1.เปลี่ยนที่ศูนย์ครับ เปลี่ยนถ้าสกปรกมากๆ(เน้นว่า สกปรกมากจริงๆ และ มีกลิ่น) เพราะ ยังอยู่ในวารันตี3ปีครับ
ถ้าไม่สกปรกมากๆ ไม่ต้องเปลี่ยนครับ เพราะ กรองแอร์ตัวในรถ ตามคู่มือ เปลี่ยนที่ 20,000 กม. หรือ Service B ครับ
2.ถ้าเป็นไปได้ ควรรอให้หมดวารันตี3ปีครับ เพราะ หากติดแล้วมีปัญหาขึ้นมา ศูนย์ปฏิเสธวารันตี3ได้ง่ายๆครับ
ร้านแนะนำไม่ทราบครับ เทคนิคส่วนตัวเพิ่มเติมสำหรับการถอยจอด นอกจากตัวตรวจจับวัตถุที่คอยเตือน กระจกหลัง กระจกข้างแล้ว
ถ้าไม่มั่นใจใส่เบรคเปิดกระจกออกดูเองครับ ไม่ต้องรีบร้อนครับ
3.ถ้าซื้อเพิ่มแล้วได้ใช้ก็ดีครับ ไม่ใช่พอมีปัญหาเข้าไป แล้วบอกเป็นปกติ
หรือ ถ้าเสีย ก็เปลี่ยนอะไหล่ชิ้นใหม่ให้ ไม่ใช่เอาไปซ่อมก็ดีครับ
ใน1ปี ใช้รถประมาณ 6,000 กม. ใช้รถน้อยครับ
ถ้าไม่เป็นรถ defect 1-2% จากจำนวนรถที่ขายออกไปทั้งหมด
(ถ้าเป็นกันหลายคันเกินกว่านี้ ไม่เรียกdefect แต่รถคุณมีปัญหาที่การผลิตทั้งระบบ)
ถ้าศูนย์ไม่ตุกติกเรื่องการดูแลพวกของเหลวหรือชิ้นส่วนหรืออะไหล่ต่างๆ
ถ้าผมใช้รถประมาณนี้ โดยส่วนตัวคิดว่า ถ้าซื้อไปอาจจะไม่ได้ใช้วารันตีที่ซื้อเพิ่ม
เพราะ 5ปี จะใช้รถไปประมาณ 30,000 กม. ซึ่งถ้ารถมีปัญหาที่ระยะทางขนาดนี้
หรือ สามารถทราบได้ว่ามีหลายคันที่เจอปัญหาทำนองเดียวกัน ไม่ใช่เราที่จะต้องรับผิดชอบครับ
บริษัทรถยนต์ยี่ห้อนี้(หรือยี่ห้อนั้นๆ)จะต้องรับผิดชอบครับ
4.พอขึ้นรถ เตรียมกล้องเตรียมมือถือไว้ให้พร้อม พอเกิดเสียงอีก ถ้าสามารถ สะดวก และปลอดภัย ถ่ายคลิปเก็บไว้ครับ
แล้วถ้าขณะเกิดเสียงมีศูนย์อยู่ใกล้ๆ ขับเข้าไปเลยครับ ให้เขาดดูทั้งจากคลิปและตัวรถ แล้วให้ศูนย์เปิดเรื่องพิมพ์เอกสารออกมาเก็บไว้ครับ
ว่ารถมีปัญหา ถ้าไม่ถึงขั้นร้ายแรง แต่รถมีปัญหา ถ้าสะดวกเมื่อไรค่อยเข้าไปทำที่ศูนย์นั้นหรือศูนย์ที่สะดวกอื่นๆครับ
Service A 10,000 กม. สำหรับเครื่องเบนซิน เปลี่ยนแค่น้ำมันเครื่องครับ
ตรวจสอบของเหลวต่างๆในระบให้เต็ม
ตรวจสอบจุดต่างๆให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อมใช้งาน
น้ำมันเครื่องเบนซินของ MB ประมาณ 4,000 บาท + -
กรองน้ำเครื่องเบนซินของ MB ประมาณ 830 บาท
Service A Package ประมาณ 1,274 บาท
(อาจมี กรองแอร์ตัวนอกรถ กรณี สกปรกมากจริงๆ จนไม่สามารถทำความสะอาดได้ ประมาณ 1,150 บาท)
ค่าใช้จ่ายทั้งหมด+(ส่วนลด)+VAT โดยประมาณ7,000บาท+-
หากเป็นได้มีลังพลาสติกใส่ไว้ท้ายรถ และบอกเจ้าหน้าที่ที่บริการว่า
กรองต่างๆที่เปลี่ยน ขวดน้ำมันเครื่องของMB ใส่ไว้ในลังพลาสติกท้ายรถ
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงคำแนะนำส่วนตัวจากข้อมูลและสถิติรวมถึงเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นที่พอจะรวบรวมได้ครับ
สุดท้ายต้องตัดสินใจด้วยตัวเองครับ
ปล.W205