ผู้เขียน หัวข้อ: ขับหน้า VS ขับหลัง และ Torque VS Hp  (อ่าน 10220 ครั้ง)

ออฟไลน์ dung

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 60
    • อีเมล์
ขับหน้า VS ขับหลัง และ Torque VS Hp
« เมื่อ: กรกฎาคม 27, 2012, 19:48:05 »
ขอถามท่านสมาชิก2คำถามนะครับ
ขับหน้า VS ขับหลัง มีข้อดีข้อเสียอย่างไรบ้างครับ ผมทราบแค่ว่าขับหน้าลดต้นทุนการผลิต แต่ไม่ทราบว่าจริงๆแล้วperformanceในการขับขี่ต่างกันอย่างไรบ้าง :-X
Torque VS Hp อันไหนสำคัญกว่ากันครับ ถ้าจะต้องเอามาพิจารณาเลือกซื้อรถ เช่นรถคันนึงtorque300 Hp200 กะอีกคัน torque400 แต่ Hpแค่163 คันไหนน่าซื้อกว่ากัน  ::) ทำไมVolvo S80ปี2007-2009ถึงเป็นเครื่องD5 แต่ตัวใหม่ปี2012กลับเอาเข้ามาแค่ตัวD3ซึ่งperformanceสู้ไม่ได้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 27, 2012, 20:08:44 โดย dung »

ออฟไลน์ NarinrachMaisok

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,622
  • Das Auto
Re: ขับหน้า VS ขับหลัง
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: กรกฎาคม 27, 2012, 19:51:40 »
ตั้งกะทู้เดียวแล้วรวมกันเอาก็พอครับ ไม่ต้องตั้งแยกแบบนี้ แค่เจอ jazz hybird แค่นี้ก็จะแย่อยู่ละ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าบางข้อมูลพอหาได้อยู่ก็ไม่หา (สำหรับjazz hybrid นะ)

ออฟไลน์ kimmeng21

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,207
    • อีเมล์
Re: ขับหน้า VS ขับหลัง
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: กรกฎาคม 27, 2012, 19:53:06 »
ขับหน้าจิกโค้งได้ดีกว่า

ขับหลังดริฟได้
"โอกาส มันก็เหมือนสายน้ำ ที่ไหลผ่านมา แล้วก็ผ่านไป ถ้าคุณไม่ตักตวงมันไว้ สายน้ำมันก็จะไม่ไหลย้อนกลับ"

ออฟไลน์ NineKlao

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,907
  • ชีวิตไม่ได้เป็นดังที่คิด ก็มันคือชีวิตนี่
Re: ขับหน้า VS ขับหลัง
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: กรกฎาคม 27, 2012, 19:53:57 »
2 กระทู้ติดเลยหรือครับ  :-[

gunz13096

  • บุคคลทั่วไป
Re: ขับหน้า VS ขับหลัง
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: กรกฎาคม 27, 2012, 20:00:34 »
อย่าปั๊มกระทู้สิครับ ตั้งกระทู้เดียวแต่หลายคำถาม เดี๋ยวก็มีคนตอบ

ออฟไลน์ dung

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 60
    • อีเมล์
Re: ขับหน้า VS ขับหลัง
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: กรกฎาคม 27, 2012, 20:05:36 »
อย่าปั๊มกระทู้สิครับ ตั้งกระทู้เดียวแต่หลายคำถาม เดี๋ยวก็มีคนตอบ

รับทราบครับ รวมแล้วครับ

ออฟไลน์ banch

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,214
Re: ขับหน้า VS ขับหลัง และ Torque VS Hp
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: กรกฎาคม 27, 2012, 20:16:55 »
แรงม้าแรงบิด

อ่านบทความนี้ครับ ผมว่าเป็นบทควาที่เขียนมแรงม้าแรงบิดที่ดีมากบทความนึงเลย

สามารถอธิบายให้เข้าใจได้ง่ายและมีการยกตัวอย่างประกอบด้วย

เสียดายที่ผมไม่รู้ว่าใครเป็นเจ้าของบทความ เลยให้เครดิตไม่ถูก เอาเป็นว่าให้เครดิตเจ้าของบทความด้วยนะครับ


แรงบิดคือ แรงบิดตัวของแกนหมุนใดๆ มีหน่วยวัดได้หลายแบบ แต่ที่นิยมก็มี 3 แบบ คือ

ฟุต-ปอนด์ : โดยตัวเลขที่บอกจะเป็นความยาวของรัศมีการหมุน ที่มีแรงผลัก 1 ปอนด์
นิวตัน-เมตร : โดยตัวเลขที่บอกจะเป็นแรงผลักในหน่วย นิวตัน ที่รัศมีการหมุน 1 เมตร
กิโลกรัม-เมตร : โดยตัวเลขที่บอกจะเป็นแรงผลักในหน่วย กิโลกรัม ที่รัศมีการหมุน 1 เมตร


แรงม้าคืออะไร

แรงม้าคือ หน่วยวัด “พลัง” ของเครื่องยนต์ที่ได้จากการทำงานของ “แรงบิด” ที่ความเร็วรอบใดๆ ต่อหน่วยเวลา
มีรากเง้าการคำนวณมาจากสูตร “งาน” (จูล) = “แรง” คูณด้วย “ระยะทาง” >>> W = F x S
และ “พลังงาน” P คือ “งานต่อหน่วยเวลา” มีชื่อว่าเรียกว่า วัตต์ (Watt) หรือ จูลต่อวินาที >>> P = W/วินาที
หรือเท่ากับ “’งาน” คูณด้วย “ความเร็วเมตรต่อวินาที" >>> P = W x v
โดยที่ ………. 1 แรงม้า = 746 วัตต์


ความสัมพันธ์ระหว่าง แรงม้า กะ แรงบิด
เราสามารถคำนวณหา “แรงม้า” จาก “แรงบิด” หรือ คำนวณ “แรงบิด” จาก “แรงม้า” ได้เสมอ ถ้าเรารู้ค่าของตัวใดตัวหนึ่ง ที่ความเร็วรอบเครื่องขณะใดขณะหนึ่ง


ด้วยสูตรการคำนวณค่าแรงม้าที่ให้มาข้างต้น เราสามารถสร้างสูตรสำเร็จในการคำนวณหาความสัมพันธ์ระหว่าง แรงม้า และ แรงบิด ได้ดังนี้ (ค่าแรงบิดที่ใช้สูตรการคำนวณมีหน่วยเป็น… กิโลกรัม-เมตร.)


คำนวณ แรงม้า จาก แรงบิด : แรงม้า = รอบต่อนาที X แรงบิด X 0.001376 โดยแรงบิดมีหน่วยเป็น กิโลกรัม-เมตร
คำนวณ แรงบิด จาก แรงม้า : แรงบิด = แรงม้า / (รอบต่อนาที X 0.001376)โดยแรงบิดมีหน่วยเป็น กิโลกรัม-เมตร

ดังนั้น จากข้อมูลของเครื่องยนต์ที่เรามักจะเห็นจากสเป็คในโบชัวร์โฆษณารถ เราก็จะสามารถคำนวณต่อได้ว่า
ที่แรงบิดสูงสุดนั้น มีกี่แรงม้า หรือ ที่แรงม้าสูงสุดนั้น มีแรงบิดเท่าไหร่
ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้เราสามารถคำนวณหาค่าอัตราทดเกียร์ เฟืองท้าย และ ขนาดล้อ ที่เหมาะสม เพื่อให้ได้รถที่มีสมรรถนะตามต้องการ ทั้ง อัตราเร่ง และ ความเร็วสูงสุด
ทั้งนี้เราจะต้องรู้น้ำหนักรถ และ ค่าอากาศพลศาสตร์ ของรถด้วยนะครับ


ตัวอย่างการคำนวณ


ตัวอย่างที่ 1
เครื่องยนต์ A มีแรงบิดสูงสุด 20.0 กิโลกรัม-เมตร ที่ 3,600 รอบต่อนาที มีแรงม้าสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที
คำนวณหา แรงม้า ที่แรงบิดสูงสุด ได้จาก : 3,600 X 20.0 X 0.001376 = 99.072 แรงม้า ที่ 3,600 รอบต่อนาที
คำนวณหา แรงบิด ที่แรงม้าสูงสุด ได้จาก : 150 / (6,000 X 0.001376) = 18.168 กิโลกรัม-เมตร ที่ 6,000 รอบต่อนาที


ตัวอย่างที่ 2
เครื่องยนต์ B มีแรงบิดสูงสุด 20.0 กิโลกรัม-เมตร ที่ 4,500 รอบต่อนาที มีแรงม้าสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 6,500 รอบต่อนาที
คำนวณหา แรงม้า ที่แรงบิดสูงสุด ได้จาก : 4,500 X 20.0 X 0.001376 = 123.84 แรงม้า ที่ 4,500 รอบต่อนาที
คำนวณหา แรงบิด ที่แรงม้าสูงสุด ได้จาก : 150 / (6,500 X 0.001376) = 16.771 กิโลกรัม-เมตร ที่ 6,500 รอบต่อนาที


จากตัวอย่างการคำนวณของ เครื่องยนต์ A และ B เราจะเห็นได้ว่า แม้ทั้งคู่จะมี “แรงบิด” และ “แรงม้า” สูงสุด เท่ากัน
แต่เครื่องยนต์ A จะได้อัตราเร่งที่ดีกว่าทั้งต้นและปลาย ที่อัตราทดของระบบการส่งกำลังเดียวกัน และ
ถ้าจะให้เครื่องยนต์ B มีสมรรถนะเท่ากับเครื่อง A บนตัวถังเดียวกัน อาจจำเป็นต้องใช้ชุดเกียร์ที่มีอัตราทดชิดกันมากกว่า และอาจต้องมีจำนวนเกียร์มากกว่าด้วย
นอกจากนี้ เครื่องยนต์ A ก็มีโอกาสประหยัดน้ำมันกว่า ถ้ามีความจุของเครื่องยนต์เท่าๆ กัน
เพราะว่า เครื่องยนต์ A ดูจะมีประสิทธิภาพมากกว่าเครื่องยนต์ B จากลักษณะ แรงบิด และ แรงม้า ที่เครื่อง A ได้มาอยู่ในรอบเครื่องยนต์ที่ต่ำกว่า
ทั้งนี้ก็ไม่เสมอไปนะครับ แต่มีโอกาสเป็นไปตามนี้สูงมาก


การทดเกียร์ในรถยนต์ทำเพื่ออะไร
การทดเกียร์มีจุดประสงค์ 2 ประการคือ

หนึ่ง เพื่อให้สามารถควบคุมความเร็วรถได้อย่างเหมะสมตามรอบเครื่องยนต์
สอง เพื่อให้สามารถสร้างอัตตราเร่งของรถได้ด้วยการทำให้แรงบิดของเพลาขับสูงกว่าแรงที่รถต้องการในแต่ละช่วงความเร็ว


ประการที่หนึ่ง นั้นคงไม่ต้องอธิบายมาก แต่อยากจะบอกให้หายสงสัยว่า ทำไมรถที่เครื่องแรงมากๆๆๆๆๆ เช่น รถสปอร์ต 300-500 แรงม้า ยังคงต้องมีเกียร์ หนึ่ง ที่มีอัตราทดพอๆ กับรถจ่ายตลาดที่มีแรงม้าแค่ปริ่มๆ 100 แรงม้า
ถามว่ารถที่แรงมากๆ ออกเกียร์ สอง ได้มั๊ย ก็ตอบว่า อาจได้ครับ แต่ไม่เห็นมีประโยชน์อะไร รถยนต์ต้องออกตัวจากจุดหยุดนิ่ง เสมอไม่ว่าจะเป็นคันไหน
และถ้าไม่มีครัช เครื่องยนต์ก็ต้องเริ่มหมุนจาก 0 รอบต่อนาทีเหมือนกัน และไม่ว่าเครื่องจะมีแรงเท่าไหร่ ถ้าเครื่องหมุน 0 รอบต่อนาที ก็มีแรงเท่ากับ 0 เหมือนกันทุกเครื่องยนต์
ดังนั้น คุณต้องการเกียร์ หนึ่ง ที่มีอัตราทดมาก ไม่ได้ไว้เพื่อให้มีแรงอย่างเดียว แต่เพื่อความเหมาะสมต่อการเลี้ยงรอบเครื่องในการออกตัว
ส่วนการทดในเกียร์ต่อๆ ไปก็เพื่อให้เครื่องได้ทำงานในรอบเครื่องยนต์ที่ให้การตอบสนองเหมาะสมต่อการใช้งานที่ดีที่สุดนั่นเอง


ประการที่สอง อันนี้สำคัญ เพราะว่าการที่รถจะมีความเร็วคงที่อยู่ได้ หรือสามารถเร่งความเร็วเพิ่มขึ้นได้นั้น แรงบิดที่เพลาขับต้องมีเหลือมากกว่าแรงที่รถต้องการ
ยิ่งความแตกต่างของแรงบิดที่เพลาขับมากกว่าแรงบิดที่รถต้องการมากเท่าใด รถก็จะยิ่งมีอัตราเร่งสูงขึ้นเท่านั้น
แต่แรงที่รถต้องการเมื่อความเร็วสูงขึ้นเรื่อยๆ คือแรงต้านของอากาศที่มีสมการอยู่ในรูปของ ความเร็วยกกำลังสอง
ทำให้แรงต้านนี้จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วกว่าการเพิ่มของความเร็วของรถ
และบังเอิญว่า แรงบิด ของรถก็มักจะลดลงเมื่อรอบเครื่องยนต์พ้นรอบแรงบิดสูงสุดไป
การทดเกียร์ จึงเป็นการเพิ่มแรงบิดของเพลาขับให้มากกว่าแรงที่รถต้องการตลอดช่วงการไต่หาความเร็วสูงสุด


การทดเกียร์นี้จะเพิ่มเฉพาะ แรงบิด โดยที่ แรงม้า จะยังคงเท่าเดิมเสมอ
ตัวอย่างการทดเกียร์ที่อัตรา 2 : 1 ของเครื่องยนต์ A ในตัวอย่างที่ 1 เมื่อเครื่องยนต์หมุนที่ 3,600 รอบต่อนาที เพลาจะหมุน 1,800 รอบต่อนาที
แต่เพลาจะมีแรงบิดเป็น 40.0 กิโลกรัม-เมตร และเมื่อคำนวณแรงม้าของแรงบิด 40.0 กิโลกรัม-เมตร ที่ 1,800 รอบต่อนาที ก็จะได้ 99.072 แรงม้าเท่าเดิม
ถ้าเราไม่ทดเกียร์เลย ปล่อยให้เพลาขับหมุนเท่าข้อเหวี่ยง เมื่อเพลาขับหมุน 1,800 รอบต่อนาที ก็จะมีแรงบิดน้อยกว่า 20 กิโลกรัม-เมตร เสียอีก
ซึ่งถ้าสมมุตว่า ความเร็วรถขณะที่เพลาหมุน 1,800 รอบนั้นต้องการ แรงบิด 20 กิโลกรัมเมตร รถคันนี้ก็จะไม่สามารถเร่งให้เร็วขึ้นได้ และจะลดความเร็วลงด้วย


ออฟไลน์ prai

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,154
Re: ขับหน้า VS ขับหลัง และ Torque VS Hp
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: กรกฎาคม 27, 2012, 20:20:56 »
เรื่อง FWD RWD AWD กระทู้เก่าๆ มีคนตอบดีๆ ไว้มากครับ ลองค้นหาดู แรงบิด/แรงม้า ก็เช่นกัน
ส่วน Volvo D5 และ D3 ส่วนตัวคิดว่าอัตราเร่งไม่ต่างกันมากนะ แต่ที่ต่าง ความประหยัดน้ำมันของ D3 ครับ ชัดเจนมาก

ออฟไลน์ BestHuafoo

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,120
  • เอี๊ยดแอ๊ด
Re: ขับหน้า VS ขับหลัง และ Torque VS Hp
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: กรกฎาคม 27, 2012, 21:29:30 »

เอาสั้นๆ พอ

ขับหน้า
ดี - ลดต้นทุน บริหารพื้นที่ได้เยอะ ภายในกว้าง ประหยัดน้ำมัน
เสีย - หน้าดื้อ ชิ้นส่วนกระจุกอยู่ที่เพลาขับ เปาะบางกว่าเมื่อได้เจอสภาพถนนแย่ๆ

ขับหลัง
ดี - รถไปตามโค้ง ชิ้นส่วนหน้าหลังแยกส่วนชัดเจน การเวทน้ำหนักค่อนข้างสมดุล ทนทาน
เสีย - ต้นทุนสูง สูญเสียกำลังในการขับเคลื่อน บริหารพื้นที่ภายในได้ไม่มาก ท้ายปัดได้หากพลาด

ออฟไลน์ Headman

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,152
Re: ขับหน้า VS ขับหลัง และ Torque VS Hp
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: กรกฎาคม 27, 2012, 21:43:40 »
ขับหน้า รักษาง่ายกว่าครับ เพราะทุกอย่างอยู่ข้างหน้าหมดเลย
เปิดทีเดียว จัดการได้หมด แต่ถ้า ขับหลัง ดูแลยากครับ เพราะมันแยกกันอยู่ ครับ

เพราะฉนั้น ในเรื่องการดูแล ผมมีความเห็นว่า ถ้า วางหลัง ขับหลัง น่าจะเป็นอะไรที่ได้ทั้งกำลัง และ การดูแลรักษาที่ง่ายนะครับ
เช่น รถเต๋า เป็นต้น วางหลัง ขับหลัง แอร์คูล ใช้อย่างเดียวครับ  ;D
เรารักจ่าโท :))))

ออฟไลน์ RERFz

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 569
    • อีเมล์
Re: ขับหน้า VS ขับหลัง และ Torque VS Hp
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: กรกฎาคม 27, 2012, 22:37:02 »
ข้อเสียของรถขับหลัง ที่ทำให้ไม่เป็นที่นิยมก็คือ

..... หัวคนนั่งหน้ามันจะบังครับ ขับลำบากแย่ ....

 :P :P :P :P :P :P :P :P :P :P

ออฟไลน์ mini_freak

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 337
  • ไอ้บ้ารถ mini / AWD หัวรุนแรง / Save the MT
    • อีเมล์
Re: ขับหน้า VS ขับหลัง และ Torque VS Hp
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: กรกฎาคม 28, 2012, 01:53:51 »
ผมขอตอบตามความเข้าใจ (ที่ได้โยนรถเล่นอย่างสนุกสนานมาตั้งแต่เด็กนะฮะ)

ขับหน้า - ขับง่าย แต่เชี่ยวชาญกับมันได้ยากมากเพราะเข้าโค้งสะดวกก็จริง ผมไม่เรียกว่าเข้าโค้งง่ายนะ แต่เพราะว่าเวลาส่งคันเร่งมากๆ มันไม่หมุน แต่มันจะดื้อ ภาระตกอยู่ที่ยางคู่หน้ามากกว่าปกติเวลาเข้าโค้ง
ขับหลัง - ขับสนุก แต่ควบคุมยากถ้ายังไม่ชินอาการรถ ไม่เหมาะกับมือใหม่และใจยังหวาดกลัวถ้ารถหมุน
ขับสี่ - ผมไม่ขอเอ่ย เพราะไม่เคยขับรถขับสี่แบบ AWD ครับ ถ้า 4WD ก็อีกเรื่อง (เพราะมีแต่พวกอีโว ไม่ก็ซูบารุที่จะหามาขับได้) อย่างมากผมแค่เคยนั่ง

ส่วนตัว ชอบรถแรงบิดมากกว่าครับ ไอ้แรงบิดเนี่ยล่ะที่ทำให้รถไปข้างหน้า
เสพติด AWD แถมโดน BC5 ของใครบางคนแถวนี้ยั่วกิเลส.... ยั่วซะต้องสอยมาสักคัน
Twitter @z2bbgr

ออฟไลน์ Rock N' Rolla

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 309
Re: ขับหน้า VS ขับหลัง และ Torque VS Hp
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: กรกฎาคม 28, 2012, 02:48:39 »
ขับปกติ ผมชอบขับ หน้า

ขับแรงๆอารมณ์มันๆ ผมชอบ ขับหลัง  (แต่เอาเข้าจริงๆ เข้าโค้ง เสียวตูดปัด มากๆ)

ออฟไลน์ Eddy5659

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,619
Re: ขับหน้า VS ขับหลัง และ Torque VS Hp
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: กรกฎาคม 28, 2012, 02:51:22 »
ข้อเสียของรถขับหลัง ที่ทำให้ไม่เป็นที่นิยมก็คือ

..... หัวคนนั่งหน้ามันจะบังครับ ขับลำบากแย่ ....

 :P :P :P :P :P :P :P :P :P :P

5555+ นึกตามผมก็อดขำไม่ได้
2007 Toyota Vios
2009 Toyota Hilux Vigo
2010 Toyota Camry
2011 Ford Ranger
2011 Isuzu Dmax
2011 Toyota Hilux Vigo
2015 Ford Ranger
2015 Ford Everest 2.2 Titanium
2015 Ford Everest 3.2 Titanium+
2016 Toyota Hilux Revo 2.4 J m/t (5 คันจะที่รัก)
2017 BMW 320d iconic

ออฟไลน์ redsun

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,102
Re: ขับหน้า VS ขับหลัง และ Torque VS Hp
« ตอบกลับ #14 เมื่อ: กรกฎาคม 28, 2012, 11:42:47 »
แรงม้า แรงบิด :
ความแตกต่างระหว่างแรงม้าและแรงบิดที่ เจ้าของกระทู้ยกตัวอย่าง
น่าจะเป็นรถที่ใช้งานคนละประเภทกันซะมากกว่าครับ

รถบางคันต้องการแรงพอตัว แต่ต้องการความเร็วที่มากกว่า
รถบางคันต้องการแรงที่เกินตัว แต่เร็วพอประมาณ
(เหมือนเอาม้าไปลากซุง แต่เอาช้างมาวิ่งแข่งมันก็แปลกๆอยู่นะครับ)

แรงม้า แรงบิดก็ เป็น "สมมติฐานเบื้องต้น" เท่านั้นครับ
(ไม่งั้นใครแรงม้า แรงบิดมากกว่าก็ขับดีกว่าหมดซิ (ไม่ใช่แล้ว555))
จะรู้ว่ารถดี หรือไม่ดีมันก็เป็นอีกเรื่องนะครับ 555
แถมที่ว่าดีน่ะดีสำหรับ "เส้นทางไหน" "ความเร็วเท่าไร" อีกต่างหากน่ะ


เรื่องขับหน้า ขับหลัง:
ความเข้าใจของผม มันประมาณนี้ นะครับ

รถขับหน้า
ธรรมชาิติของมันก็คือ หน้าแถ
เนื่องมาจากขาด TRACTION ที่ล้อหน้า(มากกว่าล้อหลัง)

รถขับหลัง
ธรรมชาติของมันก็คือ หลังแถ
เนื่องมาจากขาด TRACTION ที่ล้อหลัง(มากกว่าล้อหน้า)

กรณีีรถแรงม้าไม่มากมาย เช่นไม่เกิน 200 ม้า
- ขับหน้าแค่ถอนคันเร่งสักพักก็ได้ TRACTION คืนมาและก็บังคับต่อได้ทันที(ด้วยล้อหน้า)

- ขับหลัง(อันนี้แล้วแต่รถแต่ละคัน พื้นฐานต่างกัน) ถอนคันเร่งสักพักก็ได้ TRACTION คืนเช่นกัน
   แถมล้อด้านหน้ายังพอมี TRACTION อยู่ (เนื่องจากไม่ได้เป็นล้อขับเคลื่อน)
   แต่การบังคับเลี้ยว กับการส่งกำลังมันแยกออกจากกัน
   อันนี้ก็ต้องใช้ฝีมือของแต่ละคนในการผสานกันให้ลงตัว


กรณีรถแรงม้าสูงๆ
- ขับหน้าถอนคันเร่ง TRACTION ก็ไม่ได้กลับคืนมาง่ายๆ ต้องลดแรงบิดให้เหลือน้อยลงอีก
  ถ้ามากไป หรือรวดเร็วไป +ทิศทางไม่เหมาะสมอาจเกิดการรถลอย และหมุนในที่สุด
  ถ้าน้อยไป TRACTION ก็ยังไม่เกิด จึงทำให้รถยังออกอาการแถหน้าอยู่

- ขับหลังอันนี้แล้วแต่รถแต่ละคัน พื้นฐานต่างกัน (เหมือนเดิม)
  แต่การถอนคันเร่งเพื่อให้ได้ TRACTION คืนไม่ง่ายเหมือนเก่า
  แต่ล้อหน้ายังพอมี TRACTION อยู่ เนื่องจากไม่ได้เป็นล้อขับเคลื่อน(เหมือนเดิม)
  แต่การบังคับเลี้ยว กับการส่งกำลังมันแยกออกจากกัน(เหมือนเดิม)
  อันนี้ก็ต้องใช้ฝีมือของแต่ละคนในการผสานกันให้ลงตัว " มากกกกก เป็นพิเศษ!!!!! "

  ผมเข้าใจว่า :
  ตรงนี้เองที่ทำให้รถขับหลังสามารถทำให้มีกำลังได้มากกว่าขับหน้า แล้ววววยังพอสนุกอยู่
  พอมีเทคโนโลยีใหม่ๆ ก็ใส่เข้าไปเพื่อให้แรงม้าสูงๆ ผสมผสานกัับการขับเคลื่อน และบังคับทิศทางได้ลงตัวมากยิ่งขึ้น
  พูดง่ายๆก็คือ ทำออกมาได้แรงขึ้น และ มนุษย์ปุถุชน คนธรรมดา ยังขับได้อยู่อย่างสนุกสนาน สุนทรีย์  ;)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 28, 2012, 12:14:01 โดย redsun »

ออฟไลน์ 2k

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,755
Re: ขับหน้า VS ขับหลัง และ Torque VS Hp
« ตอบกลับ #15 เมื่อ: กรกฎาคม 28, 2012, 16:19:00 »
ถนนในประเทศไทยรถที่มีแรงบิดเยอะกว่าจะเหมาะสมกว่าครับ การจราจรที่รถคันอื่นเยอะแยะ สภาพถนนที่ไม่สามารถทำความเร็วสูงได้ รถที่มีแรงบิดมากกว่าจะเร่งแซงจะทำความเร็วก็ง่ายกว่ารถที่แรงม้าสูงกว่าแต่มาในรอบสูงกว่าอีก กว่าจะถึงรอบที่แรงม้ามามากกว่า รถที่แรงบิดมากกว่าไปไหนถึงไหนแล้ว  :P
หมาเฝ้าบ้านแจกฟรีจ้า www.dogfindhome.com


ออฟไลน์ NarinrachMaisok

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,622
  • Das Auto
Re: ขับหน้า VS ขับหลัง และ Torque VS Hp
« ตอบกลับ #16 เมื่อ: กรกฎาคม 28, 2012, 19:06:13 »
มันแล้วแต่การเซตช่วงล่างมาด้วยนะครับ ขับหลังยุโรปหลายๆรุ่นยังเห็นวิ่งฉิวๆไม่หมุนเลยก็มีที่เห็นหมุนๆนี่ก็กะบะขับหลังทั้งนั้น

ออฟไลน์ penalty

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 272
  • Ingenieur
Re: ขับหน้า VS ขับหลัง และ Torque VS Hp
« ตอบกลับ #17 เมื่อ: กรกฎาคม 28, 2012, 20:49:01 »
If God did not build it, an Engineer did.

ออฟไลน์ 6162002

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,089
Re: ขับหน้า VS ขับหลัง และ Torque VS Hp
« ตอบกลับ #18 เมื่อ: กรกฎาคม 28, 2012, 20:55:52 »
ของคุณ redsun อ่านเข้าใจง่ายมากเลยครับ ขอบคุณครับ ^^"