รถคันแรกเริ่มหยุดผ่อน ไฟแนนซ์เจอเริ่มผิดนัดค่างวด
ไฟแนนซ์เผย"รถคันแรก"เริ่มออกอาการสะดุดหยุดส่งค่างวดแล้ว ระบุสองสาเหตุใหญ่ผู้ซื้อกลุ่มรายได้น้อยกำลังเงินไม่ถึงและใช้รถเล็กแล้วผิดหวัง โตโยต้าลีสซิ่งสแกนเข้มกลุ่มดาวน์ต่ำผ่อนยาวเพื่อลดความเสี่ยง ด้านสมาคมเช่าซื้อไทยนัดกรมสรรพสามิตถกแนวปลดล็อกกติกายึดรถเพื่อขายทอดตลาด เปิดยอดใช้สิทธิคืนภาษีล่าสุด 3.3 หมื่นคัน
ภายหลังคณะรัฐมนตรี(ครม.) มีมติเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2554 อนุมัติการคืนภาษีในโครงการรถคันแรกตามที่กระทรวงการคลังเสนอโดยมีผลตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน 2554 ถึง 31 ธันวาคม 2555 โดยเบื้องต้นได้ประเมินผลมาตรการดังกล่าวจะทำให้ภาคอุตสาหกรรมรถยนต์ ขยายตัวและมียอดขายรถยนต์ ในปี 2555 เพิ่มขึ้น 500,000 คัน และประชาชนที่จองซื้อรถคันแรกจะได้รับภาษีคืนไม่เกิน 100,000 บาทต่อราย รวมจำนวนทั้งสิ้น 30,000 ล้านบาทนั้น แม้ช่วงปลายปี 2554 จะเจอปัญหาอุทกภัยแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมากลับได้รับการขานรับอย่างล้นหลามในงานมหกรรมรถยนต์ที่มียอดจองรถคันแรกนับหมื่นคัน แต่มาถึงวันนี้เริ่มมีสัญญาณที่ส่อถึงปัญหารถคันแรกแล้ว
-เริ่มหยุดชำระค่างวด
แหล่งข่าวจากสถาบันการเงินผู้ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อแห่งหนึ่ง เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ"ถึงข้อเท็จจริงในโครงการรถคันแรกหลังดำเนินการมา 7 เดือนว่า ได้รับข้อมูลตรงกันในกลุ่มสถาบันการเงินที่ปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถคันแรกว่า ลูกค้ากลุ่มที่ขอใช้สิทธิรับคืนภาษีตามโครงการรถคันแรกเริ่มผิดนัดชำระค่างวดแล้ว สาเหตุใหญ่คือมีรายได้ไม่เพียงพอต่อการผ่อนชำระค่างวด บางรายหลังจากซื้อรถมาใช้ระยะหนึ่งแล้วรู้สึกไม่ประทับใจต่อการใช้รถยนต์นั่งขนาดเล็กจึงอยากจะเปลี่ยนเป็นรถคันใหม่ เหล่านี้เป็นสัญญาณการผ่อนชำระที่เริ่มสะดุด
"เป็นสัญญาณที่เฝ้าระวัง เท่าที่ทราบไฟแนนซ์เจอกันทุกค่ายโดยเฉพาะรายที่ปล่อยสินเชื่อมากๆ เช่น โตโยต้าลีสซิ่ง ธนาคารธนชาต และ กรุงศรีจีอี ต่างก็เจอปัญหานี้แล้ว จึงต้องเตรียมขั้นตอนปฏิบัติให้ถูกต้อง เพื่อรองรับกรณีที่ลูกค้าทิ้งรถ"แหล่งข่าวกล่าว
หากลูกค้ากลุ่มที่ขอใช้สิทธิรับคืนภาษีตามโครงการรถคันแรกมีแนวโน้มจะทิ้งรถก็จะเป็นปัญหาต่อระบบ โดยเฉพาะไฟแนนซ์ในแง่ของการยึดรถเพื่อนำมาขายทอดตลาด ทั้งนี้เพราะกระทรวงการคลังมีหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์ก่อนครบกำหนดระยะเวลา 5 ปี ตามมาตรการรถยนต์คันแรก กรณีลูกค้าผิดสัญญาเช่าซื้อหรือผิดนัดชำระเกินตามที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคกำหนดทางไฟแนนซ์ต้องยึดและนำรถยนต์ออกประมูลขาย เมื่อหักหนี้และค่าใช้จ่ายในการขายแล้ว ถ้ามีเงินเหลืออยู่ให้ผู้ให้เช่าซื้อนำเงินส่งแก่หน่วยงานที่เบิกจ่ายเงินตามระเบียบที่กรมบัญชีกลางกำหนด แต่ขั้นตอนปฏิบัติต้องมีการหารือกับกระทรวงการคลังเพื่อไม่ติดขัดในการประสานงาน
-เข้มกลุ่มดาวน์ต่ำผ่อนยาว
ต่อข้อถามประเด็นดังกล่าวนายประยุทธ์ จิตรวัชรโกมล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทโตโยต้าลีสซิ่งประเทศไทยฯกล่าวว่า กรณีลูกค้าผ่อนชำระไม่ไหว ถือเป็นสภาวะปกติของตลาด ซึ่งอาจต้องเข้มงวดมากขึ้นสำหรับลูกค้าที่มีพฤติกรรมจ่ายเงินดาวน์ต่ำ 10%และระยะเวลาผ่อนชำระนาน 60 เดือน อาจจะพิจารณารายละเอียดหรือขอเอกสารหลักฐานเพิ่มมากกว่ารายอื่น ทุกสถาบันการเงินต่างมีหลักเกณฑ์เพื่อบริหารความเสี่ยงและควบคุมอยู่แล้ว
"ผมมองว่าเป็นการบริหารความเสี่ยง และเตรียมขั้นตอนรองรับกรณีลูกค้าผ่อนชำระไม่ไหว ไม่ใช่อยู่ดีๆยึดรถและนำออกประมูลขายแต่เปลี่ยนมือไม่ได้ ปัญหาอีกข้อคือ ไฟแนนซ์ไม่รู้ว่ารถคันไหนเป็นรถในโครงการรถคันแรกเพราะยังไม่ได้รับหนังสือยืนยันจากทางการ"นายประยุทธ์กล่าว
นายประยุทธ์กล่าวว่า ในกรณีที่ผู้เช่าซื้อหยุดชำระค่างวด เรื่องนี้ต้องศึกษาว่าจะใช้เอกสารหรือแบบฟอร์มอะไรบ้างเพื่อนำไปยืนยันให้กรมสรรพสามิตทราบและประสานไปยังกรมการขนส่งฯเพื่อปลดล็อกเพื่อรองรับขั้นตอนการยึดรถและนำรถออกประมูลให้สามารถเปลี่ยนมือได้ไม่ติดขัด สำหรับบริษัทเองยังอยู่ในขั้นตอนขอหนังสือยืนยันจากกรมสรรพสามิตว่ารถยนต์คันไหนได้รับอนุมัติเข้าโครงการรถคันแรกแล้ว เบื้องต้นบริษัทประมาณการว่า จะมีรถยนต์คันแรกเข้ามาประมาณ 15%ของยอดเช่าซื้อต่อเดือนจากเป้าทั้งปีที่ค่ายโตโยต้ากำหนดยอดขายรถยนต์ไว้ที่จำนวน 500,000 คัน
-สมาคมเช่าซื้อนัดสรรพสามิต
นายชลิต ศิลป์ศรีกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ หัวหน้าสายธนกิจลูกค้ารายย่อย ธนาคารทิสโก้ จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า ในวันพุธที่ 16 พฤษภาคมนี้ ทางสมาคมเช่าซื้อไทยได้นัดหมายเข้าพบนายจุมพล ริมสาคร รองอธิบดี กรมสรรพสามิต เพื่อหารือเกี่ยวกับระเบียบ ขั้นตอนและเอกสาร กรณีที่จำเป็นต้องยึดรถคันแรกคืนจากผู้เช่าซื้อ โดยระบุว่า เนื่องจากโครงการรถคันแรกได้รับการตอบรับจากประชาชนค่อนข้างมาก ดังนั้น จึงต้องเตรียมการรองรับเผื่อไว้ล่วงหน้า นอกจากนี้อาจจะมีการสอบถามถึงความเป็นไปได้ในการขยายระยะเวลาใช้สิทธิรับเงินคืนภาษีจากโครงการรถคันแรกในคราวเดียวด้วย
สำหรับทิสโก้นั้น เบื้องต้นมีลูกค้าใช้สิทธิประมาณ 7,000 คัน ส่วนในระบบคาดว่าน่าจะมีรถยนต์ขอใช้สิทธิดังกล่าวประมาณ 15%หรือประมาณ 75,000 คัน หากประมาณการทั้งระบบยอดขายรถยนต์เกือบ 500,000 คัน และประมาณยอดเคลมภาษีกรณีลูกค้าได้รับอนุมัติน่าจะตกประมาณ 14,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทุกไฟแนนซ์ยังอยู่ในกระบวนการทยอยออกหนังสือรับรองการเช่าซื้อรถให้ลูกค้าเพื่อนำไปยื่นขอใช้สิทธิกับกรมสรรพสามิตเท่านั้น
ด้านนายณรงค์ ศรีจักรินทร์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ อาวุโส สายธุรกิจสินเชื่อรถยนต์ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า ธนาคารได้รับการตอบรับจากลูกค้าประมาณ 25,000 คัน(ตัวเลขเดือนกันยายนถึงเดือนเมษายนนี้) โดยยืนยันเป็นลูกค้าตัวจริงและเชื่อว่ายอดขายรถยนต์ปี 2555 จะเป็นปีประวัติศาสตร์ที่ยอดขายรถทะลุ 1ล้านคันแน่นอน
-ยอดขอคืนภาษี3.3หมื่นคัน
ผู้สื่อข่าว "ฐานเศรษฐกิจ" ได้ตรวจสอบไปยังกรมสรรพสามิตถึงความคืบหน้าการใช้สิทธิขอคืนภาษีรถยนต์คันแรก พบว่า ระหว่างวันที่ 16 กันยายน 2554 - 4 พฤษภาคม 2555 มีผู้ยื่นขอใช้สิทธิจำนวนทั้งสิ้น 33,000 คัน แบ่งเป็นรถยนต์นั่ง 22,000 คัน รถปิกอัพ 5,200 คัน และรถดับเบิลแค็บ 5,500 คัน
แหล่งข่าวจากกรมสรรพสามิตกล่าวว่า ในสัปดาห์ล่าสุดตั้งแต่วันที่ 30 เมษายน-4 พฤษภาคม มีประชาชนยื่นขอใช้สิทธิสูงถึง 4,500 คัน ดังนั้นแนวโน้มยอดการใช้สิทธิขอคืนภาษีจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจากนี้เป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม ตอนนี้กระบวนการจดทะเบียนรถยนต์ยังมีความล่าช้า เนื่องจากกรมการขนส่งฯขาดแคลนทะเบียนทั้งป้ายแดงและป้ายดำ ส่วนประเด็นลูกค้าโครงการรถคันแรกขาดผ่อนงวดนั้นทางกรมสรรพสามิตยังไม่ได้รับข้อมูลแต่อย่างใด เข้าใจว่าทางสมาคมเช่าซื้อไทยคงจะมีหนังสือแจ้งเข้ามาอีกครั้ง
-ค่ายรถฟุ้งยอดขายไม่สะดุด
แม้จะมีความเคลื่อนไหวจากฝั่งสถาบันทางการเงินหรือไฟแนนซ์-บริษัทเช่าซื้อต่างๆที่จะเข้าไปหารือกับทางภาครัฐ และยังไม่มีความคืบหน้า แต่ในส่วนของผู้ผลิตรถยนต์กลับพบว่ายอดขายยังคงเติบโตต่อเนื่อง เริ่มตั้งแต่ค่ายมิตซูบิชิ ที่มีรถยนต์ในโครงการรถคันแรกในรุ่นมิราจ โดยนายวิกรานต์ อมาตยกุล ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักการตลาด บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า จากการที่บริษัทเช่าซื้อต่างๆจะรวมตัวกันเพื่อเข้าหาภาครัฐเพื่อปลดล็อกบางเงื่อนไขนั้น ไม่ได้มีผลกระทบกับยอดจองของรถยนต์แต่อย่างใด โดยมองว่าประเด็นดังกล่าวเป็นภาระของไฟแนนซ์-บริษัทเช่าซื้อกับตัวของลูกค้ามากกว่า ซึ่งในส่วนของบริษัทรถยนต์ก็ยังคงมียอดจองเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
ด้านนายวัลลภ ตรีฤกษ์งาม ผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไป บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์(ประเทศไทย)จำกัด เปิดเผยว่าในกรณีที่บริษัทเช่าซื้อจะเข้าไปหารือกับภาครัฐนั้น ตรงจุดนี้ไม่ได้กระทบกับบริษัทรถยนต์แต่อย่างไร โดยยอดขายรถยนต์ยังคงทยอยจองเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตัวเลขของ "สวิฟท์" ตั้งแต่เปิดตัวจนถึงช่วงหลังงานมอเตอร์โชว์มีจำนวนประมาณ 13,000 คัน และตอนนี้บริษัทก็ได้เริ่มส่งมอบรถยนต์ให้กับลูกค้าแล้วบางส่วน ซึ่งการเข้าไปหาภาครัฐในครั้งนี้มองว่าเป็นการลดความเสี่ยงของบริษัทเช่าซื้อมากกว่า
ขณะที่ค่ายฮอนด้า ที่โดนพิษน้ำท่วมในปีที่ผ่านมา นายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร รองประธานอาวุโส บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล(ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดรถยนต์ไทยในช่วงไตรมาสสองยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง จากเศรษฐกิจไทยที่ขยายตัว รวมทั้งจากนโยบายลดภาษีรถคันแรกสูงสุด 100,000 บาท โดยฮอนด้ามีตัวเลขการขายของรถในกลุ่มนี้ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2554 - เมษายน 2555 พบว่าบริโอ้ 563 คัน ,ฮอนด้า ซิตี้ 3,309 คัน และ ฮอนด้า แจ๊ซ 3,597 คัน
อนึ่งยอดขายรถยนต์ขนาดเล็กในปี 2554 ที่ผ่านมาพบว่า ในกลุ่มอีโคคาร์มีนิสสัน มาร์ช เป็นตัวนำด้วยยอดขาย 30,533 คัน ฮอนด้า บริโอ้ 3,061 คัน และนิสสัน อัลเมร่า 2,178 คัน ขณะที่กลุ่มซับ-คอมแพ็กต์ มีโตโยต้า วีออส นำด้วยยอดขาย 58,710 คัน ฮอนด้า ซิตี้ 27,790 คัน ฮอนด้า แจ๊ซ 19,706 คัน และมาสด้า 2 ทั้งซีดานและแฮตช์แบ็ก 27,714 คัน
http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=121627:2012-05-11-14-44-55&catid=89:2009-02-08-11-24-05&Itemid=417