สำรวจกำลังผลิตค่ายรถยนต์ปัญหายังไม่หมด ระบบซัพพลายเชนยังไม่เต็ม 100% ลูกค้าต้องทำใจรอรถหลายเดือน "โตโยต้า" แชมป์นานสุด ฟอร์จูนเนอร์ 5 เดือนเต็ม ผู้บริหารแจงตลาดโตมีลุ้นปรับเป้าขายใหม่ เหตุดีมานด์ทะลักกว่า 1 แสนคัน ด้าน "ฮอนด้า" เดินเครื่องเต็มสูบแจ้งลูกค้ารอรถแค่ 2-3 เดือน "นิสสัน" ชี้กำลังผลิตจะเริ่มคล่องตัวหลังปันนาวาร่าให้ "มิตซูบิชิ" ผลิต 6 หมื่นคัน
"ประชาชาติธุรกิจ" สำรวจกำลังผลิตค่ายรถยนต์หลังสถานการณ์ทุกฝ่ายกลับสู่ภาวะปกติ แต่ปรากฏว่าระบบการผลิตของทุกค่ายยังไม่เต็ม 100% โดยเฉพาะระบบซัพพลายเชน และโลจิสติกส์ของบรรดาซัพพลายเออร์ผู้ผลิตชิ้นส่วน
นายวิเชียร เอมประเสริฐสุข รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า สถานการณ์ด้านการผลิต ของค่ายรถยนต์วันนี้เริ่มเข้าสู่ภาวะปกติหลังเหตุการณ์น้ำท่วม ขณะที่ลูกค้ายังไม่ได้ยกเลิกการจองประกอบกับบางคนถึงเวลาต้องเปลี่ยนรถ ทำให้มีแบ็กออร์เดอร์จำนวนมาก สำหรับบางค่ายที่ยังมีรถส่งมอบให้กับลูกค้าเนื่องจากมีสต๊อก แต่โตโยต้าใช้ระบบ "just in time" ดังนั้นกว่าที่จะกระตุ้นกำลังผลิตได้นั้นอาจจะต้องใช้เวลา
ฟอร์จูนเนอร์รอนาน5 เดือน
ปัจจุบัน โตโยต้า มีแบ็กออร์เดอร์เฉลี่ยทุกรุ่น 2-3 เดือน ยกเว้นโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ที่ลูกค้าต้องรอนานถึง 5 เดือน ซึ่งบริษัทได้พยายามสื่อสารไปยังลูกค้าผ่านดีลเลอร์ถึงตัวเลขและจำนวนที่แท้จริง โดยเชื่อว่าหลังจากเดือนพฤษภาคม และเมื่อผ่านพ้นช่วงวันหยุดยาวในเทศกาลสงกรานต์ ที่บริษัทจำเป็นต้องหยุดผลิตเป็นระยะเวลา 10 วัน เพื่อปรับปรุงเครื่องจักร และประสิทธิภาพการผลิต ทำให้ในเดือนถัดไปโตโยต้าจะกลับมาเดินเครื่องผลิตได้เต็มที่ และแบ็กออร์เดอร์ที่มี 2-3 เดือนนั้นก็จะลดลงไปด้วย
การส่งมอบรถจะเข้าสู่ภาวะปกติได้ราวเดือนกรกฎาคม- สิงหาคมอย่างแน่นอน และค่ายรถยนต์อื่น ๆ ก็อยู่ในภาวะไม่ต่างกัน
"เรากลับมาเดินเครื่องผลิตรถยนต์เรียกได้ว่ามากกว่า 100% หรือกว่า 120% ด้วยซ้ำ พร้อมเพิ่มกะการทำงานและโอที รวมทั้งทำงานในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์"
สำหรับตลาดรถยนต์โดยรวมจะมีการเติบโตเพิ่มขึ้น โดยโตโยต้าเชื่อว่าปีนี้จะทำยอดขายได้มากกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 450,000 คัน เพราะตลาดรวมมีขนาดใหญ่ขึ้นคาดว่าไม่น้อยกว่า 1 ล้านคัน และโตโยต้าจะมีส่วนแบ่งไม่น้อยกว่า 40% ซึ่งปัจจุบันโตโยต้ามียอดค้างส่งมอบไม่ต่ำกว่า 100,000 คัน เพราะกลุ่มรถที่เราขายส่วนใหญ่อยู่ในโครงการรถคันแรก ทั้ง ยาริส, อัลติส, วีออส รวมทั้งวีโก้"
เช่นเดียวกับนายประพัฒน์ เชยชม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ปัญหากำลังการผลิตที่มีอยู่ค่อนข้างจำกัด ส่งผลให้วันนี้ลูกค้าที่จองรถยนต์นิสสัน มาร์ช อาจจะต้องใช้เวลาในการรอรับรถเฉลี่ย 2 เดือน ซึ่งมากหรือน้อยกว่านี้ขึ้นอยู่กับโชว์รูมว่าได้รับโควตารถมากน้อยแค่ไหน
ส่วนนิสสัน อัลเมร่า ใช้เวลารอ 3-4 เดือน ขณะที่รถรุ่นอื่น ๆ เช่น เทียน่า, นาวาร่า ฯลฯ ใช้เวลาอย่างน้อย 1-2 เดือน ขึ้นอยู่กับสีและรุ่น ทั้งนี้ นิสสันได้พยายามเพิ่มกำลังการผลิต โดยเกลี่ยรถยนต์แต่ละรุ่นให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ได้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
โดยในส่วนของโรงงานได้ปรับกระบวนการผลิต หันมาเพิ่มกำลังผลิต ในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ ซึ่งทำงานตลอดทั้ง 7 วัน และยังเพิ่มกะเพิ่มโอทีด้วย
"ช่วงสงกรานต์นี้เราอาจจะผลิตได้น้อยลง เนื่องจากเป็นช่วงวันหยุดยาว โดยปรับกำลังการผลิตในช่วงนี้ให้เหลือ 60-70% เพื่อพักบำรุงรักษาเครื่องจักรต่าง ๆ บางส่วนด้วย และตอนนี้เราก็ย้ายไลน์ผลิตปิกอัพนาวาร่าไปให้โรงงานมิตซูบิชิที่แหลมฉบังผลิตแทนแล้วด้วย"
นายประพัฒน์กล่าวถึงความมั่นใจว่า ปีนี้นิสสันจะบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจ ที่ตั้งเป้ายอดขายตามปีงบประมาณ เมษายน 2555-มีนาคม 2556 โดยนิสสันจะมียอดขายในระดับ 100,000 คัน มีส่วนแบ่งทางการตลาด 10% โดยในจำนวนนี้จะเป็นอีโคคาร์มาร์ช -อัลเมร่า คิดเป็น 50% ของยอดหรือประมาณ 50,000 คัน
ฮอนด้าขอ 3 เดือนเคลียร์ยอด
ขณะที่นายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร รองประธานอาวุโส บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด และกรรมการบริหาร บริษัท เอเชี่ยนฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด เปิดเผยว่า ตั้งแต่ต้นเดือนเมษายนเป็นต้นไป ฮอนด้าจะเดินเครื่องกำลังผลิต ในโรงงานที่นิคมอุตสาหกรรมโรจนะเต็มกำลังการผลิต คือวันละ 1,000 คัน หรือ 240,000 คันในปีงบประมาณนี้ ส่วนช่วงวันหยุดสงกรานต์ ฮอนด้า จะหยุดผลิตเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ เท่านั้น
ปัจจุบัน ฮอนด้ามีแบ็กออร์เดอร์ประมาณ 60,000 คัน ยังไม่รวมยอดจองในงานมอเตอร์โชว์กว่า?7,500?คัน และยอดจองทั่วประเทศ ขณะนี้ยอดจองหลัก ๆ กว่า 70% หรือ 40,000 คัน เป็นฮอนด้า ซิตี้ และอีก 20,000 คัน เป็นรถรุ่นต่าง ๆ ของฮอนด้า
นายพิทักษ์กล่าวว่าจากกำลังผลิตเดือนละประมาณ 20,000 คัน บวกกับการทำโอที เชื่อว่าภายในระยะเวลา 3 เดือน น่าจะเคลียร์ยอดจอง 60,000 คันแรกได้ ส่วนยอดจองที่เข้ามาใหม่จะมีระยะเวลาในการรอรับรถที่สั้นลงไปโดยอัตโนมัติ หรือ พูดได้ว่าลูกค้าที่จองรถยนต์ฮอนด้าวันนี้ใช้ระยะเวลาในการรอรับรถ 2-3 เดือนน่าจะได้
นายโนบุยูกิ มูราฮาชิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทมิตซูบิชิ มอเตอร์ กล่าวว่า หลังจากบริษัทได้ประกาศเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 310,000 คัน จากปีที่แล้วผลิตที่ 240,000 คัน โดยในจำนวนนี้นับรวมกำลังการผลิตที่จะรับจ้างผลิตนิสสัน นาวาร่า อีก 60,000 คันในปีนี้ ส่วนโรงงานแห่งที่ 3 ผลิตรถอีโคคาร์ปีนี้ 100,000 คัน ดังนั้นลูกค้าที่จองรถยนต์มิตซูบิชิ ทุกรุ่น ยกเว้น อีโคคาร์ มิราจ นั้นจะใช้ระยะเวลาในการรอรับรถ 2-3 เดือน ขึ้นอยู่กับสีและรุ่น
มิราจ ทยอยส่งมอบ พ.ค.นี้
ส่วนมิราจ จะเริ่มผลิตและทยอยส่งมอบในช่วงเดือนพฤษภาคมนี้เป็นต้นไป ซึ่งมิตซูบิชิมีเป้าหมาย มิราจ 30,000 คัน ในปีนี้สำหรับตลาดในประเทศ และอีก 70,000 คัน สำหรับตลาดส่งออก
แหล่งข่าวจากมิตซูบิชิกล่าวเสริมกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า กระแสความนิยม และยอดจองรถมิตซูบิชิ มิราจ ทั่วประเทศวันนี้ ถือว่าเกินความคาดหมาย โดยมียอดจองภายในงานมอเตอร์โชว์ 4,081 คัน และมียอดจองทั่วประเทศอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งบริษัทมั่นใจว่ายอดมิราจจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ และมิตซูบิชิจะมียอดขายปีนี้อยู่ที่ 90,000-100,000 คันได้ไม่ยาก
เช่นเดียวนายโชอิชิ ยูกิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า มาสด้ายังคงมียอดจองรถยนต์สะสมอยู่อีกเป็นจำนวนมาก มาสด้ากำลังปรับยุทธวิธีรับมือกันอย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยเฉพาะรถยนต์ปิกอัพโรงงานผลิตนั้นยังไม่สามารถเดินเครื่องผลิตได้เต็ม 100% เนื่องจากปัญหาซัพพลายยังไม่สมบูรณ์ 100% ซึ่งขณะนี้มียอดค้างส่งสูงถึง 10,000 คัน ซึ่งคาดว่าจะทยอยส่งมอบได้ ราวเดือนมิถุนายน ส่วนมาสด้า 2 ส่งมอบได้ประมาณเดือนพฤษภาคม ขณะที่มาสด้า 3 และซีเอ็กซ์ 9 ส่งมอบได้ทันที
นายมาร์ติน แอพเฟล ประธานกรรมการ ประจำประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า บริษัทประสบปัญหาขาดอีซียูจากซัพพลายเออร์ในญี่ปุ่น ทำให้ลูกค้าต้องรอรถยนต์แคปติวา และครูซ ราว 2-3 เดือน จากที่คาดการณ์และเตรียมการผลิตไว้จำนวนหนึ่ง แต่ด้วยยอดจองที่เข้ามามาก จะต้องมีการปรับการผลิตให้เพิ่มขึ้นจนเกือบเบียดกำลังการผลิตโคโลราโด
"เราจะกำหนดให้ซัพพลายเออร์ผลิตชิ้นส่วนไว้เผื่อประมาณ 20% เพราะรถยนต์ใช้ชิ้นส่วนหลายพันชิ้นก็พยายามแก้ปัญหาให้ซัพพลายเออร์เพิ่มกำลังผลิตป้อนโรงงานมากขึ้น มีการส่งสเปเชียล เอ็นจิเนียร์ ไปช่วยหาวิธีเพิ่มกำลังการผลิตส่วนโรงงาน เราเองก็เพิ่มกำลังการผลิตเครื่องยนต์เป็น 3 กะในเดือนพฤษภาคมนี้ ทำให้มีกำลังผลิตเพิ่มราว 30-40% ด้านการส่งมอบนั้นก็มีปัญหาอยู่บ้าง เราต้องปรับปรุงระบบโลจิสติกส์ โดยนำเข้าจากอินโดนีเซียเข้ามาเพื่อช่วยแก้ปัญหา"
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1334804110&grpid=00&catid=&subcatid=