ผู้เขียน หัวข้อ: จากกระแสเครื่องดีเซลที่มาแรงขึ้นเรื่อยๆ ทำไม F1 ถึงไม่ใช้เครื่องดีเซลครับ  (อ่าน 15726 ครั้ง)

ออฟไลน์ madboy

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,357
    • อีเมล์
ถ้า F1 ใช้ดีเซล คงกร่อย เพราะบางเจ้าน่าจะเลิกวิ่ง  ;D

ขนาดจะให้เหลือ 4 สูบ ผมว่ายังยากเลยมั้ง  :D

ออฟไลน์ kowit1

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 525
น้ำหนักเครื่องด้วยมัยครับ ไม่ใช่เบาๆมั้ง เครื่องดีเซล

MacH1

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ blade

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 229

ไม่รู้จะอธิบายยังไง ถ้าเป็นดีเซลมันก็คงไม่ใช่

MacH1

  • บุคคลทั่วไป
เอาเข้าจริงๆแล้ว ไม่มีใครอยากได้ รถเสียงดังเหมือนโรงสี โดยเฉพาะ performance car

ถ้ามีตัวเลือกเบนซินแรงๆ เยอะๆ ผมว่าคนเลือกเบนซินกันทั้งหมด 

ออฟไลน์ final

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 582
    • อีเมล์
ผมว่าจขกท.ต้องไปศึกษาใหม่หลายเรื่องเลยนะครับ เริ่มจากไปดูผลการทดสอบserie3ก็ได้ จะเห็นว่าที่ความจุเท่ากันมีเทอร์โบเหมือนกัน เบนซินอัตราเร่งดีกว่าดีเซลทั้ง0-100และ60-120 ที่เข้าใจว่าดีเซลแรงกว่าอันนั้นคงเทียบกับเบนซินไม่มีเทอร์โบ
แล้วก็แน่ใจนะครับว่าการแข่งขันf1อัตราเร่งดีกว่าสำคัญกว่าความเร็วปลาย  ต่อให้จริงเราก็พูดถึงอัตราเร่งที่รอบเครื่องหมื่นกว่ารอบและความเร็ว300kmphนะครับ ไม่ใช่เร่งจาก0-100เหมือนรถทั่วไป
สรุป ดีเซลไม่ได้เร็วแรงกว่าเบนซินนะครับ แค่แรงบิดมากกว่า และประหยัดน้ำมันกว่า จึงเหมาะกับรถบ้านที่เน้นประหยัดน้ำมัน และต้องการแรงดึงจากหยุดนิ่ง ในขณะที่f1ใช้รอบสูงมากและเน้นความเร็วปลาย+อัตราเร่งที่รอบสูงๆ เครื่องเบนซินจึงเหมาะกว่า

อยากกดบวกความเห็นนี้ ถูกใจมากๆ

ว่าจะไม่ตอบกระทู้นี้ละ

เพราะบางความเห็นออกแนว Bias ให้กับดีเซล

ข้อดีของดีเซล เพียงอย่างเดียว ที่ผมให้เหนือกว่า คือ  Fuel Consumption

ดีเซลมันวิ่งได้ระยะทางต่อลิตรเยอะกว่า (แต่ในความเป็นจริง ราคาดีเซลในต่างประเทศ หลายๆ ประเทศสูงกว่าเบนซิน)

เรื่องความทนทานอย่าเอาไปเทียบกับกระบะเลย จุดประสงค์การดีไซน์เครื่องยนต์ มันต่างกัน รายละเอียดมันซับซ้อน

กว่ากันมาก อย่างเช่น Centrifugal Pendulum เอาไว้ลดการสั่นสะเทือนในเครื่องดีเซลของ BMW เป็นต้น


ส่วนที่รู้สึกว่าแรง เป็นเพราะทอร์คมันเยอะกว่า มันเลยรู้สึกดึงมากกว่า

เอาจาก BMW Series 3 F30 ตัวปัจจุบัน

ลองไปดูอัตราเร่ง 0-100 หรือ 80-120 km/hr ดู

เครื่องเบนซิน N20   0-100 km/hr ใช้เวลา     7.3 วินาที  (ตัวเลขจากโบรชัวร์ BMW Thailand รถผมเอง ผมไม่เคยลอง ยังไม่พ้นรันอิน)   คุณจิมมี่เทสได้ 8.58 วินาที
เครื่องดีเซล   N47  0-100 km/hr ใช้เวลา     7.4 วินาที  (ตัวเลขจากโบรชัวร์ BMW Thailand)   คุณจิมมี่เทสได้ 9.22 วินาที

นี่ยังไม่นับว่าตัวเครื่อง 320i กับ 328i ได้เครื่องตัวเดียวกัน (คาดว่ามีการเปลี่ยนเพียง MAP เพราะในต่างประเทศมีคนเทสแล้ว)
ส่วน 320d กับ 325d มีการเพิ่มฮาร์ดแวร์ Turbo ขึ้นมาอีก 1 ลูก ใน 325d

เห็นชอบอวยกันน่ะครับว่าดีเซลดีอย่างนู้นอย่างนี้ ถ้าให้เลือกต้องเลือกดีเซลแน่นอน เทคโนโลยีสูงล้ำ เบนซินมันตกยุคแล้ว

ที่ผมพิมพ์มาไม่ใช่จากความคิดของผมอ่ะครับ แต่มาจากกระแสที่มาแรงเหลือเกิน เลยอยากจะรู้ว่าทำไมคนถึงอวยกันนักหนา และรถยุโรปมักนิยมดีเซลซะด้วยสิ

สำหรับผมผมรู้อยู่แล้วว่าเบนซินมันแรงกว่าแน่ๆ ไม่งั้นรถแข่งคงเปลี่ยนไปใช้ดีเซลหมดแล้ว ผมว่าอัตราเร่งสำคัญไม่แพ้ความเร็วปลายนะ เพราะสนามแข่งไม่ได้มีแต่ทางตรง เดี๋ยวโค้งเดี๋ยวตรงถ้าความเร็วปลายเยอะแต่อัตราเร่งไม่ดีก็คงเสร็จ

ออฟไลน์ lacked

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 328
ขอถามต่ออีกนิดนะครับแล้วอย่างมาสด้า 2 ดีเซล มันน่าใช้อย่างที่คิดมั๊ยครับ
ถ้าอ่านจากหลายความเห็น 0-100 ก็น่าจะไม่โดดเด่น
หรือเหมาะกับรถเร่งบ่อยๆแต่ใช้ความเร็วส่วนใหญ่ราวๆ 0-60  0-80 ในเมือง
จะว่าใช้ทอร์กเยอะๆ มันก็ขับสอง ตัวเล็กๆ ไม่น่าจะได้แบกอะไรมาก

ถ้าเทียบกับ vios เครื่อง 1500 เท่ากันการขับขี่แบบไหนจะดีกว่ากัน(อัตราเร่ง ความประหยัด)

ออฟไลน์ madboy

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,357
    • อีเมล์
น่าจะเกี่ยวกับการตลาดซะมากกว่าครับ ถ้าการแข่งขันกลุ่มคนไม่ค่อยสนใจ ก็คงไม่มีใครจัด  ;D

พวก LMP ทั้งหลาย ข้อกำหนดเครื่องแต่ละแบบก็ค่อนข้างจะไม่เสมอกันเท่าไหร่ อยู่ที่จะเน้นให้กลุ่มไหนเป็นที่สนใจของคนดู และคนทำ

ส่วนมุมมองของแต่ละท่านอันนี้ก็ว่ากันไป  :D

ออฟไลน์ H.

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,896
    • อีเมล์
F1 มันอารมณ์เดียวกับ บิ้กไบค์ครับ คือเน้นม้า ไม่เน้นบิด เพราะตัวรถเบาและแอโรไดนามิคช่วยเยอะมาก ดังนั้นไม่จำเป้นต้องใช้ดีเซล

แต่ดีเซลจะไปโดดเด่นในงานแข่งเลอมัง 24 แทน ที่ตัวบอดี้จะใหญ่กว่าและการขับขี่จะไม่เน้นเรียกรอบวิ่งแต่ใช้แรงม้ากับแรงบิดแบบสมดุล
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 27, 2015, 14:18:09 โดย H. »
H.

ออฟไลน์ kreaninw

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 254
    • อีเมล์
สรุปเลยนะครับ ถ้าวัดกันที่สมรรถนะ เบนซิน+โบ เหนือกว่า ดีเซล+โบ ที่ความจุเครื่องยนต์เท่ากัน ทุกประการครับ ถ้าดีเซลอยากแรงเท่าเบนซิน ต้องใช้ความจุเครื่องยนต์ที่มากกว่า ซึ่งยิ่งความจุเครื่องยนต์มาก น้ำหนักเครื่องก็จะมากตามไปด้วย ซึ่งก็ทำให้ดีเซลยิ่งเสียเปรียบเบนซินเข้าไปอีก เอาง่ายๆว่า อย่างที่หลายๆท่านยกตัวอย่างมา BMW เบนซินกินดีเซลทั้งต้นทั้งปลายในบอดี้เดียวกันครับ  ;D

ไม่มีอะไรซับซ้อนเลยครับ อิอิ เพียงแต่ว่ากระแสดีเซล(กระบะ)ในบ้านเรา มันไปไกลจนถึงไหนต่อไหนแล้วเท่านั้นเองครับ...