ผู้เขียน หัวข้อ: Review BMW 520d G30 ทดสอบ bmw 520d G30  (อ่าน 49058 ครั้ง)

ออฟไลน์ koko86

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,593
    • อีเมล์
Review BMW 520d G30 ทดสอบ bmw 520d G30
« เมื่อ: สิงหาคม 30, 2018, 00:09:59 »
     สวัสดีเพื่อนๆสมาชิก Headlight mag ทุกท่าน นี่เป็นอีกครั้งที่ผมได้ใช้รถใหม่ ทดแทนรถเดิมที่เริ่มมีอายุ และเป็นธรรมเนียมที่ได้รถใหม่ แล้วก็อยากจะทดสอบ หาข้อดี ข้อเสียของมัน และ แบ่งปันความรู้ให้กับทุกๆท่านครับ
     เนื่องจากรถใหม่ในตลาดนั้นมีมากมาย ตัวเลือกตามงบก็มีหลายตัวอยู่ ถ้าไม่ตีกรอบไว้คร่าวๆ อาจจะเสียเวลาหา ดังนั้นรถใหม่ที่อยากได้จึงมีวัตถุประสงค์ตามนี้ครับ
     1.เพื่อตอบโจทย์การใช้งานในชิวิตประจำวัน ไม่ได้เน้นความแรงมาก
     2.ต้องขับสนุกและมีความสปอร์ตอยู่ในตัวเพราะเป็นคนชอบขับรถ แต่ต้องไม่ทิ้งความสบายเพราะมีครอบครัวแล้ว 
     3.ภายในต้องกว้างขวางพอควรเพราะมีลูกสองคน พี่เลี้ยงต้องนั่งตรงกลางได้หากใช้ car seat สองตัวด้านหลัง
     4.ไม่เอาไฮบริด โดยเฉพาะplug in เพราะไม่มีที่ชาร์จและกลัวจุกจิก
     5.ราคารับได้ ไม่แรงมาก
     6.ประหยัดน้ำมันพอควร
     ประกอบกับช่วงที่ผ่านมา เป็นช่วงที่ BMW ได้เปลี่ยนโฉม series 5 พอดี ซึ่งรุ่นใหม่ตอบโจทย์ทุกอย่างจึงตัดสินใจซื้อ และทำการรีวิว BMW 520d G30 คันนี้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 02, 2018, 19:58:11 โดย koko86 »

ออฟไลน์ koko86

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,593
    • อีเมล์
Re: Long term test BMW 520d G30 ทดสอบระยะยาว 520d G30
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: สิงหาคม 30, 2018, 00:11:04 »
     ก่อนที่ทำการรีวิวก็ได้ศึกษาหาข้อมูลมาบ้าง มีทั้งสื่อไทย และเทศ ได้ทำการทดสอบมาแล้วมากมายหลายคลิป แต่ยังไม่มีใคร รีวิวถึงศูนย์ ถึงการใช้งานระยะยาว หรือ การขับแบบสุดลิมิตในไทย รีวิวนี้ จึงจัดทำทั้งรีวิวการใช้งานอย่างละเอียด และในแง่การใช้งานระยะยาวด้วย ค่อยๆเก็บข้อมูลเรื่อยๆมาจนกระทั่งเปลี่ยนน้ำมันเครื่องครั้งแรก จึงทดสอบในส่วนอัตราเร่งและความเร็วสุงสุดปิดท้ายครับ
     ในส่วนของสมรรถนะทั้งอัตราเร่งและช่วงล่าง นั้น ขอเปรียบเทียบกับรถที่ใช้อยู่ประจำคือ Toyota GT 86, Mercedes W211 E 240, mazda 3 โฉมปัจุบัน โตโยต้าalphard โฉมปัจุบัน minor change, s500e w222 กับรถที่เคยใช้มาคือ BMW 528i e 39  โดยมุมมองของผมจะเป็นมุมมองของคนที่ชอบขับรถ เร็วที่เน้นสมรรถนะเป็นหลักครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 26, 2018, 14:30:26 โดย koko86 »

ออฟไลน์ koko86

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,593
    • อีเมล์
Re: Long term test BMW 520d G30 ทดสอบระยะยาว 520d G30
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: สิงหาคม 30, 2018, 00:12:17 »
ตำแหน่งการขับขี่
   รถที่ดีควรเริ่มต้นจากตรงนี้ เมื่อเปิดประตูออกมา G30 เป็นรถที่เข้าออก ลุกนั่งสะดวก มีระบบeasy entrance ช่วยยกพวงมาลัยขึ้นขณะเปิดประตู ตอนเข้าไปนั่งบนเบาะคนขับอาจติดเรื่องเสื้อด้านหลัง หรือ ขอบกางเกงด้านหลังครูดกับ ปีกเบาะด้านข้างได้เนื่องจากปีกเบาะค่อนข้างสูงตามสไตล์เบาะสปอร์ต
   เบาะสามารถ ปรับได้หลายทิศทาง ทั้งกระดก หน้า หลัง ปรับระดับสูง ต่ำได้ ปีกด้านข้าง ปรับความกระชับได้ พนักพิงศรีษะสามารถเลื่อนเข้าออกได้ ตัดปัญหาพนักพิงดันกระบาลไปได้เลย แต่ไม่สามารถปรับดันหลังได้ พวงมาลัยสามารถปรับได้ สี่ทิศทาง ขึ้นลง เข้า ออก หาตัว และสามารถเซฟเมมโมรี่ไว้ได้สองตำแหน่ง (เดิมใน E39 มีสามตำแหน่ง) แต่อย่างไรก็ตาม หากเซตกุญแจไว้กับตำแหน่งการขับขี่แล้ว หากเปลี่ยนกุญแจเข้ามาจะเปลี่ยน profile คนขับ และ สามารถเพิ่มตำแหน่งเมมโมรี่ เบาะตามที่บันทึกไว้กับกุญแจนั้นๆ
   เมื่อเข้ามานั่งแล้ว ตำแหน่งการขับขี่ถือว่าทำได้ดี หากปรับเบาะตามตำแหน่งที่ถูกตามหลักการแล้ว ( ศีรษะอยู่ห่างจากหลังคา1ฝ่ามือ เข่างอเล็กน้อยเมื่อเหยียบเบรกสุด และ ข้อมืออยู่พอดีพวงมาลัยตำแหน่ง 12 นาฬิกา ) ตำแหน่งพวงมาลัย คันเร่ง เบรก จะอยู่ในตำแหน่งที่พอดี ระยะห่างระหว่างเบรกกับคันเร่งกำลังดี คันเกียร์อยู่ในตำแหน่งที่จับถนัดมือ เรียกได้ว่า ออกแบบสำหรับนักขับตามมาตรฐาน BMW แต่สำหรับผู้ที่ชอบนั่งเบาะเตี้ยๆเช่นผม อาจเจอปัญหาเรื่อง พวงมาลัยปรับลงได้ไม่มากเมื่อเทียบกับเบาะที่ปรับได้เตี้ยสุดๆ ถ้าพวงมาลัยปรับลงได้มากกว่านี้สักหน่อยก็คงจะดี
   ข้อเสียสำคัญที่สุด ที่เป็นจุดที่เกือบจะตัดคันนี้ออกจากตัวเลือกคือ ที่ดันหลังไม่สามารถปรับได้ สำหรับผมนั่งขับสั้นๆอาจไม่เท่าไหร่ แต่ถ้านั่งนานๆ ตรงจุดนี้เบาะมาตรฐานอาจจะดันหลังมากไปทำให้เกิดความเมื่อยล้าเหมือนต้องแอ่นหลังอยู่ตลอด  จริงอยู่รุ่นนี้ถ้าเทียบกับ 530 e  มันอาจจะเป็นรุ่นออพชั่นน้อยกว่า แต่ออพชั่นพื้นฐานแบบนี้กลับตัดออก และเป็นสิ่งที่แก้ไขภายหลังไม่ได้ ตรงจุดนี้อยากฝากถึง BMW Thailand ด้วยว่าอย่าพลาดกับจุดเล็กๆน้อยๆกับluxury car อย่างนี้เลย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 02, 2018, 08:12:27 โดย koko86 »

ออฟไลน์ koko86

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,593
    • อีเมล์
Re: Long term test BMW 520d G30 ทดสอบระยะยาว 520d G30
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: สิงหาคม 30, 2018, 00:16:11 »
บรรยากาศและความสะดวกสบาย
   เมื่อเข้ามาตอนกลางคืน จะพบกับ บรรยากาศสไตล์ BMWแนวโมเดริน สิ่งที่ประทับใจคือ สามารถเปลี่ยนสีไฟในรถได้ หลาย เฉดสี ตอนแรกผมคิดว่าเป็น ออพชั่นที่สิ้นเปลือง แต่พอใช้ไปนานๆ ได้เปลี่ยนไปหลายๆสี ผมว่ามันก็เป็นออพชั่นที่ดีเหมือนกัน เพราะสามารถเปลี่ยนได้ตามอารมณ์ที่เราต้องการ และทุกสีก็มีเสน่ห์ในแบบของมัน ช่วยเพิ่มความสุนทรีย์ได้อีกไม่น้อย โดยสีที่มีมาก็จะมี  6 สี คือ บรอนซ์ ส้ม เขียว น้ำเงิน ขาว และ ม่วง  ดูรวมๆแล้วสวยทุกสีครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 02, 2018, 08:12:05 โดย koko86 »

ออฟไลน์ koko86

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,593
    • อีเมล์
Re: Long term test BMW 520d G30 ทดสอบระยะยาว 520d G30
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: สิงหาคม 30, 2018, 00:19:03 »
สีอื่นๆ และ บรรยากาศตอนเปิดไฟ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 02, 2018, 08:11:40 โดย koko86 »

ออฟไลน์ koko86

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,593
    • อีเมล์
Re: Review BMW 520d G30 ทดสอบ520d G30
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: สิงหาคม 30, 2018, 00:22:26 »
เบาะนั่งด้านหลัง ยังมีเอกลักษณ์ของBMW ตั้งแต่เป็น e39 คือ จะโอบกระชับด้านข้าง เน้นความยาวของเก้าอี้หลังจนเกือบถึงข้อพับเข่า ถึงแม้ทำให้ leg room ลดลงไปบ้าง แต่นั่งนานๆ แล้วสบาย  สามารถนั่งได้พอดีๆ หากผมที่สูง 170 ซม เมื่อปรับเบาะหน้าจนพอดีแล้วย้ายมานั่งเบาะหลัง จะมีที่เหลืออยู่ระหว่างเข่ากับเบาะหน้า ประมาณ 2 กำมือ  เก้าอี้ด้านหน้าแม้ว่าปรับค่อนข้างเตี้ยแล้วแต่สามารถสอดเท้าจากด้านหลังเข้าไปได้ลึก ทำให้มีleg room กว้างพอสมควร
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 01, 2018, 10:09:51 โดย koko86 »

ออฟไลน์ koko86

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,593
    • อีเมล์
Re: Long term test BMW 520d G30 ทดสอบระยะยาว 520d G30
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: สิงหาคม 30, 2018, 00:23:45 »
สำหรับผู้ที่ใช้รถคันนี้เป็นรถครอบครัว ผมได้ทดสอบ การวางคาร์ซีทดังรูป สำหรับบ้านที่มีลูกสองคน สามารถวางคาร์ซีทได้สองตัวและให้คนนั่งตรงกลางได้แบบเบียดๆเล็กน้อย แต่ไม่อึดอัดถึงขนาดเดินทางไกลไม่ได้ มีisofix เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ซึ่งทำให้การใส่คาร์ซีทเป็นเรื่องง่าย อย่างไรก็ตามเบาะหลังรุ่นนี้ ไม่สามารถพับเพื่อขนของใหญ่ๆ เช่นจักรยานได้ อาจไม่ถูกใจสายปั่นอยู่บ้าง นอกจากนี้ยังมีม่านสำหรับบังแดด แอร์ คู่หลัง(แต่ไม่มีส่วนที่ควบคุมหรือจอ)

ออฟไลน์ koko86

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,593
    • อีเมล์
Re: Long term test BMW 520d G30 ทดสอบระยะยาว 520d G30
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: สิงหาคม 30, 2018, 00:25:57 »
มี isofix ชีวิตพ่อลูกอ่อนง่ายขึ้นเยอะ

ออฟไลน์ koko86

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,593
    • อีเมล์
Re: Long term test BMW 520d G30 ทดสอบระยะยาว 520d G30
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: สิงหาคม 30, 2018, 00:29:37 »
การเก็บเสียง
   ตรงนี้เป็นจุด ไฮไลท์ที่สำคัญของรถคันนี้ก็ว่าได้ คือ เงียบ และนิ่ง ขับเร็ว 120 กม/ชม เหมือนขับ ซัก 60-80 กม/ชม ถ้าไม่เหลือบดูเข็มวัดความเร็วบ่อยๆ ล่ะก็มีสิทธิ์ ที่จะเผลอเหยียบไปถึง 140-160 กม/ชม ได้อย่างง่ายดาย  เสียงลมจะเริ่มเข้ามาหลังความเร็ว 160 ซึ่งบุคลิกแบบนี้ ทำให้นึกถึง e 39 เมื่อ 20 ปีก่อน ที่เหยียบเท่าไหร่ก็ไม่ค่อยรู้สึกว่าเร็ว
   จุดที่เป็นข้อเสีย เมื่อเทียบกับรถไฮบริด ก็คือ ความนิ่ง เงียบ ไหลลื่น ลักษณะแบบเครื่องยนต์เบนซิน จริงอยู่ถึงแม้เสียงลมจะเงียบแต่ก็ ยังได้ยินเสียงเครื่องยนต์ค่อนข้างชัดและ ความสั่นสะเทือน ทั้งรอบเดินเบา และ รอบใช้งานยังมีให้รู้สึกอยู่ ซึ่งคนส่วนใหญ่อาจไม่ซีเรียส อย่างภรรยาที่มานั่งแล้วผมถามประเด็นนี้เค้าบอกไม่รู้สึกสั่นอะไรเลย
         แต่สำหรับผม ผู้ที่ชื่นชอบความลื่นไหลของเครื่องยนต์ การลากเกียร์และฟังเสียงหวานๆเพราะๆของเครื่องยนต์ช่วงรอบสูงๆของเครื่องเบนซินกลับรรู้สึกว่าเสน่ห์บางอย่างมันขาดหายไป ตรงประเด็นนี้ใครจะซื้อจริงๆ ให้ไปลองขับดูก่อนครับ

อุปกรณ์ต่างๆ
   เครื่องเสียงและความบันเทิง เครื่องเสียงที่ให้มานั้น เท่าที่ลองฟังดูกลับไม่ได้ประทับใจอะไร เสียงเบสมีพลัง เพียงพอแต่เสียงกลางกับเสียงแหลมยังขาดรายละเอียด แต่ถ้าคนไม่ได้จริงจังกับเครื่องเสียง น่าจะมีความสุขกับมันแน่นอน แต่สำหรับคนที่เล่นเครื่องเสียง อาจไม่พอกับเสียงที่ยังขาดรายละเอียดไปสักหน่อย อาจจะแก้ไขได้โดยเลือกไฟล์ต้นกำเนิดคุณภาพดีอาจทำให้รายละเอียดดีขึ้นมาบ้างเลี่ยงการฟังผ่านblue tooth 
     จุดที่ชอบมากๆของG30 คือ มันสามารถอัดเพลงใส่ฮาร์ดดิสก์ที่อยู่ในรถได้ ทำให้มีความสะดวกสบายในการเลือกเพลง ลองคิดดูสมัยก่อน ต้องคอยมานั่งเปลี่ยนแผ่นเพลงที่เราชื่นชอบ จากซีดี แต่เดี๋ยวนี้เอาแผ่นซีดีหรือ MP 3ที่ชื่นชอบจากthumb drive มาให้ดูดลงฮาร์ดดิสก์ แล้วจะกลับมาเล่นเมื่อไหร่ก็ได้ เพียงแค่เลือกจากi drive แค่นี้ก็จบแล้ว ระบบนี้ยังสามารถเลือกลบเพลงบางเพลงออกได้ และ สามารถตั้งชื่อไฟล์ใหม่ได้ด้วย
   Infotainment system ต้องยอมรับจริงๆ ว่าระบบ idrive ที่ได้รับการพัฒนามานานนั้นใช้งานได้ง่ายกว่าของเบนซ์มาก มีหน้าจอให้แบ่งครึ่งให้ดูว่าหากเราเข้าโปรแกรมไปแล้วหน้าจอถัดไปจะมีตัวเลือกอะไรบ้าง การตอบสนองที่ดีและเร็วทำให้การใช้งานเป็นเรื่องสนุก ส่วนระบบ gesture control ตอนแรกคิดว่าไม่จำเป็น ไร้สาระ แต่พอใช้ไปนานๆ ในเรื่องการปรับเสียง การรับสายโทรศัพท์ต่างๆ ชักชิน และใช้ได้ดีพอสมควร จะติดตรงการใช้นิ้วปรับเสียงทำได้ไม่ละเอียดพอ คือพอจะเพิ่มเสียงก็กลายเป็นดังไปเลย 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 06, 2018, 23:47:31 โดย koko86 »

ออฟไลน์ koko86

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,593
    • อีเมล์
Re: Long term test BMW 520d G30 ทดสอบระยะยาว 520d G30
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: สิงหาคม 30, 2018, 00:31:52 »
     กุญแจ มีกุญแจแถมมาให้สามดอก หนึ่งในนั้นจะเป็น display คือ สามารถดูสถานะรถยนต์ได้ เช่น การปิดหน้าต่าง ระยะทางที่วิ่งได้ จุดที่ตกม้าตายสำหรับรุ่นนี้คือ ไม่มี wireless charger ในรถและการชาร์จจากสายusb นั้นต้องทำการแกะฝาปิดที่แสนเล็กและแกะยาก จากนั้นจึงต้องต่อสายชาร์จ สุดท้ายต้องจบที่การซื้อ wireless charger มาชาร์จที่บ้านแทน  อยากจะแนะนำว่า รถราคาขนาดนี้แถมมาได้ก็แถมมาเถอะ อย่าให้ลูกค้าต้องลำบากเลย  ส่วนdisplay key ที่เมืองนอกสามารถถอยเข้าจอดได้ เมืองไทยยังทำไม่ได้นะครับ
     กล้องบันทึกจราจร สามารถติดเพิ่มทีหลังได้เช่นกัน แต่ราคาก็แรงพอควร เมื่อต่อคอมพ์สามารถดูได้ทั้งหน้าและหลังพร้อมพิกัด GPS เลย ถ้าเป็นรุ่นใหม่ๆจะได้กล้องจราจรที่สามารถต่อ wifi ดูได้จากจอโทรศัพท์เลย
    แอร์  เป็นจุดที่ชื่นชอบอีกหนึ่งจุด ของรถคันนี้ คือ สามารถปรับความแรงของพัดลมแอร์แยกจากกัน ซ้าย ขวาได้ และสามารถตั้งอุณหภูมิแยกกันได้อย่างอิสระ สะดวกในการใช้งานมาก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 30, 2018, 01:27:06 โดย koko86 »

ออฟไลน์ koko86

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,593
    • อีเมล์
Re: Long term test BMW 520d G30 ทดสอบระยะยาว 520d G30
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: สิงหาคม 30, 2018, 00:34:09 »
ทีเก็บของด้านหลัง
   ที่เก็บของด้านหลัง มีขนาด530ลิตร สามารถใส่car seat ได้ถึง สองตัว สบายๆ เมื่อฝาท้ายเปิดเข้าออกสะดวก ตามสไตล์ BMW คือสามารถใช้เท้ายื่นไปใต้กันชนเพื่อเปิดฝาท้ายได้ ลักษณะช่องเก็บของจะค่อนข้างลึก แต่ แคบ นอกจากนี้พื้นยังไม่เรียบคือ มีบุ๋มตรงกลาง ซึ่งตรงนี้เมื่อเทียบกับ W211 นั้นที่เก็บของใช้งานได้สะดวกกว่า แต่ในเรื่องความจุนั้นไม่ต่างกันเท่าไหร่ นอกจากนี้ยังมีช่องเก็บของเล็กๆน้อยๆด้านข้าง พอสำหรับใส่คู่มือไว้ได้พอดีๆ และมีชุด คิท สำหรับปฐมพยาบาลไว้ด้วย ถ้ามีปุ่มปิดอัตโนมัติมาให้น่าจะสะดวกไม่น้อย

ออฟไลน์ koko86

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,593
    • อีเมล์
Re: Long term test BMW 520d G30 ทดสอบระยะยาว 520d G30
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: สิงหาคม 30, 2018, 00:36:04 »
การขับขี่โหมดต่างๆ  มีการขับขี่สามโหมดคือ
      Standard ทุกครั้งที่สตารท์ จะกลับมาอยู่ในโหมดนี้ จอจะแสดงความเร็วตามมาตรฐาน ไม่สามารถปรับน้ำหนักพวงมาลัยได้ เปลี่ยนเกียร์เร็ว เน้นความประหยัด จุดที่น่ารำคาญก็คือ ต้องคอยปิด ระบบ start/stop ทุกครั้งไป จริงอยู่ว่าระบบนี้ดี ช่วยประหยัดน้ำมันในเมืองหนาว เพราะเวลารถติดเครื่องก็ดับได้ยาว แต่สำหรับเมืองร้อนอย่างประเทศไทย ดับได้ทีละ 10-20 วินาทีในวันร้อนๆนั้นแทบไม่ได้ช่วยเรื่องประหยัดน้ำมันเลย และในสภาพการจราจรที่ไหลๆสลับหยุด การที่เครื่องติดทีละ 5-10 วินาทีแล้วสตารท์ใหม่นั้น ไม่สนุก อยากให้มีระบบที่สามารถตั้งให้ปิดอัตโนมัติทุกครั้ง จะได้ไม่ต้องเสียเวลาปิดเอง
      Sport โหมดนี้หน้าจอจะเปลี่ยนเป็นอีกแบบ มีการแสดงตัวเลขความเร็ว และ มาตรวัดต่างๆจะหยาบขึ้นเพื่อให้โฟกัสอยู่กับการขับขี่ การเปลี่ยนเกียร์จะช้าลง มีการลากเกียร์ โดยเฉพาะในย่านความเร็วสูง เกียร์จะค้างไว้ที่เกียร์ 6-7 เพื่อเลี้ยงรอบไว้ โหมดนี้สามารถปรับน้ำหนักพวงมาลัย การเปลี่ยนเกียร์ได้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 30, 2018, 10:35:58 โดย koko86 »

ออฟไลน์ koko86

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,593
    • อีเมล์
Re: Long term test BMW 520d G30 ทดสอบระยะยาว 520d G30
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: สิงหาคม 30, 2018, 00:40:19 »
     Ecopro  โหมดนี้จะใช้หน้าจอสีฟ้า แสดงระยะเวลาที่เครื่องดับจากระบบ start/stop  จะมีการให้ตั้งค่าspeed warining ตั้งแต่ 80-130 กม/ชม เพื่อความประหยัด  แอร์จะร้อนขึ้นเพราะลดการทำงานของcompressor  ระบบไล่ฝ้ากระจกมองข้างจะถูกปิด และระบบ coasting คือปล่อยไหล ไร้แรงหน่วงจากเครื่องยนต์เพื่อให้รถวิ่งได้ไกลมากที่สุด การขับขี่จะใชเกียร์สูงกว่าปกติ และเรียวแรงจะน้อยกว่าปกติ เหมือนถูกลิมิตเครื่องยนต์ไว้ โดยส่วนตัวหลังจากได้ทดสอบความประหยัดของรถคันนี้แล้ว คิดว่าโหมดนี้แทบไม่มีความจำเป็นเลยเนื่องจากลำพัง โหมดstandard ก็ประหยัดสุดๆอยู่แล้ว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 30, 2018, 20:11:49 โดย koko86 »

ออฟไลน์ koko86

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,593
    • อีเมล์
Re: Long term test BMW 520d G30 ทดสอบระยะยาว 520d G30
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: สิงหาคม 30, 2018, 00:47:54 »
การขับขี่และช่วงล่าง ยาง เบรก
   จุดเด่นที่สำคัญของรถคันนี้คือเรื่องนี้แหละครับ เมื่อขับทั่วไปในเมือง ผ่านรอยต่อต่างๆ มีความนุ่มนวลอยู่พอสมควร แต่เมื่อเทียบกับ BMW e39 ที่เคยใช้มาก่อน รู้สึกว่า “การเก็บรายละเอียด” ยังสู้ไม่ได้ ทั้งนี้อาจเกิดจาก ยางrun flat ที่แก้มแข็งขึ้น และ ล้อขอบ18 ที่ใหญ่ขึ้น ตามยุค ตามสมัย ถ้าพูดถึงเรื่องความนิ่มนวลอาจไม่ได้นิ่มนวลสุดๆ เมื่อเทียบกับ S500e แต่มีความเป็นธรรมชาติมากกว่า คือ ผ่านอะไรก็รู้สึกอย่างงั้น ไม่หลอกๆเหมือนรถที่ใช้ช่วงล่างถุงลม
   ล้อ18 ที่ติดรถมาอาจดูไม่ได้สวยเต็มเท่าไหร่ แต่เหมาะอย่างยิ่งกับถนนเมืองไทย จากการใช้งานจริงเคยตกหลุมที่มองไม่เห็นตอนกลางคืนครั้งนึง คิดในใจว่าถ้าเป็น w222 ล้อ20 นิ้วคงคดไปแล้วแน่ๆ แต่ล้อขนาดนี้มียางที่หนาจึงไม่มีอาการคดใดๆให้เห็น และยังนิ่มนวลพอสมควรด้วย

   การเกาะถนน  การขับขี่ทั่วๆไป เช่น โค้ง ทางด่วนที่ขึ้นจากพระโขนงมุ่งหน้าไปรามอินทรา Toyota 86 ขับได้ประมาณ 80 ส่วนคันนี้ ขับเข้าไปได้ 70 กม./ชม  กว่าโดยไม่ออกอาการอะไรเลย
         บ่อยครั้งเช่น โค้งลงทางด่วน พระรามหก จากทางที่มุ่งหน้าแจ้งวัฒนะขับลงไปได้ถึง 70 กม./ชม หรือโค้งขึ้นทางด่วนจากพระรามหกข้ามคลองประปาขึ้นเพื่อไปดาวคะนอง ก็สามารถแซงคันอื่นๆในโค้งได้อย่างมั่นใจ จุดที่ประทับใจอีกเรื่องคือ ความรู้สึกเวลาเข้าโค้ง แทบไม่มีอาการโคลงจากการถ่ายน้ำหนักเลยและในขณะเดียวกันช่วงล่างก็ไม่ได้แข็งจนเกินไป
      ช่วงความเร็วสูง มากกว่า 160 กม./ชม ที่เป็นจุดที่วัดความมั่นใจของช่วงล่างได้เป็นอย่างดี ยังให้ความมั่นใจได้อยู่ไม่ว่าจะเป็นน้ำหนักพวงมาลัยที่ตึงมือพอดีๆ และช่วงล่างที่ยังเอาอยู่ กับสถานการณ์แบบนี้ไม่มีอาการเซส่ายไปตามแรงลม หรือความรู้สึกลอยๆ หวิวๆ
   แม้กระทั่งการทดสอบหาความเร็วสูงสุด ช่วงทางด่วนอุดรรัถยา เนื่องจากลักษณะทางด่วน เป็นทางราบยาวๆที่ขั้นไว้ด้วยสะพาน ดังนั้นจึงต้องลงสะพานมาด้วยความเร็ว และเมื่อถึงความเร็วสูงสุดแล้วก็ต้องรีบเบรกเพื่อไม่ให้รถลอยระหว่างขึ้นไปอีกสะพาน  ตรงจุดนี้จากความเร็วสูงสุดที่ทำได้คือ 231 กม./ชม ก็ยังสามารถจับพวงมาลัยมือเดียวสักพักแล้วถ่ายรูปเก็บไว้ หลังจากนั้นกดเบรกเต็มที่ เพื่อขึ้นอีกสะพานช่วงล่างก็สามารถรับมือกับรอยต่อสะพานที่ความเร็วสูงได้อย่างมั่นใจ 
   โดยสรุป ผมประทับใจกับช่วงล่างรถคันนี้มาก คือ มันสามารถส่งผ่าน DNA ของ BMW จากรุ่นสู่รุ่นได้อย่างน่าประทับใจ มีทั้งความนิ่มนวลและเกาะถนนแบบเป็นธรรมชาติ ทั้งๆที่สองอย่างนี้ไม่น่าจะไปด้วยกันได้  นี่น่าจะเป็นมาตรฐานที่ดีของ รถในsegment sport luxury car ถ้าคุณชอบเล่นโค้ง หรือ ชอบการทรงตัวที่ดีใจช่วงความเร็วสูง การเซ็ทช่วงล่างแบบนี้คือคำตอบ  หากเทียบกับบรรดารถที่เคยขับมาฟิลลิ่งของรถคันนี้จะใกล้เคียงกับ BMW e39 มากที่สุดครับ ความรู้สึกจะคล้ายๆกับเจอแฟนเก่าที่ไม่ได้เจอกันมานาน แต่ g30 จะแข็งกว่าหน่อยน่าจะเป็นพราะใช้ยางrun flat

   เบรก ถึงแม้จะให้เบรกหน้ามาแค่สองพอด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของน้ำหนัก การหน่วงตามแรงกด หรือแม้กระทั่งช่วงลดความเร็วจากความเร็ว230 จนมาถึง 120กม./ชม ก็ยังให้ความมั่นใจได้ดี ไม่มีอาการเฟด หรือ เอาไม่อยู่ให้เห็น เทียบความรู้สึกกับตัว S500e พูดตรงๆว่าที่ความเร็วสูง G30 กับให้ความมั่นใจเรื่องเบรกได้มากกว่า

   ยาง ยางที่ใช้ เป็น piralli centurino ให้ความไว้ใจได้เรื่องการเข้าโค้ง และการเบรก ตั้งแต่ขับมาบนถนนยังไม่เคยทำมันร้องเลยสักครั้ง เกาะถนนดีจริงๆ เมื่อขับกลางฝน ต้องรีดเจอแอ่งน้ำที่ความเร็ว 110 กม/ชม ก็ไม่มีอาการเหินใดๆ ให้เห็น

   พวงมาลัย ให้การสื่อสารที่ดี คือ เวลาขับจน understeer(รายละเอียดในpart driving on limit) น้ำหนักก็จะเบาลงเล็กน้อย เมื่อผ่านรอยต่อ หลุมบ่อบนถนนต่างๆ ก็รายงานรายละเอียดต่างๆให้พอเป็นพิธี ไม่เก็บทุกเม็ดเหมือน 86 ซึ่งก็ถือเป็น ครรลอง ตามรถsport luxury
   หากจะมีข้อติ ก็คือ พวงมาลัยในโหมด มาตรฐาน อาจจะมีน้ำหนักเบาไปหน่อยไม่ว่าเป็นตอนขับในเมืองหรือเดินทางไกล ซึ่งในโหมดมาตรฐานนั้น ไม่สามารถปรับน้ำหนักพวงมาลัยได้ แต่ในโหมดอื่น เช่น โหมด สปอร์ตหรือ eco pro สามารถปรับน้ำหนักพวงมาลัยได้ แต่ก็มีปัญหาคือ ต้องกดเปลี่ยนโหมดทุกครั้งหลังจากที่สตาร์ทเครื่องและ หน้าจอแสดงผลของโหมดสปอร์ตก็ดูยากไม่เหมือนโหมดมาตรฐาน ดังนั้นหากแก้ไขให้โหมดมาตรฐานสามารถปรับน้ำหนักพวงมาลัยได้จะดีมากๆ

   เกียร์ เมื่อเทียบกับเกียร์เบนซ์ที่ต้องเข้าตรงก้านพวงมาลัย เกียร์ของBMW เข้าได้สะดวกกว่าเยอะคือ คันเกียร์อยู่ในตำแหน่งเดียวกับรถทั่วๆไป การเข้าเกียร์จะเป็นลักษณะจอยสติ๊ก มีปุ่มP อยู่ตรงด้านหลัง และมีสวิตช์ปลดล็อคปุ่ม P  อยู่ด้านข้าง เวลาเปลี่ยนจากเกียร์ D มา P จึงทำได้ง่าย แค่เพียงกดปุ่มPก็เสร็จแล้ว หรือหากจะเปลี่ยนจาก P มา D ก็สามารถทำได้ง่ายๆเพียงกดปุ่มปลดล็อคค้างไว้และเข้าเกียร์D ได้เลย
     การใช้งานเกียร์ลูกนี้ สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้อย่างนุ่มนวล ไม่มีการกระตุกใดๆทั้งสิ้น แต่ยังรู้สึกถึงการเปลี่ยนเกียร์อยู่ เมื่อขับเรื่อยๆในเมืองเกียร์จะเปลี่ยนเร็ว รอบเครื่องจะไม่เกิน 1800-2000 รอบ  นอกจากนี้เมื่อเวลารถติดๆ ยังมีโหมด auto hold brake เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเหยียบเบรก และดึงเบรกมือบ่อยๆด้วย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 30, 2018, 20:58:36 โดย koko86 »

ออฟไลน์ koko86

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,593
    • อีเมล์
Re: Long term test BMW 520d G30 ทดสอบระยะยาว 520d G30
« ตอบกลับ #14 เมื่อ: สิงหาคม 30, 2018, 00:53:18 »
Driving on the limit

   เนื่องจากผมได้มีอากาสไป Driving experience ของBMW ด้วย ซึ่งได้ใช้ 520 D G30 เป็นรถสำหรับสถานีจำลองการขับขี่ในที่ลื่น เพื่อทดสอบ ระบบ traction control, DSC(Dynamic Stability Control) ซึ่งได้ทำการทดสอบบนสนามทดสอบของบริดจ์สโตน โดยสนามที่ทำการทดสอบจะเป็น วงเวียนที่พื้นเป็นหินลื่นๆ และมีการฉีดน้ำเลี้ยงไว้ตลอด โดยทดสอบสามรอบ
        รอบแรก เปิดระบบช่วยควบคุมการทรงตัวหมด (traction control, DSC) เมื่อเหยียบคันเร่งเข้าโค้งไป รถจะเริ่มไถลโดย ออกอาการ understeer (เลี้ยวไม่เข้า) เล็กน้อย และเมื่อเริ่มเกิดอาการคันเร่งจะเหมือนตื้อเหยียบไม่ไปในทันที จากการเข้าควบคุมของระบบช่วยเหลือ ทำให้มั่นใจได้ว่า หากเกิดเหตุการณ์คล้ายๆกันนี้ บนถนน และระบบทุกอย่างทำงาน จะสามารถผ่านวิกฤตไปได้แน่นอน เพราะแก้ไขได้ง่ายมาก
        รอบสอง ปิดระบบ DSC แต่เปิด traction control  เมื่อเลี้ยวเข้าไป ระบบจะปล่อยให้ under steer จนรถเริ่มออกจาก track ไประยะหนึ่ง ต้องแก้โดยการถอนคันเร่งช่วย รถถึงจะเริ่มกลับมาเข้ารูปเข้ารอย เริ่มต้องใช้ฝีมือเข้าช่วยเล็กน้อย แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อยังมีการเปิด traction control  รถจะไม่เกิดอาการ over steer เลย ซึ่งก็ยังปลอดภัยมากๆเมื่ออยู่บนท้องถนน
       รอบสาม ปิดระบบช่วยเหลือทั้งหมด คือ ปิดทั้ง DSC และ traction control   ถนนลื่นๆ เมื่อเจอกับทอรค์ระดับ 300-400 nm ความมันส์จึงบังเกิด คือ เมื่อเหยียบคันเร่งปุ๊ป ท้ายเริ่มกวาดทันที ต้องถอนคันเร่งและหักพวงมาลัยแก้ เพื่อไม่ให้รถดริฟท์มากเกินไปจนหมุน ด้วยความที่ต้องใช้ทักษะเลี้ยงรถให้อยู่ในภาวะดริฟท์แบบนี้จึงสนุกมาก รถคันนี้เซทช่วงล่างมาบาลานซ์ดี หากเลี้ยงหาจังหวะเร่งและถอนคันเร่งดีๆ สามารถดริฟท์ยาวๆ ได้เป็นครึ่งรอบสนามวงกลมเลยทีเดียว นี่ถ้ามีเวลาอีกหน่อย ผมว่า ได้ดริฟท์กันทีละหลายๆรอบแน่

       กล่าวโดยสรุปก็คือ เมื่ออยู่ในโหมด ปกติ ระบบช่วยเหลือต่างๆ ก็สามารถปกป้องได้เต็มที่ แต่เมื่อไหร่ ที่อยากสนุก ปิดระบบทั้งหมด แล้วดริฟท์ สำหรับ 520 d G30 นั้น ผมว่า ทำได้อย่างไม่ยากเย็นเลย ที่สำคัญคือ สนุกด้วย เพราะบาลานซ์รถดีมากๆ สามารถ maintenance จังหวะดริฟท์ได้ยาวๆเลยทีเดียว คือ เป็นรถบ้านที่ถ้าอยากจะดริฟต์ก็ดริฟต์ได้โคตรมันส์
       หลังจากนั้น ทางทีมงานinstructor ได้พาเรานั่ง รอบสนามทดสอบที่มีทางโค้ง หลากหลายรูปแบบ ในสนามไทยบริดสโตน เปิดระบบการช่วยเหลือทุกอย่างเท่าที่จับอาการจากการนั่งเต็มคันสี่คน รถจะออกอาการmild under steer ตลอดทุกโค้ง  ในขณะที่รอบถัดมาได้นั่ง series3 30i นั่งสี่คนเต็มคันเช่นกันแล้วขับตาม g30  จึงเห็นว่าในส่วนของการเข้าไลน์ ด้วยความเร็วเท่าๆกัน series 3 สามารถเข้าโค้งแนบไลน์ในได้ดีกว่า อาจจะเป็นเพราะรถเบากว่า จึงทำให้เข้าโค้งได้ดีกว่าเล็กน้อย

(credit ภาพจาก face book: BMW Ultimate JOY Experience)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 01, 2018, 07:11:30 โดย koko86 »

ออฟไลน์ koko86

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,593
    • อีเมล์
Re: Long term test BMW 520d G30 ทดสอบระยะยาว 520d G30
« ตอบกลับ #15 เมื่อ: สิงหาคม 30, 2018, 00:57:02 »
อัตราเร่ง
   การใช้งานทั่วไป เป็นรถที่ขับสนุก เพราะทอร์คดีเซลมาตั้งแต่รอบต่ำ กดคันเร่งทอร์คมาทันทีตั้งแต่ 2-3 พันรอบ ไม่ต้องรอรอบ แรงดึงดีมากไม่ถึงชนิดดึงหน้าหงายแบบ s500e แต่จะได้ความรู้สึกหลังติดเบาะแน่นอน ถ้าไม่ได้เร่งรีบจริงๆ การคิกดาวน์แทบไม่จำเป็น แต่หลังสามพันรอบขึ้นไปจะมีอาการปลายเหี่ยวซึ่งเป็นเรื่องปกติของเครื่องยนต์ดีเซล
       จากการขับเพียงคนเดียว และใช้การจับเวลาจาก GPS ใน Iphone ร่วมกับโปรแกรม Dynolicious  ใช้โหมด standard จับเวลาสามรอบ ได้เวลา 8.79, 8.83, 8.68 วินาที ตามลำดับ เฉลี่ย3ครั้งได้เวลา 8.76วินาที
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 26, 2018, 14:31:55 โดย koko86 »

ออฟไลน์ koko86

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,593
    • อีเมล์
Re: Long term test BMW 520d G30 ทดสอบระยะยาว 520d G30
« ตอบกลับ #16 เมื่อ: สิงหาคม 30, 2018, 00:59:12 »
       ระยะเวลาจาก 80-120 กม/ชม  ทั้งหมดสามครั้งโหมดสปอร์ต รวมเวลาคิกดาวน์จากเกียร์ 6 มาเกียร์4 ด้วย ได้ประมาณ 5.96 6.00 5.80 วินาที หากไม่รวมเวลาคิกดาวน์น่าจะได้เวลาเร็วกว่านี้อีกเล็กน้อย (อัดมาทั้งหมดสามคลิป เอาลงสองคลิป) เฉลี่ยสามครั้ง5.92วินาที
***หมายเหตุ การจับอัตราเร่ง0-100 อาจแตกต่างจากมาตรฐานHLM เล็กน้อยเพราะใช้เครื่องgpsจับ แต่ส่วน80-120เทียบได้ใกล้เคียงเพราะวิธีการจับแบบเดียวกัน แต่นั่งคนเดียว***





       ความเร็วสูงสุด 231 กม./ชม อาจไปได้อีก แต่เข็มขึ้นช้าและหมดทางเสียก่อน หลังความเร็ว 160 กม/ชม ความเร็วเริ่มขึ้นช้าลงไปเรื่อยๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 26, 2018, 14:49:46 โดย koko86 »

ออฟไลน์ koko86

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,593
    • อีเมล์
Re: Long term test BMW 520d G30 ทดสอบระยะยาว 520d G30
« ตอบกลับ #17 เมื่อ: สิงหาคม 30, 2018, 01:04:31 »
อัตราสิ้นเปลือง

ที่เกียร์ 8
ความเร็ว 120 กม./ชม รอบเครื่อง 1,800 รอบ
ความเร็ว 110 กม./ชม รอบเครื่อง 1,600 รอบ
ความเร็ว 80 กม./ชม รอบเครื่อง 1,200 รอบ

   ในเมือง วิ่งเส้นพระรามสาม-สุขุมวิท โดยใช้ทางด่วน ขาเข้า มีรถติดบ้าง ได้ความประหยัด 12-14 กม./ลิตร ไม่เคยเห็นตัวเลขต่ำกว่า 10  กม./ลิตร เลย
   นอกเมือง หากขับขี่ด้วยความเร็ว 120-140 และมีช่วงทำความเร็ว 200 กม/ชม บ้างสั้นๆ ขับไปtest drive ที่สนามบริจสโตน ทำได้จากtrip computerได้ ความประหยัด 18.7 กม./ ลิตร
   มาตรฐานhead light mag  เริ่มจากปั๊มเชล ตรงข้ามเซ็นทรัลพระรามสาม เติมเชลV-Power diesel จนล้นออกมาจากถัง นั่ง 1 คน เปิดแอร์ ความเร็วลมลำดับสอง ตั้งไว้ 25 องศา ขับด้วยความเร็วคงที่ 110 กม/ชม โดยใช้ครูสคอนโทรล วิ่งไปจนสุดทางด่วนอุดรรัถยา ไปลงบางไทรแล้วกลับมาที่ปั๊มเดิม รวมระยะทางวิ่ง ทั้งหมด 120.2 กม. เติมน้ำมันกลับไปจนล้น  5.38 ลิตร เป็นเงิน180 บาท คิดเป็น 22.34 กม./ลิตร   อันนี้ surpriseมากเพราะไม่คิดว่าจะประหยัดได้ขนาดนี้ (จากทริปคอมพิวเตอร์ได้ 20.1 กิโล/ลิตร)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 30, 2018, 09:39:39 โดย koko86 »

ออฟไลน์ koko86

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,593
    • อีเมล์
Re: Long term test BMW 520d G30 ทดสอบระยะยาว 520d G30
« ตอบกลับ #18 เมื่อ: สิงหาคม 30, 2018, 01:13:17 »
ภาพตอนอัดจนเต็มถัง และ ระยะทางที่วิ่งได้
ถามว่าถังนึงวิ่งได้เท่าไหร่ ถ้าต้องวิ่งทางไกลได้เกิน 1,000 กิโลแน่นอนครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 30, 2018, 01:16:09 โดย koko86 »

ออฟไลน์ koko86

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,593
    • อีเมล์
Re: Long term test BMW 520d G30 ทดสอบระยะยาว 520d G30
« ตอบกลับ #19 เมื่อ: สิงหาคม 30, 2018, 01:19:10 »
การใช้งานระยะยาว
       ตั้งแต่ที่ใช้งานมาแทบไม่มีเรื่องจุกจิกกวนใจเลย อาจจะมีเรื่องให้รำคาญบ้างเล็กๆน้อยๆ เช่น เมื่อรถหยุด เปลี่ยนจากเกียร์ D ไป N แล้วรถยังไหลไปข้างหน้าอยู่เล็กน้อยแต่แก้ได้โดยค่อยๆ ถอนเบรก ที่ปัดน้ำฝนมีเสียงจี๊ดๆบ้าง ทั้งที่ยังไม่หมดอายุ idrive รวนๆ 2 ครั้ง เซ็นเซอร์กะระยะจอด พอเจอน้ำฝนก็รวน ร้องเตือนเพราะเข้าใจผิดว่ามีวัตถุอยู่ใกล้  ซึ่งทั้งหมดอยู่ในเกณฑ์ที่รับได้

ปัญหาที่คันอื่นๆในคลับ เจอบ้างก็คือ
     -มักมีฝ้าขึ้นที่กระจกหน้าซึ่งเปลี่ยนโหมดแอร์แล้วไม่หาย   
     -กล้องหลังไม่ติดบางครั้ง
     -เก๊ะเก็บเหรียญหลุดออกมาเองทั้งๆที่ยังไม่ได้ใช้งาน
     -พลาสติกเปียโนแบล๊คในห้องโดยสารเป็นรอยง่าย(แก้โดยการติดฟิลม์)

     เมื่อประสบอุบัติเหตุเฉี่ยวชนมาซ่อมโดยทำสีอย่างเดียวไม่ได้ซ่อมตัวถัง ทางศูนย์ก็ซ่อมเสร็จใน 17 วัน คุณภาพงานOK แต่บางศูนย์(มิลลิเนียม พระราม4) รถแน่นมากจนแทบไม่มีที่จอด เวลาไปทำธุระเช่นคืนป้ายแดง หรือจอดเคลม หาที่จอดค่อนข้างยากพอควรและรถติด จึงไปทำการเซอร์วิสเพื่อเปลี่ยนน้ำมันเครื่องและไส้กรอง 9,000 กิโลเมตรที่ มิลลิเนียมพระรามสามเจ้าหน้าที่ฝ่ายช่างให้คำตอบได้ดี ที่จอดและการนัดคิวสะดวกกว่ามิลพระรามสี่เยอะ

ออฟไลน์ koko86

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,593
    • อีเมล์
Re: Long term test BMW 520d G30 ทดสอบระยะยาว 520d G30
« ตอบกลับ #20 เมื่อ: สิงหาคม 30, 2018, 01:20:23 »
การขาย
       สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ควรปรับปรุงมากที่สุดของ BMW Thailand ผมออกรถช่วงงานมอเตอร์โชว์ เดือนเม.ย.61 ด้วยความที่ถูกกดดันว่ามีรถสีดำซึ่งเป็นสีที่ชอบเหลืออยู่คันเดียว ซึ่งคันดังกล่าวเป็นรถที่หลุดจอง ทางเซลจึงเร่งให้จอง ตัวผมก็อาจไม่ได้ดูรายละเอียดเรื่องส่วนลดให้ดี เพราะคิดว่าได้ลดสามแสน(ซื้อสด)ก็เหมือนว่าได้ลดเยอะแล้ว และของแถมมาตรฐาน เช่น ฟิลม์เกรดปกติ ประกันภัย ผ้ายาง กรอบป้าย  เมื่อถามถึงส่วนลดที่เคยมากสุดถึงห้าแสนเซลอ้างว่าเรื่องนั้นเป็นโปรโมชั่นเก่าของงานมอเตอร์เอกซ์โปปลายปี จึงตัดสินใจจองไปเลย โดยที่ไม่ได้ถามเซลที่อื่น 
       อีกสองวันต่อมาเพื่อนที่อยากได้เหมือนกันไปถามเซลในงานมอเตอร์โชว์ ปรากฏว่า ได้ส่วนลดสี่แสนและได้บัตรน้ำมันอีก 50,000 ในเงื่อนไขเดียวกันทุกอย่างคือ ของแถมและซื้อสดเหมือนกันโดยที่เพื่อนผมไม่ได้ต่อเลย!!!! ลองคิดดูนะครับแค่ไม่กี่วัน แค่ปากหนักไม่ไปถามเซลคนอื่น ก็สูญเงินเป็นแสนได้ เปรียบเหมือนกับ ทาง BMW Thailand ตั้งราคามาราคาหนึ่งแล้วให้ดีลเลอร์ลดแข่งกันเอง แต่ผู้ได้รับผลกระทบโดยตรงกลับเป็นลูกค้า ที่ต้องมานั่งเสียใจทีหลังหากไม่ต่อมากพอ ในคลับมีหลายคนที่ไม่คิดจะใช้ยี่ห้อนี้อีก เพราะเข็ดกับเรื่องส่วนลดที่ไม่มีความแน่นอน บางคนซื้อก่อนกลับได้ลดน้อยกว่าหลายแสนทั้งที่เป็นรุ่นเดียวกันออพชั่นเหมือนกัน อีกทั้งการตั้งส่วนลดขึ้นๆลงๆแบบนี้จะมีผลกับคนที่ซื้อมาแพงและจะขายต่อในราคาตลาดมือสองด้วย ในขณะเดียวกันผมจะซื้อโตโยต้า โทรไปสี่ศูนย์ ทุกศูนย์บอกส่วนลดเท่ากันหมด ทำไมรถมีbrand อย่าง BMW กลับทำอย่างนั้นไม่ได้? เสียดายที่ทาง BMW Thailand มี โครงการดีๆมากมาย เช่น JOY experience ที่พยายามทำให้ลูกค้ามีความรู้สึกดีๆกับแบรนด์ แต่เรื่องนี้เรื่องเดียวก็ทำให้ เสียความรู้สึกกับแบรนด์นี้จนทำลายความรู้สึกดีๆไป
       ก็ฝากเรื่องนี้ถึงผู้บริหารด้วยครับ ว่าการตลาดแบบนี้ทำให้ลูกค้าเอือมระอากันไปแล้วหลายคน และอยากแนะนำคนที่จะซื้อยี่ห้อนี้ทุกคนว่า หากจะซื้อจริงๆไม่ต้องรีบร้อนถ้าเป็นรถที่ออกใหม่ให้รอสัก 3 เดือน หากจะซื้อจริงๆ ให้เดินไปถามเซล หลายๆคน หรือศูนย์หลายๆศูนย์ แล้วเอาราคาที่ศูนย์อื่นลดให้ได้มากสุด ไปต่อรองกับเจ้าใหม่ ไปเรื่อยๆ จนได้ส่วนลดใที่พอใจก่อน ถ้าให้ไม่ได้ก็เดินออกมา เพราะบางครั้ง เงินเป็นแสนๆ ได้คืนกลับมาง่ายนิดเดียวถ้าเราต่อเป็นครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 30, 2018, 07:22:56 โดย koko86 »

ออฟไลน์ koko86

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,593
    • อีเมล์
Re: Long term test BMW 520d G30 ทดสอบระยะยาว 520d G30
« ตอบกลับ #21 เมื่อ: สิงหาคม 30, 2018, 01:22:46 »
สรุป
       BMW 520d G30 เป็นรถที่หรูหรา มีความสปอร์ต ขับสนุก จุดเด่นอยูที่ช่วงล่างที่ให้แฮนด์ลิ่งดีเยี่ยม การเก็บเสียงทำได้ดี เครื่องยนต์ที่ให้อัตราเร่งที่เพียงพอกับชีวิตประจำวัน และประหยัดน้ำมันเป็นเลิศ ระบบinfotainment ที่ใช้งานง่าย แต่ก็ยังมีจุดตำหนิตรงที่ขาดออพชั่นที่สำคัญบางอย่างเช่นที่ดันหลังปรับได้ ไม่มีwireless charger สำหรับ display key มาให้ ยางRFT ที่ทำให้เสียความนุ่มนวลไปบ้าง การบริการหลังการขายที่ถือว่าดี ติดอยู่เรื่องเดียว คือ เรื่องส่วนลดที่เยอะแต่ไม่แน่นอน หากจะซื้อควรเช็คราคาจากหลายๆที่ดูก่อนเพื่อจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจภายหลัง


....ขอบคุณที่ติดตามอ่านจนจบครับ....

ออฟไลน์ Peet Sayumpoo

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,002
Re: Long term test BMW 520d G30 ทดสอบระยะยาว 520d G30
« ตอบกลับ #22 เมื่อ: สิงหาคม 30, 2018, 01:33:46 »
ขอบคุณท่าน จขกท มากๆครับ ที่สละเวลาอันมีค่ามาเขียนรีวิวให้อ่าน
ถือเป็นประโยชน์กับชาว hlm อย่างมากครับ

รีวิวละเอียดมากๆเลยครับ สุดยอดจริงๆ จะเม้นตั้งนานละครับ แต่เห็นยังลงไม่จบ
เลยไม่อยากเม้นคั้นกลาง จขกท รีวิวครับ ฮร่าๆ

ปล. Top speed ยังไปได้อีกครับ เห็นฝรั่งทำไว้ได้ 238 km/h แต่คือแบบว่าช้ามาก
เค้าบอกว่า 230-238 นี่ feel like eternity ฮร่าๆ

ออฟไลน์ headduke

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 82
Re: Long term test BMW 520d G30 ทดสอบระยะยาว 520d G30
« ตอบกลับ #23 เมื่อ: สิงหาคม 30, 2018, 01:53:36 »
สุดยอดครับคุณหมอ  ขอบคุณสำหรับรีวิวมากๆครับ  ละเอียดครบถ้วนอ่านสนุกจริงๆ  ตามอ่านมาตั้งเเต่ s500e
g30 เคยลองเทสสั้นๆ ชอบมากกว่า f10 เยอะเลยครับทั้งการเก็บเสียง ช่วงล่างที่กระฉับกระเฉงขึ้น  f10 การเก็บเสียงทำได้ไม่ประทับใจเลยครับ ทั้งลมเเละยาง ตอนนี้เปลี่ยนมาเป็น mc primacy 4st เงียบกว่า rft s001 เดิมเยอะ  เเต่เสียงลม ยังดังอยู่  ยิ่งตอนนี้ ขับ 80 ก็มีเสียงฟี้ๆ ที่กระจกหน้าเเล้วครับ ฮ่าๆบ่นซะเยอะเลย


g30น่าจะมีฟังค์ชั่นเตะเท้าเปิดท้าย ด้วยนะครับ f10 ใช้ มาสามปีเพิ่งรู้ว่าเตะเปิดได้

ออฟไลน์ flat6

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 624
Re: Long term test BMW 520d G30 ทดสอบระยะยาว 520d G30
« ตอบกลับ #24 เมื่อ: สิงหาคม 30, 2018, 03:02:46 »
ตั้งแต่ E39 ถึงปัจจุบัน มี BMW รุ่นนี้แหละครับที่รักเลย
เบื่อเด็กน้อยพึ่งมีรถ

ออฟไลน์ coolpix99

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 237
Re: Long term test BMW 520d G30 ทดสอบระยะยาว 520d G30
« ตอบกลับ #25 เมื่อ: สิงหาคม 30, 2018, 06:07:32 »
รีวิวละเอียด อ่านแล้วเพลินเลยครับ
แนะนำให้ code เอา auto start/stop ออกหรือถ้าคิดว่ายังอาจจะได้ใช้อยู็ก็ให้มันจำค่าล่าสุดดูครับ
2014 Mazda CX-5 2.2D
2017 BMW 430i
2020 Nissan Kicks
2021 Mazda CX-8 2.5

ออฟไลน์ CJ.

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,946
Re: Long term test BMW 520d G30 ทดสอบระยะยาว 520d G30
« ตอบกลับ #26 เมื่อ: สิงหาคม 30, 2018, 06:44:39 »
อ่านแล้วอยากได้เลยครับ เรื่องความประหยัดดีมากๆสำหรับรถใช้งาน E220d ก็ทำได้ดีเช่นกัน
เรื่องการขับขี่ที่เคยสัมผัสเล็กน้อย ถูกใจครับ ตอนนี้อยากได้รถ wagon คงต้องไปลอง 5 อีกรอบ

ปกติผมก็ชอบขับรถ และชอบทรง 5 แต่คราวนี้ดันไปจบกับ E220d เพราะสีน้ำตาลแท้ๆเลยครับ
2005 Jaguar XJ Super V8
2005 Mercedes-Benz C230 Kom. Sports Coupe
2011 Aston Martin DBS
2013 Jaguar XJL 5.0 V8 Portfolio
2017 Lexus RX200t Premium
2019 Honda CR-V 2.4S
2019 Bentley Continental GT W12
2021 Lexus IS300h Luxury
2021 Mercedes-Benz GLE 350de 4MATIC Exclusive
2021 Porsche 911 Carrera S

ออฟไลน์ DriveOnly

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,450
    • อีเมล์
Re: Long term test BMW 520d G30 ทดสอบระยะยาว 520d G30
« ตอบกลับ #27 เมื่อ: สิงหาคม 30, 2018, 06:48:08 »
อ่านเพลินเลย ขอบคุณครับ

ออฟไลน์ koko86

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,593
    • อีเมล์
Re: Long term test BMW 520d G30 ทดสอบระยะยาว 520d G30
« ตอบกลับ #28 เมื่อ: สิงหาคม 30, 2018, 07:16:53 »
ขอบคุณท่าน จขกท มากๆครับ ที่สละเวลาอันมีค่ามาเขียนรีวิวให้อ่าน
ถือเป็นประโยชน์กับชาว hlm อย่างมากครับ

รีวิวละเอียดมากๆเลยครับ สุดยอดจริงๆ จะเม้นตั้งนานละครับ แต่เห็นยังลงไม่จบ
เลยไม่อยากเม้นคั้นกลาง จขกท รีวิวครับ ฮร่าๆ

ปล. Top speed ยังไปได้อีกครับ เห็นฝรั่งทำไว้ได้ 238 km/h แต่คือแบบว่าช้ามาก
เค้าบอกว่า 230-238 นี่ feel like eternity ฮร่าๆ

ขอบคุณเช่นกันครับ
ก่อนทำรีวิวผมลังเลอยู่นานว่าจะทำดีไหมเพราะมีหลายๆสื่อทำไว้ค่อนข้างดี
จนมีอยู่วันหนึ่ง เห็นข้อความของคุณ peet ว่าอยากรู้ฟิลลิ่งช่วงความเร็วสูง
จึงเห็นว่ามันยังมีบางจุดที่คนอื่นอยากรู้ จึงเกิดแรงบรรดาลใจให้ริวิว
เลยรวบรวมข้อมูลส่วนที่ยังไม่มีใครกล่าวถึง รวมๆมาทำเป็นlong term reviewค

สุดยอดครับคุณหมอ  ขอบคุณสำหรับรีวิวมากๆครับ  ละเอียดครบถ้วนอ่านสนุกจริงๆ  ตามอ่านมาตั้งเเต่ s500e
g30 เคยลองเทสสั้นๆ ชอบมากกว่า f10 เยอะเลยครับทั้งการเก็บเสียง ช่วงล่างที่กระฉับกระเฉงขึ้น  f10 การเก็บเสียงทำได้ไม่ประทับใจเลยครับ ทั้งลมเเละยาง ตอนนี้เปลี่ยนมาเป็น mc primacy 4st เงียบกว่า rft s001 เดิมเยอะ  เเต่เสียงลม ยังดังอยู่  ยิ่งตอนนี้ ขับ 80 ก็มีเสียงฟี้ๆ ที่กระจกหน้าเเล้วครับ ฮ่าๆบ่นซะเยอะเลย


g30น่าจะมีฟังค์ชั่นเตะเท้าเปิดท้าย ด้วยนะครับ f10 ใช้ มาสามปีเพิ่งรู้ว่าเตะเปิดได้
รับ

ขอบคุณครับ เปลี่ยนยางไม่ใช่ rft มีข้อเสียอะไรไหมครับ ผมเล็งๆว่าจะเปลี่ยนเหมือนกัน คิดว่าน่าจะนิ่มขึ้นโดยเกาะถนนดีอยู่ เรื่องเสียงลมผมกังวลเหมือนกันครับว่าพอใช้หลายๆปีอาจมีเสียงบ้างไม่เหมือนตอนใหม่ๆครับ

ตั้งแต่ E39 ถึงปัจจุบัน มี BMW รุ่นนี้แหละครับที่รักเลย

เหมือนกันครับ รุ่นนี้ทำให้ผมนึกถึง e39 เลย

รีวิวละเอียด อ่านแล้วเพลินเลยครับ
แนะนำให้ code เอา auto start/stop ออกหรือถ้าคิดว่ายังอาจจะได้ใช้อยู็ก็ให้มันจำค่าล่าสุดดูครับ
อยากcode เหมือนกันครับยังกังวลเรื่องbsi อยู่นิดๆ แต่คิดว่าไม่น่ามีปัญหา ยิ่งถ้าเป็น เวอร์ชั่นใหม่ๆ+ i os ใหม่ๆ นี่ดู google map ผ่านจอ i drive ได้นี่ยิ่งน่าสนใจ
auto start stop ตั้งให้จำค่าล่าสุดนี่ทำอย่างไรครับ


ออฟไลน์ koko86

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,593
    • อีเมล์
Re: Long term test BMW 520d G30 ทดสอบระยะยาว 520d G30
« ตอบกลับ #29 เมื่อ: สิงหาคม 30, 2018, 07:20:21 »
อ่านแล้วอยากได้เลยครับ เรื่องความประหยัดดีมากๆสำหรับรถใช้งาน E220d ก็ทำได้ดีเช่นกัน
เรื่องการขับขี่ที่เคยสัมผัสเล็กน้อย ถูกใจครับ ตอนนี้อยากได้รถ wagon คงต้องไปลอง 5 อีกรอบ

ปกติผมก็ชอบขับรถ และชอบทรง 5 แต่คราวนี้ดันไปจบกับ E220d เพราะสีน้ำตาลแท้ๆเลยครับ

5 wagon น่าสนใจจริงๆครับดีหมด แต่ไม่มีoption ปรับดันหลังเหมือน 520d  ลองไปนั่งดูก่อนถ้าไม่ปวดหลังนี่ มันเป็นรถvan ที่น่าสนใจคันนึงเลย
220d แอบแรงกว่า 520d นิดนึงครับ ถ้ายังมีขายอยู่ผมก็คงลังเลเหมือนกัน

อ่านเพลินเลย ขอบคุณครับ

ขอบคุณเช่นกันครับ