ผมมองดูแล้วถ้าขับใช้งานในชีวิตประจำวันก็ไม่ได้ขี้เหล่อะไรนะครับ อัตราเร่งใช้งานได้ดีพอสมควร แล้ว Forester ตัวนี้ไม่ได้เป็นรถเรียกแขกสักเท่าใดครับ คือ ผมขับกลับบ้านตอนเวลาที่พวกผับเขาเลิกกัน ซึ่งจะมีรถแต่งมากมาย ถ้าขับ Legacy ส่วนใหญ่ก็จะกระบะดันแรงที่พร้อมตายได้ทุกเมื่อจี้ตูดประจำ แต่พอใช้คันนี้แล้วไม่เคยโดนเลยไล่จี้ครับ ผมจึงไม่รู้ว่าจะเอาแรงไปทำไม
ตอนนี้ผมคิดว่า ผมซื้อรถในราคาที่ค่อนข้างถูก ไม่ถึง 1.4 ล้าน เอาไว้ใช้งานได้สัก 5 ปี จะเอาเครื่องของ Forester XT ในญี่ปุ่น หรือไม่ก็ตระกูล WRX หรือ Levorg มาลงก็สบายมากอยู่แล้วครับ การซื้อตัว 2.0XT ที่ราคาที่ตั้งขายอยู่ปัจจุบัน ไม่คุ้มค่าด้วยประการทั้งปวง ยกเว้นว่าจะต่อราคาลงมาสักต่ำกว่า 1.99 ล้านได้ครับ (ผมเคยต่อราคาของตัว SG9 ได้ในราคานี้มาแล้ว)
สิ่งที่ขัดใจมากที่สุดคือ Subaru ไม่ยอมเอาแนวทางการวางก้านไฟเลี้ยว เอาไว้สักแนวทางนึงครับ คือ สมัยก่อนใช้ Imprezza GH, Forester SG9 ก็เอาไว้ด้านซ้ายแบบรถยุโรบ พอมาเป็น Legacy เอามาไว้ด้านขวา แล้วก็ Forester ตัวนี้เอามาไว้ด้านซ้าย คือ ขับรถหลายคันแล้วจะงงมาก เปิดไฟเลี้ยวเป็นปัดน้ำฝนเรื่อยเลยครับ
และอีกอย่างคือการประกอบค่อนข้างไม่เคยดีครับ พวกชิ้นส่วนตัวถังต่างๆ เห็นความไม่เรียบร้อยชัดเจน ตัวรถตัวนี้ผมซื้อโดนการโทรไปซื้อ ไม่ได้ไปดูรถจริงที่โชว์รูมเลย พวก Option ต่างๆ ก็ดูคร่าวๆ ตอนรับรถก็ให้รถสไลด์มาส่งที่จันทบุรี พอมาเช็คคร่าวๆ เห็นการประกอบคือเพลียครับ แต่ก็เข้าใจครับ ราคาจ่ายแค่นี้จะเอาอะไรมากมาย
ถูกต้องทุกอย่างเลยครับ ผมว่างานประกอบกับงานพลาสติก แย่กว่า CRV, CX-5, หรือแม้แต่ MG GS
Forester ประกอบมาเลย์ตัวนี้ พลาสติกบางและก๊องแก๊งมาก เก็บรอยเล็บข่วนเบาๆได้ง่าย
ผมได้มีโอกาสเห็นช่างรื้อประกับพลาสติก แผงประตูต่างๆ ติดพวก auto speed lock + พับกระจก auto + เซ็นเซอร์ถอย
อยากจะบอกว่างานประกอบแย่มากๆ วัสดุซับเสียงหลังชิ้นส่วนพลาสติกต่างๆหลายชิ้นที่เห็นนั้นแย่มากๆ ไม่ได้ยึดไว้แม้กระทั่งกาว
ขนาดบางเบา แผงประตูวัสดุด้านในที่ใช้ กันน้ำและเสียงด้วยพลาสติกเกรดถุงก็อบแก๊บยึดกาวลวกๆ บางจุดกาวไม่ยึดไว้ด้วย เพราะประกอบแผงประตูลวกๆ จนแผงพลาสติกที่ว่ายับไม่ลงรอยที่ควรจะเป็น
ตอนติดพวก autolock กับเซ็นเซอร์ถอย ต้องเดินสาย ถอดประกับพลาสติกตรงด่านล่างประตูคนขับ ถอดไปมาสองสามรอบจิ๊กยึดล้าแทบหักแล้ว
ตรงจุดนี้คนละเรื่องกับ SUV ค่ายอื่นที่ทำมาดูมั่นคงกว่ามาก (เดินห้างเล่นดู SUV ตัวอื่นเช่น CRV, MG GS, FTN, CX-5 หลังรับ Forester มาแล้ว)
ผมมองแล้วไม่คุมค่าตัวล้านสี่เลย แต่ซื้อมาแล้วก็เทรด ออฟกับการขับขี่ที่เชื่อถือได้เท่านั้น
คงเอามาขับเล่นสัก 5 ปีแล้วไม่โมเล่นๆแบบไม่กลัวเสียรถก็ขายทิ้งล่ะครับ
อ้อก้านไฟเลี้ยว ไม่เป็นแนวทางเดียวกันก็ปวดจิต XV ขวา มา FRT ดันมาซ้ายปวดตับ เข้าศูนย์เห็นรอยที่ปัดน้ำฝนที่ช่างเปิดผิดตลอด
ทั้งหมดเป็น คหสต. จากที่ได้สัมผัสเทียบกับรถคันอื่นๆมา
แก้ไข : แถมอีกนิด Front ตัวนี้เป็นตัวลดต้นทุน OEM Kenwood ที่ไม่ใช่ตัวเดียวกับ XT ที่สวยและใช้งานง่ายและคุณภาพดีกว่ากันมาก
ผมรับรถมาหลายคัน X1 X3 Prius Mazda 3 ไม่เคยเทสระบบไมค์สนทนา TEL Bluetooth รับ FRT ตัวนี้มาก็ไม่ได้เทส
ปรากฎว่าพอจะใช้งาน เชื่อมต่อแล้วโทรหาปลายทาง ผมได้ยินเสียงปลายทางผ่านลำโพงในรถชัดเจน แต่ปลายทางไม่ได้ยินเสียงผม
เลยต้องวิ่งเข้าศูนย์ หลังจากออกรถมาได้แค่ 3 วัน ช่างเช็คแล้วโดยการเอาไมค์คันอื่นมาต่อลอง ปรากฎว่าไมค์เสีย
ต้องรอเคลมของจากญี่ปุ่น 2 เดือน เซ็งจริงๆ เพราะผมใช้ BT handfree ในรถคุยธุระตลอด
ของอบ่างอื่นสมัยนี้ยังมีประกัน 7 วัน รถคันละล้านสี่ ไมค์เสียตังแต่วันรับรถ ต้องรอเคลมของสองเดือน