ประเด็นคือ ความเสี่ยงและระบบของไฟแนนซ์ครับ ที่ต้องแก้ไข
คนผ่อน
เมื่อเกิดอุปสรรคในการผ่อน หรือมีความเสี่ยงทีเกิดขึ้นจากเหตุการณ์ ที่ไม่คลาดคิด คนผ่อนจะไม่มีระบบมารองรับ เหมือน ไฟแนนซ
ส่วนไฟแแนซ์
เมื่อเกิดความเสี่ยง มีระบบ กฏหมายที่เขียนขึ้นมาเพื่อประโยชน์เต็มที่ จากความเสียหายที่เกิดจากความเสี่ยง
ทั่งที่ ไฟแนนซ มี ประโยชน์ที่ได้จากการผ่อน ชำระ คือ ดอกเบี้ย เป็นส่วนประกันความเสี่ยง มีระบบรองรับความเสียหายของทรัพย์สินจาก ประกัน
ป้องกันได้ตั้งแต่ การคัดสรรลูกค้าของไฟแนนซ์เอง เพื่อไม่ให้เกิดหนี้เสีย
แต่เพราะเซลล์ของไฟแนนซ์เอง อยากได้ยอด จึงมักจะเสนอข้อมูลที่เป็นเทจให้กับส่วนกลาง
คือถ้าจะไม่ให้เกิดหนี้เสีย หรือลดเปอร์เซนต์หนี้เสีย
พนักงานของไฟแนนซ์ควรทำหน้าที่ ที่เหมาะสม ไม่เห็นแก่ค่าคอมนิดหน่อย ทำข้อมูลเทจส่งให้ส่วนกลาง
ไม่มีไฟแนนซไหน หรือธนาคารไหนขาดทุน ในการปิดบัญชีประจำปี
ผมเข้าใจทั้งสองอารมณ์ครับ
ทั้งลูกหนี้ และเจ้าหนี้
ผมเคยสูญเงินกับการให้กู้ ไปหลายแสน
แต่ก็ได้แค่ทำใจ
คือเวลา ของทั้งสองคนไม่เท่ากันครับ
เจ้าหนี้เวลามันช่างช้า เพราะอยากได้เงินเค้า
ลูกหนี้เวลามันช่างเร็ว เพราะไม่อยากจ่ายเงิน
ที่คุณพูดมันก็ถูก แต่บางส่วนเท่านั้น
ระบบไฟแน้นซืเค้าคัดกรอง และแบ่งแยกลูกหนี้อยู่แล้ว ข้อมูลเป็นเท็จคิดว่าเค้าไม่รู้เหรอ เค้ารู้คนทำสินเชื่อนะไม่ได้โง่นะ เห็นเคสมาเป็นร้อยเป็นพัน แต่ถือว่าถ้าพอให้ได้เค้าก็ให้ แต่มีความเสี่ยงสูงก็ต้องคิดดอกแพง หรือไม่ก็หาคนมาค้ำด้วย โดยธรรมชาติทรัพย์สินประเภทรถยนต์เสื่อมราคาเร็วเลยต้องดำเนินการให้เร็วด้วย เพื่อระงับความเสียหาย ไม่ว่าจะไฟแน้นซ์ ลูกหนี้ หรือผู้ค้ำ
อย่าคิดว่าไฟแน้นซ์อยากขายเท่าไหร่ก็ขาย เค้าขายให้ได้เงินสูงสุดภายใต้ข้อจำกัดด้านเวลา เพราะเค้าไม่อยากไปทวงหนี้เพิ่มหรอก ตรงนี้ต้องเข้าใจซะใหม่
การผ่อนคลายเงื่อนไขการกู้เพราะต้องการให้บุคคลเข้าถึงแหล่งเงินได้ง่าย เพื่อให้บุคคลได้นำไปทำประโยชน์ ตอนนี้ไฟแน้นซ์เค้าเริ่มรู้ตัวและคิดว่ายังอยู่ในวิสัยที่บริหารหนี้ได้ก็เลยปล่อย แต่เมื่อไหร่ที่คิดว่าต้องเข้มงวด เค้าต้องปฏิเสธลูกค้าเรื่องธรรมชาติ ทำเพื่อความอยู่รอด เพราะฉะนั้นอย่าห่วงเรื่องปรับตัว
ถ้าคิดว่า แบงค์ชาติจะดูลูกหนี้ให้ไฟแน้นซ์บอกได้เลยว่าไม่ เค้าดูแค่ ภาพรวมของเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง และแนวโน้มของภาพรวมพอร์ตสินเชื่อรวมเท่านั้น ไม่ได้คุมอะไรมากมายขนาดนั้น ในรายละเอียดไฟแน้นซ์ต้องดูเอง ไฟแน้นซ์เค้าจะรู้ฐานะลูกหนี้เมื่อขาดส่ง และจึงติดตาม ตอนนี้ไม่ต้องกลัวเค้าจับตามองลูกหนี้ประเภทนี้เป็นพิเศษอยู่แล้ว เพราะงั้นลูกหนี้นั่นแหละรู้ตัวดีที่สุด ว่าไหวไม่ไหว
การเป็นหนี้จริงๆ แล้ว อย่าคิดง่ายๆ ว่าวันนี้มีไหวอยู่แล้ว คนกู้ต้องดูกรณีเลวร้ายของตัวเองด้วย แต่ส่วนใหญ่ไม่คิดกัน คิดว่ากู้ได้ ซื้อของเสร็จจบ แค่นั้น
กรณีนี้ ผู้เสียหายไม่ใช่ลูกหนี้นะ ผู้เสียหายคือไฟแน้นซ์
เพราะฉะนั้นเป็นหนี้อย่าโทษลม โทษฟ้า ปัญหาอยู่ที่ลูกหนี้นั้นแหละ ไม่มีผ่อน เมื่อมันมีแนวโน้ม ก็ปล่อยเรื่อยเปื่อยไม่แก้ไข น้อยครั้งที่เกิดเหตุฉับพลัน
คิดดูดีๆ ก่อนนะจ๊ะว่าใครควรต้องรับผิดชอบ
อันนี้แลกเปลี่ยนความเห็นเฉยๆ นะ ไม่มีเจตนาอื่น