หลังจากเคยตั้งกระทู้ถาม เรื่องการขายรถ1คันออก เพื่อซื้อคันใหม่
ตามกระทู้นี้
http://community.headlightmag.com/index.php?topic=53879.msg934621#msg934621สรุปผมเลือกขาย Pajero sport ครับ
เพราะเหตุผล
1.1 PJS ตัวเก่า กินน้ำมันพอสมควร ใช้มา 7 ปี กินที่ 8-10 โลลิตรครับ ขับในเมืองนี่ไม่ต้องพูดเลยครับ ที่บ้านไม่มีใครอยากใช้ตัวนี้ออกไปไหนเลย ใช้แต่ตอนเดินทางไกล
1.2 พวงมาลัยหนักครับ มี3คัน เวียนกันใช้ ไม่มีใครอยากขับ PJS ครับ ลำบากเวลาเข้าจอด เข้าซอง เทอะทะ หาที่จอดรถตามห้างยาก แล้วเดี๋ยวนี้ออกทริปที่ต้องใช้ 4WD น้อยลงครับ เพราะลูกยังเล็ก พ่อแม่ผมก็แก่ขึ้น ไปทริปอะไรที่ต้องกางเต็นท์นอนก็ลำบากแล้ว ไม่เหมือนสมัยหนุ่มๆ เมียก็ไม่ไปด้วยละ ต้องเลี้ยงลูก กระเตงลูกไปลำบากคุณเธอก็ไม่ยอม หลังๆเลยเน้นที่เที่ยวที่จอดรถถึงที่ นอนรีสอร์ทเอาดีกว่าครับ
1.3 ภาษี เครื่อง 3.2 ปีละ 7000 กว่าบาทครับ แพงมาก
1.4 เบาะนั่งคนขับ เมื่อยมาก ทั้งที่มีเบาะไฟฟ้า8ทิศทาง มี cruise control แต่เมื่อยจริงๆ ขับแค่ 10-20 นาทีก็เมื่อยแล้ว เมื่อยขา ขาชา เมื่อยหลัง เบาะออกแบบให้รองรับสรีระมาไม่ดีครับ ในขณะที่เบาะ Mazda2 กลับนั่งสบาย กระชับ ขับไกลกลับไม่เมื่อยเท่า
1.5 หนวกหูครับ เป็นรถที่เก็บเสียงได้ห่วยมาก เสียงเครื่องดัง ราวเรือกลไฟ เฟืองท้ายหอน ขับแล้วหงุดหงิด ไม่ได้สมาธิ ไม่ได้ความสุนทรีย์อะไรเลย คุยกันก็ต้องใช้เสียงดังกว่าปกติ
1.6 เบรคไม่ได้ดีอะไรมากมาย รู้สึกได้ว่า PPV เบรคยังไงก็ไม่ดีเท่าเก๋งหรือSUV คือมันไม่มั่นใจครับ
1.7 การทรงตัวไม่ดี ทุกรุ่น PPV ล่ะครับ ผมว่าเข้าโค้งเยอะๆแล้วเวียน ช่วงล่างกระเด้ง (เว้นแต่ PJS ใหม่ที่ขับทางเรียบนุ่มมาก แต่กลับย้วยแทนเวลาลงคอสะพานหรือเข้าโค้ง ) เวลาหักหลบกระทันหัน มันไม่รู้สึกมั่นใจเท่าเก๋งครับ
1.8 พวงมาลัยสั่นเป็นเจ้าเข้า โดยเฉพาะเวลา ขับทางขรุขระ ต่างจังหวัด ประคองกันเมื่อยมือทีเดียว
สรุป ขายทิ้งซะเลย
ปัญหาจึงมาเกิดว่าแล้วจะเอาอะไรมาแทน PJS ? นั่นสิ
ตอนแรกกะว่าจะเอา PPV เหมือนเดิม New PJS ไม่ก็ Everest 3.2 ตัวที่ 4WD ไปๆมาๆ ปัญหาเดิมๆหลายอย่างก็ไม่จบครับ
อย่าง
- กินน้ำมัน PPV รุ่นไหนๆมันก็กินทั้งนั้น ไม่ได้ประหยัดเท่า เก๋งหรือ SUV
- เทอะทะ หาที่จอดรถยาก PPVก็เหมือนกันทั้งนั้น คันใหญ่ คนตัวเล็กๆขับก็ลำบาก
- ภาษีแพง ยิ่ง EV 3.2 ภาษีพอกันกับ PJS 3.2 ตัวเก่าเลย
- ช่วงล่าง ยังไงก็ไม่ได้ดีเท่าเก๋งหรือ SUV ความมั่นใจในการขับ การหักหลบ การเบรค มันรู้สึกว่ายังห่างกันอยู่
นี่ตอบในฐานะคนใช้ PPV มา7 ปี ถึงจุดๆหนึ่งกลับมองว่า PPV ประโยชน์จริงๆของมัน เทียบกับข้อเสีย จริงๆแล้วอาจจะไม่คุ้ม ถ้าท่านไม่ได้ทำงานกลางป่ากลางเขา ลงห้วย ลุยน้ำท่วม หรือต้องบรรทุกผู้โดยสาร 6-7 คน อะไรแบบนั้นเป็นประจำ
การใช้ PPV ในกรุงไม่ได้น่าพิศวาสอะไรมากมายนักครับ เว้นแต่ในกรุงมีน้ำท่วม
ก็เลยเปลี่ยนใจแล้วครับ จะไม่เอา PPV แล้วครับ
หันมามอง เก๋ง ก็มีอยู่แล้ว และเคยใช้ D segment คันใหญ่ๆ ก็ไม่ชอบเรื่องความใหญ่ของมัน และอยากได้ ท้ายเปิดใส่ของได้กว้างๆ เพราะใช้ Jazz อยู่รู้สึกว่าเอนกประสงค์กว่ามาก
จึงหันมามอง พวกกลุ่ม SUV หรือกึ่งๆSUV แทน
ได้ตัวเลือก CX5, CX3, HR-V, X-trail , CRV, Forester แหม่ตัวเลือกเยอะจัง
- ตัด Forester ก่อนเลย เพราะศูนย์น้อย ที่ใกล้สุดก็20 กว่าโล อะหล่งอะไหล่หายากแน่ถ้าชนขึ้นมา รอซ่อมเป็นเดือน โอยไม่ไหว แต่ตัวรถนี่ชอบมาก ไปลองมาแล้วถูกจริตดีแท้ๆ แต่ซื้อรถคงไม่ซื้อแค่ตัวรถ ตัดใจ ทิ้งๆไปความคิดนี้
- Nissan X-trail ล่ะ ไปลองไปเทสมาแล้ว แต่เป็นตัว 2.0 4WD เออก็ดีนะ กว้างนิ่ม เบาะใหญ่นั่งสบาย 1,392,000 บาท มีถุงลม 2 ใบ แม่เจ้า! ลาเลยครับ ขนาดตัวท็อปยังถุงลมแค่ด้านหน้าด้านข้าง ไม่มีม่านถุงลม
- CX5 ล่ะ อันนี้ชอบมาก รองจาก Forester เลย ช่วงล่างดี เบรคดี ทรงตัวเลิศ จริงๆก็ไม่ได้อืดนะ แต่เปิดดู 0-100 จาก HLM อ่าวพอกันกับ HR-V นี่นาแถม เสปคตัว 2.0S ราคา 1.33 ล้านพอกันกับ X-trail แต่ option และความแรง 0-100 ยังสู้ CX-3 2.0เบนซินตัวท็อป ไม่ได้เลย เบาะหลังก็ไม่ใช่จะกว้างขวาง นั่งก็เมื่อย แพงกว่าแต่ไม่ใช่คุ้ม มันก็ขับ2เหมือนกัน ดูตัว 4WD ก็ปาไป 1.6 ล้าน ป๊าด แล้วซื้อมาแพงๆ ปีหน้าก็ตกรุ่นแล้วป่าว
- CRV แพงและกำลังจะตกรุ่น ช่วงล่างผมว่ามันไม่เฟิร์ม
- ตอนนี้เลย มองไปที่ CX-3, HRV,
ได้ลองขับตัวท็อปทั้งคู่
CX-3 ตัวท็อป เทียบกับ HRV ตัวท็อป คุณจะพบว่า
1. CX-3 แคบมาก แคบกว่ากันเยอะครับ ยิ่งเบาะตอนหลังนี่อึดอัดทีเดียว พอกันกับ mazda2
2. CX-3 ไม่มีเบาะวางมือตรงกลางแถว2นะครับ แต่ HRV มี แล้วที่วางแขนซ้ายคนขับ Cx-3 ก็ไม่มีแต่ HRV มีและเลื่อนได้
3. CX-3 ไม่ได้เบาะไฟฟ้า8ทิศทางด้านคนขับ แต่ HRV มี
4. CX-3 ไม่มี เบรคมือไฟฟ้า
5. CX-3 ไม่มี Brake hold
6. CX-3 ไม่มี cruise control
7. CX-3 ไม่มี Paddle shift
8. CX-3 ไม่มี Panoramic sunroof
9. รำคาญ จอ pop up MID ที่มันหุบพับเก็บตอนขับไม่ได้ มันมาบางสายตายังไงไม่รู้ แล้วมันจะหลอกๆตาเวียนหัว และรำคาญหน้าจอมาตรวัด ที่เอารอบขึ้นแสดงเด่นกว่าความเร็ว ตัวเลขแสดงความเร็ว เล็กจึ๋งเดียว ตัวแสดงความเร็วมันน่าจะเป็นแบบเข็ม จอใหญ่ๆมากกว่า
10. หน้าจอ เครื่องเสียงที่วางเด่นสูงจนรู้สึกเกะกะสายตาอย่างมาก จริงๆมันควรจะกวาดสายตามองข้ามคอนโซลไปดูถนนง่ายๆ ไม่ใช่ขวางหูขวางตาแบบนี้
11. ทำไมแอร์ CX-3 ไม่ค่อยเย็น ขนาดปรับ23องศาตอนขับ มาสด้ามีปัญหาเรื่องความเย็นของแอร์แทบทุกรุ่นนะผมว่า Mazda2 ที่ใช้อยู่ก็มีปัญหา 23องศาเท่ากันแต่ของมาสด้ารู้สึกเย็นน้อยกว่า ไม่ฉ่ำ ตอนไปลอง CX-5 และ Mazda3 ก้เหมือนกัน
12. ไม่ชอบหนังกลับ ตรงเบาะนั่งและแผงประตู ใครอาจบอกว่าสปอร์ต แต่ผมว่าดูสกปรก เป็นขุยๆเก็บฝุ่น ดูแลยาก ยังไงไม่รู้สิ
13. CX-3 ไม่มี Android HDMI connect แต่ HRV มี คือเอามือถือแอนดรอยด์ เสียบปุ๊บมันจะแสดงที่หน้าจอเลย ทำทุกอย่างผ่านหน้าจอเลย ง่ายดี
14. CX-3 ไม่มีกระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ
15. CX-3 มีกระจกอัตโนมัติพร้อม Jam protection ด้านคนขับด้านเดียว แต่ HRV มี2ด้าน ด้านคนนั่งข้างคนขับด้วย
16. CX-3 ไม่มีไฟเพดาน ไฟอ่านแผนที่แบบ LED
17. CX-3 ไม่มีไฟที่กระจกส่องหน้า
18. ไม่ชอบ i-stop ของ cx-3 แบตแพงเปล่าๆไม่ได้ประหยัดน้ำมันมากขึ้นเท่าไหร่หรอกในความคิดผม
มาดู HRV บ้าง
1. จอเครื่องเสียง จริงๆก็ไม่ได้กิ๊กก๊อกอะไรขนาดที่พูดกัน เพียงแต่ของเก่าก่อนลด option มันดีมาก (ตอนขับลองตัวเวอร์ชั่นเก่า) แต่ที่รับไม่ได้คือ เล่น CD DVD ไม่ได้ ไม่มีที่ใส่แผ่นมาให้ อ่าว ไง๊เป็นงี้ แล้วผมชอบแวะเซเว่น ซื้อแผ่นเพลงฟังเวลาเดินทางไปเที่ยว ไปทริปนึงก็ซื้อฟังระหว่างทางแผ่นนึง จบกัน
2. ช่วงล่างผมว่าสู้ CX-3 ไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้แย่ ที่ความเร็วๆต่ำๆ ตึงตังพอกัน แต่พอความเร็วสูง Cx-3 ทำออกมาดีมากจริงๆ เกิน 120 ขึ้นไปจะเห็นความแตกต่าง การโยกซ้ายโยกขวาเร็วๆ โอย CX-3 มันเหมาะระเริงกรุงอย่างมาก ขับไกลๆก็คงสนุก แต่ HRV ก็ทำได้ดีนะ ไม่ใช่ห่วย แต่ยังดีไม่เท่า CX-3 เท่านั้น แต่ก็ยังดีกว่า CRV นะผมว่ามันไม่โยนย้วยเท่า CRV ส่วน feeling พวงมาลัย ผมมองว่าแทบไม่แตกต่าง
HRV ตัวนี้ set พวงมาลัยบมาดีมว๊ากกก คือผิดจริตฮอนด้าเลย ปกติฮอนด้าจะชอบset พวงมาลัยเบาๆที่ความเร็วต่ำ และความเร็วสูงก็ยังเบาไม่หนืดพอ ยังไวไป แต่ HRV ทำได้ดีเลิศ ทั้งย่านเร็วต่ำและเร็วสูง จริงๆผมว่าพอๆกับ CX-3 นั่นล่ะ
3. HRV ด้อยระบบความปลอดภัย pre-collision กว่า CX-3 มากอยู่ คือ CX-3 ตัวท็อปจัดเต็มพอกับ CX-5 ตัวท็อปเลย ไม่บรรยายนะครับ แต่ทำใจละ
ถ้าเรามีสติเราก็ไม่ต้องพึ่งไอ้พวกอ๊อฟชั่นพวกนี้มากนัก รวมถึงไม่มีระบบปรับไฟสูงลงต่ำอัตโนมัติแบบ CX-3
4. HRV ประเสริฐเรื่องเบาะหลังมาก คือไม่คิดว่าจะกว้างขนาดนี้ และมันปรับเอนได้ 1step เหมือน Jazz เลย ก็โอเคนะ พับเบาะง่าย พื้นที่ด้านหลังหลังเบาะ2น่ะ กว้างทีเดียว
5. HRV ไม่ได้ล้อสำรองเป็นล้อแม็คนะครับ เป็นล้อกระทะธรรมดา
6. HRV ไม่ได้ท่อไอเสียคู่
7. HRV ไม่มี Navigator ให้
ประเด็นสำคัญ ครบ 6-7 ปีผมต้องขายทิ้งซื้อคันใหม่อยู่แล้ว ราคาขายmazda ตกฮวบมาก แต่ honda นี่ยังถือว่าดีกว่ามาก และศูนย์บริการผมชอบฮอนด้านะครับ มีความรู้สึกมั่นใจกว่า mazda
สรุปข้อดีข้อเสีย
ไปๆมาๆ ได้ขาย PJS มาออก HRV
เมียชอบ Panoramic sunroof มาก บอกรถมันเล็กอยู่แล้ว พอมีไอ้เจ้าตัวนี้มา มันแก้ปัญหารถแคบอึดอัดได้ดีทีเดียว
เลยบอกไปว่า ในประเทศไทย รถรุ่นล่างๆ ราคาไม่แพง มี 3 รุ่นเองนะ คือ Everest 3.2 4WD ตัวท็อป / X-trail 2.54WD ตัวท็อป / และเจ้า HRV ตัวท็อปนี่ล่ะ แต่ HRV ถูกกว่าเขาเยอะ ล้านเดียว ที่เหลือเกิน 1.5 ล้าน
เมียชอบนะ นี่เราได้ใช้ของไฮเทคในรถราคาถูกหรอเนี่ย คุ้มนะเนี่ย (อะไรที่คุ้มๆนี่เข้าทางเธอ)
โปร
ดาวน์ 0% ดอก 2.9% 60 เดือน ถ้าดาวน์ 25% 60 เดือน ดอก 2.5% เออดอกห่างกันแค่ 0.4% คำนวนแล้ว
ดอกต่างกันแค่ 4000 กว่าบาท แก้ไขครับ ดอกต่างกันหลายหมื่นอยู่ครับ ผมคำนวณผิด
แต่ไม่ต้องดาวน์หลายแสน ผมว่าผมเอาเงินดาวน์เกือบ 3 แสนไปทำให้เงินงอกได้มากกว่านี้
เกิน 4000 บาทใน 5 ปีแน่นอน มากกว่าหลายเท่าด้วยเลยเอาโปร ดาวน์0% 60 เดือน นี่ล่ะครับ
เอามาเล่าสู่กันฟังครับ
เผื่อมีคนโจทย์ใกล้เคียงผม กำลังเลือกรถสองรุ่นนี้อยู่