ผู้เขียน หัวข้อ: เอ้าขออีกที320i vs 320d :)  (อ่าน 11811 ครั้ง)

ออฟไลน์ ぼくは"P.P."です

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 690
เอ้าขออีกที320i vs 320d :)
« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 11, 2013, 01:15:02 »
ถามอีกทีครับ55555
คราวนี้ผมจะมาบอกว่ามันยังคาใจอยู่ครับ :P
พอดีมันจะเป็นรถคันแรกของผม(แบ่งกันใช้กับแม่อยู่ดี5555)
พอดีปลายปีนี้ผม18พอดี ;D
ผมก็กะว่าจะเอาไปใช้ที่มหาลัยด้วยเลยอะครับ
พี่ๆคิดว่าเบนซิลหรือดีเซลเหมาะกว่ากันอะครับ?? ::)
ปล.วิ่งในเมืองเป็นหลักครับ ;D
Great Handling = Great Car

ออฟไลน์ peak14405

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 252
    • อีเมล์
Re: เอ้าขออีกที320i vs 320d :)
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 11, 2013, 01:20:34 »
ในเมือง 320D  ;)

ออฟไลน์ f1rstgot

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 850
    • อีเมล์
Re: เอ้าขออีกที320i vs 320d :)
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 11, 2013, 01:25:20 »
เรื่องนี้มันมีหลายปัจจัยมากครับว่าจะคุณจะเหมาะกับรุ่นไหน
ส่วนต่างดีเซลกับเบนซิน ดีเซลแพงกว่าสองแสนสองหมื่น ถ้าคิดว่าส่วนต่างของราคาค่าตัวไม่ใช่ปัญหา แรง ดึง ประหยัดโครต ไปดีเซล เรื่องความปลอดภัย ดีเซลชนยังไงก็ไม่มีวันไฟไหม้ท่วมรถเพราะน้ำมันดีเซลไม่ติดเชื้อเพลิง แต่เบนซินยังต้องลุ้น 50-50
แต่ถ้าชอบเครื่องเงียบ(ซึ่งอันที่จริงดีเซลยุคใหม่ของBMWก็ไม่ได้ดังอะไรมากมายเลยสำหรับผม) แรง ดึงน้อยกว่าดีเซลหน่อย กินน้ำมันกว่า ราคาน้ำมันต่อลิตรแพงกว่า และคิดว่าส่วนต่างสองแสนสองหมื่นคือปัญหา เสียดายเงินส่วนต่าง ไปเบนซิน ครับ
ส่วนตัวผมใช้ 320d อยู่ สำหรับผมผมจะไม่กลับไปใช้เบนซินอีกแน่นอนครับ ไม่ได้เชียร์นะ แค่พูดความจริงครับ ;D
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 11, 2013, 01:28:44 โดย f1rstgot »

ออฟไลน์ Parinceo

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,210
Re: เอ้าขออีกที320i vs 320d :)
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 11, 2013, 02:05:35 »
320d ครับ ถ้าไม่ได้อัดหนักๆ ใจจริงผมอยากให้แม่ผมออก 320i จะตาย(เผื่อจะเอาไปกดมั่ง) แต่ด้วยความจำเป็น ความประหยัดต่างๆ เลยเอา 320d

ที่บ้านใช้ 520d อยู่ จะบอกว่า ถ้าไม่ได้เอาไปอัดลากรอบฟังเสียงเครื่องหวานๆ เอาดีเซลเถอะครับ ดีกว่าแทบทุกด้านยกเว้นเรื่องเสียง แต่ก็แค่เสียงไม่หวานเท่า ความดังภายใน ไม่มีทางรู้แน่ๆว่านั่งดีเซลอยู่ครับ เงียบมาก (คิดว่าเงียบกว่า MB นะครับ เทคโนโลยีดีเซลต้องยกให้เขานี่แหละครับ

ออฟไลน์ TK2003

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 258
  • พ่อลูกสอง
    • อีเมล์
Re: เอ้าขออีกที320i vs 320d :)
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 11, 2013, 02:29:42 »
น้าๆ ที่ใช้ดีเซลกันอยู่ได้กี่ km/l ครับ เอาแบบเติมเต็มถังแล้ววัดเอาอีกทีตอนเติมกลับ เพราะวัดจากเครื่องผมว่ามันคลาดเคลือนเยอะ ขอบคุณครับ
วันนี้ "หลุม รอบๆตัวเรา มีกี่หลุม พยายามถมให้หมด" และ "อย่าขุดหลุม ฝังตัวเราเอง"

ใครเป็น "หลุม" คุณ "จงถมให้เต็ม" อย่าได้ "สูงแต่ผู้เดียว"

ออฟไลน์ Tc_Siew

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 41
Re: เอ้าขออีกที320i vs 320d :)
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 11, 2013, 06:55:13 »
เท่าๆที่ทราบ ออพชั่นไม่ต่างกัน ความแรงก็ไม่ได้ต่างกันมากมาย

งั้นคงต้องอยู่ที่ความชอบแล้วล่ะครับ ว่าจะเลือกชอบแบบไหน

ว่าอยากได้ ประหยัดน้ำมันแต่ดังนิดหน่อย  หรือ เครื่องยนต์เสียงหวานๆแต่กินพอประมาณ

ส่วนตัวใช้ Diesel ครับ และข้อดีที่ผมพบคือ เหยียบไปเถอะ เข็มน้ำมันไม่ค่อยกระดิกหรอก

และเวลาเติมน้ำมัน ได้ V-Power ในราคาลิตรละ 32 บาท + - !!!   :o

ค่าบำรุงรักษากับราคาขายต่อ ดีเซลได้เปรียบครับ

ถ้าให้เลือกคู่นี้ผมเอาดีเซล

 แต่ถ้ามี 328i ละก็ เบนซินแบบไม่ลังเลเลยครับ  ;)



 




ออฟไลน์ marksss

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 117
Re: เอ้าขออีกที320i vs 320d :)
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 11, 2013, 07:23:28 »
320i ครับ
เงียบกว่า ราคาถูกกว่าครับ

ออฟไลน์ Mr.Siri

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 148
Re: เอ้าขออีกที320i vs 320d :)
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 11, 2013, 07:45:25 »
ผมก็ลังเลอยู่นาน เบนซินได้รถเลย ดีเซลรออีก 2 เดือน
แต่คิดว่าใช้นานแน่ ไม่แคร์เรื่องเสียง เลยตัดสินใจรอดีเซล

ออฟไลน์ YenChar

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,179
Re: เอ้าขออีกที320i vs 320d :)
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 11, 2013, 08:21:56 »
ส่วนต่าง 2 แสน
คุณต้องวิ่ง 2 แสนกว่ากิโล (กรณีที่ดีเซล บาทต่อกิโลเมตรถูกกว่า 1 บาท ต่อกิโลเมตร)

ถ้าเป็น E90 ระหว่าง 320i VS 320d
ผมเชียร์ดีเซลแบบไม่คิดมาก

แต่ F30 เครื่องเบนซินเทอร์โบ ทำให้ 320i VS 320d ดูสูสีมากๆ
ณ จุดนี้ใน F30 ผมว่าน่าใช้ทั้งคู่เลยครับ

ออฟไลน์ sakolsakman

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 158
Re: เอ้าขออีกที320i vs 320d :)
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 11, 2013, 09:04:06 »
ตอบอีกที ผมเลือกเบนซิล เพราะถูกกว่าสองแสนครับ แค่นี้เอง พอได้มาแล้ว ขับก็งั้นๆเหมือนรถซีตรองผม เพียงแต่มีออฟชั่นเพิ่มขึ้นมามากกว่ารถซีตรอง

ออฟไลน์ SUN-PS

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 808
Re: เอ้าขออีกที320i vs 320d :)
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 11, 2013, 09:44:23 »
ส่วนต่างตั้งสองแสนกว่า ใช้กี่ปีถึงจะคุ้มค่าประหยัดน้ำมันครับ
เป็นผมเลือกเบนซินครับ

ออฟไลน์ Monn

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,806
Re: เอ้าขออีกที320i vs 320d :)
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 11, 2013, 10:00:04 »
ผมเลือก 320i ครับ เพราะส่วนต่างสองแสน + ความเงียบครับ
น้ำมัน จากการคำนวนการใช้งานของผม ต้องวิ่ง 150000 โล หรือ 6 ปีสำหรับผม ถึงตอนนั้น หากยังใช้อยู่ก็ไม่เสียดายละ ขายต่อถึงตอนนั้น ผมว่าไม่ต่างหรอกครับ เบนซินกะดีเซล f30 ผมเชื่อว่าพอๆ กัน อย่าเทียบกับ  e90 เลยครับ คนละเครื่องนะ

อีกอย่าง เวลาเหยียบลากยาวๆ เบนซินมันรื่นหูกว่านะ  ;D
S3 - F30
X1 - E84

ออฟไลน์ LaTeX

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 973
Re: เอ้าขออีกที320i vs 320d :)
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 11, 2013, 10:19:40 »
320i ส่วนต่างสองแสน แลกกับการจ่ายออกตอนเข้าปั๊มที่แพงกว่า
ถึงแรงดึงน้อยกว่า แต่เสียงคลานรอบต่ำของเบนซินมันให้ความรู้สึกพรีเมี่ยมมากกว่าเสียงดีเซลแบบVigoครับ

ออฟไลน์ -Anonymous-

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,428
  • Catch me if you can !!!
Re: เอ้าขออีกที320i vs 320d :)
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 11, 2013, 10:26:41 »
ตกลงถ้าเหยียบหนักๆ ถนนโล่งๆ เบนซินแรงกว่ามั้ยครับ หรือว่าพอๆกันอีก แต่ถ้าในเมืองในกทม 320dคงกิน

ออฟไลน์ Monn

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,806
Re: เอ้าขออีกที320i vs 320d :)
« ตอบกลับ #14 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 11, 2013, 10:53:14 »
ตกลงถ้าเหยียบหนักๆ ถนนโล่งๆ เบนซินแรงกว่ามั้ยครับ หรือว่าพอๆกันอีก แต่ถ้าในเมืองในกทม 320dคงกิน

เท่าที่ผมได้ลองทั้งคู่ เบนซินลากได้ยาวๆ ไม่ตก เสียงหวานเพราะ
ดีเซลกระชากแรง ดึง แต่พอรอบสูงๆ เสียงดัง หนวกหู (สำหรับผม)
แต่เจอรถติด เบนซินซดพอควร คงสู้ดีเซลไม่ได้แน่ๆ ครับ
S3 - F30
X1 - E84

ออฟไลน์ -Anonymous-

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,428
  • Catch me if you can !!!
Re: เอ้าขออีกที320i vs 320d :)
« ตอบกลับ #15 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 11, 2013, 11:50:19 »
ตกลงถ้าเหยียบหนักๆ ถนนโล่งๆ เบนซินแรงกว่ามั้ยครับ หรือว่าพอๆกันอีก แต่ถ้าในเมืองในกทม 320dคงกิน

เท่าที่ผมได้ลองทั้งคู่ เบนซินลากได้ยาวๆ ไม่ตก เสียงหวานเพราะ
ดีเซลกระชากแรง ดึง แต่พอรอบสูงๆ เสียงดัง หนวกหู (สำหรับผม)
แต่เจอรถติด เบนซินซดพอควร คงสู้ดีเซลไม่ได้แน่ๆ ครับ
อ่อขอบคุณครับ

ออฟไลน์ warez

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 702
Re: เอ้าขออีกที320i vs 320d :)
« ตอบกลับ #16 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 11, 2013, 12:49:41 »
เรื่องนี้มันมีหลายปัจจัยมากครับว่าจะคุณจะเหมาะกับรุ่นไหน
ส่วนต่างดีเซลกับเบนซิน ดีเซลแพงกว่าสองแสนสองหมื่น ถ้าคิดว่าส่วนต่างของราคาค่าตัวไม่ใช่ปัญหา แรง ดึง ประหยัดโครต ไปดีเซล เรื่องความปลอดภัย ดีเซลชนยังไงก็ไม่มีวันไฟไหม้ท่วมรถเพราะน้ำมันดีเซลไม่ติดเชื้อเพลิง แต่เบนซินยังต้องลุ้น 50-50
แต่ถ้าชอบเครื่องเงียบ(ซึ่งอันที่จริงดีเซลยุคใหม่ของBMWก็ไม่ได้ดังอะไรมากมายเลยสำหรับผม) แรง ดึงน้อยกว่าดีเซลหน่อย กินน้ำมันกว่า ราคาน้ำมันต่อลิตรแพงกว่า และคิดว่าส่วนต่างสองแสนสองหมื่นคือปัญหา เสียดายเงินส่วนต่าง ไปเบนซิน ครับ
ส่วนตัวผมใช้ 320d อยู่ สำหรับผมผมจะไม่กลับไปใช้เบนซินอีกแน่นอนครับ ไม่ได้เชียร์นะ แค่พูดความจริงครับ ;D

ถ้าดีเซลทำยังไงมันไม่ติดไฟ แล้วมันจะให้พลังงานกับรถท่านได้อย่างไร(ขำๆครับ)
ถ้าชนกันแล้วเกิดความร้อนที่เหมาะสม น้ำมันหมูก็เป็นเชื้อเพลิงชั้นดีเหมือนกันครับ

ออฟไลน์ Nookkiez

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 784
Re: เอ้าขออีกที320i vs 320d :)
« ตอบกลับ #17 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 11, 2013, 13:19:09 »
ถ้าเงินไม่ใช่ปัญหาขอเชียร์320d ดีกว่าครับ ใช้ในเมืองประหยัดกว่า เวลาเข้าปั๊มเติมลิตรละ29.99มันรู้สึกดีกว่าเติมลิตรละ42.50อยู่เยอะพอสมควรนะครับ   ;D
Test ..

ออฟไลน์ keamglad

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 395
    • อีเมล์
Re: เอ้าขออีกที320i vs 320d :)
« ตอบกลับ #18 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 11, 2013, 13:45:48 »
เป็นผมเอาดีเซล 
ได้เครื่องเทคโนโลยีดีกว่า ทนกว่า ค่าน้ำมันถูกกว่า

ออฟไลน์ 2k

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,755
Re: เอ้าขออีกที320i vs 320d :)
« ตอบกลับ #19 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 11, 2013, 14:39:56 »
เหมือนว่าจะแตกต่างกันท้ายสุดจริงๆตรงที่ดีเซลมีแรงบิดมากกว่าพอขนของหนักๆเต็มรถแล้วมีผลต่ออัราเร่งน้อยกว่าเบนซิน  :)
หมาเฝ้าบ้านแจกฟรีจ้า www.dogfindhome.com


ออฟไลน์ KrisTop

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 220
  • Ingenious
Re: เอ้าขออีกที320i vs 320d :)
« ตอบกลับ #20 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 11, 2013, 14:49:28 »
เรื่องนี้มันมีหลายปัจจัยมากครับว่าจะคุณจะเหมาะกับรุ่นไหน
ส่วนต่างดีเซลกับเบนซิน ดีเซลแพงกว่าสองแสนสองหมื่น ถ้าคิดว่าส่วนต่างของราคาค่าตัวไม่ใช่ปัญหา แรง ดึง ประหยัดโครต ไปดีเซล เรื่องความปลอดภัย ดีเซลชนยังไงก็ไม่มีวันไฟไหม้ท่วมรถเพราะน้ำมันดีเซลไม่ติดเชื้อเพลิง แต่เบนซินยังต้องลุ้น 50-50
แต่ถ้าชอบเครื่องเงียบ(ซึ่งอันที่จริงดีเซลยุคใหม่ของBMWก็ไม่ได้ดังอะไรมากมายเลยสำหรับผม) แรง ดึงน้อยกว่าดีเซลหน่อย กินน้ำมันกว่า ราคาน้ำมันต่อลิตรแพงกว่า และคิดว่าส่วนต่างสองแสนสองหมื่นคือปัญหา เสียดายเงินส่วนต่าง ไปเบนซิน ครับ
ส่วนตัวผมใช้ 320d อยู่ สำหรับผมผมจะไม่กลับไปใช้เบนซินอีกแน่นอนครับ ไม่ได้เชียร์นะ แค่พูดความจริงครับ ;D

ถ้าดีเซลทำยังไงมันไม่ติดไฟ แล้วมันจะให้พลังงานกับรถท่านได้อย่างไร(ขำๆครับ)
ถ้าชนกันแล้วเกิดความร้อนที่เหมาะสม น้ำมันหมูก็เป็นเชื้อเพลิงชั้นดีเหมือนกันครับ
ใช่ครับ มันมีจุดที่เรียกว่า Autoignition Point หากคุณต้มน้ำมันระหว่างเบนซิลกับดีเซล ดีเซลจะติดไฟก่อนที่อุณภูมิ 210 ส่วนเบนซิลจะติดแถวๆ 240 องศา C
ข้อดีของดีเซลคือจุดแว็บไฟสูง(ภาษาไทยเรียกอะไรผมก็ไม่คุ้น...​อิอิ หรือ Flash point) แถว 60-70 องศาถึงจะระเหยจนสามารถติดไฟได้
ต่างจากเบนซีนที่มันระเหยตั้งแต่ -40 กว่าองศา เจอประกายไฟเมื่อไหร่ก็พร้อมลุกทันทีด้วยประการชะนี้แล

ออฟไลน์ NONT4477

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 9,851
  • Let the SKYFALL
Re: เอ้าขออีกที320i vs 320d :)
« ตอบกลับ #21 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 11, 2013, 15:15:53 »
เรื่องนี้มันมีหลายปัจจัยมากครับว่าจะคุณจะเหมาะกับรุ่นไหน
ส่วนต่างดีเซลกับเบนซิน ดีเซลแพงกว่าสองแสนสองหมื่น ถ้าคิดว่าส่วนต่างของราคาค่าตัวไม่ใช่ปัญหา แรง ดึง ประหยัดโครต ไปดีเซล เรื่องความปลอดภัย ดีเซลชนยังไงก็ไม่มีวันไฟไหม้ท่วมรถเพราะน้ำมันดีเซลไม่ติดเชื้อเพลิง แต่เบนซินยังต้องลุ้น 50-50
แต่ถ้าชอบเครื่องเงียบ(ซึ่งอันที่จริงดีเซลยุคใหม่ของBMWก็ไม่ได้ดังอะไรมากมายเลยสำหรับผม) แรง ดึงน้อยกว่าดีเซลหน่อย กินน้ำมันกว่า ราคาน้ำมันต่อลิตรแพงกว่า และคิดว่าส่วนต่างสองแสนสองหมื่นคือปัญหา เสียดายเงินส่วนต่าง ไปเบนซิน ครับ
ส่วนตัวผมใช้ 320d อยู่ สำหรับผมผมจะไม่กลับไปใช้เบนซินอีกแน่นอนครับ ไม่ได้เชียร์นะ แค่พูดความจริงครับ ;D

ถ้าดีเซลทำยังไงมันไม่ติดไฟ แล้วมันจะให้พลังงานกับรถท่านได้อย่างไร(ขำๆครับ)
ถ้าชนกันแล้วเกิดความร้อนที่เหมาะสม น้ำมันหมูก็เป็นเชื้อเพลิงชั้นดีเหมือนกันครับ
ใช่ครับ มันมีจุดที่เรียกว่า Autoignition Point หากคุณต้มน้ำมันระหว่างเบนซิลกับดีเซล ดีเซลจะติดไฟก่อนที่อุณภูมิ 210 ส่วนเบนซิลจะติดแถวๆ 240 องศา C
ข้อดีของดีเซลคือจุดแว็บไฟสูง(ภาษาไทยเรียกอะไรผมก็ไม่คุ้น...​อิอิ หรือ Flash point) แถว 60-70 องศาถึงจะระเหยจนสามารถติดไฟได้
ต่างจากเบนซีนที่มันระเหยตั้งแต่ -40 กว่าองศา เจอประกายไฟเมื่อไหร่ก็พร้อมลุกทันทีด้วยประการชะนี้แล
จุดวาบไฟครับ ;D

พูดถึง2คันนี้
ผมชอบเบนซินมากกว่านะ ดีเซลยืนฟังข้างนอกเสียงดังมากแบบไม่นึกว่านี่คือเสียงจากเก๋งคันละ3ล้าน แต่อย่างว่าดีเซลคงประหยัดกว่าพอสมควรแถมน้ำมันถูกกกว่าด้วย
Top Gear's Biggest FAN!!! (IN MY House)
I'm NAC1701  ^ ^

ออฟไลน์ Parinceo

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,210
Re: เอ้าขออีกที320i vs 320d :)
« ตอบกลับ #22 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 11, 2013, 16:38:18 »
เพิ่งเห็นว่าเจ้าของกระทู้บอกว่าจะเอาไปใช้ที่มหาลัย ยังไงผมว่ากรณีนี้ดีเซลกินครับ ส่วนต่างตอนซื้อก็ให้เป็นธุระของคุณพ่อคุณแม่ ช่วยออกไป ตอนเติมน้ำมันเองจะได้ไม่เจ็บตัวมากครับ แล้วถ้าจบมาใช้รถระยะยาว เครื่องดีเซลยังมีแนวโน้มที่จะทนกว่าด้วยครับ

ออฟไลน์ ぼくは"P.P."です

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 690
Re: เอ้าขออีกที320i vs 320d :)
« ตอบกลับ #23 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 11, 2013, 16:41:43 »
เพิ่งเห็นว่าเจ้าของกระทู้บอกว่าจะเอาไปใช้ที่มหาลัย ยังไงผมว่ากรณีนี้ดีเซลกินครับ ส่วนต่างตอนซื้อก็ให้เป็นธุระของคุณพ่อคุณแม่ ช่วยออกไป ตอนเติมน้ำมันเองจะได้ไม่เจ็บตัวมากครับ แล้วถ้าจบมาใช้รถระยะยาว เครื่องดีเซลยังมีแนวโน้มที่จะทนกว่าด้วยครับ
เออเนาะ...จะว่าไปก็จริงนะครับ
เพราะเวลาผมเอาไปใช้คงหาตังเติมเองแหละครับ ;D
Great Handling = Great Car

ออฟไลน์ pong_ru

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 216
Re: เอ้าขออีกที320i vs 320d :)
« ตอบกลับ #24 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 11, 2013, 16:54:39 »
ชอบเสียงเบนซิล

ออฟไลน์ tyong

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 244
Re: เอ้าขออีกที320i vs 320d :)
« ตอบกลับ #25 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 11, 2013, 17:51:52 »
ถ้าเป็น f30 ผมเลือก 320i ครับ
ถ้าเป็น e90 ผมก็เลือก 320i เหมือนเดิม และตอนนี้ก็ยังใช้ 320i e90 อยู่ครับ

ตอนนั้นที่ไปลองกะว่าจะต้องออก 320d แน่ๆ เพราะขึ้นชื่อเรื่องประหยัดมาพร้อมๆกับความแรง แต่เชื่อมั๊ยแค่สตาร์ทรถตอนจะออกไปเทสไดร์ฟ ผมถามเซลล์ว่านี่เสียงเครื่องยนต์ปกติหรือเปล่า เค้าตอบมาว่า "ปกติค่ะ" ผมไม่เชื่อ ให้ไปลองสตาร์ทกับอีกคันนึงที่จอดในที่จอดรถ ปรากฎว่าดังเหมือนๆกับคันเทสไดร์ฟ ผมบอกเซลล์ว่า ผมไม่ลองขับแล้ว 320d เข้าไปเขียนใบจอง 320i ดีกว่า  ;D

2019-now: BMW 320D G20
2018-now: MB C250 Coupe AMG
2017-2019: MB GLA200 Urban
2014-2018: BMW F30 328i M Sport
2012-2017: Mini Cooper S R56 look 2

ออฟไลน์ LaTeX

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 973
Re: เอ้าขออีกที320i vs 320d :)
« ตอบกลับ #26 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 11, 2013, 20:15:28 »
ถ้าเป็น f30 ผมเลือก 320i ครับ
ถ้าเป็น e90 ผมก็เลือก 320i เหมือนเดิม และตอนนี้ก็ยังใช้ 320i e90 อยู่ครับ

ตอนนั้นที่ไปลองกะว่าจะต้องออก 320d แน่ๆ เพราะขึ้นชื่อเรื่องประหยัดมาพร้อมๆกับความแรง แต่เชื่อมั๊ยแค่สตาร์ทรถตอนจะออกไปเทสไดร์ฟ ผมถามเซลล์ว่านี่เสียงเครื่องยนต์ปกติหรือเปล่า เค้าตอบมาว่า "ปกติค่ะ" ผมไม่เชื่อ ให้ไปลองสตาร์ทกับอีกคันนึงที่จอดในที่จอดรถ ปรากฎว่าดังเหมือนๆกับคันเทสไดร์ฟ ผมบอกเซลล์ว่า ผมไม่ลองขับแล้ว 320d เข้าไปเขียนใบจอง 320i ดีกว่า  ;D


ถ้าไปลองขับอาจลืมเรื่องเสียงเครื่องไปได้นะครับ  ;D

ออฟไลน์ Eddy5659

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,619
Re: เอ้าขออีกที320i vs 320d :)
« ตอบกลับ #27 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 11, 2013, 20:27:38 »
ถ้าเป็น f30 ผมเลือก 320i ครับ
ถ้าเป็น e90 ผมก็เลือก 320i เหมือนเดิม และตอนนี้ก็ยังใช้ 320i e90 อยู่ครับ

ตอนนั้นที่ไปลองกะว่าจะต้องออก 320d แน่ๆ เพราะขึ้นชื่อเรื่องประหยัดมาพร้อมๆกับความแรง แต่เชื่อมั๊ยแค่สตาร์ทรถตอนจะออกไปเทสไดร์ฟ ผมถามเซลล์ว่านี่เสียงเครื่องยนต์ปกติหรือเปล่า เค้าตอบมาว่า "ปกติค่ะ" ผมไม่เชื่อ ให้ไปลองสตาร์ทกับอีกคันนึงที่จอดในที่จอดรถ ปรากฎว่าดังเหมือนๆกับคันเทสไดร์ฟ ผมบอกเซลล์ว่า ผมไม่ลองขับแล้ว 320d เข้าไปเขียนใบจอง 320i ดีกว่า  ;D


ถ้าไปลองขับอาจลืมเรื่องเสียงเครื่องไปได้นะครับ  ;D

อะถูกต้องเลยครับแฟนผมก็หลงมาแล้ว หลังจากได้ลอง e90 320d เป็นรถที่คุณเธอบอกว่าถ้ามั่นคงเมื่อไหร่ จัดแน่สำหรับดีเซลของซีรี่ 3
2007 Toyota Vios
2009 Toyota Hilux Vigo
2010 Toyota Camry
2011 Ford Ranger
2011 Isuzu Dmax
2011 Toyota Hilux Vigo
2015 Ford Ranger
2015 Ford Everest 2.2 Titanium
2015 Ford Everest 3.2 Titanium+
2016 Toyota Hilux Revo 2.4 J m/t (5 คันจะที่รัก)
2017 BMW 320d iconic

ออฟไลน์ rocky55555

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 630
Re: เอ้าขออีกที320i vs 320d :)
« ตอบกลับ #28 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 11, 2013, 20:32:43 »
เลือกง่ายๆ ขับเยอะ เลือก320d ขับน้อยเลือก 320i จบแค่นั้น ดีเซลพอเก่าแล้วเสียงดังน่ารำคาญแรงสั่นสะเทือนจากเครื่องด้วย
รถพวกนี้ถ้าซื้อไปเป็นรถที่แพงที่สุดในบ้าน(ส่วนมากขับ เสาร์อาทิตย์)จะขับน้อย 5 ปีไม่ถึงแสนโล

ออฟไลน์ Monn

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,806
Re: เอ้าขออีกที320i vs 320d :)
« ตอบกลับ #29 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 11, 2013, 21:09:07 »
เลือกง่ายๆ ขับเยอะ เลือก320d ขับน้อยเลือก 320i จบแค่นั้น ดีเซลพอเก่าแล้วเสียงดังน่ารำคาญแรงสั่นสะเทือนจากเครื่องด้วย
รถพวกนี้ถ้าซื้อไปเป็นรถที่แพงที่สุดในบ้าน(ส่วนมากขับ เสาร์อาทิตย์)จะขับน้อย 5 ปีไม่ถึงแสนโล


ก็ไม่นะครับ ผมซื้อให้แฟนใช้ ก็ใช่ทุกคน รับส่งลูก ไปประชุม เข้าเมืองบ้าง แต่ไม่มีวันไหนไม่สตาร์ทรถ ปีนึงก็ 25000-30000 โล ยังกังวลนิดหน่อย BSI ไม่เกิน 4 ปีแน่ๆ หุหุ  แต่ใจมันรักครับ พอหาอู่นอกได้ หากเข้าใจมัน BMW ก็ไม่ได้ไกลเกินเอื้อม  ส่วนที่เอา 320i เพราะเสียงเครื่องจริงๆ ครับ พอลองแล้ว ชอบเบนซินมากกว่า

ผมเองชอบ BMW มานานแล้ว ไม่ได้ซื้อ เพราะคิดเสมอว่า รอมั่นคง รอมีเงิน สุดท้าย วนเวียนกับรถญี่ปุ่นไปแล้ว 4-5 คัน เลยงงๆ กับตัวเอง ตั้งลำใหม่ ดาวน์ได้ ดาวน์เลย เพราะหาเงินผ่อนได้อยู่แล้ว อยู่ที่เราจะเอาเงินไปใช้อะไร ผ่อนเยอะกว่ารถญี่ปุ่นเท่าตัว แต่ได้ BMW มา ตามใจฝัน คุ้มมากมาย อิอิ
S3 - F30
X1 - E84