สมรรถนะที่ได้จากเครื่องนี้ถือว่าโอเค ไม่ถือว่าอืดเลย แต่ก็ไม่ได้แรงสะใจวัยทีน(หนัก)
เครื่องยนต์ตามสไตล์ฮอนด้า ลากรอบสูงๆ ได้ลื่นและสนุก เสียงเครื่องไม่ดังมาก แต่คุณภาพเสียงงั้นๆ ไม่ค่อยเพราะเหมือน K20 รุ่นแรกๆ ใน CR-V G2
อัตราเร่งจากรีวิวพี่จิมมี่เกาะกลุ่มกับรถเก๋ง D-segment เครื่อง 2.0 ลิตร ซึ่งจากที่ได้ขับมาก็ตรงตามนั้น เพราะอัตราเร่งที่สัมผัสได้ก็พอๆ กับ Teana J32 เครื่อง 2.0 จริงๆ จะมีบางช่วงเช่นรอบปลายๆ ของแต่ละเกียร์ที่รู้สึกว่า CR-V ไวกว่า ก่อนที่จะอัตราเร่งจะแผ่วลงเมื่อขึ้นเกียร์ใหม่ ขณะที่ Teana จะเร่งต่้อเนื่องไปเรื่อยๆ เพราะใช้เกียร์ CVT
รุ่น 2.4 2WD จะได้เกียร์ออโต้ 5 สปีดที่อัตราทดยาวมาก ยาวที่สุดในบรรดา CR-V ทั้ง 4 รุ่นย่อย
ผลที่ได้คือจะมีบางช่วงที่ไม่มีเกียร์ที่เหมาะสมจะลง ทำให้อัตราเร่งในช่วงนั้นจะอืด เช่นการเร่งเหยียบมิดจากความเร็ว 60
ถ้าได้เกียร์เพิ่มแทรกลงไประหว่างเกียร์ 2 กับ 3 และ 3 กับ 4 ก็จะดีขึ้น
แต่ข้อดีของความยาววววววของอัตราทดนั้นก็คือ รอบเครื่องที่ความเร็วเดินทางต่ำมาก
ผลที่ตามมาคืออัตราสิ้นเปลืองค่อนข้างหรูหรายามเดินทางไกล
รอบเครื่องที่ความเร็วต่างๆ (เกียร์ 5) นะครับ
80 km/h 1,500 รอบ/นาที
100 km/h 1,800 รอบ/นาที
120 km/h 2,100 รอบ/นาที
140 km/h 2,500 รอบ/นาที
มาพูดถึง Paddle Shift ดีกว่า เป็นลูกเล่นที่ผมชอบมากและมีประโยชน์มาก ทำงานได้ทั้งในเกียร์ D และเกียร์ S
ถ้าอยู่เกียร์ D พอกด + หรือ จะเข้าโหมด Manual ชั่วคราว สามารถใช้เวลาต้องการเร่งแซงโดยไม่อยากคิกดาวน์ตบแป้น ลดลงมา 1 เกียร์ แล้วกดคันเร่งเพิ่มนิดหน่อย พอแซงเสร็จแล้วกลับมาขับความเร็วคงที่ มันจะกลับไปเป็น Auto ให้เอง
หรือจะใช้สร้าง Engine brake เวลาลงเนินหรือลงเขาก็ได้ พอลงถึงพื้นราบแล้วระบบมันก็จะกลับไปเป็น Auto เหมือนเดิมให้เองเช่นกัน
ถ้าอยู่ในเกียร์ S แล้วกด + หรือ จะเข้าโหมด Manual เต็มรูปแบบ คือคนขับต้องเปลี่ยนเกียร์เองทั้งหมด เกียร์จะไม่คิกดาวน์ให้แม้ว่าจะเหยียบคันเร่งจนมิดที่เกียร์สูง และจะไม่เปลี่ยนขึ้นให้แม้ว่าจะลากถึงเรดไลน์ แต่จะเปลี่ยนลงให้เมื่อความเร็วรอบต่ำเกินไป สามารถบังคับออกตัวเกียร์ 2 ได้โดยใช้โหมดนี้
โหมดนี้เหมาะสำหรับขับเอามันส์หรือใช้เวลาขึ้น-ลงเขาอย่างต่อเนื่อง เพราะสามารถสั่งได้ดั่งใจจริงๆ