320d ครับ เหนือกว่าทุกด้าน
แรงกว่า ดึงกว่า ทนกว่า
ด้านความประหยัด ลองคำนวนดีดี นะครับ
ส่วนต่าง 2.2 แสน
- 320d คุณ JIMMY test ได้ 20 กิโลเมตร ต่อ ลิตร
ถ้าใช้ในเมือง ใช้ในชีวิตประจำทั่วไป ผมให้ 13 กิโล ต่อ ลิตร
ถ้าเดือนนึงสมมติว่าใช้รถประมาณ 2,000 กิโลเมตร ใช้น้ำมัน 2,000 / 13 = 154 ลิตร x 30 บาท
ค่าน้ำมันเดือนละ 4,620 บาท
- 320i คุณ JIMMY ยังไม่ได้ test แต่ผมว่าคงอยู่ราวๆ 15 กิโลเมตรต่อลิตร
ถ้าใช้ในเมือง คงได้ประมาณ 9-10 กิโลเมตรต่อลิตร
ถ้าเดือนนึงใช้รถ 2,000 กิโลเมตร ใช้น้ำมัน 2,000 / 9 = 222 ลิตร x40 (โซฮอล์ 95)
ค่าน้ำมันเดือนละ 8,880 บาท
ส่วนต่างเดือนละ 4,260 บาท ตกปีละ 51,120 บาท
สรุปว่า ดีเซลประหยัดค่าน้ำมันกว่าเบนซิลปีละ 5 หมื่นกว่าบาท
ใช้รถ 4 ปี ก็เจ๊ากันแล้วครับ
แต่คุณอย่าลืมว่าเวลาขายต่อ ราคา 320d จะแข็งกว่าเยอะครับ
ลองนึกภาพตาม สมมติ 5 ปีข้างหน้า
320d F30 รถ 5 ปี วิ่ง 100,000 กิโล ขาย 1.5 ล้าน
320i F30 รถ 5 ปี วิ่ง 100,000 กิโล ขาย 1.35 ล้าน
เป็นคุณ คุณจะซื้อคันไหน ?
ถ้าเป็นเต๊นท์ เต๊นท์จะจับคันไหน ?
ถ้าเราเป็นคนขาย คุณคิดว่าคันไหน ขายออกก่อนกัน ?
ลองดูราคามือสอง 320d E90 ซักปี 07-09 ครับ ราคามือสองมันพอๆ กับ 325i หรือ 330i เลยครับ
ทั้งๆ ที่ราคาป้ายแดง 325i/330i เกิน 3 ล้าน
ไม่ต้องเทียบกับ 320i เลย 320ise ป้ายแดงก็ 2.5 ล้านนะครับ ตอนนี้มือสอง ขายไม่ถึงล้าน
320D ยังอยู่ที่ล้านกลางๆ
ปล. ยกเว้นว่า 5 ปีข้างหน้า ราคาน้ำมันดีเซลจะลอยตัวสูงขึ้นมาเท่ากับ เบนซิลครับ
ดังนั้นเหตุผลเดียวที่คุณจะซื้อ 320i ก็คือ คุณรับไม่ได้กับเสียงเครื่องดีเซล
คุณแอนตี้เครื่องดีเซล ว่ามันไม่ควรมาอยู่ในรถเก๋ง
ขับไปไหนมาไหน มีแต่คนคิดว่ากะบะ รับไม่ได้จริงๆ
ถ้าคุณเป็นคนประเภทนี้ ถึงควรเลือก 320i ครับ