ใจผม อยากให้นถไฟฟ้ามาเร็วๆ สิ่งที่ช่วยผลักดันได้ดีที่สุดคือนโยบายภาครัฐ ซึ่งนอร์เวย์ ทำสำเร็จไปแล้ว ยอดขายรถไฟฟ้า มากกว่ารถสันดาป ทั้งที่ประเทศผลิตน้ำมันได้
ตอนนี้ กทม มลพิษเยอะมาก โดยเฉพาะ pm2.5ที่มาจากการเผาไหม้ของเครื่องยนต์ที่ไม่สมบูรณ์ที่สามารถซึมเข้าสู่กระแสเลือดโดยตรงได้เลย เป็นผลให้สะสมตามเส้นเลือด เป็นพวกสมองขาดเลือด หัวใจขาดเลือดมากขึ้น นี่ยังไม่รวมความเสี่ยงเรื่องมะเร็งอีก
ตอนนี้ คนเป็นภูมิแพ้ สโตรค มะเร็ง หัวใจก็เยอะจนรักษาไม่ไหวแล้ว
ทุกวันนี้ค่าเฉลี่ย มลพิษกทม บางวัน บางที่ อยู่ในระดับที่อันตรายสำหรับผู้ป่วยโรคปอด โรคหัวใจแล้ว
ทุกวันนี้คุณลองมองคนใกล้ตัวดูครับ ว่าเป็นภูมิแพ้กันเยอะขนาดไหน
ถ้าไม่รีบช่วยๆกันแก้ คงได้ป่วยกันทั้งบ้านทั้งเมืองแน่ครับ
จริงอยู่ว่าภาครัฐยังใช้พลังงานจากถ่านหิน ส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนหนึ่งก็มาจากพลังงานสะอาดเช่นเขื่อน แสงอาทิตย์ ลม อยู่บ้าง และการผลิตโดยภาครัฐ ประสิทธิภาพมีมากกว่า และควบคุมมพิษได้ง่ายกว่า อย่างน้อยเวารถติดๆ ก็ไม่ต้องเผาน้ำมันทิ้งแบบรถสันดาป
ผมคงเปลี่ยนแปลงอะไรกับสังคมมากไม่ได้ แต่ผมก็เริ่มจากตัวเองก่อนโดยไม่ใช้รถหากไม่จำเป็น และซื้อhybrid มาใช้ครับ
อันนี้ข้อมูลจาก นอร์เวย์ครับ
http://scout.cafe/ev-market-in-norway/ยนต์พลังงานไฟฟ้า นั้นทั้งสะดวกและคุ้มค่าในการลงทุนในระยะยาว เพราะไ่ม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการดูแลรักษา หรือ
ค่าใช้จ่ายสำหรับค่าเชื้อเพลิง เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับรถยนต์แบบเก่า ก็ดูเหมือนว่ารถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า
จะชนะขาดลอย โดยในปัจจุบนรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเป็นที่นิยมมากในยุโรปและอเมริกา โดยเฉพาะที่กรุงออสโล เมืองหลวง
นอร์เวย์ ได้รับสมญานามว่าเป็นเมืองรถยนต์ไฟฟ้าของโลกอันดับ 1 ของโลก ทั้งๆ ที่เมื่อ 10 ปีที่แล้ว มียอดจดทะเบียน
รถยนต์ไฟฟ้าใหม่ทั้งประเทศ 567 คัน แต่ปีที่แล้วกลับมียอดจดทะเบียนรถไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้นถึง 71,737 คัน คิดเป็น133 เท่า
ในเวลา 9 ปี ทำให้ Tesla ไต่อันดับกลายเป็นรถขายดีที่สุดในนอร์เวย์เมื่อปีที่แล้ว
รถยนต์พลังงานไฟฟ้า
สาเหตุที่อาจจะเป็นไปได้คือ เมื่อ 28 ปีที่แล้ว รัฐบาลนอร์เวย์สนับสนุนให้ผู้ผลิตรถยนต์ โดยการยกเลิกการเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าจากต่างประเทศ 6 ปีต่อมาก็ออกนโยบายสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มเติมด้วยการ ไม่เก็บเสียภาษีประจำปี และไม่ต้องเสียค่าทางด่วน สำหรับคนที่ใช้รถยนต์ไฟฟ้า และยังให้สิทธิพิเศาในการวิ่งในเลนรถบัส เพื่อจูงใจให้คนหันมาใช้ แต่ตอนนั้นกลับไม่เป็นที่นิยมมเท่าใดนัก
รถยนต์พลังงานไฟฟ้า
เมื่อ 10 ที่แล้ว เมืองออสโล ได้เริ่มโครงการสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งผู้ใช้สามารถนำรถมาจอดชาร์จได้ฟรี ทำให้มาใช้รถยนต์ไฟฟ้ากันได้มากขึ้น โดยปัจจุบันสถานีชาร์จดังกล่าวมีอยู่ถึง 2,000 แห่งทั่วทั้งเมือง ทำให้ตอนนี้มีรถยนต์พลังงานไฟฟ้าออกวางจำหน่ายอยู่ทั่วไป ไม่ว่าจะเป็น Mitsubishi i-MiEV และ Nissan Leaf ในปี 2011 หรือ Tesla Model S เข้ามาในนอร์เวย์ปี 2013 โดยประชาชนสามารถซื้อรถได้ในราคาไม่แพง เพราะรัฐบาลใช้นโยบาย VAT 0% ไม่เก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าที่ออกมาตั้งแต่ปี 2001 สิ่งที่เกิดตามมาก็คือยอดขายของ Tesla ในนอร์เวย์ ทะยานขึ้นสูงสุดเป็นประวัติกาล แถมยังมีราคาถูกกว่าในสหรัฐอเมริกาเสียอีก
รถยนต์พลังงานไฟฟ้า
ถ้าคุณอยากจะซื้อรถสักคัน ลองมาเปรียบเทียบราคาซื้อขายรถ Volkswagen Golf ในประเทศนอร์เวย์กันดูก่อน เพราะ Golf เวอร์ชั่นรถไฟฟ้า ราคา 1,200,000 บาท ส่วน Golf เวอร์ชั่นน้ำมันเครื่องยนต์ 1.2 ลิตร ราคา 850,000 บาท ราคาต่างกันถึง 350,000 บาท แต่ถ้าจะซื้อรถใช้น้ำมัน คุณจะเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม 25% คิดเป็นเงิน 212,500 บาท แล้วยังมีค่าจดทะเบียนประมาณ 250,000 บาท รวมทั้งหมดก็ตั้ง 1,312,500 บาท นี่ยังไม่รวมค่าบำรุงรักษา ค่าเติมน้ำมัน ค่าต่ออายุประจำปี ซึ่งมมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอีกประมาณปีละ 120,000 บาท
รถยนต์พลังงานไฟฟ้า
ทั้งนี้เป็นเพราะระบบเศรษฐกิจนอร์เวย์ ก็ต้องพึ่งพาการใช้พลังงานจากฟอสซิล แต่ 99% ของไฟฟ้าในนอร์เวย์ เป็นไฟฟ้าพลังงานน้ำ ทำเชื้อเพลิงฟอสซิลจะถูกส่งออกไปแทบทั้งหมด ไม่นำมาใช้ในประเทศ ส่งผลให้นร์เวย์สามารถทำกำไรจากสินค้าตระกูลพลังงานนี้ได้อย่างเต็มที่
รถยนต์พลังงานไฟฟ้า
นอกจากนี้นอร์เวย์ยังตั้งเป้าว่าต่อไปประชากรจะใช่ รถยนต์ไฟฟ้า 100% แต่ปัจจุบันรถยนต์ไฟฟ้ามีส่วนแบ่งการตลาดเพียง 39% โดยแบ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้า EV (ใช้ไฟฟ้าเต็มตัว) 20% และรถยนต์ไฟฟ้าแบบไฮบริด 19% รัฐบาลมีเป้าหมายว่าภายในอีก 7 ปีข้างหน้า ยอดจดทะเบียนรถยนต์ใหม่ในประเทศ จะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าแบบ 100% ทั้งนี้ เพื่อผลประโยชน์ของการหารายได้จากต่างประเทศ และการใช้พลังงานสะอาด ที่เป็นมิตรต่อคนและสิ่งแวะล้อมอย่างยั่งยืนนั่นเอง