ้า ปีละ 10000 กับ 19000 สลับกัน (มีแพงทุก 80000 โล เพราะน้ำมันมอเตอร์)

ปีนึง น้ำมันเข้า 5 รอบ

ไฟฟ้าเข้า 2 รอบ

ค่ายาง ก็ไม่แพงกว่ากันเท่าไหร่ครับ ใช้ยาง เกรดกลาง เพราะต้องเปลี่ยนทุก 5-7หมื่นโล อยู่แล้ว และเวลาประมาณ 1.5 ปีเท่านั้น

โดยรวม happy ดีครับ

เดินทางไกลก็ไม่ได้ช้ากว่ารถน้ำมัน ระยะเวลาผมเท่ากัน เพราะมีแวะจอดพักอยู่แล้ว ชาร์จ 20-30 นาที รวมเข้าห้องน้ำ พักขา ก็พอ ๆกัน กับรถน้ำมัน






SM.

คุ้มแน่นอน ติด wall charge ด้วยนะครับ