การเอารถเข้าศูนย์บริการเป็นอะไรที่คนใช้รถเข็ดขยาด เหมือนฝันร้ายในคืนวันฮาลาวีนเมื่อนึกถึงค่าใช้จ่ายที่จะตามมา ยิ่งถ้าเป็นรถยุโรปยิ่งไม่ต้องพูดถึง หากแต่รถที่ผมจะกล่าวต่อไปนี้ อาจจะเป็นฝันร้ายมากกว่าสิ่งที่ผมพูดเกริ่นไปข้างต้น ในสายตาของใครหลายๆคน
. มันคือ Porsche Cayenne ปี 2008 ผมพึ่งได้รถคันนี้้มาในสภาพที่จัดได้ว่าค่อนข้างดีมาก เจ้าของเก่าซื้อกับริษัทผู้แทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการและเข้ารับบริการอย่างสม่ำเสมอ แต่หลังจากที่ผมซื้อมาได้ไม่นาน ผมสังเกตุเห็นไฟเบรคมือ (จริงๆน่าจะเรียกว่าเบรคเท้ามากกว่า เพราะติดตั้งอยู่ในบริเวณฝั่งซ้ายของแป้นเบรค) มักจะไม่ยอมดับและมีเสียงเตือนตลอดเวลาในเวลาที่ปลดเบรคมือแล้ว ต้องย้ำที่แป้นเบรคและปลดล๊อคหลายๆครั้งจึงกลับมาเป็นปรกติ ผมค่อนข้างกังวลมาก เพราะประวัติเจ้าของเก่าเพิ่งจะเปลี่ยนผ้าเบรคหน้าหลังพร้อม Sensor เมื่อ 3000 กม. ที่แล้ว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นผมชั่งใจว่าจะเข้าอู่นอกดีรึเปล่า? ในที่สุดผมก็เลือกกลับไปที่ศูนย์บริการ คิดในใจว่าเผื่อมีเวลาจะขอดูประวัติการเข้ารับบริการที่ผ่านมาซะหน่อย
วันที่ 23 กุมภาพันธ์ ผมโทรเข้าไปที่ AAS แจ้งอาการข้อบกพร่องของตัวรถ พนักงานรับสายพูดจาสุภาพ (ปรกติ) และแนะนำว่าสวิตช์ contact น่าจะมีปัญหา ค่าใช้จ่ายอยู่ที่หลักพัน และใช้เวลาไม่นาน แต่คิวที่นัดได้เร็วสุดคือวันที่ 9 มีนาคม ซึ่งผมแจ้งเจตจำนงไปว่า รถคันนี้จำเป็นต้องขับไปต่างจังหวัด กลัวจะไม่สะดวกหากไปเกิดปัญหาระหว่างทาง จึงขอให้ช่างช่วยดูเป็นกรณีพิเศษได้หรือไม่ ซึ่งทางศูนย์บริการก็ตอบตกลงและนัดในเช้าวันถัดมา พร้อมกับส่ง email ใบขอเปลี่ยนชื่อและที่อยู่ของเจ้าของใหม่ให้กรอก ซึ่งก็สะดวกดีในจุดนี้
เช้าวันถัดมาผมขับรถออกจากถนนศรีนครินทร์ ขึ้นทางด่วนไปลงดินแดง ซึ่งใช้ระยะเวลานานพอสมควรเพราะรถติดมาก สิ่งแรกที่ผมเจอคือ SA (service assistant) ที่เดินเข้ามากล่าวคำทักทาย ด้วยชื่อ ที่ให้ไว้เมื่อวาน พร้อมกับ ทราบอาการและแนวทางการแก้ไข โดยไม่ต้องบอกซ้ำอีก ก่อนที่จะนำทางเดินเข้าไปในตัวอาคาร ในบริเวณแจ้งซ่อม ซึ่งจุดนี้อาจจะมองเป็นสิ่งเล็กน้อย แต่ได้ใจผมไปเต็มๆ เพราะโดยปรกติแล้ว บางศูนย์บริการ ลูกค้าต้องถามทางและหาทางเดินเข้าไปแจ้งซ่อมกับ SA ที่โต๊ะเอง โดยไม่มีสิ่งมีชีวิตใดให้ความสนใจ กว่าจะค้นประวัติ รอคิวแจ้งซ่อม บางทีใช้เวลานาน เลยเวลานัด หมดไปครึ่งค่อนชั่วโมงก็เคยมี ระหว่างนั้น ขนม ชา หรือ กาแฟ และ ขวดน้ำเปล่า ก็บรรจงเสริฟตรงที่โต๊ะ SA นั้นเลย ซึ่งผมค่อนข้างแปลกใจ ที่อื่นๆไม่เคยเห็นมีใครทำ ให้ความรู้สึกเป็นมิตรคล้ายๆ welcome drink ไปอีกแบบ เมื่อนัดหมายเวลารับรถเสร็จผมก็ไปรอในแผนกส่วนรับรองลูกค้า ซึ่งมีสองส่วนคือ ชั้นล่าง (บริเวณใกล้กับที่แจ้งซ่อม) และชั้นบน (ใกล้กับฝ่ายขาย) โต๊ะสองตัว โซฟาสองตัว กับเก้าอี้จำนวนหนึ่ง ดูน้อยไปนิด แต่ก็เข้าใจว่าระดับท่านๆ ที่เข้ามาใช้บริการ คงไม่มีใครมานั่งรอแบบผม ซึ่งเป็นเรื่องปรกติมากสำหรับผมที่มักใช้เวลาพูดคุยกับช่าง รวมไปถึงพนักงาน และผู้จัดการศูนย์เป็นเวลานาน ระหว่างรอรับรถ บางทีรถเสร็จแล้วแต่คนยังคุยต่อจนศูนย์ปิดก็เคยมี หรือบางทีหนักกว่านั้น บางศูนย์บริการที่คุ้นเคยแค่ผ่านไปก็จะแวะเข้าไปทักทาย แลกเปลี่ยนข้อมูล หรือตามเคสที่รับไว้ ซึ่งในส่วนบริเวณรับรองลูกค้าที่ไม่ใช่ลักษณะห้องของ AAS ส่วนตัวคิดว่าไม่ค่อยให้ความสนใจลูกค้าเท่าที่ควร เช่น มีทีวีแต่ไม่ได้เปิด มี Internet แต่ติด password ซึ่งในส่วนนี้น่าจะพัฒนาได้อีก ในส่วนของ showroom เองดูเหงาๆ รถที่จัดแสดงเป็นตัว E-HYBRID ซะส่วนใหญ่ ประกอบด้วย Cayenne และ Panamera ส่วนของ Macan ก็มีจัดแสดง หากแต่รถส่วนใหญ่เกิน 90% ล้วนแต่มีเจ้าของแล้วพร้อมป้าย sold ตัวรถจึงถูก lock เป็นธรรมดา บางคันก็มีพนักงานของ car care ข้างๆ กำลังขัดเจ้า Macan สามคันที่ว่าเพื่อเตรียมส่งมอบให้ลูกค้า จึงไม่เปิดโอกาสให้ลูกค้าได้สัมผัส ซึ่งโดยมารยาทก็ไม่ควรจะไปเปิดดูอยู่แล้ว ณ จุดนี้ ส่วนตัวรู้สึกค่อนข้าง fail พอสมควร เพราะการที่ได้มีโอกาสมาถึงบ้าน Porsche ซึ่งเป็นยี่ห้อที่ใฝ่ฝันของใครหายๆคน ก็อยากที่จะได้สัมผัสประสบการณ์ใกล้ชิด แต่พอรถมีเจ้าของแล้ว ทุกอย่างก็จบลง ผมจึงต้องกลับไปนั่งรอรถตัวเองอย่างเหงาๆต่อไป เพิ่มเติมในส่วนของที่ระลึก พนักงานต้อนรับดีครับ และราคาของที่จับต้องได้ไม่แพงเลย หลักพันบาทก็หาซื้อได้ ถ้าไม่นับที่เป็นของมียี่ห้อนะ
เมื่อถึงเวลานัดหมาย พนักงานได้มาเชิญผมไปชี้แจงค่าใชจ่่ายและรายการซ่อม ซึ่งมีเปลี่ยนตัว shock absorber ที่ดีดให้คันเบรคเท้าให้คืนตัว ราคา 2465 บาท พร้อมกับค่าแรงประมาณ 300 บาท เมื่อได้รับส่วนลด 35% แล้วบวกภาษีค่าอะไหล่ตกอยู่ที่ 1700 บาทเศษ และ ค่าแรงอยู่ที่ 200 บาทเศษ สรุปค่าใช้จ่ายครั้งแรกที่ 1923.06 บาท ซึ่งส่วนตัวประหลาดใจมาก ที่ใช้คำว่ามากเพราะศูย์บริการ ณ ปัจจุบันนี้ ค่าแรงต่อชั่วโมงเฉลี่ยอยู่ที่ 600 บาท หรือมากกว่าสำหรับรถทั่วไป ที่บ้านแซวว่าแน่ใจนะว่าไม่ใช่หมื่นเก้า?
สรุปการเข้ารับบริการที่ศูนย์บริการอย่างเป็นทางการของ Porsche ครั้งแรกเป็นประสบการณ์ที่ดี ปัญหาได้รับการแก้ไขกับราคาที่จัดว่ารับได้หรือจะเรียกว่าถูกเลยก็ว่าได้ ซึ่งค่าแรงที่คิดมานี้ถูกว่ารถระดับราคาต่ำกว่าล้านหลายๆยี่ห้อ เพิ่มเติมอะไหล่หลายๆรายการ หรือวัสดุสิ้นเปลือง เช่น น้ำมันเครื่อง ยังมีราคาถูกกว่าอู่นอกหลายๆที่ ซึ่งในจุดนี้ ถึงแม้ตัวรถจะมีราคาที่แพงกว่าผู้นำเข้าอิสระ แต่ด้วยบริการที่ดี เครื่องมือ อะไหล่ที่พร้อมและไม่แพงจนเกินไป หรือในบางกรณีอาจจะเรียกว่าถูกก็ว่าได้ คงทำให้หลายๆคนรวมทั้งผมเปลี่ยนความคิด และสนใจใช้รถยี่ห้อนี้จากผู้จัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการบ้างไม่มากก็น้อย
ปล. ถ้าศูนย์บริการอื่นๆจะลอกเลียนแบบคงไม่ว่ากัน
Louis