ดีเซล Premium ไม่ต้องอุดหนุนก็ได้มั๊งครับ
ไปจัดการดีเซลธรรมดาอย่างเดียวดีกว่า รถขนส่ง รถเพื่อการพาณิชย์คงไม่เติม Premium
ดีเซลพรีเมี่ยม Base น้ำมันคือตัวเดียวไงครับ ส่วนฟรีเมี่ยมแค่ใส่ส่วนผสมพิเศษออกไปตามแค่ละค่าย ราคาก้แล้วแต่ผู้ขายอยู่แล้ว คุมราคาไม่ได้
แต่รัฐทำได้การปรับราคา Base คือจากต้นทางโรงกลั่น ตัวพรีเมี่ยม ก็ได้ Base ราคาเดียวกัน
จริงๆ ในเมื่อมันมี B10 อยู่แล้ว เห็นด้วยครับ แล้วจะไปอุดหนุน B7 premium ทำไม ส่วน B7 ธรรมดา ก็คงต้องรับสภาพ หาทางปรับปรุงรถไปครับ
อย่าง E20 นี่ เดียวนี้รถเก่าๆ หลายรุ่นก็ทำรถกันจนใช้ได้ดีไม่ต่างกันเลยครับ
เป็นเหตุให้ผมเลือกดีเซล เพราะรัฐบาลอุดหนุนไม่ให้เกิน 30 เป็นแบบนี้ทุกสมัย ดีเซลจึงเหมาะกับรถบ้านเราอย่างมาก วัยรุ่นสร้างตัว หนุ่มโรงงาน นิยมนักหนา แค่รับสภาพราคาน้ำมันไม่เกิน 30 บาทได้ ใช้ดีเซลดีกว่า
เอาจริงๆ ราคา น้ำมัน เบนซินกับ ดีเซล มันควรเท่ากันครับ ไม่ควรมีน้ำมันไหน บิดเบือน ราคา หรือเลือกปฏิบัติ
ตอนนี้เบน ซิน E20 กับ E 85 ได้ ชดเชยกองทุนเข้ามา มากกว่า ดีเซลอีกนะครับ แต่เงินไปลง คนผลิตเอานอลเต้ม
กำไรของ E20 และ E85 ที่ปั้มปลีก 4 + อันนี้ เงิน ลง ปั้มค้าปลีก
คนเติมเบนซิน นี่โดน ทุกทาง โครตบ้าเลย
ยังไม่นวม BIO ลิตรละ 41 บาท ที่ยัดยัดรวมกับดีเซล ทำให้ราคาดีเซลมันโดดแบบแปลกๆ
ขอเทียบ Eco car กับดีเซล B10 นะครับ
จากอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ผมว่ากระบะแคป (ออโต้) เต็มที่ 14 ยังไงก็คงไม่ได้ประหยัดไปกว่า Eco car แย่สุด 16 ปลายๆ ครับ
ค่าดูแลรักษาด้วย ค่าตัวรถด้วย ยังไงการซื้อกระบะแคป ก็ต้องกำตังอย่างน้อย 6 แสน ไม่ต่ำกว่านี้ แต่ Eco car คุณเลือกได้เลยตั้งแต่ 4-5.5 แสน มีหลายตัวราคาไม่แพง ส่วนลดเยอะด้วยครับ
มือสองยิ่งแล้วใหญ่ กระบะราคาแพงกว่าเยอะ Eco car แสนกว่าๆ ก็หาได้แล้วครับ รถไม่โทรม ไม่เก่าเท่ากระบะด้วย
สรุป ผมว่า ถ้าวิ่งในเมือง ระหว่างจังหวัดที่ถนนดีๆ 4 เลนขึ้นไป Eco car ก็ยังพอไปได้ครับ เว้นแต่วิ่งต่างจังหวัด กับต้องการรถลุยๆ ขนของด้วย อันนี้กระบะยังไงก็ดีกว่าแน่นอนครับ