แสบตาไม่แสบตา ขึ้นอยู่ปัจจัยสองอย่างครับ
อยากแรก ค่าความสว่างของแส่ง ที่นับเป็น "lumen" และ ม่านตา "ความกว้างของม่านตารับแสง" ก็อารมณ์ค่ากล้องพวก F1.8 หรือ F11
อย่างแรกอยากที่เรารู้กันว่า ถ้าเราจะถ่ายรูปหรือออกไปด้านนอกแดดจัดๆ ค่า Lumen ไปที่ 50,000 ขึ้นไปเลยนะครับ ตาเราเลยปรับม่านตารับแสงเราให้เล็กลง ตีเป็น F11
สมมุติว่า ข้างนอกตอนเทียงส่วน 50,000 ฉะนั้น ค่าไฟ DRL ก็ควรจะมีมากกว่าเพื่อจะเด่นชัดออกมาเวลาขับกลางแดดจะได้เห็นหรือสังเกตุได้ง่าย
แล้วที่ร่มล่ะ ใน office ก็ประมาณแค่ 200-500 Lux ก็ทำงานได้ล่ะ ค่าสายตาเราลงปรับไปที่ F2.8, 3.5 หรืออะไรก็ว่าไปเพื่อที่จะรับแสงได้ดีมากขึ้น ถ้าสมมุติเอาไฟ DRL ที่ 50,000 มาเปิดในสถานที่ 200 ล่ะ... ก็จะสว่างจ้ามาก แล้วม่านตาเราปรับไม่ทันรับแสงเข้าไป จึงเกิดอาการแสบตาครับ
ฉะนั้น คนมีปัญหาเรื่องแสบตาบ่อยๆ อาจจะต้องไปตรวจตา หรือ ม่านตาด้วยนะครับ
ปล. ระหว่างผมเลือกว่า มี DRL หรือไม่ สำหรับผม มีเห็นรถได้ง่ายกว่าเวลาขับรถ หรือแม้กระทั่งที่จอดรถเองก็ด้วยการมี DRL นั้นบอกว่ารถคันนั้นพร้อมเคลื่อนไหวแล้ว คนรอบข้างก็ต้องระวัง ถึงแม้ไฟแม้งจะแสบตาโครต แต่ส่วนตัวผมชั่งน้ำหนักว่า มีดีกว่า เพราะว่าในด้านความปลอดภัยสำคัญกว่าแสบตาผม