1 3 4 5 7 9 11 14
ตอบคำถามไปหมดแล้วนะครับ คำจำกัดความก็หาให้แล้วนะครับ ผมไม่สร้างคำจำกัดความเองครับ
ผมขอทวงคำตอบบ้างครับ ขอฟังคำตอบนะครับ อย่าหนีการตอบคำถามโดยการสร้างคำถามใหม่ขึ้นมาอีกนะครับ พฤติกรรมแบบนี้เค้าเดาทางกันถูกกันหมดแล้วครับ
1. ตกลงที่ประกาศกร้าวว่า ค่าใช้จ่ายมีตัวตนไม่ได้!!! นี่ยังยืนยันคำเดิมอยู่ป่าวครับ 555+ บริษัทฯ เปลี่ยนยางไป 4 เส้น บริษัทคุณลงบัญชียาง 4 เส้น เป็นสินทรัพย์หรือเป็นค่าใช้จ่ายครับ แล้วยางรถยนต์มีตัวตนป่าวครับ
2.1 ตกลงว่า คุณรู้จักคำว่า "เปลี่ยนมุมมอง" หรือเปล่าครับว่าการเปลี่ยนมุมมองมันคืออะไร 2.2 ตอนเด็กๆ เคยเล่นต่อบลอคไม้ป่าวครับ
3. คุณยังยืนยันอยู่หรือเปล่าครับว่า ไม่ว่าอย่างไรรถยนต์เป็นค่าใช้จ่ายไม่ได้
มูลค่ารถยนต์ทั้งคัน เป็นได้ทั้งรายได้ และ ค่าใช้จ่าย ผมก็แสดงให้เห็นแล้ว --> โชว์รูมรถยนต์ ซื้อรถมาจากโรงงานแล้วขายไป มูลค่ารถทั้งคันที่ขายได้ ก็เป็นรายได้ ส่วนมูลค่ารถทั้งคันที่ซื้อมา ก็เป็นค่าใช้จ่าย
ตกลงยังยืนยันอยู่หรือเปล่าครับว่า ไม่ว่าอย่างไรรถยนต์เป็นค่าใช้จ่ายไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นที่โชว์รูมรถยนต์ลงมูลค่ารถยนต์ทั้งคันเป็นรายได้และค่าใช้จ่ายมันผิดตรงไหน และ ต้องแก้ยังงัยให้ถูกครับ
4. คุณยังไม่ตอบผมเลยนะว่า ไปเอาข้อมูลจากนักการเงินสายไหนมา แล้วเอาข้อมูลมาจากสายละกี่คน ถึงได้บอกว่าทุกคนเห็นเหมือนกันหมด แล้วตัวคุณเอง คุณจัดตัวเองเป็นนักการเงินหรือเปล่าครับ ถ้าเป็นนักการเงินนี่อยู่สายไหนครับ
[/color]
ผมตอบคุณทุกคำถามแล้วนะ หวังว่าจะได้คำตอบ คำอธิบายจากคุณบ้างนะฮ้าบ
Note
รอบที่ 1 (1 2 4 5 9 10 12)
เข้ม=3 เหน่ง=1 อาย=2 เจษ=2 โอ๋=1 ป้อม=2 เอ็ม=2 ปุ๊ก=2 แอป=2 พิม=3 เก๋=3 บอล=1 ไอซ์=1 ทิ=1
รอบที่ 2 (1 3 5 6 9 10 14) - เพิ่มปิ๋มหายเฮด
เข้ม=3+2 เหน่ง=1+3 อาย=2+2 เจษ=2+3 โอ๋=1+0 ป้อม=2+2 เอ็ม=2+3 ปุ๊ก=2+2 แอป=2+1 พิม=3+3 เก๋=3+3 บอล=1+2 ไอซ์=1+2 ทิ=1+1 ดาว=0+2 X=0+3
รอบที่ 3 (1 3 4 5 7 9 11 14)
เข้ม=3+2+3 เหน่ง=1+3+2 อาย=2+2+3 เจษ=2+3+3 โอ๋=1+0+0 ป้อม=2+2+3 เอ็ม=2+3+2 ปุ๊ก=2+2+3 แอป=2+1+2 พิม=3+3+3 เก๋=3+3+3 บอล=1+2+3 ไอซ์=1+2+0 ทิ=1+1+0 ดาว=0+2+3 X=0+3+3
"ปล. แหม่ อ้างเรื่อง law of one price และ no arbitrage เนี่ยนะครับ
- law of one price ใช้กับเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน เป็นการเงินระหว่างประเทศไม่ใช่เหรอครับ อยู่ในเนื้อหาวิชา Inter Fin แล้วมันไปโยงกับการการลงทุน การประเมินมูลค่าทรัพย์สินยังงัยดีล่ะ ถ้าคุณพูดจริงน่าสนใจนะครับ แสดงให้ดูหน่อยครับ
- อ้าง no arbitrage อีกด้วย หลักๆ จะใช้กับ Inter Fin กับ Option นะครับ ไหนลองเชื่อมโยงกับ Investment ให้ดูหน่อยครับ"
จริงๆ แล้วพูดไปมันก็แตกประเด็นไปเรื่อย เหมือนมันจะนอกประเด็นเรื่อง รถยนต์ควรจัดเป็นค่าใช้จ่าย ไปไกลแล้ว ผมถึงได้บอกไงครับว่าคุณเอาคนอื่นมาตอบมันก็กลายเป็นว่าผมคุยกับเพื่อนคุณ แล้วก็ไปประเด็นอื่นเลย ตอบสั้นๆ แล้วกัน ถ้าไม่เข้าใจไป search google เอาเองนะครับ เดี๋ยวจะยาว law of one price ชื่อมันก็บอกอยู่แล้ว คุณจะประเมินสินทรัพย์อะไร มันก็ต้อง follow 2 ทฤษฎีนี้เป็นตัวเริ่มแรก คุณรู้จัก stochastic discount factor ไหม มันคือการประเมินสินทรัพย์ทุกชนิดแบบง่ายๆ ก่อนที่จะคิดสูตรอะไรออกมาโดยเจาะลึกลงไปในรายละเอียดแต่ละสินทรัพย์ คุณเอาตัวแปรสินทรัพย์*stochastic discount factor มันจะได้ มูลค่าสินทรัพย์ทุกชนิด เห็นชอบพูดถึง option ยกตัวอย่าง option แล้วกัน มูลค่า option แรกเริ่มก็มาจาก geometric brownian motion equation ขี้เกียจพูด เอาเป็นว่าบอกเพื่อนคุณมาคุยอีกประเด็นกับผมดีกว่า(มันมีวิธีอธิบายอยู่แต่คุณต้องเข้าใจสิ่งที่ผมพูดด้วยและต้องใช้เนื้อที่ยาวประมาณนึงเลยทีเดียว) นอกประเด็นเสียเวลา ผมไม่รู้ว่าผมคุยกับใครบ้างแล้ว
"ไม่เข้าใจคำว่ารันโมเดลอีกแล้วใช่ป่าว มันคือการสร้างโมเดลขึ้นมาเองแบบเคสบายเคส มันไม่ใช่เครื่องมือแบบที่ใส่ๆ อะไรเข้าไป แล้วผลลัพธออกมานะครับ คิดง่ายไปป่าว 555+ มันก็ต้องมีการจัดหมวดหมู่ทางความคิดเอง แต่ละเคสก็ต้องสร้างโมเดลเฉพาะตัวขึ้นมา แล้วจะไม่เข้าใจสิ่งที่ตัวเองสร้างได้ยังงัยละครับ แต่คนนอกอย่างคุณที่มาดู แล้วไม่เข้าใจอันนี้ก็อาจจะเป็นได้ มันอยู่ที่พื้นฐานความสามารถของคุณเอง เอ้ออ ตอนผมทำโมเดลให้ธุรกิจดีลเลอร์โชว์รูมนะ รถยนต์นี่เป็นค่าใช้จ่ายเต็มๆ เลยล่ะ ถ้าคุณมีความเข้าใจจริงๆ ตุณจะไม่ฟันธงว่ารถยนต์ไม่มีทางเป็นค่าใช้จ่ายแน่นอน"
ผมพูดถึง logic ที่อยู่ใน model คุณก็จะไปแต่เรื่องการใช้ model พูดซ้ำๆ อะคุณน่ะ
"อันนี้ผมตอบคำถามคุณไปเรื่อยๆ ที่คุณถามออกนอกประเด็นเองงัยครับ มันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับประเด็นคำถามของเจ้าของกระทู้เลย คุณถามนอกประเด็นเอง ผมก็ยังอุตส่าห์ตอบให้ แล้วคุณก็เอาไปโยงกันเองมั่วไปหมด เอาคำตอบที่ 3 ไปเป็นคำตอบของคำถามที่ 2 บ้างล่ะ เอาเหตุผลเฉพาะของปัญหาที่ 4 ไปตีความเองว่าใช้ได้กับคำถามที่ 1 บ้างล้ะ พอคุณจับโยงมั่ว ผมยังอธิบายซ้ำให้ด้วยนะ ผมตอบไปหลายรอบ จนเริ่มจะเบื่อแล้วล่ะ ความคิดผมมันไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาเลย ลองไปอ่านทบทวนทั้งหมดตามลำดับเหตุการณ์ดูนะ "
คำถามผมไม่ได้นอกประเด็นเล้ย มันโยงกลับมาอธิบายคำถามแรก คุณไม่เข้าใจ นั่นไงละ ถึงได้พูดได้เต็มปาก ว่าไม่เกี่ยว คุณไม่เข้าใจเองจริงๆ นั่นแหละ?
"ผมไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะต้องมานั่งหาคำจำกัดความเกี่ยวกับคำทางบัญชี มาอธิบายแจกแจงโดยละเอียดให้กับคนที่ไล่ผมไปหาความรู้เรื่องทางบัญชีและการลงทุนเลยนะครับเนี่ย มีปัญญาแย้งได้เย้วๆๆ แต่ไม่มีปัญญาหาเอาเอง โคตรเพลีย"
คุณอย่าเอาแต่ตอบเป็นกแก้วนกขุนทองเข้าใจบ้างก็ดีนะ สิ่งที่ต้องการจะสื่อคือ ความหมายของคำต้องทับซ้อนกัน ขัดแย้งกันไม่ได้ ไอ้การจัดหมวดหมู่ความคิดคุณมันมีส่วนที่ขัดแย้งของความหมายอยู่ คุณก็ยังตอบตรงนี้ไม่ได้เลย ที่ตอบมามันมีแต่น้ำ ถ้ามีส่วนที่ความหมายขัดแย้ง รถมันก็เป็นแมวหมาได้หมด ช้าๆ นะ รถยนต์---> มีตัวตน ค่าใช้จ่าย---> มีตัวตนไม่ได้ แล้วไอ้การจ่ายเงินซื้อสินทรัพย์ใหม่ตอนแรก จะเอามาอ้างอีกทำไม? ผมก็เคลียร์ไปแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าของแทบทุกอย่างมันก็ต้องใช้เงินซื้อเป็นส่วนใหญ่อยู่แล้ว งั้นมันก็ไปที่คำถามเดิมๆ ของทุกอย่างถ้าใช้เงินซื้อมันคือค่าใช้จ่ายหมดงั้นเหรอ? เพราะคุณก็ต้องจ่ายเงินซื้อทั้งนั้น เข้าใจไหมว่ามันอ้างไม่ขึ้น?
"ส่วนเพื่อนของผม เค้าก็ชอบอ่านความเห็นของคุณ ความเห็นของคุณ คุณก็เคยบอกเองว่าที่นี่เป็นพื้นที่สาธารณะ คุณมีสิทธิแสดงความเห็นอะไรก็ได้ ก็ในเมื่อคุณแสดงความเห็นในที่สาธารณะได้ ใครๆ ก็ต้องอ่านความเห็นบนที่สาธารณะได้สิครับ มัน Conflict of interest ตรงไหนเหรอ ถ้าคุณคิดว่ามันคือ conflict of interest อธิบายออกมา เชื่อมโยงกันให้ดูหน่อยครับ ขอคำอธิบายชัดๆ เลยนะครับ ว่า Conflict of interest ยังงัย "
ผมไม่ได้พูดถึง Conflict of interest ทางการเงินเลย แค่นี้คุณยังไม่เข้าใจ ผมถามว่าอะไรที่พวกคุณทำอยู่ มันมีความขัดแย้งทางผลประโยชน์ไหม ในเมื่อคุณเอาเพื่อนมาตอบ ไม่ตอบเอง แถมคุณก็พูดเองว่า "เขามีความคิดเหมือนคุณไหม --->ก็มีเหมือนบ้าง ไม่เหมือนบ้างงัยครับ" คนเรามันคิดไม่เหมือนกันทุกเรื่องหรอก ดังนั้น เพื่อนคุณพูดแทนคุณไม่ได้อยู่แล้ว เอามาตอบทำไม? มันเหมือนผมคุยกับอีกคน ไม่เห็นเหรอ? แล้วประเด็นแรกเริ่มมายังไงต่อ? จะรู้เรื่องไหมคุยกับอีกคนเนี่ย? แถมพูดแทนคุณไม่ได้อีก? ความคิดก็ไม่เหมือนกันทุกเรื่อง? แค่นี้มันก็ชัดแล้วนะว่า bias เวลาตอบคำถามการที่คุณเลือกกลุ่มตัวอย่างก็คือคือเพื่อนมาตอบ มันขัดแย้งทางผลประโยชน์ไหม คุณไม่ได้เอาคนกลางมาตอบนะ ผมถึงได้บอกไงว่าสิ่งที่พวกคุณทำอยู่มันกระทบจรรยาบรรณของนักการเงิน หรือคุณจะบอกว่าจรรยาบรรณใช้เฉพาะเวลางานเท่านั้น ถ้าไม่ใช่เรื่องงานก็คงทำอะไรแบบนี้บ่อยสินะครับ เพราะมันคือเพื่อนคุณไงครับ ความเห็นมันถึงขัดแย้งทางผลประโยชน์
1. ตกลงที่ประกาศกร้าวว่า ค่าใช้จ่ายมีตัวตนไม่ได้!!! นี่ยังยืนยันคำเดิมอยู่ป่าวครับ 555+ บริษัทฯ เปลี่ยนยางไป 4 เส้น บริษัทคุณลงบัญชียาง 4 เส้น เป็นสินทรัพย์หรือเป็นค่าใช้จ่ายครับ แล้วยางรถยนต์มีตัวตนป่าวครับ
สรุปคือ ก่อนหน้าที่ตอบว่า ค่าใช้จ่ายมีตัวตนไม่ได้ ใครตอบฟะ? แล้วตอนนี้สรุปมีตัวตนซะงั้น ย้อนแย้งไปมา เอาไงสักอย่างสิคุณ ผมบอกไปแล้วนะว่าคุณมองแต่บัญชีบริษัท ให้ปรับมามองบัญชีของตัวเอง แต่เอาเถอะ กรณีนี้คุณได้สินทรัพย์มา แต่พอมันเป็นยาง บัญชีเขาก็รวมไปกับตัวรถยนต์ ถ้าหากบัญชีเขาแยกชิ้นส่วนรถยนต์ออกมาละเอียดเลยนะ ล้อ ยาง แบต ฟิล์ม แบบนี้ยังไงก็ต้องลงเป็นสินทรัพย์ ไม่ใช่ค่าใช้จ่าย สรุปคุณยกตัวอย่างนี้เพื่อที่จะบอกว่าค่าใช้จ่ายมีตัวตนได้ใช่ไหม? อย่ายกอะไรที่มันละไว้ เช่นพวกชิ้นส่วนที่เขาไม่ได้แจงละเอียด มันคือการเหมารวม ถ้าแจงให้ละเอียดยังไงก็ต้องลงเป็นสินทรัพย์
2.1 ตกลงว่า คุณรู้จักคำว่า "เปลี่ยนมุมมอง" หรือเปล่าครับว่าการเปลี่ยนมุมมองมันคืออะไร 2.2 ตอนเด็กๆ เคยเล่นต่อบลอคไม้ป่าวครับ
ผมตอบไปแล้วไง ว่า ภาษาคน จะเปลี่ยนมุมมอง ความหมายต้องซ้อนทับกัน ถ้าขัดแย้ง รถก็เป็นหมาแมวได้หมด มันก็เหมือนคนบ้า แล้วก็บอกไปแล้วว่าความหมายที่ขัดแย้งคืออะไร เหมือนคุณจะไม่เข้าใจมากกว่าถึงได้ถามซ้ำๆ
3. คุณยังยืนยันอยู่หรือเปล่าครับว่า ไม่ว่าอย่างไรรถยนต์เป็นค่าใช้จ่ายไม่ได้
มูลค่ารถยนต์ทั้งคัน เป็นได้ทั้งรายได้ และ ค่าใช้จ่าย ผมก็แสดงให้เห็นแล้ว --> โชว์รูมรถยนต์ ซื้อรถมาจากโรงงานแล้วขายไป มูลค่ารถทั้งคันที่ขายได้ ก็เป็นรายได้ ส่วนมูลค่ารถทั้งคันที่ซื้อมา ก็เป็นค่าใช้จ่าย
ตกลงยังยืนยันอยู่หรือเปล่าครับว่า ไม่ว่าอย่างไรรถยนต์เป็นค่าใช้จ่ายไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นที่โชว์รูมรถยนต์ลงมูลค่ารถยนต์ทั้งคันเป็นรายได้และค่าใช้จ่ายมันผิดตรงไหน และ ต้องแก้ยังงัยให้ถูกครับ
คุณก็ยังไปได้เรื่อยๆ เนอะ สิ่งที่ยกมาคุณเอาธุรกิจขายรถมาไง ผมก็บอกไปแล้วว่าคำมถามที่คุณจัดความคิดคุณ มันพูดถึงตัวคุณเองไม่ใช่เหรอ ก็บอกให้ปรับมาเป็นบัญชีตัวเองไง จะบอกให้นะ การเอาธุรกิจที่ขายรถมาอ้างเพื่อจะตอบ logic ความหมายคำของผม มันอ้างได้เหรอ ในเมื่อเคสนี้รถเป็นสินค้าของธุรกิจเขา มันมีส่วนที่ซ้อนทับกันอยู่เพราะรถเป็นสินค้าของเขา แต่ก็เป็นค่าใช้จ่ายไม่ได้อยู่ดี มันก็ต้องเป็นต้นทุนขาย ผมจะบอกอะไรให้นะ ที่ผมถามคุณคือความหมายทั่วๆ ไป การเอาบัญชีของธุรกิจขายรถมาเพื่อตอบ พยายามเนอะ แล้วมันจะไปตอบเรื่องอื่นๆ ยังไงต่อครับ ยึดหลักการให้ได้ก่อน ภาษาคนความหมายต้องซ้อนทับกัน ขัดแย้งกันไม่ได้ ถ้ายังคุยภาษาคนอยู่นะ
4. คุณยังไม่ตอบผมเลยนะว่า ไปเอาข้อมูลจากนักการเงินสายไหนมา แล้วเอาข้อมูลมาจากสายละกี่คน ถึงได้บอกว่าทุกคนเห็นเหมือนกันหมด แล้วตัวคุณเอง คุณจัดตัวเองเป็นนักการเงินหรือเปล่าครับ ถ้าเป็นนักการเงินนี่อยู่สายไหนครับ
สายไหนไม่รู้นะครับ มันก็ขึ้นอยู่กับว่าชำนาญด้านไหนไหม มันก็เป็นวิชาๆ ไป derivative บริหาร บัญชี เสดสาด สถิติ มันก็คละๆ กันไป ความคิดแต่ละคนมันก็แตกต่างกันไป คิดไม่เหมือนกันอยู่แล้วละ แต่นัยยะที่ผมพูดคือ logic การประเมินสิ่งต่างๆ มันควรจะมองให้เหมือนกันหากเข้าใจละก็นะ คุณนี่ก็ innocent นะ ขี้เกียจอธิบาย ขึ้นอยู่กับว่าคำจำกัดความคำว่า นักการเงิน ของคุณเป็นยังไงมากกว่า ผมขี้เกียจเดา เดี๋ยวผิดอีกคุณยิ่งมีความคิดประหลาดๆ อยู่ด้วย ไม่เป็นไปตามมนุษย์ทั่วไปเขาเป็นกัน
เรียนจบการเงิน เป็นไหม ทำงานการเงิน เป็นไหม คือคุณถามไม่ละเอียด ผมตอบไป คุณก็อ้างไปเรื่อยอีกอยู่ดี
คุณอาจจะคิดว่าคุณกับเพื่อนเล่นเกมอะไรผมไม่ได้สนใจหรอกนะ แต่มันเหมือนผมคุยกับหลายคน ผมไม่อยากจะแตกประเด็นกับอีกคน แค่นี้มันก็ยาวจนไม่รู้จะยังไงแล้ว แถมยังต้องกลับมาประเด็นเริ่มต้นให้ได้อีก "รถยนต์ไม่ควรจัดเป็นค่าใช้จ่าย" แล้วก็ที่ทำกันอยู่นะ พึงระลึกไว้ด้วยว่าพวกคุณมี conflict of interest เต็มๆ แถมความเห็นก็ยัง bias อีก ต่อให้พยายามตอบให้ดีแค่ไหน มันก็ไม่สมควรไหม ถ้าเป็นนักการเงินจริงน่าจะคิดได้นะครับ ไม่น่าถามด้วยซ้ำ เคยทำวิทยานิพนธ์หรือ research ไหม แค่นี้น่าจะมองออกนะ conflict of interest ไม่ได้ใช้เฉพาะการเงินซะหน่อย ความขัดแย้งทางผลประโยชน์มันมีทุกที่ทุกวงการนั่นแหละ ที่ทำกันอยู่นี่ก็ใช่ ถ้าแค่นี้มองไม่ออกวิทยานิพนธ์ผ่านมาได้ยังไงครับ? แต่ละคน?
ผมพูดตามตรงเลยนะ เรื่อง conflict of interest เนี่ย คุณเหมือนจะฉลาดนะ แต่ก็ไม่ คิดมาได้ยังไงว่าเป็น conflict of interest ทางการเงิน เพื่อนคุณ(มีนักการเงินด้วย)กับคุณมองไม่ออกกันจริงๆ หรือ? ว่าที่ทำกันอยู่มันมีความขัดแย้งทางผลประโยชน์น่ะ ยิ่งมีนักการเงินด้วยน่าจะเตือนๆ กันหน่อยนะ คุณมีจรรยาบรรณวิชาชีพที่ต้องรักษา ไม่ใช่มาทำซะเองแบบนี้ ผิดก็ว่าไปตามผิดครับ ยอมรับกันบ้าง ผมว่ามันค่อนข้างชัดนะว่าใครมีความขัดแย้งทางผลประโยชน์ยังไง แต่ถ้ายังคิดว่าไม่อยู่ละก็ ผมก็อยากได้ยินชัดๆ ว่าไม่มี conflict of interest ใครเป็นคนพูด รับผิดชอบคำพูดหน่อยนะครับ อย่าลืมนะ พวกคุณไม่ใช่คนกลาง เป็นเพื่อน เป็นคนรู้จักกับใคร ใครเป็นคนเลือก ไม่ได้สุ่มมานะ?
โอย...หลายอย่างอะครับ ที่มันชี้ได้ชัดเลย