« ตอบกลับ #21 เมื่อ: มกราคม 12, 2011, 01:24:15 »
ไม่พูดถึงไฟ DRL ที่มาจากโรงงานละกัน เพราะไฟพวกนี้จะติดเฉพาะตอนกลางวัน และเลือกเปิด-ปิดเองได้้ด้วย แถมสนนราคารถที่มีไฟ DRL ก็สูงจนบางทีตำรวจก็ไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียง
ส่วนของผมติดเองในคลับอะ โดนจับไปสองรอบแล้ว

แต่เขาจับเพราะเข้าผิดเลนครับ ไม่เกี่ยวกับเดย์ไทม์ฯ แบบว่าไม่เคยใช้เส้นนั้น โดนเรย อิอิ เขาก็มองๆ ไฟ DRL นะครับ ก็ชมว่าสวยดี ก็ไม่ว่าอะไร
เพราะมันเป็นตอนกลางวัน ส่วนตอนกลางคืน หากคันไหนเปิดเขาอาจเรียกจับได้ เพราะไฟมันแสบตามากครับ แสบกว่าไฟตัดหมอกเยอะ แต่คันผม ให้เขาต่อวงจรให้ตัดไฟเองเมื่อเปิดไฟหรี่ ก็หมดปัญหาไป
(ของผม dim ไม่ได้) ไฟเดย์ไลท์ไม่ช่วยเรื่องความสว่างเลย แต่ทำให้รถคันอื่นเห็นเราชัดเฉยๆ ไฟตัดหมอกก็คือกัน ลำแสงอยู่ต่ำ บางมุมจะเข้าตารถสวนด้วย
พอดีมีเพื่อนคนนึง ปรึกษาเรื่องว่าจะเอาไฟ Daytime Running Lights มาเปิดแทนไฟตัดหมอกตอนกลางคืน ว่าจะช่วยเรื่องทัศนวิสัยได้ไหม ขอถือโอกาสโพสรูปให้ดูเลยละกันครับ จะเห็นว่าฟุ้งกระจาย
ความเข้มสูงมากๆ แต่ความสว่างใช้ไม่ได้เลย อันนี้ก็อาจขึ้นอยู่กับลักษณะและคุณภาพหลอดด้วยครับ เพราะเท่าที่สังเกต ไฟ DRL โรงงานรถหรูๆ ที่ผมเห็น เช่น Golf GTi, E,S Class, Cayenne แสงจาก DRL
จะส่องไปข้างหน้าตรง โดยมีตัวหลอดอยู่ในเบ้าซึ่งอยู่ลึก และมีกรอบบังคับแสงให้พุ่งไปตรงๆ เพื่อลดความฟุ้งและการแยงตาของรถเลนสวนได้พอสมควรเลยทีเดียว ต่างกับไฟส่วนใหญ่ที่แต่งๆ กัน รวมถึงของผมด้วย



รูปเปรียบเทียบกับไฟโปรเจคเตอร์ HID จะเห็นว่าขนาดเปิดแฟลชสู้ จะเห็นว่าไฟตัดหมอก flare ออกมาชัดเจนครับ


ส่วนไฟตัดหมอก คอนเฟิร์มว่ายังไงก็ด้อยกว่าไฟหน้า เท่าที่เห็นๆ กัน ตำรวจไม่ค่อยเข้มงวดเรื่องนี้เท่าไหร่ครับ คงแล้วแต่พื้นที่ด้วย ซึ่งถ้าไม่จำเป็นก็อย่าเปิดพร่ำเพรื่อเลยครับ
ออพชั่นที่ได้มาบางอย่างไม่จำเป็นต้องใช้หรอกครับ (เหมือนถุงลมนิรภัย คงไม่มีใครอยากใช้ให้คุ้มค่ากับเงินที่แลกไปแน่ๆ)
ในเมืองไม่มีหมอก ก็ไม่ต้องเปิด เว้นว่าใครจะเปิดไฟตัดหมอกส่องกบส่องเขียดในซอยแคบๆ ที่มืดมิด ไม่มีรถสวน อันนี้ก็ไม่ว่ากันครับ
และก็พวกที่เอาวงจร Xenon ไปใส่ในไฟตัดหมอก กับพวกไฟหลากสี อันนี้โดนก็สมควรครับ เพราะผิดกฎหมายเต็มๆ