จริงๆเทคโนโลยีมันก็เร็วอยู่แล้ว แถมราคาก็ไม่ได้เอื้อมถึงยากแล้ว
เพียงแค่ว่าเรามันอยู่ในประเทศที่มีอุตสาหกรรมการประกอบรถยนตฺเครื่องสันดาปเป็นกระดูกสันหลังของระบบเศรษฐกิจไทย
แถมยังพึ่งพารายได้จากการจัดเก็บภาษ๊สรรพสามิตจากน้ำมันเชื้อเพลิงถึง20% ของรายได้ประเทศ
ถ้ามีเทสล่าขาย ในราคา 1.3-1.5 ล้าน เหมือนเมืองนอก ยังไงคนไทยก็ซื้อได้
ส่วนรถในระดับราคา 7-8แสน อย่าง mg zs ev(ราคาในจีน) ก็ซื้อกันได้
ส่วนเรื่องการชาร์จ เทสล่าสามารถใช้เวลาชาร์จ15-20 นาที แล้วขับไปด้วยความเร็ว120 ไปได้200กิโลเมตรได้เลย
ส่วนรถระดับล่าง อย่าง zs ev ก็ใช้เวลา30นาที แล้วขับได้ในระยะทาง200กิโลเช่นกัน
ลองนึกถึงเวลาขับทางไกล 200กิโลเมตรพักทีนึง อย่างน้อยก็ 15-20นาทีอยู่แล้ว กว่าจะเข้าห้องน้ำ ไปสั่งกาแฟ แวะร้านสะดวกซื้อ
หรือหากพักทานข้าว ก็ใช้เวลาไม่น้อยกว่า 30 นาทีอยู่แล้ว
เรื่องไฟไม่พอใช้ ไม่มีโรงไฟฟ้า จริงๆเรื่องนี้เคยมีการพูดถึงแล้ว ตอนนี้คร่าวๆมีความต้องการกระแสไฟฟ้าอยู่วันละ 30,000 เมกะวัต์ (30,000,000kw กิโลวัตต์) กำลังการผลิตปัจจุบัน มีราว 42,000-43,000 เมกะวัตต์ มีกำลังไฟฟ้าสำรองมากถึง 10,000 เมกะวัตต์ (สิบล้าน กิโลวัตต์ 10,000,000 kw)
รถ 1 คัน เอา zs ev ละกัน ง่ายๆ ใช้ไฟ 40kw(แต่ถามจริงๆ เอาแค่การเดินทางประจำวัน ไม่ถึง20kwหรอกครับ) ตอนนี้มี 3พันคัน(ตีให้มากสุดเลย จริงๆเพิ่งผ่าน 2 พันคันไป) จะใช้ไฟรวม40*3000= 120,000kw (กำลังไฟสำรองมีมากกว่า 10ล้านkw)
ระบบมันยังรองรับได้อีกมากมาย
จริงๆมีการตั้งคำถามในเวบต้องห้ามไว้แล้ว แต่ไม่เอามาลงในนี้เพราะต้องห้าม เขาคำนวณการใช้ไฟของรถ 1 ล้านคัน ต่อวัน ใช้ไฟเพิ่มแค่ไม่ถึง 5,000 เมกกะวัตต์ (กำลังสำรองมี 10,000 เมกกะวัตต์)
นี่ยังไม่รวมแผนพัฒนาไฟฟ้าประจำปี ที่จะต้องเพิ่มขึ้นตามความต้องการในแต่ละปีอยู่แล้ว การไฟฟ้าเขาทำไว้แล้ว (แต่จะใช้ไฟฟ้าจากตรงไหน มันอีกเรื่องนึงนะ ไม่เกี่ยวกัน ขอยังไม่พูดถุง)
จากตอนนี้ มีไม่ถึ 3 พันคัน จนกว่าจะมีถึง 1 ล้าน (3,000 ------- 1,000,000) ใช้เวลากี่ปี กว่าจะถึง
ตอนนั้นก็คงมีกำลังไฟฟ้ารองรับเพียงพออยู่แล้วล่ะครับ