หลังจากลังเลโน่นนี่มาพักใหญ่ๆ จนเอาวะ ตัดตัวเลือกเหลือแค่ 2 ตัวนี้แหละ
และจังหวะเหมาะเหม็งมาก ทั้งศูนย์โตโยต้ากับศูนย์นิสสัน แถวพระรามสามมีรถให้เทส
พร้อมกันทั้งคู่เลย (เซลส์โทรมาตามให้ไปลองเทส)
วันนี้ผมเลยออกไปลองเทสรถทั้งคู่ แบบลงจากคันนึง แล้ววิ่งไปลองอีกคันนึงต่อทันที
ความรู้สึกมันเลยสดมากๆที่จะได้เทียบกันแบบจะๆไปเลย ก็เลยเอามาเขียนให้ชาว HLM
ลองอ่านกันดูครับ ผมอาจจะบรรยายไม่ค่อยเก่งนะครับ แต่อย่างน้อยๆเผื่อว่าใครจะสนใจ
สองตัวนี้อยู่เหมือนผม จะได้ลองนึกตามได้ง่ายๆหน่อย
เริ่มจาก 10 โมงเช้าผมตรงดิ่งจากบ้านไปที่ศูนย์ toyota bangkok แถวๆถนนจันทร์ก่อน
ไปถึงก็เห็นรถจอดรอไว้อยู่แล้ว แต่เซลส์ยังติดประชุมอยู่ แป้ปเดียว ก็ได้ลองเอาไปขับกัน
น่าเสียดายที่ระยะทางที่ได้ลองยังถือว่าสั้นไปนิดนึง แต่ผมก็พยายามลองและสังเกตุทุก
อย่างเท่าที่จะทำได้แล้วแหละครับ
เริ่มจากฝั่งพี่โตก่อนละกัน....
เมื่อกดปุ่ม power แล้ว ก็ไม่ได้ต่างจาก first impression ที่คุณจิมมี่เขียนเอาไว้มากนักคือ
แทบไม่รู้สึกจริงๆว่ารถมันติดเครื่องแล้ว จนกระทั่งเปิดแอร์เนี่ยแหละ ถึงมีเสียงหึ่มๆขึ้นมานิด
หน่อยให้พอรู้ว่า เครื่องมันติดแล้วนะ
สัมผัสของตัวรถ เรียกว่าแทบไม่ได้แตกต่างจะตัวเก่ามากนัก ผมลองวิ่งจากช้าๆก่อน ตอนออก
ตัว ก็นิ่งๆดีเพราะรถจะใช้แรงจากมอเตอร์ก่อน เนื่องจากรถตรงถนนพระรามสามค่อนข้างจะเยอะ
ผมเลยต้องรอจังหวะรถข้างหน้าโล่งนิดๆ จึงลองกด kick down ลงไป
พบว่า แทบไม่ต่างจากตัวก่อนแหละครับ คือเสียงเครื่องดังมาก่อนแต่ตัวรถก็ยังนิ่งๆอยู่ ค่อยๆเพิ่ม
ความเร็วไปตามลำดับ ตรงนี้ผมคิดว่าอัตราเร่งแทบไม่ได้ต่างจาก 2.4V ตัวเก่าที่ผมเคยลองขับ
ของเพื่อนเท่าไหร่นัก แม้ว่าทางโตโยต้าจะเคลมว่า แรงม้าจากเครื่อง + มอเตอร์แล้วจะเท่ากับ
190 ม้า แต่ผมว่า วิ่งได้เท่าๆเดิมเลยครับ บุคลิกเครื่องยังเหมือนเดิมเป๊ะๆ
ตอนที่ผมขับ ความเร็วที่ทำได้สูงสุดคือแค่ ราวๆ 110-120 เท่านั้นเพราะว่าเกรงใจเซลส์ 555+
และทางไม่ค่อยจะดีด้วย แต่เท่าที่ๆลองราวๆเกือบครึ่งชม.พบว่า ช่วงล่างคงสไตล์โตโยต้าไว้
เป็นอย่างดี คือนิ่มสบาย แต่ยวบยาบเล็กๆ ส่วนเรื่องเกาะถนนหรือไม่ ผมไม่มีโอกาสลองโค้ง
เลยไม่ทราบจริงๆครับ แต่ถ้าให้เคา คงไม่ต่างจาก altis 1.8G โฉมพี่ แบรด คันเก่าของผมซะเท่าไหร่
ระหว่างที่ขับ คอยสังเกตุการทำงานของมอเตอร์เป็นพักๆ (แต่สังเกตุค่อนข้างยากหน่อย) เท่าๆที่ดู
เมื่อเร่งไปถึงระยะนึง มันจะเปลี่ยนเป็นเครื่องยนต์ แต่ไม่รู้สึกอะไรสักอย่างเลย เรียกว่าถ้าไม่ดูจอก็ไม่รู้
ว่ามันใช้เครื่องหรือมอเตอร์กันแน่ และ ระหว่างวิ่ง มีการทำงานร่วมกันระหว่างมอเตอร์กับเครื่องเป็นระยะๆ
ครับ เมื่อเราถอนคันเร่ง รถจะอาศัยแรงเฉื่อยชาร์จไฟเข้ามอเตอร์เองครับ....
เรื่องเบรค.....จากที่เคยลอง 2.4V ของเพื่อนมา ตอนนั้นผมรู้สึกว่ามันเหมือนเบรคไม่ค่อยจะอยู่เท่าไหร่
คือเวลา่เบรคแล้ว เหมือนรถมันยังจะไหลๆต่อไปอีกนิดหน่อย (อันนี้ความรู้สึกส่วนตัวนะครับ) ซึ่ง accord
ของแฟนผมไม่มีอาการแบบนี้ครับ เหมือนเบรคแล้วจะหยุดได้ดีกว่าเยอะ เมื่อมาลองกับ hybird แล้ว รู้สึก
ว่าดีขึ้นนะครับ แต่ยังไม่ดีขึ้นมาก คือเบรคหนืดขึ้นนิดหน่อย แต่เมื่อจะเบรครอไฟแดง ผมยังรู้สึกว่ารถไหล
ไปข้างหน้านิดหน่อย เหมือนเดิมเลย = ='
ไปขับไปได้ราวๆ 20 นาทีถึงครึ่งชม.ก็กลับมาถึงศูนย์ที่เอารถออกไป แล้วก็มานั่งเล่น function ดูโน่นดูนี่
ในรถก่อน และพบว่า 2.4 HV เนวิเกเตอร์นั้น ไม่มีช่องต่อ AUX ครับ (ไม่แน่ใจว่า ตัว CD กับ DVD มีหรือ
เปล่า เพราะรถที่เทสเป็นตัวท้อปน่ะครับ)
กลับมาที่ 0 แล้วก็คุยเรื่องรายละเอียดเรื่องส่วนลดและของแถมกันหน่อย ซึ่งขั้นต้น แทบไม่ได้อะไรเลย
ครับ นอกจากขอมาตรฐานทั่วไปอย่างกรอบป้าย ผ้ายาง ฟิลม์ อะไรพวกนี้ ส่วนลดเงินสดและประกันชั้น 1
ไม่มีครับ หมดสิทธิ.....
เสร็จจากตรงนี้ ผมใช้เวลาไม่ถึง 5 นาที ก็มาถึง ศูนย์นิสสันอีกที่นึงใกล้ๆกัน โดยผมเองก็นัดกับเซลส์ไว้
ก่อนแล้ว มาถึงแล้วเราก็ไปที่รถที่จอดรอไว้แล้วกันเลย เรียกว่า สดจริงๆครับวันนี้ ลงคันนึงขึ้นอีกคันนึงต่อ
เลย เทียบความรู้สึกกันเห็นๆแบบไม่ขาดช่วงเลย
ขึ้นมาบนเทียน่ากันบ้าง ความรู้สึกแรกเลยหลังจากที่เข้ามาในรถ ผมรู้สึกว่า รถมันใหญ่กว่าแคมรี่แฮะ ไม่รู้
ทำไมเหมือนกัน แค่ความรู้สึกที่ีได้มันรู้สึกแบบนั้นจริงๆ ทัศนวิสัยผมว่าดีกว่าแคมรี่นิดๆ
แต่ที่สำคัุญที่สุด
เบาะนั่งสบายกว่ากันแบบเห็นๆเลยครับ แม้ผมจะเคยได้ยินมานานแล้วว่าเบาะรองนั่งของแคมรี่ หรือว่ารถ
โตโยต้าส่วนใหญ่มันจะสั้นไปหน่อย แต่ผมไม่ค่อยจะสังเกตุเรื่องนี้เท่าไหร่ เพราะขาย altis ไปแล้วก็ทิ้งช่วง
เกือบๆสองปีเพราะว่าไปเรียนต่อ ก่อนจะกลับมาออก civic FD ก็รู้สึกว่า มันไม่ได้ต่างกันนี่หว่า ขับทางไกล
แล้ว ก็ยังคงปวดหลังเหมือนๆกัน แต่วันนี้ได้รู้สึกแล้วครับ เบาะรองนั่งของ teana ทำได้ดีจริงๆ นั่งแล้วรู้สึก
สบายและผ่อนคลายกว่าแคมรี่อยู่พอสมควร
สิ่งที่แตกต่างจากแคมรี่อีกอย่างนึงก็คือ เสียงเครื่องยนต์ครับ ดังกว่าเห็นๆ พอกดปุ่ม start แล้วเสียงเครื่องก็
ดังกระหึ่มขึ้นมาทันที (แหงล่ะ V6 นี่หว่า) แต่เมื่อวิ่งออกข้างนอกแล้ว กลับพบว่า เออ....มันเงียบจริงๆแฮะ
เสียงเครื่องแทบจะไม่ดังรบกวนโสตประสาทเท่าไหร่ แต่ไอ้ที่ดังน่ะ เสียงบดของยางกับพื้นถนนครับ สำหรับ
เทียน่า ผมว่าเครื่องวิ่งได้นุ่มนวลดีครับ แต่ยังไม่ได้กด kick down แบบเต็มที่เท่าไหร่เพราะว่าวันนี้รถเยอะ
จริงๆ เท่าที่ลอง ผมว่าเครื่องตอบสนองได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว
ช่วงล่างเป็นอีกอย่างที่แตกต่างอย่างเห็นได้ชัดจากแคมรี่ และโชคดีของผมที่แฟนผมมี accord ผมเลยเปรียบ
เทียบได้ง่ายขึ้นหน่อย พูดให้เห็นภาพ ผมว่าช่วงล่างของเทียน่า น่าจะวางไว้ตรงกลางระหว่างรถสามคันนี้ได้
พอดีๆแหละ จากความรู้สึกส่วนตัวผมนะ
คือมันกระด้างพอรู้สึกได้พอๆกับ accord เลย และกระด้างกว่าแคมรี่อย่างเห็นได้ชัด ที่พูดแบบนี้เพราะผมขับ
ไปบนถนนเดีัยวกันในระยะเวลาที่ห่างกันแค่ราวๆ 20 นาทีเอง
เรื่องความหนึบ ผมยังตอบไม่ได้เท่าไหร่เพราะว่า ผมไม่มีโอกาสสาดโค้งเหมือนที่เคยทำกับ accord ของแฟน
ตอนแรกว่าจะขับเนียนๆไปตรงวงแหวนอุตสาหกรรม แต่เซลส์เรียกให้กลับรถเสียก่อน ก็เลยตามเลย อย่างน้อยๆ
ก็พอจะจับฟีลและพอเดาๆได้ว่า คงไม่ทิ้งจาก accord เท่าไหร่นัก และก็ไม่ยวบยาบเหมือนแคมรี่เท่าไหร่
และที่แปลกคือ เพื่อนผมที่เคยให้ผมลองขับแคมรี่ 2.4V ของเค้าได้มีโอกาสลองเทียน่าตัวนี้เหมือนกันกลับบอก
ว่า เทียน่ายวบยาบกว่าแคมรี่ของเค้าเสียอีก........อันนี้คงเป็นเรื่องของนานาจิตตังล่ะครับ แต่ผมรู้สึกอย่างที่พิมพ์
ไปนั่นแหละ
คิดในแง่คนนั่ง อาจจะชอบแคมรี่มากกว่า นั่งสบายแต่ไม่เกาะถนน
คิดในแง่คนขับ อาจจะชอบเทียน่ามากกว่า เพราะแลจะเกาะถนนได้ดีกว่า แม้จะกระเทือนไปนิดก็เหอะ
อีกเรื่องที่อยากจะพูดถึงคือ....เกียร์ CVT ของเทียน่า ทำได้ดีตามที่พี่แกโฆษณาจริงๆครับ คือเปลี่ยนเกียร์ไป
ตอนไหน(วะ) ไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรเล้ย แต่ระยะยาว ผมไม่รู้ครับ เหอๆ ไม่เคยมีประสบการ์ณกับเกียร์แบบนี้เท่าไหร่
การออกตัวคงต้องกะน้ำหนักเท้าดีๆหน่อย เพราะถ้าต้องการถนอมเกียร์ตัวนี้ เห็นว่าต้องค่อยๆออก แต่วันนี้ผม
กดไปนิดเดียวรถก็พุ่งแล้ว = ='
ที่อยากจะติที่สุดก็คือ ลำโพงที่ให้มานั้น เข้าข่ายเฮงซวยไม่สมกับราคารถเอาซะเล้ย..... ตัวผมเองก็ไม่ไ้้ด้หูทอง
อะไรมากนักหรอก แต่เีสียงมันแย่จริงๆครับ ผมว่าโตโยต้าเสียงห่วยแล้วนะ เทียน่าทำได้แ่ย่กว่านั้นอีกครับ เฮ้อ
เรื่องเบรค ทำได้ดีกว่าแคมรี่เห็นๆครับ เบรคแล้วหยุดได้ดีกว่าตามความรู้สึกของผมนะครับ ไม่ไหลไปข้างหน้า
จนต้องย้ำอีกทีเหมือนแคมรี่
ข้อแตกต่างที่ผมเห็นได้อีกอย่างนึงแบบชัดเจนเลยนะครับคือเกจ์วัดน้ำมันของทั้งสองตัวหลังจากการขับเทส
มา......แคมรี่ แทบไม่กระดิกครับ ออกไปเท่าไหร่ กลับมายังอยู่เท่านั้นแหละ แต่ของเทียน่ามีแอบลดลงไปนิด
นึงครับ ข้อสังเกตุนี้คงพอเห็นภาพว่า แคมรี่ถ้าขับในเมืองน่าจะประหยัดได้มากขึ้นอย่างที่พี่แกเค้าโม้ไว้น่ะแหละ
ครับ ส่วนเทียน่า ผมคิดแล้วแอบสยองนิดๆ ว่าถ้าผมเอามาขับในเมือง มันน่าจะเอาเรื่องเลยทีเดียว (ดีนะที่ตูจะ
ออกไปอยู่ ตจว.)
กลับมาที่ศูนย์ ผมก็ได้มีโอกาสเห็นอีกคันนึงที่เปลี่ยนระบบ DVD ใหม่ โดยศูนย์เค้านำเข้ามาเองครับ มีเนวิเกเตอร์
จอ กล้องถอย และ DVD player แบบครบครันเลยครับ ซึ่งเสียงดีขึ้นนิดๆ แต่ระบบการใช้งานยุ่งยากไปหน่อยนึง
ยังไงๆ เปลี่ยนลำโพงคงชัวร์ที่สุดแล้วครับ สำหรับเทียน่าใหม่ ถ้าไม่อยากหงุดหงิดกับเรื่องเสียงเพลง
กลับเข้ามาที่ศูนย์แล้วผมก็ได้คุยกับเซลส์เรื่องส่วนลดอะไรต่างๆนาๆ เบื้องต้นถือว่าได้ของแถมเยอะเหมือนกัน
ที่แน่ๆได้ประกันชั้น 1 + ฟิลม์ด้วย แค่นี้ก็โอเคสำหรับผมแล้ว อย่างน้อยๆลดไป สองสามหมื่นละ ถ้าจะจองจริงๆ
คงต่อรองอะไรเพิ่มได้อีกนิดหน่อย
ร่ายมายาวแล้ว ผมขอสรุปตรงนี้เลยละกันครับ
ผมชอบแคมรี่ :
1. เครื่องเงียบดี ขับแล้วรู้สึกดีกว่าที่คิด
2. ช่วงล่างนิ่มๆเนิบๆ น่าจะขับทางไกลสบายๆ
3. ผมสามารถเปลี่ยน front ที่ผมต้องการได้ เนื่องจากผมมีของเดิมที่ดีอยู่แล้ว
4. รูปทรง ผมว่ามันดูดีเหมือนกัน เมื่อดูไปดูมาๆบ่อยๆ เออมันก็สวยดีนะ
5. ราคาขายต่อ ที่ไม่น่าจะตกมาก
6. option ที่มากับรถ ผมว่ารวมๆแล้ว ดูดีกว่าเทียน่าหน่อยๆ
7. ผมชอบพวงมาลัย multi-function ของแคมรี่มากกว่าของเทียน่า การกดใช้งาน
ทำได้ง่ายกว่า มีปรับแอร์ที่พวงมาลัยได้เลยด้วย
8. อัตราการกินน้ำมันน่าจะดีกว่าเทียน่า
ผมเกลียดแคมรี่ :
1. เนื้อที่ด้านท้าย หายไปเยอะมากถึงมากที่สุด(สำหรับผม)
2. เบาะรองนั่งที่สั้นไปนิด (คราวนี้รู้สึกจริงๆละ)
3. การที่ผมไม่สามารถย้ายเครื่องเสียงจากคันเก่ามาติดคันนี้ได้ เพราะเนื้อที่ด้านหลัง
หายไปเยอะ ยิ่งถ้าติดเข้าไปอีก ไม่อยากจะคิดว่าจะหายไปอีกเท่าไหร่
4. เบรค ที่เหมือนจะเบรคไม่ค่อยจะอยู่เท่าไหร่ (คคห.ส่วนตัวนะครับ)
5. ค่าบำรุงรักษาต่างๆ ที่ไม่รู้ว่าจะแพงกว่ารถปรกติหรือไม่ และความไม่
แน่นอนของอายุแบตไฮบริด รวมไปถึงเรื่องแบต 12V ที่หาเปลี่ยนข้างนอก
ไม่ได้ด้วย6. ไอ้การที่ kick down แล้วมันไม่พุ่งเหมือนอย่างที่คิดเนี่ย คิดในแง่เวลา
เราจะเร่งแซงบนนถนนสองเลนตามตจว. โดยมีระยะลุ้นเล็กๆเนี่ย ผมว่า
อันตรายครับ
ผมชอบเทียน่า :
1. รูปลักษณ์ภายนอก สวยงามมาก และไม่โหลดี(ในตอนนี้)
2. เบาะนั่งที่นั่งแล้วสบายมากเลยทีเดียว
3. เ้ครื่องยนต์ วิ่งดีกว่า ถ้าเทียบกับอีกตัวเลือก (แหงล่ะ V6 2.5นิ)
4. เบรคให้ความรู้สึกว่าเอาอยู่
5. option ที่ได้ ก็ถือว่าไม่ขี้เหร่ แม้บางอย่าง คู่แข่งจะดีกว่า แต่ก็มีบางอย่างที่คู่แข่งไม่มี
6. ห้องโดยสารดูโปร่งสบายกว่า ทัศนวิัสัยก็ดูดีกว่า
7. พื้นที่ด้านท้ายที่มากกว่าคู่แข่งเห็นๆ
8. ผมสามารถย้่ายลำโพง แอมป์ และซับมาจากคันเก่าได้ โดยไม่ต้องขายทิ้ง
9. ของแถมดีกว่า 5555+ (แบบว่าโลภ)
ผมเกลียดเทียน่า
1. ลำโพงเดิมๆแย่มาก
2. สีภายในที่น่าจะสกปรกง่ายสุดๆ
3. ราคาตกแหลกราญแน่ๆ
4. พวงมาลัย multifunction ที่ดูกดยากๆหน่อยๆ อย่างน้อยๆผมก็ไม่ชินล่ะหนึ่งและ
ปรับยืดพวงมาลัยเข้าหาตัวไม่ได้
5. ความไม่มั่นใจในตัวแบรนด์และศูนย์บริการที่มี
6. front ที่ไม่สามารถเปลี่ยนได้เหมือนๆกันกับ accord แต่ก็ัยังดีที่พอทำให้มันดู
DVD ได้ เพียงแต่ไม่ได้ front ที่ผมต้องการเท่านั้นเอง และ front ที่ทางศูนย์จะติด
ตั้งให้ function เรื่องการปรับเสียงยังเหมือนๆกับของเดิมๆติดรถเลยครับ ไม่ละเอียด
เท่าไหร่ ไม่ค่อยยืดหยุ่นอย่างแรง
7. เรื่องของเกียร์ ถ้าเสียแล้วต้องเปลี่ยนทั้งลูกในราคาเท่าๆกับแบตไฮบริด
ขอบคุณที่ทนอ่านมาถึงตรงนี้ครับ ไหนๆก็ไปลองมา ก็เลยเอาประสบการ์ณมาแชร์
เฉยๆ อาจจะร่ายยาวไปหน่อยนะครับ นี่คือทั้งหมดเท่าๆที่นึกได้แล้วครับผม
ถึงนาทีนี้แล้ว ผมก็ยังปวดหัวอยู่เหมือนกัน รักพี่เสียดายน้องจริงๆ ต่างก็มีข้อดีข้อเสีย
กันคนละแบบ ยังคงตัดสินใจไม่ได้ต่อไปครับ 555+